บทที่ 241 - แกน่ะตายไปแล้ว (4) [04-12-2019]
บทที่ 241 - แกน่ะตายไปแล้ว (4)”
เมื่อเวลาได้ผ่านไปค่ายกองทัพปีศาจวิบัติที่ถูกระดับสูงและเทลาก้าทอดทิ้งก็ได้พ่ายแพ้ต่อยูอิลฮานกับกองทัพของเขา ยูอิลฮานได้ทิ้งโอกาสที่จะได้รับค่าประสบการณ์ไปให้พรรคพวกของเขาโดยที่เขาไม่ได้ฆ่าเพิ่มแม้แต่ตัวเดียวเลยหลังจากที่เลเวลเขามาถึง 294 ผลที่ได้ออกมาก็คือเมื่อจำนวนของกองทัพปีศาจวิบัติลดลงไปครึ่งหนึ่ง ทุกๆกลุ่มในกองทัพก็ได้ฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงไปอย่างน้อยหนึ่งตัว
การฆ่านี้ไม่เพียงแต่จะทำให้กองทัพของยูอิลฮานเพิ่มเลเวลขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของความมั่นใจที่จะสู้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอีกด้วย
"พวกเราแกร่งขึ้นแล้ว!"
"กัปตันทำให้เราแกร่งขึ้น!"
[กรรรรรรรรรรร!]
[เราจะติดตามท่านลอร์ดคนเดียวเท่านั้น ท่านจะนำทางให้เราแกร่งขึ้น!]
ไม่มีใครในสนามรบในตอนนี้ที่จะไม่บ้าแล้ว กองทัพมังกร หมาป่า และเอลฟ์ก็ด้วย! โดยเฉพาะตัวพีท หลังจากที่เขาใช้อันเดตที่เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้ เขาก็ได้รับการคุ้มกันเป็นอย่างดีจากพรรคพวกและฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงไปอีกคนทำให้ได้รับอันเดตเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง
[อ๊ากกก! การที่ต้องมาตกอยู่ในสภาพน่าสังเวศเพราะสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำนี่มัน!!!]
[เพลิงนี่... ฉันเกลียดเพลิงที่มันรัดฉันนี่ ฉันขอสาปแกยูอิลฮาน! แกมันจะต้องตายด้วยเงื้อมมือของกองทัพปีศาจวิบัติ!]
เหตุผลเดียวเลยที่กองทัพของยูอิลฮานสู้กับกองทัพปีศาจวิบัติได้ก็เพราะสกิลร่วงหล่นของยูอิลฮาน ในตอนแรกกองทัพปีศาจวิบัติก็ได้ยอมแพ้ที่จะฆ่ายูอิลฮานและไปสู้กับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำด้วยความคิดที่ว่าหากปล่อยไว้พวกมันจะตกอยู่ในอันตราย จากนั้นมันก็ตัดสินใจจะรวมพลังกันฆ่ายูอิลฮาน แต่น่าเสียดายที่ในตอนนั้นยูอิลฮานก็เป็นคนที่แกร่งที่สุดแล้ว
"โอ้ววววววววว!"
โซ่วิญญาณรอบตัวของยูอิลฮานได้ขยับไปทุกๆที่ โซ่นับร้อยนี้ได้ถูกเหวี่ยงออกไปรอบๆด้วยความเร็วที่มากยิ่งกว่าเสียงจากผลของเทวะกำลัง โซ่พวกนี้ได้รัดผูกพัก ตัด เฉือนและดึงกระดูกของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงออกไปในขณะที่ตระหวัดไปรอบๆสนามรบ
แค่เพราะสกิลยมทูตหายไปยูอิลฮานจะอ่อนแอลงงั้นหรอ? ไม่เลย สกิลร่วงหล่นคือขั้นพัฒนาของสกิลยมทูต ในพื้นที่ของสกิลร่วงหล่น ทุกๆครั้งที่ศัตรูตายลงไปพลังของเพลิงและวิญญาณก็จะถูกเสริมขึ้นมา! และคนที่ตายนี้จะถูกใครฆ่าก็ได้อีกด้วย!
"ฮ่าาาาาห์!"
เพลิงและวิญญาณได้กระจายไปทั่วพื้นที่พร้อมทั้งปกคลุมร่างยูอิลฮานเอาไว้ ยูอิลฮานได้ขยับตัวจนวุ่นวายไปหมด เขาได้พยายามที่จะมัดศัตรูจำกัดอิสระภาพของพวกมันเอาไว้ ป้องกันการโจมตีของพวกมัน และสร้างโอกาสให้กับกองทัพของเขา
ในพื้นที่สกิลร่วงหลนที่เดิมเขาสามารถสู้กับศัตรูได้สิบคนในคราวเดียวได้ถูกเสริมพลังมากขึ้นจนตอนนี้เขาสามารถสู้ได้ถึง 20, 30 และกระทั่ง 50 คน
"มิล ตรงนั้น"
[ครับผม! กรรรรรรรรรร!]
[ลำแสง! ลำแสงนี่!]
ส่วนสิ่งที่ยูอิลฮานหยุดเอาไว้ไม่ได้ก็จะถูกเลียร่ากับยูมิลจัดการเอาไว้ และหากยังมีใครที่ยังไม่มีใครหยุดเอาไว้ได้อีกก็จะมีป้อมปราการลอยฟ้ากับป้อมปราการผู้พิทักษ์จัดการทิ้งระเบิดหยุดไว้ให้! เส้นลำแสงจากร้อยนัยน์ตาได้ถูกยิงออกมาเข้าใส่สมาชิกกองทัพปีศาจวิบัติอยู่ตลอดเวลา
[อ๊าา]
[อ๊าาา หากเป็นแบบนี้ต่อไป...]
พอผ่านไปอีกช่วงหนึ่ง บรรยากาศในสนามรบก็เปลื่ยนไปอีกครั้ง นี่มันมากเกินกว่าความโกรธและความแค้นแล้ว มันได้กลายมาเป็นความสิ้นหวัง บางทีที่นี่อาจจะเป็นนรกที่พวกมันไม่อาจจะหลบหนีออกไปก็เป็นได้
หากจะมีอะไรที่จะทำให้พวกมันหลุดพ้นไปได้ก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกเสียจากความตายของพวกมันเอง
[ด้วยพลังของเราเข้าถึงมันไม่ได้เลย]
[เราต้องบอกความจริงออกไป บางทีอาจจะรอด...]
"ไม่ พวกนายไม่รอดหรอก"
พวกมันได้พยายามที่จะพูดอะไรต่างๆออกมาเพื่อจะเอาตัวรดอแล้ว! แต่ว่าโซ่เพลิงวิญญาณของยูอิลฮานไม่ปราณีใครเลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่ยูอิลฮานกับกองทัพของเขาต้องการก็คือค่าประสบการณ์และวัตถุดิบที่จะเหลือมา
[กรรรร!]
[เลือด...]
ในจุดนี้แล้วคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดนอกไปจากยูอิลฮานกับเลียร่าแล้วก็แน่นอนว่าต้องเป็นพีท
ในตอนนี้อันเดตที่เขาควบคุมได้เพิ่มขึ้นเป็นห้าตัวแล้ว และหลังจากที่มานาสีม่วงดำของเขาได้ปกคลุมร่างของสิ่งมีชีวิตชั้นสูง สิ่งมีชีวิตชั้นสูงตัวนั้นก็จะถูกเปลื่ยนคุณสมบัติของมานาไปเป็นคำสาปมรณะ และแน่นอนว่าคำสาปที่เกิดขึ้นมาจากมานาของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงมันได้ผลกับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงด้วยกันเป็นอย่างดี
"ไปเลย ไปกินเนื้อพวกมันแล้วแกร่งขึ้นซะ"
"ไม่สิ เนื้อพวกมันต้องเอามาใช้เป็นวัตถุดิบทำอาวุธ"
"จริงด้วย ผมขอโทษ!"
[ก๊าซซซซซซซซซ!]
ภายในพื้นที่สกิลร่วงหล่นนี้ ศัตรูทั้งหมดของยูอิลฮานจะอ่อนแอลงและพวกมันก็ถูกอันเดตของพีทกดดันจากทุกๆทิศทาง ลูกศรของพีทจะเป็นตัวตัดสินเป้าหมา และจากนั้นอันเดตก็จะพุ่งตามเข้าไปโจมตี ฝันร้ายเรื่องใหม่ได้เกิดขึ้นมาบนสนามรบแล้ว
"พวกเราจะยอมแพ้พีทไม่ได้นะ! พวกเราจะให้พีทแย่งความรักจากท่านจักรพรรดิไปไม่ได้!"
"พวกนายควรจะพูดว่าภักดีมากกว่าความรักนะ!"
[แสดงพลังของเผ่าพันธ์หมาป่าเราออกไป! นายท่านได้ล็อคคอของศัตรูเราเอาไว้แล้ว หากว่าเราไม่กัดพวกมัน ถ้างั้นมันก็คงจะน่าอับอายแล้ว! พวกนายจะยอมให้พกเอลฟ์ได้หน้าไปกันอย่างเดียวงั้นหรอ?]
แม้ว่านี่จะเป็นสนามรบที่แขวนไว้ด้วยชีวิตของตน แต่ทั้งเอลฟ์กับหมาป่าก็เอาแต่พุ่งเข้าใส่ศัตรู่โดยไม่ถอยเลยสักนิด ใครกันที่จะเป็นคนที่เหมาะสมให้ยูอิลฮานดูแลเป็นพิเศษ? นี่แหละคือโอกาสดีที่จะรับตำแหน่งนั้น แม้ว่าระหว่างนี้จะเกิดความรุนแรงและโหดร้ายขึ้นมา แต่ว่ามันก็ดีมากๆสำหรับสนามรบในตอนนี้
"ว๊ากกกกกกกกกก!"
"ฉันจะไม่ตาย! ฉันจะฆ่า ฆ่าพวกมัน"
"ฮีโร่กำลังต่อสู้อยู่ต่อหน้าเรา! นี่แหละคือฮีโร่!"
ทุกๆคนต่างก็สูงอย่างสุดกำลัง ในทุกๆครั้งที่มีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงตายลง กองทัพของยูอิลฮานก็จะแกร่งขึ้นมา และก็อาจจะมีคนที่ได้รับคลาส 4 มาอีกเหมือนอย่างพีท แค่ได้สู้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แล้ว
"แต่ว่าทำไมมันถึงไม่ได้ผลกับตัวฉันกันล่ะ..."
"นั่นก็เพราะอิลฮานพิเศษไงล่ะ!"
"หลีกไปเลย"
[อ๊ากกกกก!]
แม้ว่ายูอิลฮานจะไม่ได้ฆ่าใครเลย แต่แค่การใช้สกิลร่วงหล่นปกคลุมพื้นที่เอาไว้และเหวี่ยงโซ่เพลิงวิญญาณก็ทำให้ผลงานของเขามากยิ่งกว่าใครๆแล้ว
ในเวลาเดียวกันนี้เขาก็ได้เห็นว่ามานาของเขากำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง...
[คุณได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 295]
เลเวลของเขาได้เพิ่มขึ้นอีกครั้งจากค่าประสบการณ์ที่เขาได้รับมาจากการปกป้องทุกคนและยับยั้งการโจมตีของศัตรู เหลืออีกแค่ห้าเลเวลเขาก็จะไปถึงเลเวล 300 แล้ว นั่นมันก็หมายถึงขอบเขตพลังของสิ่งมีชีวิตชั้นสูง
แน่นอนว่านับจากนี้ไปมันจากยากยิ่งๆขึ้นไป แต่ว่าเขาก็รู้สึกแปลกใจมากกับขอบเขตพลังสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่เขาเคยรู้สึกว่ามันอยู่ไกล แต่ในตอนนี้เขาก็แทบจะมองเห็ฯมันแล้ว
"..เยี่ยม ไว้ฉันจะคิดเรื่องนี้หลังจากกวาดล้างที่เสร็จ"
เขาได้เก็บค้อนกลับลงไปและหยิบเอาหอกมังกรแปดหางขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ผสานหอกเข้ากับโอโรจิทำให้ความยาวของคมหอกมากยิ่งขึ้น จากนั้นก็ใช้โซ่เพลิงวิญญาณมาพันอีกทีหนึ่งทำให้เกิดเป็นเพลิงที่ร้อนแรงยิ่งกว่าเดิม หอกขนาดยักษ์กว่าสามสิบเมตรได้เปล่งแสงสีแดงชาดจากพลังของเทพธิดาแห่งเพลิงออกมาแล้ว
"โอโรจิช่วยที"
[ในที่สุดเราก็ได้อารวาดกันในตอนท้าย]
ยูอิลฮานได้จัดการหั่นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่ตอนนี้มีจำนวนเหลือน้อยกว่ายี่สิบแล้ว
[อั๊ก!]
[มะ มัน...!]
สิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่มีทั้งบาดแผลและอ่อนแอลงจากสกิลร่วงหล่นไม่อาจจะเป็นศัตรูกับยูอิลฮานได้เลย พวกมันได้แต่กลิ้งไปมาอยู่แต่บนพื้น จากนั้นพวกมันก็จะถูกเหล่าเอฟล์และหมาป่าที่เล็งโอกาสนี้มาตลอดเวลาเข้ามาจัดการซ้ำเติม
[นี่มันน่าเศร้า...!]
[ข้าอุส่าห์รอดมาจนถึงตอนนี้...!]
[ก๊าซซซซซซซ!]
เสียงคำรามของยูมิลได้ดังไปทั่วพื้นที่ หลังจากที่ร้อยนัยน์ตาได้ยิงกวาดไปในสนามรบครั้งหนึ่งแล้ว ยูมิลก็ใช้เวทย์ลมเปลื่ยนวิถีของลำแสงกลับมาโจมตีสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
[มังกรนี่เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำแน่หรอ?]
[อ๊าาาาาา]
[พวกเราจะตา... อ๊ากกก!]
แม้ว่าชัยชนะของยูอิลฮานจะถูกกำหนดเอาไว้แล้ว แต่เพราะการกระทำของทุกๆคนได้ทำให้ชัยชนะนี้ชัดเจนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีศัตรูคนไหนยืนอยู่บนสนามรบได้อีก
"มันจบแล้ว"
"ไม่มี... ศัตรูเหลือเลย"
"...ชนะ เราชนะแล้ว!"
[กรรรรรรรรรร!]
"เราชนะแล้ว! พวกเราเอาชนะสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้แล้ว!"
ระหว่างลูกน้องของยูอิลฮานกำลังดีใจกัน เขาก็ได้ให้ป้อมปราการทั้งสองลอยกลับไปบนท้องฟ้าและเก็บกวาดเอาศพของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงกลับมา
"ฟู่ววว"
"อิลฮาน ไม่บาดเจ็บตรงไหนนะ"
"ฉันควรจะถามเธอมากกว่า มานี่สิ"
"โอเค"
แม้ว่าเลียร่าจะสู้อยู่ในแนวหน้าก็ตาม แต่เลียร่าได้เดินเข้ามาหายูอิลฮานด้วยสภาพที่สมบูรณ์ไม่มีเลือดแม้แต่หยดเดียวบนร่างเธอ ยูอิลฮานได้จูบหน้าผากของเลียร่าและถอยออกมาก่อนจะยิ้มแห้งๆ
"มันไม่มีทางที่พวกคลาส 5 จะทำอะไรฉันได้อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีช่วงหนึ่งอันตรายนิดๆก็ตาม..."
ในตอนนั้นเขาได้เปิดใช้งานออฟชั่นของถุงมือในทันทีที่เห็ฯว่าไม่ได้รับค่าประสบกาณณ์ นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เขาผ่านอันตรายนั้นมาได้ นั่นมันก็คืออฟชั่นของถุงมือที่ทำมาจากชิ้นส่วนของเจตจำนงแห่งความโกลาหลครึ่งหนึ่ง
"ฉันคิดว่านี่มันเป็นเทคนิคที่มีแต่นินจาที่ใช้ได้ซะอีก แต่ก็ดีแล้วล่ะ"
"ใช่แล้ว... แต่ปัญหาน่ะคือคนอื่นไม่ใช่ฉันหรอก"
ในการสู้รบครั้งนี้ กองทัพมังกร เอลฟ์ หมาป่า เมื่อนับรวมความสูญเสียแล้วมีเล็กน้อยที่ 200 กว่าคน
หากคิดจากการที่คนส่วนใหญ่ต่างก็มีระดับต่ำกว่าคลาส 4 แล้วนี่มันคือปาฏิหาริย์ นอกไปจากนี้คนที่ยังรอดอยู่ก็มีเลเวลที่เพิ่มขึ้นอย่างน้อยห้าขั้นหรือมากกว่านั้นอีก ดังนั้นนี่จึงเรียกได้ว่าเป็นชัยชนะของพวกเขาอย่างแน่นอน
ยังไงก็ตามถึงมันจะเป็นชัยชนะ แต่ว่าพรรคพวกที่ตายไปก็จะไม่กลับมาแล้ว ไม่อาจจะย้อนกลับมาได้
"ทุกคนฟังนะ"
ยูอิลฮานได้เรียกกองทัพของเขาที่กำลังดื่มด่ำไปกับชัยชนะอันแสนหวาน เขาได้ประกาศออกมาอย่างหนักแน่น
"จำนวนคนที่ตายไปในศึกนี้มีกองทัพมังกรของมิล 79 คน เอลฟ์ 59 คน และเผ่าหมาป่า 75 คน อย่างที่ฉันเคยบอกไป พวกเราจะทำพิธีศพกันในรุ่งเช้าวันพรุ่งนี้ ยังไงก็ตามในการต่อสู้ต่อไปมันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ช่วยจำเอาไว้ด้วยพรรคพวกของพวกนายทุกคนจะเสียใจแน่หากมีการตายเกิดขึ้น ดังนั้นห้ามตาย เข้าใจนะ?"
"เข้าใจครับ!"
"...ทุกๆคนทำได้ดีมาก ไปพักเถอะ พีท นับจากนี้นายก็จะการกับอันเดตของนายเองได้เลย"
"ครับ!"
เอลฟ์และหมาป่าได้กลับเข้าไปในป้อมปราการผู้พิทักษ์ ในขณะที่กองทัพมังกรกลับเข้าไปในป้อมปราการลอยฟ้าเพื่อพักผ่อนหลังการต่อสู้ในแบบของตัวเอง มิสทิคก็ยังได้รับคำสั่งของยูอิลฮานให้ควบคุมป้อมปราการลอยฟ้า
ค่ายแนวหน้าของกองทัพปีศาจวิบัติได้ถูกกวาดล้างออกไปอยางสมบูรณ์ ในตอนนี้มันราวกับที่นี่ไม่เคยมีอะไรอยู่มาก่อน และจะไม่มีใครกลับมาที่นี่อีกจนกระทั่งในตอนท้ายสุดของสงครามก็ตาม