ตอนที่ 21 วิธีที่สอง!
หมัดวัชระสะกดอสูรเป็นศิลปะการต่อสู้ที่โหดร้ายและเผด็จการ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงศิลปะการต่อสู้ระดับต่ำขั้นต้น แต่ความสามารถของมันก็ไม่ได้อ่อนแอและมีถึง9กระบวนท่า
เฟิง หลินยังกระโจนออกมาอย่างไม่กลัวตาย ปะทะกับคู่ต่อสู้ที่แลกมาด้วยความบาดเจ็บ เขาใช้ทั้งเก้าท่าของหมัดวัชระสะกดอสูรโจมตีจุดต่างๆรอบยักษ์ซิลิกอน แต่ผลที่ได้นั้นไม่เป็นไปอย่างที่เขาหวัง
ยักษ์ซิลิกอนไม่บาดเจ็บตรงไหนเลยแม้แต่น้อย ...
การกระทำที่เกิดจากการประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไปอาจดูเหมือนว่าโง่มากในสายตาผู้อื่น – มันเหมือนเล่นกับความเป็นความตาย แต่เฟิง หลินรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร
หมัดวัชระสะกดอสูรเป็นท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา และหากเทคนิคการต่อสู้นี้ไม่สามารถทำอะไรคู่ต่อสู้ของเขาได้ละก็...
ถ้าอย่างนั้นมันก็หมายความว่าไม่ว่าเฟิงหลินจะเลือกทางไหน เขาก็จะไม่สามารถทำอะไรคู่ต่อสู้ได้เลย
เฟิง หลินก็รู้สึกว่าตัวเองหมดหนทาง ไม่เหมือนกับคู่ต่อสู้ของเขาก่อนหน้านี้
แม้ว่าพวกเขาจะมีวิชายุทธ์ยีนและสร้างความเสียหายได้ แต่พวกเขากลับไม่อาจทำลายการป้องกันเขาได้เลย!
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเฟิง หลินจะไม่มีโอกาสชนะ!
มันเป็นความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถทำร้ายคู่ต่อสู้ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สามารถฆ่าคู่ต่อสู้ของเขาได้
นี่อาจฟังดูขัดแย้ง แต่มันง่ายมาก เขาจะปล่อยให้ยักษ์ซิลิกอนทำร้ายตัวมันเอง
บางคนอาจพบว่าความคิดนี้ดูไร้สาระ แต่มันก็เป็นไปได้!
รูปแบบชีวิตอันชาญฉลาดชนิดไหนที่จะทำร้ายตนเองโดยไม่มีเหตุผล?
สิ่งที่คนเหล่านี้ไม่รู้ก็คือคำพูดหนึ่งที่ว่า ดาบนั้นคืนสนองและมันก็ต้องใช้วิชายุทธ์ประเภทที่จะส่งพลังของศัตรูกับไปหาตัวเอง
จี๊ทคุนโด, ไทชิ,ยิวยิตซู..ทั้งหมดมีหลักการเหล่านั้น
"ฮี่ๆ!เจ้าแมลงคาร์บอน เจ้าพร้อมจะยอมรับความตายหรือยัง? ไม่มีที่ว่างในจักรวาลนี้สำหรับเจ้า แมลงที่น่ารังเกียจอย่างเจ้าสมควรที่จะถูกกำจัดทิ้งไปให้หมด!” เมื่อยักษ์ซิลิกอนเห็นว่าเฟิง หลินหยุดนิ่งไม่ขยับเหมือนว่ายอมแพ้แล้ว มันก็หัวเราะออกมาทันที และตั้งใจจะฆ่าอย่างเย็นชา
การต่อสู้ระหว่างเผ่าพันธุ์เป็นการตายที่ขมขื่น ไม่มีที่สำหรับความปราณี
ยักษ์ซิลิกอนกระโดดขึ้นสู่ท้องฟ้า ล้อมรอบด้วยก้อนหินขนาดใหญ่รอบตัว ทิ้งตัวพุ่งลงมาทางเฟิง หลิน ดูเหมือนว่าจะไม่หยุดและต้องการบดขยี้เฟิง หลินให้กลายเป็นเศษเนื้อ
เมื่อเห็นท่าทางที่ดุดันนั้น เฟิง หลินก็หลับตาลง ไม่ได้รู้สึกวิตกอะไร
นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่เกมจะพลิก
เจตจำนงค์แห่งการต่อสู้พุ่งพล่านในดวงตาของเฟิง หลินอีกครั้งในขณะที่เขาออกกระบวนท่าโจมตี
เขาหลบหินที่พุ่งลงมา กำหมัดและรวบรวมพลังไปที่จุดเดียว ปล่อยหมัดออกไปอย่างรุนแรง สิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะไม่แตกต่างจากก่อนหน้านี้
“ยังไม่หยุดอีกงั้นหรอ? มันเหมือนกับว่าเขากำลังรนหาที่ตาย เหมือนว่าเขาไม่มีกลอุบายอื่น ทุกอย่างกำลังจะจบแล้ว!”
ยักษ์ซิลิกอนยิ้มอย่างน่ากลัวและมันก็ไม่ได้ป้องกันอะไรเลย มันกระแทกหมัดทั้งสองข้างอย่างดุเดือด
เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด เหล่าอาจารย์ก็พากันหลับตาไม่กล้าเห็นภาพอันน่าสยดสยองของเฟิง หลินที่ถูกทุบด้วยหมัดของยักษ์
อย่างไรก็ตาม ภาพที่เกิดขึ้นก็ทำให้พวกเขาต้องประหลาดใจ
การโจมตีของเฟิง หลินอาจดูดุร้าย เขาทำท่าจะต่อยคู่ต่อสู้แต่อยู่ดีๆก็หมุนกลับ ร่างของเขาหมุนและแรงหมุนทำให้ขาข้างหนึ่งของเขาโค้งลงบนข้อมือขวาของยักษ์
หมัดของยักษ์ซิลิกอนนั้นพลาดเป้า ทำให้ข้อมือของมันก็ได้รับกระแทกแรงมหาศาล ด้วยการโค้งที่ผิดธรรมชาติ แรงถูกส่งออกไป ชักนำไปสู่มุมแปลกๆและพุ่งเข้าใส่หัวมันเอง
ยักษ์ซิลิกอนถูกกระแทกอย่างแรงด้วยหมัดของมันเอง มันล้มลงกับพื้นพร้อมเกิดเสียงดังสนั่น
ทุกคนยืนมองดูภาพตรงหน้าอย่างโง่งม เบิกตากว้างและอ้าปากค้าง
"น่าสนใจจริงๆ! ดูเหมือนว่าเฟิง หลินจะค้นพบบางอย่างแล้ว!" ทุกคนพากันพึมพำด้วยความสนใจในตัวเขาที่เพิ่มขึ้น
มันไม่ใช่เพียงแค่ความสามารถของเฟิง หลินเท่านั้น
เขาเป็นอาจารย์ใหญ่มานานหลายปี ได้พบกับอัจฉริยะมาทุกประเภท มันนานมากแล้วที่เขาไม่ได้พบนักเรียนน่าสนใจขนาดนี้
การเปิดหอต่อสู้ลวงตาเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง!
...
"นี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ!"
“ต้องใช่แน่ๆ มีเพียงวิธีเดียวที่จะเอาชนะยักษ์ซิลิกอนได้ – มันคือการปลดปล่อยความสามารถยีนจากระยะไกล มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะสิ่งมีชีวิตเช่นนั้นได้ด้วยการต่อสู้ระยะประชิด”
"มันไร้ประโยชน์ที่จะต่อสู้ซึ่งๆหน้ากับยักษ์ซิลิกอน ไม่ว่าเขาคนนั้นจะถนัดวิชาประเภทป้องกันเพียงไหน!”
...
เมื่อเห็นว่าวิธีของเฟิน หลินน่าอัศจรรย์ใจ เหล่าอจารย์ก็ตกตะลึงกันสักพักก่อนลงความเห็นว่านี่แค่เรื่องบังเอิญ
พวกเขาเชื่อมั่นมากในเรื่องนี้ แต่ต่อมาพวกเขาก็เหมือนโดนตบหน้า
หลังจากถูกหมัดของตัวเอง ยักษ์ซิลิกอนก็ดูจะงุนงง มันลุกขึ้นยืนและสะบัดหัว
ชู่ววว!
ทันใดนั้นลมกระโชกก็พัดเข้ามาอย่างแรงและมันก็ปัดออกตามสัญชาตญาณ
เฟิง หลินหลบอย่างว่องไวและเตะใส่ต้นขามัน เพิ่มแรงขึ้นไปอีก
เมื่อเตะไม่โดนเป้าหมายและเฟิง หลินก็'ช่วย'ได้ทันเวลา ยักษ์ซิลิกอนจึงไม่อาจรักษาสมดุลได้เพราะน้ำหนักมัน มันล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแร
มันได้ผลดีเยี่ยม!
หลังจากที่ได้ผลถึงสองครั้งติดต่อกัน ทุกคนถึงรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญหรือโชคดี
เฟิง หลินมั่นใจอย่างยิ่งว่าเขาได้พบวิธีที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้แล้ว
เขาเปลี่ยนวิธีโจมตีและนี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมแพ้ในการต่อสู้ต่อหน้า และเริ่มใช้ไทชิที่นุ่มนวลและอ่อนโยนแทน
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ใช้วิชายุทธ์ไทชิจริงๆ แต่เพียงใช้เทคนิคในการชักนำพลังใส่คู่ต่อสู้
แม้ว่าความแข็งแกร่งของยักษ์ซิลิกอนนั้นจะยอดเยี่ยมมาก แต่การเคลื่อนไหวของมันก็ค่อนข้างเชื่องช้าเพราะร่างกายที่ใหญ่โตแข็งแกร่ง
ก่อนหน้านี้เฟิง หลินไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่เขาได้เปรียบด้านความเร็วและไม่ต่อสู้ซึ่งหน้ากับคู่ต่อสู้ เขาก็จะสามารถเอาชนะได้ การใช้วิชายุทธ์ไทชิ มันจะทำให้คู่ต่อสู้หยุดชะงักและทำลายตัวมันเอง
แม้ว่าร่างกายของมันจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถทนต่อหมัดของตัวเองได้
นี่คือการยืมหอกของมันเพื่อโจมตีเกราะป้องกันของตัวเอง!
สิ่งเดียวที่เฟิง หลินต้องระวังคือความสามารถในการควบคุมหิน
อย่างไรก็ตามนี่ก็ง่ายมาก เขาเพียงแค่ต้องอยู่ติดกับยักษ์ซิลิกอน เมื่อเขาอยู่ในระยะใกล้ ถ้ามันส่งหินกระแทกลงมา มันก็จะโดนตัวมันเองด้วย
ต่อมาเฟิง หลินก็เข้าประชิดยักษ์ซิลิคอนและโจมตีอย่างต่อเนื่อง
"เจ้ามดปลวก!" ยักษ์ซิลิกอนตะโกนออกมาอย่างโมโห เหวี่ยงหมัดออกมาอย่างแรง แต่แรงของมันกลับถูกเฟิง หลินส่งต่อและจบลงด้วยการกระแทกตัวมันเองทุกครั้ง
ท้ายที่สุด เฟิงหลินก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น
วิธีการต่อสู้นี้ได้ผลมากจนเขาเองยังประหลาดใจ
วิธีนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิคที่ลึกซึ้งและมนุษย์ที่รู้ศิลปะการต่อสู้เพียงเล็กน้อยก็สามารถนำมาใช้ได้
โชคดีที่ยักษ์ซิลิกอนไม่เก่งในศิลปะการต่อสู้เลย มันเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษและด้วยความสามารถเพียงอย่างเดียวของมันก็สามารถบดขยี้เผ่าพันธุ์ต่างๆในจักรวาลได้แล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่พวกมันจะฝึกฝนหรือพัฒนาทักษะการต่อสู้ที่ลึกซึ้ง
ศิลปะการต่อสู้เป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้ในการป้องกันตัวเอง ทำให้ผู้ที่อ่อนแอสามารถเอาชนะกับความแข็งแกร่งได้
มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่เป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอ พวกเขาจึงพัฒนาศิลปะการต่อสู้ที่ลึกซึ้งขึ้น เหมือนกันกับในโลกยุคโบราณที่สัตว์ป่าขนาดใหญ่สามารถพบได้ทุกหนแห่ง มีเพียงลิงเท่านั้นที่เริ่มเรียนรู้วิธีการใช้เครื่องมือและไฟ ไม่มีสายพันธุ์อื่นทำแบบนี้ นี่เป็นเพราะพวกมันเกิดมาอ่อนแอ หากพวกมันไม่เรียนรู้ที่จะใช้วัตถุภายนอก พวกมันก็จะต้องตาย
ไดโนเสาร์ และแมมอธล้วนแต่เป็นเจ้าป่าและยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร พวกมันจะเรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือไปทำไม
นั่นไม่จำเป็นสำหรับพวกมันเลย
เช่นเดียวกับศิลปะการต่อสู้
อย่างไรก็ตามนั่นหมายความว่าคนอ่อนแอที่ต้องหาวิธีปกป้องตัวเอง กลับกลายมาเป็นข้อได้เปรียบที่ที่ดีที่สุดของเฟิงหลิน
ทุกครั้งที่ยักษ์ซิลิกอนโจมตี เฟิง หลินจะใช้ความไวของวิชายุทธ์ไทชิเพื่อตรวจจับการโจมตีล่วงหน้าแล้วเปลี่ยนทิศทางแรงเพื่อให้ยักษ์ซิลิกอนเข้าโจมตีตัวมันเอง
สุดท้ายมันก็ง่ายขึ้นสำหรับเฟิง หลิน เขาทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ยักษ์ซิลิกอนจึงไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือ
เมื่อสิงโตสูญเสียฟันและกรงเล็บแหลมไป มันจะทำอะไรได้อีกยกเว้นการโจมตีที่ไม่เป็นผล
ทุกคนเห็นเพียงว่ายักษ์ซิลิกอนซึ่งทราบกันดีว่าดุร้ายและเลือดเย็นที่สุดในจักรวาล – มันยังคงวิ่งวนไปทั่ว ล้มลงเป็นครั้งคราว ปล่อยเสียงคำรามโมโห ไม่เพียงแค่ป้องกันอะไรไม่ได้ มันยังกลับกลายเป็นตัวตลก
"เจ้าสิ่งมีชีวิตคาร์บอนชั้นต่ำ!เจ้าใช้ความสามารถอะไรกันแน่?!" ยักษ์ซิลิกอนรู้สึกว่าร่างกายไม่ได้เป็นของตัวเอง
เมื่อเห็นเช่นนี้อาจารย์ใหญ่และเหล่าอาจารย์ก็มีความรู้สึกแปลกๆ พวกเขาอยากจะหัวเราะแต่ก็ทำไม่ได้
พวกเขาไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ได้
ในอดีต วิธีเดียวที่จะเอาชนะยักษ์ซิลิกอนได้คือต้องใช้ความสามารถทางพันธุกรรมโจมตีจากระยะไกลและต่อสู้กับมันช้าๆ
ไม่มีใครสามารถเอาชนะมันในการต่อสู้ระยะประชิดได้ เมื่อพลังของพวกเขาเท่ากันหรืออ่อนแอกว่า
เป็นไปได้ไหมที่เฟิง หลินพยายามหาโอกาสในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
'วิธีที่สอง?'