ตอนที่แล้วGE229 เอาชนะทหารศิลา [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE231 หากเจ้ารับปาก [ฟรี]

GE230 ห้ามทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ [ฟรี]


ดรรชนีกระบี่ที่สองทรงอานุภาพ แม้จะทำให้ผู้ใช้บาดเจ็บ แต่ก็ทำให้ศัตรูบาดเจ็บตนถึงตาย

เมื่อสิ้นสุดการฝึกฝน หนิงฝานก็ทำพันธะสัญญากับชุดเกราะสีเงินทีละชิ้น

หนิงฝานลองสวมเกราะครบชุด แสงสีเงินส่องประกาย ปีกสีดำทมิฬสยายกว้าง ทำให้เขาดูราวกับเทพสวรรค์

เพียงคิด ทั้งปีกและชุดเกราะและหายเข้าไปในร่าง

เพียงคิด ทั้งปีกและชุดเกราะก็ปรากฏสวมทับร่าง

“แสง… งดงาม...”

ดวงตาศพนางสวรรค์ทอประกายราวกับดารา นางจับจ้องหนิงฝานไม่วางตา

“ชุดเกราะระดับพิภพ… แม้จะเป็นเพียงสมบัติระดับพิภพขั้นต่ำ แต่มีกลับมีค่ายิ่งกว่าสมบัติพิภพขั้นสูงสุดเพียงชิ้นเดียว นับวาสโชคดีที่สู่ลู่ฉานมอบมันให้เจ้า… ซัวหมิง เจ้าทำอะไรมันถึงได้ยอมมอบของล้ำค่าขนาดนี้ให้” ทหารศิลากล่าวถาม ราวกับยามที่มันหลับไหล จะพลาดหลายๆเรื่องไป

“สู่ลู่ฉานเสริมพลังให้ข้าเพื่อสังหาร...”

หนิงฝานกล่าวตอบบางส่วน ไม่ได้บอกความจริงทหารศิลาไป

ที่สู่ลู่ฉานมาตีสนิท ก็เพราะอยากให้ตนสังหารสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียม

ภายหลังยอมมอบสมบัติต่างๆให้ ดูราวกับทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเจตจำนงค์ปีศาจของเขา

แต่เรื่องราวทั้งหมดนั้น เขาไม่จำเป็นต้องบอกทหารศิลา

ยามนี้ ทหารศิลาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากหนิงฝานที่สวมเกราะ

เพียงร่างกายในขอบเขตกระดูกหยก ก็ทำให้หนิงฝานพอจะต่อกรกับทหารศิลาได้

แต่เมื่อผสานดรรชนีกระบี่ที่สองเข้าไป หนิงฝานก็กลายเป็นผู้ที่สามารถสังหารมันได้

ยิ่งเมื่อผสานรวมกับชุดเกราะสีเงิน หนิงฝานยิ่งแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว พลัง และการป้องกัน… เดิมทีชุดเกราะนี้สร้างขึ้นเพื่อเหล่าเซียนบนสวรรค์ โดยเฉพาะกับผู้ที่เน้นการฝึกร่างกายเป็นหลัก

ทหารศิลาสัมผัสได้ว่า หนิงฝานในชุดเกราะสีเงินนี้ สามารถต้านรับวิชาดรรชนีที่ทรงพลังที่สุดของมันได้

ที่สำคัญ มันยังเสริมพลังหนิงฝานขึ้นหลายเท่า

หนิงฝานโคจรพลังกระตุ้นเกราะ ดูดซับพลังจากธรรมชาติ ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

เดิมที หนิงฝานยังเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ยังไม่อาจเปลี่ยนให้ปราณเป็นพลังสวรรค์ จึงไม่สามารถใช้วิชาระดับตัดวิญญาณได้

แต่ด้วยความช่วยเหลือของชุดเกราะและข่ายอาคมในชุดเกราะ ทำให้หนิงฝานสามารถแปรเปลี่ยนปราณจากธรรมชาติให้กลายเป็นพลังสวรรค์ได้!

นอกจากนี้ สู่ลู่ฉานยังกล่าวไว้ว่า เกราะสีเงินนี้ หากสวมใส่ครบชุด จะสามารถสร้าง ‘กระบี่สวรรค์’ เพื่อใช้จู่โจมได้

“ก่อกระบี่!”

หนิงฝานกำมือ พลังงานโดยรอบถูกดูดกลืน ก่อตัวเป็นพลังสวรรค์ขึ้นที่มือของหนิงฝาน ไม่นาน มันก็แปรเปลี่ยนเป็นเส้นแสง รูปร่างคล้ายกระบี่ขึ้น

หนิงฝานคว้าจับกระบี่แสง เม็ดเหงื่อผุดขึ้นกลางหน้าผาก

กระบี่สวรรค์เล่มนี้น่าสะพรึงกลัวมาก

มันทรงพลังกระทั่งสามารถปลิดชีพผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้

เกราะสีเงิน ปีสำดำทมิฬ กระบี่แสงเงิน หนิงฝานในยามนี้ราวกับเทพที่อยู่ในลานสวรรค์โบราณเป็นอย่างมาก

ทหารศิลาที่เฝ้าดู ตกตะลึงจนทำตัวไม่ถูก

“ข้ารับ...กระบี่เล่มนี้ไม่ได้ มันทรงพลังยิ่งกว่าดรรชนีขยี้สวรรค์เสียอีก!”

ทหารศิลาแข็งแกร่งพอๆกับสู่ลู่ฉาน

ชายชราเคยกล่าวไว้ว่า หากหนิงฝานทำพันธะสัญญากับชุดเกราะแล้ว มันก็ไม่อาจรับมือกับหนิงฝานได้อีก เพราะมันไม่สามารถต้านรับการจู่โจมของกระบี่สวรรค์ได้

“แข็งแกร่งมาก...”

หนิงฝานรู้สึกราวกับพลังในร่างถูกออกมาใส่ไว้กับกระบี่เล่มนี้

หากฟาดฟันมันออกไป ภูเขาและสายน้ำจำนวนมากคงถูกทำลายพินาศ

หนิงฝานเลิกถ่ายพลังกระตุ้นเกราะ กระบี่เงินในมือหายไป ก่อนจะถอดชุดเกราะออก

ยามนี้ถึงเวลาที่หนิงฝานต้องออกจากโลกหยวนเหยาแล้ว เพราะไม่นานงานประมูลจะเริ่ม

ไม่รู้ว่าตอนนี้ซูเหยาและคนอื่นๆจะเป็นยังไงบ้าง งานประมูลของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มและแก่นทองคำสมควรเริ่มแล้ว พวกนางจะซื้อผลไม้แห่งเต๋าได้บ้างหรือเปล่าไม่ทราบ

หนิงฝานนำโอสถที่ได้จากสู่ลู่ฉานออกมากิน เพื่อฟื้นฟูร่างกายและปราณที่เสียไป

ทหารศิลากลับคืนสู่การหลับไหล หนิงฝานกุมมือศพนางสวรรค์ กลับออกจากโลกหยวนเหยา

“เหว่ยเหลียง ไปกันเถอะ!”

งานประมูลของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มจัดอยู่ในอาคารแห่งหนึ่ง

ผู้เชี่ยวชาญมากมายทยอยเข้างาน ยู่หลงยืนรอหนิงฝานที่หน้าทางเจ้า เมื่อเห็นหนิงฝานมา มันเร่งนำทางให้หนิงฝานและศพนางสวรรค์เข้าสู่งานประมูล

หนิงฝานตกตะลึงกับสถานที่จัดงาน สู่ลู่ฉานผู้นี้ไม่ธรรมดา ถึงขนาดมีสถานที่ที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ในครอบครอง

ทักษะการสร้างสถานที่แห่งนี้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าหนิงฝานที่สร้างแหวนกระถางขัดเกลา แต่หนิงฝานเป็นถึงผู้สืบทอดของจักรพรรดิสวรรค์จึงไม่แปลก แต่อีกฝ่ายที่ทำได้กลับแปลก

“ได้ยินมาว่าผู้ยิ่งใหญ่ในทะเลส่วนในนาม ‘ตงสู่’ เป็นผู้เชี่ยวชาญการหลอมสร้าง นอกจากจะสร้างอาคารได้ มันยังสร้างทหารเพื่อนำมาเป็นผู้รับใช้ได้เช่นกัน ที่สำคัญ วิชาทำนายของท่านก็ไม่ธรรมดาเอามากๆ ดูเหมือนของเหล่านี้ไม่ใช่ของสู่ลู่ฉาน แต่เป็นของท่านชวี่ นั่นหมายความว่า ท่านชวี่กับท่านตงสู่เป็นสหายกัน”

หลังจากขบคิด หนิงฝานก็หันถามยู่หลง

“เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปสืบมา เป็นยังไงบ้าง?”

“รายงานนายท่าน เท่าที่ข้าไปหาข่าวมา งานประมูลของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มระดับสูงสุด มีคนของทะเลส่วนนอกเข้าร่วม 17 คน ทะเลส่วนในอีก 74 ส่วนผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ต้องได้คำอนุญาตของสู่ลู่ฉานก่อนจึงจะเข้าร่วมงานได้”

“ดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณจะมากันหลายคน...”

“เป็นอย่างท่านว่า แต่ก็ยังอาจมีบางส่วนที่กำลังซ่อนตัว ข้ารู้แค่ว่า ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณของตระกูลซัว ‘ซัวจื่อ’ ผู้อาวุโสสามของเกาะกระบี่ ‘กวนซ่ง’ ผู้อาวุโสสามของนิกายอักขระม่วง ‘ซือกู่’ และสุดท้าย รองประมุขนิกายพระทมิฬ ‘เซี่ยกวง’ และนิกายผนึกอสูรเองก็มา… กระถางขัดเกลาตัดวิญญาณต้องมีคนสนใจมากมายทั้งข้ายังไม่อาจสืบหาข้อมูลของนางได้แม้แต่น้อย ข้าว่าท่านเลิกล้มเถอะ”

“เรื่องนิกายพระทมิฬไม่ต้องสนใจ… แต่เกาะกระบี่ ตระกูลซัว และนิกายผนึกอสูร การปรากฏตัวของ 3 ขุมกำลังใหญ่ของทะเลส่วนใน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณในขุมกำลังเล็กไม่กล้ามา หากเป็นเรื่องดินแดนโลกล่มสลาย ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณอาจไม่จำเป็นต้องมาเอง… ข้าว่าเรื่องนี้คงมีอะไรแอบแฝง”

หนิงฝานขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้เขาให้ยู่หลงไปสืบข่าวของกระถางขัดเกลาตัดวิญญาณ

หากได้กระถางขัดเกลาตัดวิญญาณนางนี้ หนิงฝานจะยกระดับปราณขึ้นอีก 500 เกราะทันที แต่เขารู้ดีว่านางผู้นั้นไม่ธรรมดา

หนิงฝานชงักฝีเท้า ศพนางสวรรค์และยู่หลงก็หยุดเช่นกัน

แต่เมื่อยู่หลงจ้องมองหนิงฝาน แววตาของหนิงฝานกลับแปรเปลี่ยนเย็นชา

“ยู่หลง… เจ้าถูกลอบจู่โจม… เจ้าเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น แต่กลับสืบข่าวผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้อย่างแม่นยำ”

“อะไรนะ!” ยู่หลงตกตะลึง มันไม่ได้ผิดอย่างที่หนิงฝานกล่าว

ยามนี้ร่างกายของมันไม่อาจขยับ มันคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะมีวิธีการมากมายขนาดนี้

เมื่อหนิงฝานใช้นิ้วสัมผัสหน้าผากของมัน เขาก็ถอนเอาสัมผัสเทพของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ 4 คนออกมาจะทะเลสติของมัน ทำให้มันสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

การที่มันออกไปสืบข่าวผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ แม้คนเหล่านั้นไม่ได้สังหารยู่หลง แต่ได้ทิ้งสัมผัสเทพของตนไว้

สัมผัสเทพที่เหมือนอัสนีเป็นของตระกูลซัว… สัมผัสเทพที่เหมือนกระบี่เป็นของเกากระบี่ สัมผัสเทพที่แผ่กลิ่นอายของสัตว์อสูรเป็นของนิกายผนึกอสูร… การที่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นทิ้งสัมผัสเทพไว้ในร่างเพื่อจะได้ค้นหาตัวหนิงฝาน

หนึ่งในสัมผัสเทพที่หนิงฝานสัมผัสได้ เป็นสัมผัสเดียวกันกับสัมผัสเทพที่อยู่ในร่างของหยิงเก้อที่เขาสังหารไป

นอกจากนี้ สัมผัสเทพที่อยู่ในร่างยู่หลง ยังเหมือนกับสัมผัสเทพที่อยู่ในร่างของพระห้าคนที่เขาสังหารไป ซึ่งเป็นสัมผัสเทพของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณของนิกายพระทมิฬ

สัมผัสเหล่านั้นถูกสลักลงในทะเลสติของยู่หลง ทำหน้าที่เหมือนพิษ หากถอนออกกระทันหันอาจทำให้ถึงตาย

แต่เมื่อหนิงฝานถอนสัมผัสเทพได้ทั้งหมดแล้ว เสียงที่น่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้น

“เจ้าเตรียมตัวตายได้!”

ดูเหมือนจะมีคนพบว่าเขาเป็นคนสังหารพระทั้ง 5 รูปนั่น

ยามนี้ หากจะให้หนิงฝานรับมือกับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ 4 คน คงเป็นเรื่องยาก

ยู่หลงหวาดกลัวจนทรุดเข่าลงกับพื้น มันไม่รู้ว่าจะถูกผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณลอบจู่โจม หากไม่ได้หนิงฝานช่วย มันอาจตายในอีกไม่ช้า

“ขอบคุณนายท่านที่ช่วยข้า” ยู่หลงป้องมือคารวะ

“เรื่องเล็ก… ข้าไหว้วานเจ้าไปสืบข่าว ข้าไม่มีวันทนเห็นเจ้าตายแน่”

ยามนี้ หนิงฝานต้องวางเรื่องเกาะกระบี่และตระกูลซัวไปก่อน เพราะขุมกำลังที่เป็นศตรูอย่างชัดเจนคือนิกายพระทมิฬ

แต่ถึงอย่างนั้น ยังไงอีกฝ่ายก็ไม่กล้าลงมือ เพราะที่นี่เป็นเขตเกาะปีศาจสำราญ หากพ้นเกาะออกไป จึงจะสามารถลงมือสังหารได้

หนิงฝานไม่ได้หวาดกลัวพวกมัน เพราะนี่คือโอกาสที่จะได้ทำลายพวกมันไปในคราวเดียว...

อาคารประมูลแบ่งออกเป็น 4 ชั้น ชั้นแรกเป็นของผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ ชั้นที่สองเป็นของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ชั้นสามเป็นของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด และชั้นสุดท้ายก็เป็นของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ

ยามนี้ชั้นหนึ่งไร้ซึ่งวี่แววผู้คน

ผู้เชี่ยวชาญที่มาล้วนต้องมีป้ายสำหรับเข้าร่วมงาน

สิ่งที่ทำหนิงฝานประหลาดใจคือ ในห้องที่หนิงฝานนั่งมีอีก 2 คนที่นั่งอยู่ก่อน นั่นคือสู่ฉุ่ยหลิงและชายชราเนื้อตัวมอมแมม

เมื่อเห็นว่ามีคนนั่งอยู่แล้ว สีหน้ายู่หลงจึงแปรเปลี่ยน

เพราะก่อนหน้านี้ที่มันมาดูห้อง ภายในห้องยังไม่มีผู้ใด

“เอ่อ… นายท่าน...” ยู่หลงกลัวว่าหนิงฝานจะตำหนิ

“ไม่เป็นไร นางเป็นคนรู้จักของข้า”

หนิงฝานโบกมือเป็นเชิงไม่เป็นไร

การที่บุตรสาวของสู่ลู่ฉานมาที่นี่ ไม่นับเป็นเรื่องแปลกอะไร

“แม่นางสู่มาหาข้าุคงที่นี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

หนิงฝานนั่งจิบชาอย่างสงบ แต่ในใจกลับแอบประหลาด

เขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ธรรมดาจากชายชราที่นั่งข้างๆสู่ฉุ่ยหลิง

แม้กลิ่นอายของชายชราจะเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น แต่หากหนิงฝานเข้าใจไม่ผิด ชายชราน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด

หนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ของทะเลส่วนใน

หรือจะเป็นท่านชวี่แห่งเผ่าปีศาจยักษ์?

แต่จากกลิ่นอายแล้วไม่น่าใช่ เพราะแววตาของชายชราคนนั้นราวกับวังวนอันไร้ก้นบึ้ง หากเผลอสบตา จะรู้สึกราวกับถูกดูดกลืนเข้าไป

สู่ฉุ่ยหลิงพาผู้เชี่ยวชาญระดับนี้มาทำไม

“นายน้อยซัว ท่านนี้คืออาจารย์ของข้า ข้าได้ร่ำเรียนวิชาพืชพรรณมาจากท่าน ท่านอาจารย์บอกว่าอยากพบนายน้อยซัว ข้าก็เลยถือโอกาสพาท่านมาพบ โดยไม่ได้บอกกล่าวนายน้อยซัวก่อน หวังว่านายน้อยซัวจะไม่โกรธข้า”

จากแววตาของนางแล้ว ราวกับนางไม่รู้ว่าผู้เป็นอาจารย์คือหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ของทะเลส่วนใน

หากผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ปกปิดระดับพลัง คงไม่มีใครมองออก

“ข้า ‘สุ่ยยี่’ ยินดีที่ได้พบสหายเต๋าซัวหมิง แม้ได้ยินชื่อเสียงก็ไม่เท่ามาพบหน้าด้วยตนเอง… สหายเต๋าช่างมีจิตใจที่เข้มแข็ง ขนาดอยู่ใกล้ข้ายังจิบชาได้อย่างสงบใจ”

หากเป็นคนทั่วไปอาจเข้าใจว่าสิ่งที่ชายชรากล่าวคือรูปลักษณ์ แต่จริงๆแล้ว มันเป็นอีกอย่าง

ชายชรากล่าวชมหนิงฝาน เพราะแม้เผชิญหน้ากับผู้ยิ่งใหญ่ของทะเลส่วนใน หนิงฝานยังคงสีหน้าสงบไม่หวั่นไหว เพราะหากเกิดอันตรายใดๆขึ้น หนิงฝานจะเข้าสู่โลกหยวนเหยาทันที

“ผู้เยาว์ซัวหมิงคารวะท่านตงสู่! ไม่ทราบว่าท่านมาข้าด้วยเรื่องใด?” หนิงฝานกล่าวกับชายชราด้วยสัมผัสเทพ

“ฮ่าฮ่า! ฉลาดมากที่รู้ว่าข้าเป็นใคร ที่ข้ามาหาเจ้าก็เพราะ… ข้าอยากมาเตือนเจ้า… ว่าเจ้า...หนิงฝานจงอย่าได้ทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะตาย!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด