ตอนที่ 20 การต่อสู้ระหว่างเผ่าพันธ์
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพื้นฐานมาจากคาร์บอนและโมเลกุลทางชีวภาพในร่างกายมนุษย์นั้นมีองค์ประกอบของคาร์บอน
ซิลิกอนและคาร์บอนอยู่ในแถวเดียวกันบนตารางธาตุและมีคุณสมบัติคล้ายกัน
โมเลกุลชีวภาพของสิ่งมีชีวิตรูปแบบซิลิกอนจะมีอะตอมซิลิกอนแทนอะตอมคาร์บอน ร่างกายของพวกเขาจะมีความทนทานมากกว่ารูปแบบคาร์บอนหลายร้อยเท่า และมีอายุขัยที่ยาวนานกว่า พวกมันจะมีอายุอย่างน้อย 1,000 ปีขึ้นไป
เผ่าพันธุ์ที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ไม่สามารถจัดการกับศิลปะการต่อสู้แบบปกติได้
จุดอ่อนที่อาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์นั้นไร้ประโยชน์อต่อยักษ์ซิลิกอนตัวนี้
ไม่ว่าหมัดของเฟิง หลินจะแรงแค่ไหน มันก็ยังเป็นเพียงเนื้อนุ่มๆเท่านั้น ความเหนียวของร่างกายรูปแบบซิลิกอนนั้นเหนือกว่าแม้กระทั่งโลหะผสมส่วนใหญ่ที่มนุษย์มี
การใช้หมัดเพื่อจัดการกับอีกฝ่ายก็เหมือนกับการใช้เต้าหู้ทุบหิน - รอเวลาตาย!
ตั้งแต่เข้ามาชั้น20 นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิง หลินพบคู่ต่อสู้ที่มีร่างกายแข็งแกร่งกว่าเขา ยิ่งกว่านั้นมันยังเหนือกว่ามาก
คู่ต่อสู้ของเขาเป็นเหมือนหินที่แข็งแกร่งมาก ทำให้เขาโจมตีได้ยาก
ยิ่งไปกว่านั้น ยักษ์ซิลิกอนนี้ดูเหมือนจะมีพลังลึกลับที่สามารถควบคุมหินได้ มันสามารถควบคุมหินและทำให้มันตกลงมาจากระยะไกลก่อตัวเป็นฝนหินได้
ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ระยะใกล้หรือไกล มันก็ไม่มีโอกาสสำหรับเฟิง หลินเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้หยุดลงเพราะสิ่งนี้ เขายังคงต่อสู้ต่อไป
“เขากำลังทำอะไร? เขากำลังรอเวลาตายอย่างนั้นหรือ?”
"ร่างกายของยักษ์ซิลิกอนนั้นเปรียบได้โลหะผสม การต่อยและการเตะแบบปกติทำอะไรมันไม่ได้เลย! นี่เป็นความแตกต่างที่น่าทึ่งในแง่รูปแบบชีวิต ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ไม่อาจอุดช่องว่างนั้นได้”``
“เขาควรคิดที่จะยอมแพ้! สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่มีโอกาสชนะ!”
...
เหล่าอาจารย์พูดขึ้นอย่างไร้ความปราณี ชี้ให้เห็นถึงการข่มอารมณ์เพราะคิดว่าเฟิง หลินกำลังรอความตาย
ที่ด้านข้างอาจารย์หญิงกำลังกัดฟันแน่น แต่ก็ไม่อาจพูดอะไรได้ มันเพราะเธอก็คิดเหมือนกัน...
เฟิง หลินไม่รู้ว่าคนเหล่านี้กำลังเยาะเย้ยเขา แม้จะรู้เขาก็ไม่สนใจ
มันคือความจริงที่การโจมตีซึ่งๆหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีรูปแบบซิลิกอนทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังรอความตาย
แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น
ยีนที่เขาปลุกขึ้นมาคือยีนลิงและยีนหิน ไม่ใช่ยีนไฟ, ยีนน้ำหรือยีนลม ... นอกเหนือจากการต่อสู้ซึ่งๆหน้าแล้ว เขาไม่มีทักษะการต่อสู้ระยะไกล
หากเขาเอาแต่หลบ เขาจะพ่ายแพ้โดยไม่มีโอกาสชนะเลย
หากเขาต้องการที่จะชนะ เขาก็มีทางเดียวคือต้องยอมเสี่ยงและโจมตีให้ได้เท่านั้น
เฉพาะผู้กล้าเท่านั้นที่จะต่อสู้เพื่อชัยชนะ!
ยิ่งไปกว่านั้นเฟิง หลินรู้ว่าการต่อสู้ในหอต่อสู้ลวงตานี้เป็นเพียงการจำลองสถานการณ์การต่อสู้เท่านั้นและมันไม่ใช่ของจริง เป็นเหมือนกับด่านต่างๆในเกม
เนื่องจากมันเป็นเวทีเกม งั้นมันก็หมายความว่ามันจะต้องมีวิธีที่ชัดเจน
นี่คือชั้น20 และมีสถานะพลังอยู่ที่ 2.0 นี่หมายความว่าคนที่มีพลัง2.0 ถึงจะมีความหวังงั้นหรอ
แม้ว่าพลังของเขาจะอยู่ที่1.9 แต่มันก็ใช่ว่าเขาจะไม่มีโอกาสเลย!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาต้องหาให้เจอคือวิธีที่เขาจะสามารถหาโอกาสในการเอาชนะคู่ต่อสู้
หินกระหน่ำซัดลงมา
เฟิง หลินใช้ความเร็วขั้นสุดของเขา หลบอย่างรวดเร็วและใช้ประสาทสัมผัสที่เฉียบคมเพื่อมองหาช่องว่าง จากนั้นก็ลงมืออย่างรวดเร็ว
ปัง ปัง ปัง!
หมัดของเฟิง หลินต่อยคู่ต่อสู้เหมือนพายุฝน
อย่างไรก็ตาม นิ้วของเฟิง หลินกลับเจ็บปวดอย่างที่สุด เขาโจมตีศัตรู แต่ตัวเองกลับเจ็บเอง
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างพวกเขา แม้ว่าพลังของฝ่ายตรงข้ามจะอยู่ที่ 2.0 แต่ว่าพื้นฐานของมันนั้นเหนือกว่าเฟิง หลิน
เฟิง หลินไม่สามารถทำอะไรได้ แม้ว่าเขาจะปลุกยีนหินขึ้นมาก็ตาม
ฝ่ายตรงข้ามทำให้เขาสิ้นหวังอย่างมาก
แต่มันต้องมีวิธีที่จะพลิกเกม!
เฟิงหลินยังไม่ยอมแพ้ แต่ยังคงมองหาโอกาส อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จำเป็นก็คือเขาต้องสู้ต่อไป!
ฝ่ามือวัชระ!
หมัดวัชระสะกดอสูรเป็นวิชายุทธ์ยีนเพียงอย่างเดียวที่เขาได้เรียนรู้มา มันเป็นความหวังเดียวของเขาในการทำลายกระดองเต่าอย่างยักษ์ซิลิกอนตนนี้
มือทั้งสองข้างของเขาส่งพลังออกมาอย่างรุนแรงและคว้าคอคู่ต่อสู้ อย่างไรก็ตามเมื่อได้สัมผัส เขาก็รู้สึกเหมือนกำลังบีบหินก้อนหนึ่งและรู้สึกเจ็บนิ้ว
ยักษ์ซิลิกอนหัวเราะ หมัดของมันเหมือนพิษมังกรที่ออกมาจาก ถ้ำพุ่งเข้าหาเฟิง หลินและทำให้เขากระเด็นไปในอากาศ
เฟิง หลินล้มลงบนพื้นอย่างแรงและลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หมัดทั้งสองของเขาเรืองแสงเหมือนหิน
หมัดวัชระ!
ลมที่พัดจากฝ่ามือของเขาเป็นเหมือนใบมีดและพลังที่แข็งแกร่งปล่อยออกมาทุกทิศทาง
ดวงตาของยักษ์ซิลิกอนนั้นเต็มไปด้วยการดูถูกและมันก็ไม่ขยับหนีเลย
เมื่อลมที่เกิดจากต้นฝ่ามือของเฟิง หลินกระทบกับร่างกาย มันไม่แม้แต่จะเสียขนสักเส้น
มันยังโจมตีสวน
ตุบ
มือทั้งสองของเฟิง หลินป้องกันไว้ที่อกเพื่อกันหมัดนี้ กระดูกของเขามีเสียงแตกร้าว
กรงเล็บมังกรสายฟ้า!
แม้จะเจ็บปวด แต่เฟิง หลินก็ไม่ท้อแท้ เขาโจมตีอีกครั้งด้วยหมัดวัชระสะกดอสูร แต่การโจมตีก็ยังไม่เกิดผล
ยักษ์ซิลิกอนยืนอยู่ตรงจุดนั้นไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว มันเหมือนต้นไม้สูงตระหง่าน
มันมองและประเมินเฟิง หลินที่กำลังคิดไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนกับการดูมดที่กำลังประเมินค่าความสามารถของตัวเองและพยายามเขย่าต้นไม้ใหญ่ - ไม่มีความหวังใดๆเลย
เฟิง หลินล้มลงไปครั้งแล้วครั้งเล่าและก็ลุกขึ้นมาใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาพุ่งออกไปราวกับคนบ้า และแม้ว่าเขาจะเต็มไปด้วยเลือดและอาการบาดเจ็บปางตาย แต่เขาก็ไม่สนใจ
แม้ว่าจะเป็นระบบจำลองและการโจมตีทั้งหมดเป็นแค่ฉากจำลอง แต่แรงกระแทกที่รุนแรงซ้ำไปซ้ำมาก็ทำให้เฟิง หลินเต็มไปด้วยร่องรอยการถูกกระแทกและรอยฟกช้ำ เขามีสภาพที่ทรุดโทรมอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เฟิง หลินยังไม่ยอมแพ้ สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่คู่ต่อสู้ราวกับหมาป่าที่กำลังจ้องมองเสือดุร้าย แม้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะแข็งแกร่งกว่าเขามากและสามารถบดขยี้เขาได้ทุกเวลา แต่เขาก็ยังต้องการที่จะกัดคู่ต่อสู้ของเขาแม้มันจะเสี่ยงถึงชีวิต
ความชั่วร้ายในดวงตาของเขาน่ากลัวมาก
เมื่อพวกอาจารย์เห็นฉากนี้ พวกเขาก็เริ่มพึมพำ
“เขายังไม่ยอมแพ้อีก?มันเป็นเพียงแค่การจำลอง ทำไมต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงอย่างนี้?”
“วิชายุทธ์ยีนเพียงอย่างเดียวของเขาคือหมัดวัชระสะกดอสูร วิชายุทธ์ขั้นแรกเริ่ม เทคนิคนี้มีแค่ไม่กี่กระบวนท่า ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเพิ่งเรียนรู้พวกมัน พวกมันจะไปใช้ทำอะไรได้?
"ยอมรับความพ่ายแพ้ซะเถอะ!นี่จะเป็นการเสียเวลาและทำร้ายร่างกายตัวเองซะเปล่า!”
...
พวกเขาพึมพำ
สิ่งที่พวกเขาไม่เห็นก็คือการจ้องมองของอาจารย์ใหญ่ที่ยืนมองอยู่ข้างหน้า ความรู้สึกเขาที่มีต่อเฟิงหลินมีแต่ความชื่นชมมากขึ้น
สายตาที่แน่วแน่และดุร้ายเช่นนี้ เด็กคนนี้มีอะไรบางอย่าง...
สิ่งที่พวกเขาพูดอาจจะถูก แต่เฟิง หลินย่อมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ!
การต่อสู้ซึ่งๆหน้ากับยักษ์ซิลิกอนคือการเล่นกับชีวิต
เป็นไปได้ไหมที่เขาจะไม่รู้เรื่องนี้?
การต่อสู้ครั้งนี้อาจเป็นเพียงการฝึกซ้อม แต่ในขณะที่คู่ต่อสู้เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ต่างดาวธรรมชาติ สสารจึงแตกต่างกัน
นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างเผ่าพันธุ์
การต่อสู้ระหว่างเผ่าพันธุ์เป็นสิ่งที่ขมขื่น ต้องมีคนตายสักข้าง!
จักรวาลนั้นใหญ่มาก แต่มันก็ยังเล็กมาก
เฟิง หลินเชื่อว่าเขาจะไม่ติดอยู่บนโลกใบนี้ไปตลอด เมื่อเขามุ่งหน้าออกไปนอกโลก เขาจะพบกับมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ในไม่ช้าก็เร็ว และหลังจากนั้นก็จะเป็นการต่อสู้ที่จะจบลงอย่างขมขื่น
หากเขาแพ้ในตอนนี้ ก็ยังมีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าหากแพ้ในอนาคตล่ะ
พวกเขาจะไม่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้!
ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้าเขาเลือกเรียนรู้ที่จะไม่ยอมแพ้ในตอนนี้ เขาไม่อยากแพ้และเขาต้องไม่แพ้!
มันไม่ใช่เรื่องสำคัญไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ แต่เป็นเรื่องความเชื่อมั่นของคนๆหนึ่ง
แม้ว่าเฟิงหลินจะดูเหมือนจะอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มาก แต่ที่มุมปากของเขายังมีรอยยิ้ม
เพราะตอนนี้เขาพบวิธีที่จะชนะแล้ว
การกระทำของเขาอาจดูเหมือนประมาท แต่เขาแค่พยายามพิสูจน์ความคิดที่อยู่ในใจ
ก่อนหน้านี้อาจจะแค่พอเดาได้ แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้ว
วิธีเดียวที่เขาจะชนะได้ก็คือ....
เอาคืนมันด้วยวิธีเดียวกับที่มันทำกับเรา!