ตอนที่แล้วGE227 สู่ฉุ่ยหลิง [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE229 เอาชนะทหารศิลา [ฟรี]

GE228 เขาโม่หลัว [ฟรี]


สู่ฉุ่ยหลิงนำหนิงฝานและศพนางสวรรค์มุ่งขึ้นเขา

ระหว่างทาง ทั้งสามพบเหล่าผู้เฝ้าอารักขาเส้นทาง เมื่อคนเหล่านั้นเห็นสู่ฉุ่ยหลิง ต่างคารวะด้วยความเคารพ

ไม่มีผู้ใดกล้าถามว่าหนิงฝานเป็นใคร

สู่ฉุ่ยหลิงเองก็ไม่ได้กล่าวมากความ นางพูดคุยกับหนิงฝานเล็กน้อย แต่เมื่อได้พูดคุย คำกล่าวที่ลึกล้ำของหนิงฝานก็ชวนให้นางสนใจ

“นายน้อยช่างเป็นบุรุษที่อ่อนโยน...”

“บุรุษที่อ่อนโยน...” หนิงฝานหัวเราะ หากนางรู้ว่าเขาคือปีศาจที่ทุกคนในทะเลส่วนนอกหวาดกลัว นางคงจะเปลี่ยนความคิดทันที

หนิงฝานขบคิดถึงลักษณะและบางสิ่งที่ดูประหลาดของนาง

ราวกับว่าอีกไม่นานก็จะสิ้นอายุขัย...

หากหนิงฝานสัมผัสไม่ผิด ในร่างกายของนางสมควรมีดวงวิญญาณที่ทรงพลัง ที่กำลังกัดกินพลังชีวิตของนาง ซึ่งจะทำให้นางสิ้นอายุขัยในอีกไม่นาน

ส่วนดวงวิญญาณที่หนิงฝานสัมผัสได้นั้น สมควรเป็น...

หนิงฝานขมวดคิ้ว เขาต้องหาทางช่วยเหลือนาง

เขาจะให้นางเสียชีวิตไม่ได้ เพื่อผลประโยชน์ของเขาเอง...

เมื่อเดินจนสุดเส้นทาง ก็เจอประตูขนาดยักษ์เบื้องหน้า

เมื่อเดินไปถึงหน้าประตู สู่ฉุ่ยหลิงหยุดฝีเท้า นำแผ่นโลหะพร้อมกับโคจรวิชาลับ

ประตูขนาดยักษ์สั่นเทา ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสีแดงหายไป

“นายน้อยซัว ท่านพ่ออยู่ในวัง แต่นายน้อยต้องจำไว้ หากพบท่านพ่อ ท่านต้องระวังตัวไว้ด้วย...”

“ขอบคุณแม่นางที่กล่าวเตือน ข้าจะระวัง”

นางเป็นกังวล เพราะบิดาของนางเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็ว และสังหารคนอย่างกับผักปลา ต่อให้หนิงฝานจะเป็นผู้เยาว์ที่โดดเด่น แต่หากบิดาของนางไม่พอใจก็เป็นอันตรายอย่างมาก

ยามนี้บิดาของนางสมควรให้การต้อนรับซัวหมิง นั่นยิ่งทำให้นางเป็นกังวล ว่านายน้อยซัวจะถูกสังหาร...

แต่แล้วเรื่องที่นางคาดไม่ถึงก็ปรากฏ เมื่อประตูขนาดยักษ์หายไป ชายชราสองคนก็ปรากฏตัว เมื่อสองคนนั้นเห็นหนิงฝาน ทั้งสองเร่งป้องมือคารวะ!

“สหายเต๋าซัว ในที่สุดเจ้าก็มา ฮ่าฮ่า ข้ากำลังรออยู่พอดี!”

“ฮ่าฮ่า! น้องซัว มาเถอะ!”

คนแรกที่กล่าวคือสู่ลู่ฉาน อีกคนคือเหยียนซ่งสื่อ

เมื่อกล่าวจบ ชายชราทั้งสองก็สลายเป็นหมอกควันหายไป!

“ท่านพ่อ… ท่าน...”

สู่ฉุ่ยหลิงตกตะลึง แต่นั่นยิ่งทำให้นางดูน่ารัก

นางคาดไม่ถึงว่าบิดาและลุงหยานจนออกมาต้อนรับนายน้อยซัวด้วยตนเอง

เดิมทีนางกลัวว่านายน้อยซัวหมิงจะไปทำให้บิดาของนางโกรธเคือง แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น

แต่จู่ๆนางกลับนึกบางสิ่งได้

หรือว่า...นายน้อยซัวคือผู้ที่บิดาของนางเฝ้ารอ… ซัวหมิง?

“เป็นไปไม่ได้… ชื่อเสียงของซัวหมิงฟังดูชั่วร้าย… เขาจะเป็นนายน้อยซัวไปได้ยังไง… แต่ต่อให้นายน้อยซัวคือซัวหมิงจริงๆ เหตุใดท่านพ่อและท่านลุงเหยียนถึงได้ดูนับถือนายน้อยซัวมากขนาดนั้น”

ท่าทางยามที่บิดาของนางป้องมือ มันเหมือนกับเมื่อยามที่บิดาของนางคารวะท่านชวี่ เป็นการคารวะที่ออกมาจากใจ… และยามนี้ นายน้อยซัวก็ได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นเหมือนกัน

ส่วนเหยียนซ่งสื่อ เมื่อยามที่มันป้องมือคารวะ มันถอยหลังครึ่งก้าว เป็นการแสดงออกว่ามันหวาดกลัวหนิงฝาน… การที่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณจะหวาดกลัวผู้เยาว์นั้น ไม่ใช่เรื่องธรรมดา

สู่ฉุ่ยหลิงไม่เข้าใจเหตุผล คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

นางจ้องมองหนิงฝานไม่วางตา ราวกับอยากรู้คำตอบ

“ข้าขอถามนามของท่านได้...หรือไม่...”

“เสียมารยาทแล้ว… ข้าพบแม่นางฉุ่ยหลิงตั้งหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้บอกนามของข้า… ข้าชื่อซัวหมิง!”

ซัวหมิง!

เขาคือซัวหมิง!

ซัวหมิงในจินตนาการของนางกับตัวจริง แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ปะ… เป็นไปไม่ได้!”

นางจ้องมองหนิงฝานราวกับไม่อยากเชื่อสายตา ผู้เยาว์เบื้องหน้าคือปีศาจที่ทุกคนในทะเลตะวันออกหวาดกลัวหรือ?

คนผู้นี้ไม่เหมือนคนชั่วเละแม้แต่น้อย

ก่อนหน้านี้ บิดาได้บอกกล่าวนางว่า ตนได้เชิญซัวหมิงมาเยือนที่แห่งนี้ ให้นางมาพบซัวหมิงด้วย แต่ยามนั้นนางกลับปฏิเสธไป

“นายน้อยช่างปกปิดตัวตนได้ดีนัก”

ก่อนหน้านางกล่าวประโยคคล้ายๆ และตอนนี้นางก็กล่าวมันอีกครั้ง แต่ความรู้สึกแตกต่างกันสิ้นเชิง

ยามนี้นายน้อยซัวเบื้องหน้านาง เป็นถึงคนที่บิดาและลุงเหลียนให้ความเคารพ… นางดูถูกคนผู้นี้เกินไป

แม้ชื่อเสียงของซัวหมิงจะชั่วร้าย แต่นางเชื่อสายตาตนเอง

ก่อนหน้านี้นางกล่าวเตือนซัวหมิงไปมากมาย ช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอาย

นายไม่พอใจเล็กน้อย ซัวหมิงถึงไม่บอกชื่อจริงตน จนทำให้นางเสียหน้า

แม้ว่านางจะเข้าใจ แต่อีกฝ่ายเป็นซัวหมิง นางจึงเริ่มหวาดกลัว

“เขาคือซัวหมิง… เป็นซัวหมิง”

นางคขบคิดอยู่ร้อยตลบ ว่าจะทำหน้ายังไง

เมื่อครู่ที่ชายชราทั้งสองปรากฏตัวและคารวะให้ หนิงฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย

การที่สู่ลู่ฉานแสดงออกถึงความเคารพ เป็นเรื่องที่น่าประหลาด แม้จะไม่ทราบที่มา แต่น่าจะไม่เป็นอันตราย

ส่วนเหยียนซ่งสื่อที่คารวะพลางถอยครึ่งก้าวนั้นไม่ถือเป็นเรื่องแปลก เพราะผู้ที่ทำลายห้าฝ่ามือประสานของมันได้ด้วยหมัดเดียวล้วนเป็นที่ต้องพึงระวัง เพราะหากมันถูกหมัดเข้า มันต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน

ส่วนสั่วถงที่ไม่ได้ปรากฏตัวนั้น มันคงหนีไปพร้อมกับเหล่าผู้เยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุด...

“ฮ่าฮ่า… ที่สหายเต๋าซัวมาในวันนี้ ข้าเดาว่าสหายเต๋าคงมาพูดคุยเรื่องที่แห่งนั้นใช่มั้ย?”

“ถูกต้อง”

ณ ใจกลางวังหลัก ภายในที่นั่งรับรอง

สู่ลู่ฉานไม่ได้กล่าวมากความ เมื่อมันนำหนิงฝานนั่ง มันก็เร่งนำแผนที่ออกมา กางลงบนโต๊ะ

“สหายเต๋าซัวลองดูนี่ นี่คือแผนที่รอบนอกของดินแดนโลกล่มสลาย มีพื้นที่ประมาณ 70 ล้านลี้… ข้าเชื่อว่าสหายเต๋าจะไม่ปฏิเสธภารกิจของข้า ส่วนเรื่องความช่วยเหลือที่จะมีให้ หากสิ่งที่สหายเต๋ากล่าวเป็นประโยชน์ ข้าก็ไม่ขัด… สหายเต๋าลองดูแผนที่ก่อน ข้าอยากรู้ว่าเจ้ามั่นใจแค่ไหนว่าจะสังหารสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียมได้ 150 ตัวในเวลา 5 เดือน”

อะไรนะ! นี่ข้าหูฟาดไปหรือเปล่า! บิดาข้าขอให้นายน้อยซัวสังหารสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียม 150 ตัว!

สู่ฉุ่ยหลิงที่ตามมาด้วยตกตะลึง

ดินแดนโลกล่มสลาย! สถานที่ที่แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกขั้นสูงสุดยังเสี่ยงชีวิต ยิ่งให้สังหารสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียม 500 ตัวในเวลา 5 เดือน… เป็นไปไม่ได้

นางได้ยินว่าซัวหมิงชั่วร้าย แข็งแกร่งจนได้ชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่แข็งแกร่งที่สุด แต่การที่ให้เขาเข้าไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้น บิดาของนางก็บ้าเกินไป

นางก้มมองแผนที่ ภายในนั้นเต็มไปด้วยรูปวาดภูเขาและสายน้ำ นอกจากนี้ ยังมีจุดสีแดงวงไว้มากมาย

แต่ละวงเป็นตำแหน่งของสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียม

แม้ในแผนที่จะเป็นเพียงขอบนอกของดินแดนโลกล่มสลาน แต่ในพื้นที่ 70 ล้านลี้นั้น อย่างน้อยๆก็มีสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียมอยู่หลายร้อยตัว

5 เดือนสังหารให้ได้ 150 ตัว ต่อให้บิดาของนางเข้าไปเอง ยังมั่นใจเพียง 7 ใน 10 ส่วนว่าจะทำสำเร็จ ดังนั้นซัวหมิงที่ยังไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ จะมั่นใจขนาดไหน

“เดิมทีข้ามั่นใจ 7 ใน 10 ส่วน แต่เมื่อมีแผนที่ ข้าก็มั่นใจ 8 ใน 10 ส่วน เพราะมันช่วยให้ข้าหลีกหนีอันตรายได้”

อะไรนะ! 8 ใน 10 ส่วน!

สู่ฉุ่ยหลิงตกตะลึง แม้หนิงฝานจะกล่าวเช่นนั้น แต่นางรู้ว่าที่เขากล่าว เขาไม่ได้โอ้อวดแต่อย่างใด แต่ซัวหมิงมั่นใจถึง 8 ใน 10 ส่วน นั่นหมายความซัวหมิงแข็งแกร่งกว่าบิดาตน?

“8 ใน 10 ส่วน...” สู่ลู่ฉานหันมองเหยียนซ่งสื่อด้วยแววตากังวล

8 ใน 10 ส่วนเป็นตัวเลขที่สูง เหตุใดบิดาถึงยังไม่พอใจ?

“เหตุที่ข้ากล่าวว่า 8 ใน 10 ส่วนนั้น เพราะท่านให้ข้าดูเพียงแผนที่รอบนอกของดินแดนโลกล่มสลาย ข้าไม่รู้ว่าจะมีสัตว์อสูรใดๆนอกจากในแผนที่ มาจ้องเล่นงานข้าหรือเปล่า จึงไม่กล้ากล่าวว่ามั่นใจ”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้… หากสหายเต๋ากล่าวเช่นนั้น ข้าก็วางใจ สหายเต๋าไม่ต้องกังวลว่าจะมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังยิ่งกว่าคอยจับตา เพราะที่ส่วนในจะมีข่ายอาคมที่ขวางไม่ให้พวกมันออกมาส่วนนอกได้”

“ข่ายอาคม?”

หนิงฝานขมวดคิ้ว การที่ดินแดนโลกล่มสลายมีข่ายอาคมป้องกันส่วนในเอาไว้ แสดงว่าที่นั่นเก็บซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้ แต่ตราบใดที่ไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางก็ไม่นับเป็นอันตราย

“หากไม่มีสิ่งใดมารบกวน ข้าก็มั่นใจว่าจะทำภารกิจของท่านได้สำเร็จ”

“เป็นเช่นนั้นได้ยิ่งดี...”

สู่ลู่ฉานผ่อนคลายลงมาก หากหนิงฝานยังไม่อาจทำได้ คงไม่มีผู้ใดทำได้

“เช่นนั้น สหายเต๋าซัวลองดูสิ่งที่ข้าเตรียมไว้ให้ก่อน หากขาดสิ่งใดก็ขอให้บอก”

เมื่อกล่าวจบ ชายชราก็ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนก่อนปรบมือ สาวงามทั้ง 12 นางก็ปรากฏตัว

พวกนางทุกคนล้วนเป็นกระถางขัดเกลาชั้นยอด วิชาเย้ายวนเป็นเลิศ เมื่อเห็นหนิงฝาน พวกนางต่างคารวะด้วยเคารพ

“บ่าวคารวะนายท่าน...”

พวกนางทั้งหมดล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม

เหตุที่ชายชราทำสีหน้ากระอักกระอ่วน เพราะเตรียมสตรี 12 นางเพื่อเป็นกระถางขัดเกลามอบให้กับผู้อื่น

แต่สู่ฉุ่ยหลิชินกับเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว เพราะผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรม การที่จะมอบกระถางขัดเกลาให้นับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แม้ว่านางจะไม่พอใจก็ตาม...

นางรู้ว่าสตรีทั้ง 12 นางนี้คือกระถางขัดเกลาดวงจิตแรกเริ่มที่เหลืออยู่ คาดไม่ถึงว่าบิดาของนางจะมอบให้ซัวหมิงทั้งหมด โดยไม่เก็บไว้ประมูล

“พวกนางทั้ง 12 คนเติบโตมาในนิกายแห่งนี้ ร่างกายของพวกนางเหมาะกับการเป็นกระถางขัดเกลาอย่างมาก… หวังว่าสหายเต๋าซัวจะพอใจ”

หนิงฝานได้แต่ถอนหายใจ

แม้จะได้กระถางขัดเกลามา 12 คน แต่พวกนางไม่ใช่กระถางขัดเกลาตัดวิญญาณ

“สหายเต๋าต้องการกระถางขัดเกลาตัดวิญญาณเหรอ?” ดูเหมือนสู่ลู่ฉานจะเข้าใจความคิดหนิงฝาน

“เป็นอย่างท่านว่า...” หนิงฝานยิ้มเจื่อน

“เอ่อ… จริงๆแล้วข้าก็อยากให้เจ้า แต่ว่าเผ่าปีศาจยักษ์จากทะเลส่วนในต้องการ หากมอบให้สหายเต๋าไป คงไม่ใช่

“อืม...” หนิงฝานไม่อยากกล่าวให้มากความ

“นับจากวันนี้ไป พวกเจ้าเป็นกระถางขัดเกลาของข้า หากไม่ขัดขืน ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้า!”

“ขอบคุณนายท่านที่ไว้ชีวิต!”

หนิงฝานกล่าวอย่างชัดเจนว่า หากไม่ขัดขืนก็มีชีวิตรอด อย่างมากก็แค่ถูกดูดซับพลังเท่านั้น

การได้มีชีวิตคือข่าวดีสำหรับกระถางขัดเกลา พวกนางจึงกล่าวขอบคุณ

สู่ฉุ่ยหลิงไม่ค่อยพอใจที่หนิงฝานรับกระถางขัดเกลา แต่ด้วยสิ่งที่หนิงฝานกล่าว หากเทียบกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆก็ดีกว่ามาก

แม้จะไม่ได้กระถางขัดเกลาตัดวิญญาณ แต่หากเข้าร่วมงานประมูลก็อาจมีโอกาสได้นาง

เมื่อได้เห็นหนิงฝานรับกระถางขัดเกลาอย่างไม่มีความสุขนัก สู่ลู่ฉานทำได้เพียงยิ้มเจื่อน ดูเหมือนการจะซื้อใจซัวหมิงผู้นี้จะยังไม่พอ

หากเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่ได้กระถางขักเกลาดวงจิตแรกเริ่มมาถึง 12 คน นับว่าเป็นประโยชน์กับคนผู้นั้นเป็นอย่างมาก แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณแล้ว ไม่นับเป็นอันใด

ชายชรานำชุดเกราะสีเงินออกมาให้

“นี่คือ… สมบัติครบชุดที่ท่านกล่าวไว้เหรอ?” แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยน สมบัติครบชุดเช่นนี้หาได้ยากมาก

“ถูกต้อง มันมีชื่อว่า ‘เกราะสีเงิน’ เป็นสิ่งที่ผู้สร้างผู้เก่งกาจได้มอบให้ข้า… ชุดเกราะนี้แบ่งออกเป็น 7 ส่วน ทุกส่วนเป็นสมบัติพิภพระดับต่ำ พวกมันจะช่วยเสริมการเคลื่อนไหว การจู่โจม และการป้องกันให้เจ้า หากเจ้าสวมมัน จะทำให้รับมือกับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลางได้ นอกจากนี้ มันยังมีความสามารถพิเศษอย่างเช่น ‘ข่ายอาคมวิญญาณ’ ด้วย”

“ข่ายอาคมวิญญาณ?” หนิงฝานขมวดคิ้ว แม้หนิงฝานไม่ได้สวมใส่เกราะ ร่างกายในขอบเขตกระดูกหยกของเขาก็สามารถต้านรับฝ่ามือห้าผสานของเหยียนซ่งสื่อได้

“เกราะครบชุดและวิชาข่ายอามคมวิญญาณ หากเจ้าทำพันธะสัญญากับมัน ยามต่อสู้ ข่ายอาคมวิญญาณจะช่วยเสริมพลังให้เจ้าไม่น้อย… แม้เจ้ายังไม่บรรลุขอบเขตกระดูกหยก การจะเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณก็ไม่ใช่เรื่องยากอีก แม้เป็นข้าก็สู้เจ้าไม่ได้”

“น่าสนใจ… แต่ข้าอยากขอให้ท่านอธิบายเพิ่มเติม”

หนิงฝานเชื่อว่าชายชราไม่ได้โกหก

แต่ถึงอย่างนั้น สมบัติระดับนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ชายชราควรจะมี

นอกจากนี้ บนชุดเกราะก็มีสัญลักษณ์บางอย่างสลักไว้ ราวกับบ่งบอกถึงผู้สร้าง

แต่การรับชุดเกราะมาเช่นนี้ เขากลัวว่าหากสมใส่ไปแล้วจะถอดออกไม่ได้ง่ายๆ

สัญลักษณ์บนชุดเกราะที่เห็น เป็นรูปภูเขาสีดำขนาดใหญ่

คล้ายกับหมัดที่หนิงฝานชกออกในคราวที่ปะลองกับเหยียนซ่งสื่อ

อีกอย่าง ท่าทางที่สู่ลู่ฉานเคารพเขา บางทีอาจจะเกี่ยวกับสัญลักษณ์นี้ด้วยก็ได้

สัญลักษณ์คือสิ่งใด...

“ข้าจะบอกเล่าให้สหายเต๋าฟัง… สัญลักษณ์นี้คือสัญลักษณ์ของเผ่าปีศาจยักษ์ในทะเลส่วนใน มีชื่อว่า ‘เขาโม่หลัว’ ท่านชวี่เป็นคนซื้อมาให้ข้า… สหายเต๋ารู้จักเขาโม่หลัวหรือเปล่า?”

“เขาโม่หลัว...”

เมื่อกล่าวชื่อของมัน หนิงฝานรู้สึกราวกับรอยสักปีศาจที่แผ่นหลังกำลังร้อนขึ้น

นั่นหมายความว่า รอยสักและเขาโม่หลัวจะเกี่ยวข้องกัน...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด