บทที่ 239 - แกน่ะตายไปแล้ว (2) [30-11-2019]
บทที่ 239 - แกน่ะตายไปแล้ว (2)”
ขนาดสองเมตรกับอีกสามสิบเซ็นติเมตรค่อนข้างจะสั้นเมื่อเทียบกับสมาชิกกองทัพปีศาจวิบัติคนอื่นๆ ในพริบตาเดียวหอกมังกรแปดหางได้แทงผ่านและตัดหัว หัวใจ ง่ามขา หน้าทอง หาง ขาทั้งสองข้าง แขนทั้งสองข้าง
[ติดคริติคอล!]
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับบันทึกเอนาร์ด เลเวล 302]
[สกิลบันทึกได้กลายเป็นเลเวล 9 คุณในตอนนี้สามารถที่จะจัดการแบ่งบันทึกที่เกี่ยวกับกองทัพปีศาจวิบัติได้]
การโจมตีครั้งแรกได้เกิดคริติคอลขึ้นมา เขาได้ยกระดับสัมผัสทั้งมดขึ้นจนสูงสุดแล้วใช้หอกไร้วิถึมันก็มีโอกาสที่จะเกิดคริติคอลขึ้นอยู่แล้ว
[สกิลยมทูตได้ถูกเปิดใช้งาน ความสามารถทั้งหมดเพิ่มขึ้น 8% หากคุณไม่ได้ฆ่าศัตรูคนอื่นๆอีกภายในสามชั่วโมงสกิลนี้จะถูกหยุดใช้งานโดยอัตโนมัติ]
สกิลยมทูตได้ถูกเปิดใช้งานแล้วและความสามารถของยูอิลฮานก็ได้เพิ่มขึ้นอีก 8% เพราะแบบนี้ ในตอนที่สกิลยมทูตยังเลเวลหนึ่งอยู่ การฆ่าหนึ่งตัวจะเพิ่มพลังเขา 0.1% เท่านั้นเอง แต่ในตอนนี้ที่เขาเชี่ยวชาญแล้วมันได้ต่างไปอย่างเดิมอย่างสิ้นเชิง มันต่างไปจากเดิมทั้งการเพิ่มค่าสถานะและเวลาของมัน
"ดีล่ะ ถ้างั้นก็"
การซ่อนตัวของเขายังไม่ถูกยกเลิกลงและสัญญาเตือนจากฝั่งกองทัพปีศาจวิบัติก็ยังไม่มีขึ้นมา แถมเนื่องจากเขาได้เลือกฆ่าปีศาจที่หลบมาพักอยู่ไกลจากคนอื่นทำให้ไม่มีใครรู้เลย เขาได้หันไปมองรอบๆ
"เสร็จไปหนึ่ง"
สอง สาม สี่ - จำนวนที่เขาฆ่าได้เพิ่มขึ้นไปอย่างราบรื่น เขาได้ฆ่าจะต้องฆ่าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อที่ให้ถึงเวลาสู้จริงลูกน้องเขาจะได้บาดเจ็บน้อยที่สุด ยูอิลฮานได้โจมตีต่อออกไปเรื่อยๆด้วยพลังทั้งหมดของเขา
[คุณได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 279 พละกำลังเพิ่มขึ้น 1 ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 1 พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 1 พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 2]
ห้า หก เจ็ด แปด ในตอนนี้สกิลยมทูตของเขาได้เพิ่มความสามารถเขาจนถึงขีดสุดที่ 200% แล้ว
[คุณได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 280 พละกำลังเพิ่มขึ้น 2 ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 1 พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 1 พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 1]
ยังไงก็ตามมันยังไม่ได้หมดแค่นี้ ยูอิลฮานได้เล็งจัดการพวกคนที่ไปพักอยู่ไกลจากคนอื่นๆ และเพราะแบบนี้ทำให้เขาไม่ถูกพบตัวได้ง่ายๆ เขาได้ลอบสำเร็จไปจนกระทั่งยี่สิบสี่คน
'ฉันจะทำยังไงดีนะ เพราะอะไรซักอย่างมันกลายเป็นสนุกเฉยเลยแหะ'
เนื่องจากเขาได้ใช้ประกายเพลิง โลหิตมังกร และหอกไร้วิถีในเวลาเดียวกันทั้งหมดทำให้ไม่ว่าเขาจะมีมานามากแค่ไหน หรือมีการฟื้นฟูจากการช่วยของเครื่องประดับยังไง เขาก็ยังคงมีมานาที่จำกัดอยู่ดี
แต่ว่าในทุกๆครั้งที่มานาของเขาใกล้ไปถึงขีดจำกัด เลเวลของเขาก็จะเพิ่มขึ้นทำให้มานาถูกเติมเต็มอีกครั้งดังนั้นเขาจึงไม่ได้หยุดการลอบสังหารเลย! ในตอนนี้เลเวลของเขาใกล้จะไปถึงขีดสุดของคลาส 4 แล้ว ที่นี่เขาได้เพิ่มฆ่าประสบการณ์ขึ้นเหมือนกับในตอนที่อยู่คลาส 2 เลย
[คุณได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 281 พละกำลังเพิ่มขึ้น 1 ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 2 พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 1 พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 1]
ในเมื่อการลอบสังหารนี้กลายเป็นเรื่องสนุกสำหรับเขาไปแล้ว ทำให้ยูอิลานได้อารวาดไปทั่วค่ายเพื่อฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่กระจายตัวกันอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
การโจมตีของเขาที่ถูกพลังจากสกิลยมทูตรวมไปถึงพรจากนายูนาเพิ่มขึ้นมาทำให้เขามีพลังมากพอที่จะทำลายเมื่อง ทำลายสมาชิกกองทัพปีศาจวิบัติที่พลั้งเผลอได้โดยที่ไม่มีใครเอาตัวรอดมาจากการโจมตีของเขาได้เลย
เพราะแบบนี้จำนวนศัตรูที่เขาฆ่าไปได้ทะลุสี่สิบตัวไปแล้ว เจ็ดสิบสองตัว และหนึ่งร้อยหกสิบห้าตัว แถมตลอดการฆ่านี้เขาก็ยังไม่ถูกเจอเลยสักนิดเดียว
[คุณได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 288 พละกำลังเพิ่มขึ้น 1 ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 2 พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 1 พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 1]
[สกิลบันทึกได้เพิ่มเลเวล 24 คุณได้สะสมบันทึกที่เกี่ยวข้องกับกองทัพปีศาจวิบัติได้มากพอทำให้เมื่อคุณเผชิญหน้ากับคนของกลุ่มนี้ความสามารถทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 10%]
"เจ้าพวกบ้านี่"
ยูอิลฮานคิดว่านี่มันบ้ามากๆ ไม่ว่าพวกนี้จะไม่ระมัดระวังตัวขนาดไหน แต่การที่สมาชิกกว่าครึ่งของค่ายได้ตายไป แต่คนที่มีชีวิตรอดอยู่ยังไม่รู้ตัวนี่มันไม่ปกติแล้ว
พวกนี้อยู่ในสนามรบนะ แต่พวกมันกลับทำตัวผ่อนคลายโดยไม่ตรวจสอบสมาชิกคนอื่นๆเลย! พวกมันไม่สนใจเลยว่าใครจะทำอะไรหรือตายไป!
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับบันทึกเคโลทูกะ เลเวล 313]
"หรือว่าบางทีพวกนี้มันเป็นพวกไร้ประโยชน์ของกองทัพปีศาจวิบัติกันนะ...?"
จากความสำเร็จการลอบสังหารสมาชิกกองทัพปีศาจวิบัติไปกว่า 200 คนได้ทำให้ยูอิลฮานต้องเริ่มมาตั้งใจคิดแล้ว
แม้ว่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงจะหาได้ยากมากๆจากมุมมองของสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ แต่ว่าจากจำนวนโลกนับไม่ถ้วนและเฉลี่ยสมาชิกของกองทัพวิบัติหนึ่งคนต่อหนึ่งโลกนับไม่ถ้วนพวกนั้น 300 คนก็นับเป็นจำนวนที่เล็กน้อยมากพอดู ถ้าหากมันเป็นแบบนี้ไม่ใช่ว่า 300 คนนี่เป็นแค่เครื่องสังเวยงั้นหรอ? ใช่แล้ว นี่มันเป็นไปได้! เทลากะก็ยังทำตามใจตัวเองเหมือนพวกนี้ไม่มีค่าอะไรเลย แล้วเจ้าพวกนี้ก็ดูเหมือนจะรู้ตัวในการเป็นเครื่องสังเวรแล้วทำตามแผนด้วย
ยูอิลฮานได้ตัวสั่นขึ้นมากับอารยธรรมบ้าๆของฝ่ายสิ่งมีชีวิตชั้นสูง แน่นอนว่านี่มันเป็นความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ของเขาเอง
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานมากแค่ไหนสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็ยังคงเป็นสิ่งที่น่าเคารพนับถือแม้เพียงได้ยินชื่อ ดังนั้นจึงไม่มีใครที่ทำเหมือนกับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงไร้ประโยชน์เลย ที่ทั้งหมดเป็นแบบนี้ก็เพราะยูอิลฮาน เขาเป็นตัวตนที่มองข้ามบาเรีย การป้อมกัน การมองเห็น และเวทย์เตือนภัยทั้งหมด!
ถ้าหากว่าเรื่องในวันนี้ถูกฝ่ายต่างๆได้รู้เข้าก็จะไม่มีใครมาเชื่อใจในเวทย์ของพวกเขาอีกแล้ว สำหรับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแล้วพวกเขามองการเฝ้ายามแบบมนุษย์ เปลื่ยนกะ แล้วผลัดกันไปนอนเป็นเรื่องตลก
ยังไงก็ตามมีสิ่งหนึ่งคือสิ่งสำคัญ นั่นก็คือกองทัพปีศาจแห่งการทำลายยังไม่ได้รู้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ในตอนนี้เลย
ในอีกแง่หนึ่งนี่ก็คือเครื่องสังเวยสำหรับฝ่ายต่างๆเช่นกัน เครื่องสังเวยที่ใช้เพื่อเป็นเครื่องเตือนถึงอันตรายของยูอิลฮานไปให้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งสี่ฝ่ายได้รู้
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 292 พละกำลังเพิ่มขึ้น 1 ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 1 พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 1 พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 2]
[สกิลบันทึกได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 30 บันทึกที่เกี่ยวข้องกับกองทัพวิบัติได้ฝังลึกไปในวิญญาณของคุณทำให้เมื่อเผชิญหน้ากองสมาชิกกองทัพปีศาจวิบัติความสามารถทั้งหมดของคุณจะเพิ่มขึ้น 20%]
'แปลกแปะ ฉันได้ใช้เวลาตั้งนานกว่าจะได้คลาส 4 มาแต่ในตอนนี้ฉันได้มีเลเวลถึง 292 แล้วทั้งๆที่เพิ่งได้รับคลาสมาไม่นาน การเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่คนอื่นว่ายากมันยากตรงไหนกัน? ... นอกไปจากนี้ฉันก็คิดว่าฉันเริ่มรู้สึกได้ถึงแนวคิดของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงนิดๆแล้ว'
แม้กระทั่งในตอนที่เขาได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมากที่คนอื่นๆต้องใช้เวลาหลายพันปีกว่าจะได้รับมา แต่เขาก็ยังคิดในสิ่งที่ทำให้สิ่งมีชีวิตชั้นสูงคนอื่นๆต้องกระอักเลือดออกมา
ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้สกิลบันทึกสุดโกงของเขาก็กำลังเปล่งประกายออกมายิ่งกว่าเดิม สกิลนี้ได้เก็บบันทึกข้อมูลพื้นฐานของกองทัพปีศาจวิบัติ และยังไม่ใช่แค่นี้มันยังมีแนวคิดของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่สลักเข้าไปในวิญญาณของเขาทำให้เขาก้าวหน้าไปสู่ระดับต่อไป
สำหรับในเรื่องนี้แล้วยูอิลฮานนับว่าสบายกว่าเมื่อนำไปเทียบกับหัวหน้ากองกำลังต่างๆที่ต้องฝ่าฟันเส้นทางด้วยตัวเอง
พวกเขานั้นได้เดินสู่เส้นทางของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงโดยที่ไม่มีอะไรให้พึ่งพาเลย พวกเขาได้ลองทุกๆอย่างเจอทั้งความสำเร็จและความผิดพลาดนับไม่ถ้วน ส่วนยูอิลฮานกลับมาดูดบันทึกข้อมูลทั้งหมดของพวกเขาไปเพิ่มพลังตัวเองแบบสบายๆ
แน่นอน 'การดูดซับ' เป็นคำพูดที่ดี แต่ว่าความเป็นจริงแล้วเขาไม่ต่างไปจากหัวขโมยเลยสักนิด
[หืม เพราะอะไรกันนะมันถึงรู้สึกแปลกๆ]
แต่ไม่ว่ายูอิลฮานจะมีพรสวรรค์ในการซ่อนตัวกับการลอบสังหารมากแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะลอบสังหารได้ทั้งคค่ายนี้
หลังจากพวกกองทัพปีศาจวิบัติ 200 กว่าคนได้ตายไปแล้ว ความหนาแน่นของมานาก็ได้ลดต่ำลงไปจนสิ่งมีชีวิตชั้นสูงตระหนักได้โดยไม่ตั้งใจ
[ฉันไม่เห็นเจอเกเลตอร์นมาสักพักแล้วนะ เจ้านั่นกลับไปที่กำแพงแห่งความโกลาหลงั้นหรอ? มีใครรู้อะไรไหม?]
[...ไม่ นี่มันไม่ใช่แล้ว นี่คือการโจมตี การโจมตี!]
[ไม่มีทางน่า มีเวทย์เตือนภัยถูกร่ายเอาไว้แล้วมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรได้... บ้าน่า นี่มันรอยเลือด]
ในที่สุดสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็ได้สลัดความขี้เกลียดออกไป ถึงแม้ว่ามันจะน่าขำมากทีเดียวที่พวกมันจะยังมองไม่เห็นยูอิลฮานเลย แต่ว่าเนื่องจากพวกมันได้มารวมตัวกันทำให้หากยูอิลฮานฆ่าใครสักคนในกลุ่ม เขาก็จะเผยตำแหน่งออกมาทันที
'แต่ว่าด้วยจำนวนแค่นี้ เราก็น่าจะกวาดล้างได้โดยไม่มีปัญหาอะไร เทลาก้าก็ออกไปจากที่นี่แล้ว... เยี่ยมไปเลย เจ้านั่นไม่ได้สนใจที่นี่แล้ว'
เนื่องจากยูอิลฮานได้เริ่มฆ่าคนที่มีเลเวลต่ำที่สุดก่อนทำให้สมาชิกของกองทัพวิบัติที่เหลืออยู่ทั้งหมดต่างก็เป็นพวกแข็งแกร่งที่มีเลเวลสูงกว่า 320 ส่วนคนที่มีเลเวลสูงที่สุดคือ 367 คนที่ยูอิลฮานไม่อาจจะฆ่าได้ใน 'ตอนแรก' ที่มาถึงที่นี่!
เจ้านั่นเป็นยักษ์สูง23 เมตรที่นอนพักสบายๆในเต็นท์แยกอยู่ มันได้ขยับร่างกายใหญ่ยักษ์ของมันมองมาที่คนอื่น
[เป็นเขา]
ยักษ์นี่ได้พูดเสียงดังกังวาลออกมาทั่วทั้งค่าย ดวงตาของมันได้เต็มไปด้วยจิตสังหาร
[สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่มีทั้งพลังและการซ่อนตัว ยูอิลฮาน]
[แต่ว่าเจ้านั่นหนีมาจากโลกได้ยังไง?]
[เรื่องนั่นมันไม่สำคัญแล้ว สิ่งสำคัญก็คือไม่มีมนุษย์คนอื่นไหนอีกที่ทำให้เราอยู่ในสภาพนี้ได้ และนี่มันก็หาได้ยากมาก พวกเรากำลังถูกจัดการไปทีละคน พวกเราต้องรวม...]
และจากนั้นยูอิลฮานก็เข้าไปโจมตี เจ้ายักษ์นี่ไม่ใช่แค่แข็งแกร่ง แต่มันก็ยังฉลาดมองที่จะมองออกว่าคนที่ทำคือยูอิลฮานอีกด้วย การฆ่ามันก่อนจะได้ทำอะไรจะเป็นการดีที่สุดแล้ว!
[กรร!]
"ฮ่าห์"
ยูอิลฮานได้ดึงพลังของกล้ามเนื้อไปเหนือขีดสุดด้วยพลังของเทวะกำลัง และใช้เพลิงที่เขามีทั้งหมดทำให้ปลายหอกแหลมคมขึ้น
ด้วยฉายาไม่อาจเอื้อมก็ได้เพิ่มความสามารถของเขาขึ้นไปอีก 20% เมื่อได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่มีระดับสูงกว่าเขา แถมยังมีทั้งพรของนายูนา และสกิลยมทูตเพิ่มขึ้นไปอีก สกิลทั้งหมดนี่ได้ถูกรวมพลังทั้งหมดไว้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริ...]
ข้อความแสดงถึงคริติคอลได้โผล่ขึ้นมาเป็นแถว การโจมตีทั้งหมดของเขาจากหอกไร้วิถีได้เกิดคริติคอลขึ้นทุกครั้ง!
ร่างยักษ์ได้ขาดเป็นชิ้นๆจากการโจมตีนี้ของเขา! ไม่ว่าจะมีพลังป้องกันหรือความทนทานมากแค่ไหน แต่จากการถูกแยกเป็นสิบๆส่วนจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะรอดอยู่ การโจมตีของยูอิลฮานในครั้งนี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก
ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็ไม่ได้ยืนอย่างปลิดภัยอีกแล้ว ศัตรูที่เขามั่นใจว่ามันตายไปแล้วจูๆก็ยื่นมือมาจับเขากลางอากาศ
[อ๊าา ฉันรู้อยู่แล้วว่าแกจะโจมตีฉัน]
"อะไรกัน!? อั๊ก!"
ปากของยักษ์ที่ควรจะฉีกเป็นชิ้นๆได้กลับมาคืนสภาพเดิมราวกับถูกย้อนเวลา จากนั้นมันก็ได้ยิ้มออกมาราวกับว่าจะเป็นการเยาะเย้ย แม้แต่ยูอิลฮานก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกใจกับภาพๆนี้
ระหว่างยูอิลฮานกำลังตกใจ ยักษ์นี่ก็ได้ฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แล้ว มันได้ใช้มือทั้งสองข้างจับยูอิลฮานเอาไว้ราวกับว่าพิสูจน์ว่านี่ไม่ใช่เวทย์นี่ภาพลวงตา
[แค่เพราะฉันมองไม่เห็นแกมันไม่ได้หมายความว่าทุกๆคนจะต้องตายจากการลอบโจมตีของแก]
"เทคนิค...นี่?"
[แกคงจะไม่ได้รู้ถึงสกิลลับที่สืบทอดกันมาจากสายเลือดของยักษ์ที่ส่งผ่านกันเพียงโลกใบเดียวในโลกนับไม่ถ้วนสินะ ฉันสามารถจะฟื้นฟูร่างกายกลับมาสมบูรณ์แบบได้ด้วย 'จิตวิญญาณวีรชน!' ได้เดือนล่ะครั้ง]
สกิลโกงอะไรกันเนี้ย! ยูอิลฮานอยากจะพูดออกไป ยังไงก็ตามเนื่องจากเขาเองก็มีสกิลโกงจำนวนมากเช่นกัน เขาก็เลยไม่อาจจะพูดอะไรได้! ชิ มันแย่มากที่เขาเผลอลดการป้องกันต่อสิ่งมีชีวิตชั้นสูง
[แน่นอนว่าถ้าเป็นการโจมตีที่เหนือกว่าระดับการป้องกันสกิลนี้จะใช้ไม่ได้ แต่โชคดีที่ดูเหมือนระดับของแกจะต่ำกว่าฉัน เป็นยังไงบ้างล่ะ? หลังจากได้สังหารหมู่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงแบบนั้นรู้สึกถึงกำแพงระหว่างเราแล้วสินะ! ใช่แล้ว เราคำนวนไปแล้วว่าคนแบบแกน่ะเป็นพวก หยิ่งยโส!]
นี่มันคือความจริง แม้ว่ายูอิลฮานในตอนนี้จะสามารถรู้ถึงทุกๆอย่างเกี่ยวกับศัตรูที่เขาเคยเจอมาครั้งหนึ่งได้จากสกิลบันทึก แต่ว่าเขาก็ไม่อาจจะเข้าใจในเผ่าพันธ์ที่เกิดมามีความพิเศษได้ในทันที และเผ่าพันธ์นี้ก็ไม่ได้มาจากกองทัพปีศาจวิบัติเองด้วย
ยังไงก็ตามต่อให้เป็นแบบนี้ นี่มันไม่โกงไปหน่อยหรอที่กลับมาเป็นปกติได้หลังจากถูกการโจมตีที่น่าจะฆ่ามันได้น่ะ
[ทุกๆคนระวังเจ้านี่ไว้ ฉันได้ยินมาว่ามันซ่อนตัวจากต่อหน้าสายตาทุกคนได้]
[ถึงนายไม่พูดฉันก็ไม่คิดจะปล่อยมันไปอยู่แล้ว]
[เจ้ามนุษย์ตัวจิ๋วนี่มันฆ่าพวกเรากว่าครึ่งไปงั้นหรอ? เจ้านี่ชั่งเหมาะสมกับสมาชิกของกองทัพปีศาจวิบัติจริงๆ แต่ว่านะ...]
[มันฆ่าพวกของเรา เราจะให้มันได้รับรู้ถึงความกลัวและสยองขวัญจากความตาย]
สมาชิกกองทัพปีศาจวิบัติทั้งหมดที่รอดอยู่ได้มองมาที่ยูอิลฮาน ตัวเขาในตอนนี้อยู่ท่ามกลางกองทัพศัตรูโดยไร้การป้องกันแล้ว หลังจากได้ยินคำพูดของยักษ์นี่ เขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาของสมาชิกทั้งหมดจ้องมาที่เขา...
...และเขาขำออกมา
"โอ้ นี่มันเป็นสกิลเฉพาะตัวสินะ? ฉันอยากเอาสกิลนี้มาใส่อาร์ติแฟคจริงๆเลย"
ในตอนที่เขาพูดแบบนี้ออกมา ร่างของยูอิลฮานก็ได้ละลายไปในอากาศ สิ่งที่มีเหลืออยู่ก็มีแค่เงาดำเพียงเท่านั้น และเงานี่ก็หายไปในไม่ช้า
[อั๊ก]
ในเวลาเดียวกัน เส้นนับสิบก็ปรากฏขึ้นมาบนร่างกายของยักษ์และแยกออกจากกัน ถึงแม้ว่าสกิลยมทูตของยูอิลฮานจะหายไปจากการที่เขาฆ่าศัตรูในครั้งเดียวไม่ได้ แต่ว่าการซ่อนตัวของเขายังอยู่และลอบโจมตีสำเร็จ นอกไปจากนี้เนื่องจากศัตรูไม่อาจจะฟื้นฟูบาดแผนได้จากการโจมตีของยูอิลฮานที่อยู่ระดับสูงเกินไปทำให้มันจบลงทั้งแบบนี้
ถัดจากนั้นข้อความที่ยูอิลฮานชอบที่สุดก็ปรากฏขึ้นมา
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 293 พละกำลังเพิ่มขึ้น 2 ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 1 พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 1 พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 1]
มีคำพูดหนึ่งที่เลียร่าเชื่อมั่นและเป็นคำที่ทำให้ยูอิลฮานมีชีวิตรอดตลอดมา
'มันจะยังไม่จบจนกว่าจะได้รับค่าประสบการณ์'
ยูอิลฮานไม่เคยลืมคำนี้เลย แน่นอนว่าในเวลาแบบนี้ก็เช่นกัน
การซ่อนตัวของยูอิลฮานยังไม่ได้หายไป ศัตรูเห็นได้เพียงแค่ร่างของยักษ์หายเขาไปในช่องเก็บของของยัษ์ แต่พวกมันก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน ริมฝีปากของยูอิลฮานได้โค้งขึ้นมาเป็นรอยยิ้ม
จากนั้นต่อจากนี้เทศกาลก็ยังไม่ได้จบลง ทุกๆคนจะต้องเต้นไปตามการนำของยูอิลฮาน!