GE227 สู่ฉุ่ยหลิง [ฟรี]
เมื่อลิ้นและริมฝีปากสัมผัส ความรู้สึกประหลาดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย...
ไม่นานนัก หนิงฝานก็แยกริมฝีปากออกจากซูเหยา แต่กลิ่นหอมจากกายนางยากจะห้ามใจ
“ได้ยินข่าวว่าประมุขซูเหยาฝึกฝน ‘วิชาบัวฟ้า’ ที่เป็นธาตุไม้… กลิ่นหอมจากกายเจ้าช่างหอมเหมือนดอกบัวสมคำร่ำลือ”
นางประหลาดใจที่หนิงฝานกล่าวชม
ยามนี้นางค่อยๆฟื้นกำลัง พิษพรากพรหมจรรย์ถูกถอนออกจากร่างกาย
ริมฝีปากยังคงอุ่น จากการสัมผัสกับริมฝีปากของหนิงฝานเมื่อครู่
เมื่อหวนนึกถึงวิธีการที่หนิงฝาน ใบหน้านางแดงระเรื่อ จิตใจหวั่นไหว
พิษพรากพรหมจรรย์ หากต้องถูกกายสตรี ความปรารถนาของพวกนางจะพุ่งพร่านอย่างที่ไม่เคยเป็น หากเป็นบุรุษต้องพิษ มันจะทำลายร่างกายของบุรุษอย่างรุนแรง แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานยังคงช่วยนางอย่างไม่ลังเล… สมแล้วที่นางควรจะมอบกายให้
หลังจากได้มีโอกาสใกล้ชิดกับหนิงฝานหลายครั้ง ความรู้สึกที่นางมีให้
นางไม่มีทางลบหนิงฝานออกจากใจ
“ขอบคุณ...” นางจัดแจงอาภรณ์ พลางยิ้มให้หนิงฝาน
“ข้าช่วยเหลือผู้ใด ไม่เคยต้องการคำขอบคุณ… หากเจ้าอยากขอบคุณข้า เมื่อยามที่ข้าไปเยือนนิกายมุกหยกฟ้า เจ้าค่อยตอบแทนข้าเถอะ… ยามนี้พิษยังคงอยู่ในร่างเจ้าส่วนหนึ่ง แต่ด้วยระดับพลังของเจ้าคงขับพิษออกได้ไม่ยาก… ยามนี้เจ้าพักเถอะ ข้ามีเรื่องต้องทำ”
“เจ้าจะไปแล้วเหรอ?” นางเร่งกล่าว แต่ก็คิดได้ว่าคำกล่าวของตนฟังดูคลุมเครือ
แต่แม้คำกล่าวของนางจะฟังดูคลุมเครือ แต่ค่ำคืนนี้… นางอยากให้หนิงฝานอยู่ข้างกาย
นางพยายามจะอธิบาย แต่เมื่อเห็นหนิงฝานเพียงยิ้มไม่ใส่ใจ นางจึงไม่กล่าว หนิงฝานหยิบกระดาษเขียนบางสิ่งลงไป จากนั้นก็พาศพนางสวรรค์จากไป
เมื่อเห็นหนิงฝานกุมมือศพนางสวรรค์ นางรู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อยามที่หนิงฝานมาหา นางหวาดกลัว แต่เมื่อหนิงฝานจากไป นางกลับโศกเศร้า
นางยิ้มมือสัมผัสกับริมฝีปากของตนเบาๆ พลางหวนนึกถึงจูบเมื่อครู่ ใบหน้าแดงก่ำ
“แม้เป็นแค่จูบ… แต่ข้าก็เสียความบริสุทธิ์ให้เจ้า”
จิตใจนางปั่นป่วนสับสน
นางเดินไปตรงหน้าต่าง ใกล้ๆนั้นมีกระดาษที่หนิงฝานเขียนบางสิ่งไว้ แม้ตัวอักษรจะไม่งดงาม แต่ก็เป็นตัวอักษรที่อ่านง่ายและทรงพลัง
ซูเหยาฝึกตนมา 700 ปี อ่านตำราต่างๆมามากมาย จึงเข้าใจจิตใจของผู้เขียนผ่านตัวอักษรได้
เพียงบันทัดแรกที่หนิงฝานเขียนไว้ มันเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ หนักแน่น จนทำให้นางตื่นตะลึง
“ช่างเป็นตัวอักษรที่ดี...”
แต่เมื่อได้อ่านในสิ่งที่หนิงฝานเขียน ใบหน้านางกลับแดงก่ำ พลางแค่นเสียงด้วยโทสะ
“สตรีเปลี่ยวเหงาสำเร็จความใคร่ไม่ผิด… หากเป็นบุรุษแล้วไซร้กล่าวหาว่าชั่วร้าย...”
ความรู้สึกที่มีกับตัวอักษรที่หนิงฝานเขียนสลายหายไปราวกับหมอกควัน
แม้สำเร็จความใคร่จะไม่ใช่เรื่องผิด แต่มันก็น่าอายอย่างบอกไม่ถูก
อีกอย่าง เขาเห็นจริงๆ
“เขาบอกว่าหากครั้งหน้าได้ไปเยือนนิกายมุกหยกฟ้า ค่อยให้ข้าแสดงความขอบคุณ… หรือว่า… เขาจะให้ข้าชดใช้ด้วยร่างกาย”
มือสองข้างสั่นเทา ขบริมฝีปาก เก็บกระดาษที่หนิงฝานเขียนไว้เป็นอย่างดี
หนิงฝานใช้เวลาไม่นานกับการรักษาซูเหยา
หากเทียบกับสตรีคนอื่นๆแล้ว หนิงฝานคงไม่ทำเพียงเท่านี้
ส่วนยู่หลงเอง หนิงฝานก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เขาเพียงแนะนำบางสิ่งและปล่อยมันไปฝึกฝนด้วยตนเอง
อีก 7 วันจะถึงวันงานประมูล หนิงฝานต้องเร่งไปพบสู่ลู่ฉาน
เรื่องหัวใจแห่งมารดาพิภพ หนิงฝานรอได้ แต่ยามนี้ เขาต้องการกระถางขัดเกลามากกว่า
หากได้กระถางขัดเกลาตัดวิญญาณก็คงดี
ยามนี้ กระถางขัดเกลาดวงจิตแรกเริ่มจะให้ปราณได้ประมาณ 20 - 30 เกราะ
แต่หากเป็นกระถางขัดเกลาตัดวิญญาณ อย่างน้อยๆจะได้ปราณถึง 500 เกราะ
บนเกาะปีศาจสำราญแห่งนี้มีทรัพยากรที่ช่วยยกระดับพลังมากมาย
หากทุกสิ่งเป็นไปดั่งหวัง หนิงฝานจะทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดได้… แต่ถึงอย่างนั้น คงต้องหารือกับสู่ลู่ฉานก่อน
ที่สำคัญ บนเกาะแห่งนี้ยังมีแร่มากมาย เหมาะกับการฝึกดรรชนีกระบี่มากเช่นกัน
แต่หากฝึกฝนดรรชนีกระบี่ที่นี่ เกาะแห่งนี้จะเสียหายร้ายแรงเกินไป… ในเมื่อได้สิ่งต่างๆมาจากสู่ลู่ฉานมากมายแล้ว ถึงราวที่หนิงฝานต้องตอบแทนบ้าง
หนิงฝานเหยียบย่างนภาท่องไปตามหิมะโปรย
แม้จังหวะก้าวเท้าจะไม่ได้เร็วมากนัก แต่ก็ทำให้ร่างกายของเขาดูราวกับกลายเป็นลำแสงสีเทา
ระยะทางที่พุ่งทะยาน ราวกับหนึ่งก้าวมุ่งไปได้หลายพันลี้
ย่างก้าวของหนิงฝานรวดเร็วยิ่งกว่าย่างก้าวพริบตาของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม กระทั่งเกือบเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ
แม้จะเหยียบย่างไปยังที่หวงห้าม แต่ก็ยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนใดสัมผัสถึงการมาของหนิงฝานได้
แต่เมื่อหนิงฝานเข้าใกล้ภูเขาลูกหนึ่ง ที่เป็นที่ตั้งของนิกายปีศาจสำราญ ผู้คุ้มกันที่นั่นสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“เจ้าเป็นใคร!”
แต่เมื่อเห็นว่าผู้ที่มาเป็นคนเดียวกับที่สู่ลู่ฉานสั่นไว้ พวกมันก็ผ่อนคลาย และตื่นตะลึงกับวิชาย่างก้าวที่ไม่มีผู้ใดสังเกตุเห็น กระทั่งเข้ามาถึงส่วนหลักของนิกาย
“คารวะนายน้อยซัว! ประมุขแจ้งว่า หากท่านมา ให้เชิญท่านไปยังวังส่วนในทันที”
พวกมันรู้แซ่หนิงฝาน แต่ไม่รู้ชื่อจริง
“อืม” หนิงฝานพยักหน้าพลางนำศพนางสวรรค์เข้าสู่วังส่วนใน
สถานที่แห่งนี้คือภูเขาปีศาจสำราญ เป็นภูเขาที่เกิดจากแร่วิญญาณ สูงแสนจ้างเสียดฟ้า ภูเขาเปล่งแสงสีดำ บนยอดเขามีพระราชวังที่งดงามสร้างอยู่
ที่ตัววัง มีสมบัติและอาวุธมากมายประดับ ทั้งยังแผ่พลังแม่เหล็กที่รุนแรงออกมา
ดูเหมือนวังแห่งนี้จะเป็นสมบัติของสู่ลู่ฉาน
หากอาวุธใดอยู่ใกล้วัง มันจะถูกดึงดูเข้าหาตัววังทันที
ระหว่างทาง หนิงฝานนับอาวุธและสมบัติที่ติดอยู่กับตัววัง รวมๆกันได้อย่างน้อย 100 ชิ้น ซึ่งอาวุธเหล่านี้น่าจะเป็นของผู้ที่สู่ลู่ฉานสังหาร
เมื่อเข้ามาถึงวังส่วนใน เบื้องหน้าก็ปรากฏทางแยกกว่า 10 สาย
ยามนี้หนิงฝานอยู่ในสมบัติของสูลู่ฉาน หากเขาแผ่สัมผัสเทพ อาจทำให้เขาเป็นอันตรายจากพลังแม่เหล็กที่รุนแรง ดังนั้น เขาจึงต้องตัดสินใจเลือกทาง
“แม่นาง...”
หนิงฝานยังไม่ได้ทันได้กล่าวถาม สตรีรับใช้นางหนึ่งบริเวณนั้นก็กล่าวถาม
“ท่านหลงทางหรือ?”
“ข้าหลงทาง”
“เช่นนั้นเชิญนายน้อยตามข้ามา..”
นางมองหนิงฝาน แต่เมื่อสังเกตุเห็นศพนางสวรรค์ที่งดงาม นางตกตะลึง
เหตุใดนายน้อยท่านนี้ถึงได้นำสตรีที่งดงามราวกับนางสวรรค์มาเยือนที่นี่
หนิงฝานไม่ได้กล่าวถามนางว่าจะไปที่ใด แต่ตัวนางเองบอกว่า สู่ลู่ฉานเป็นผู้ให้นางมารอต้อนรับหนิงฝาน
หนิงฝานเดินตามนางไปยังเส้นทางหนึ่ง หลังจากผ่านทางเดินที่มืดสนิทไปไม่นาน ก็เห็นแสงที่ปลายทาง
เมื่อไปถึง ฉากที่หนิงฝานเห็นคือทุ่งบุบผาที่งดงามและหาดูได้ยาก ส่งกลิ่นหอม มีผีเสื้อโบยบิน
ผู้เยาว์หน้าตาดีมากมายพูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย
เสียงดนตรีขับขาน ไกลออกไปมีศาลานั่งพักแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีสตรีอาภรณ์เหลืองกำลังบรรเลงบทเพลงขับขาน
สตรีผู้งดงามสองคนยืนอยู่หน้าศาลาด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“เชิญพวกท่านเข้ามาเถอะ...”
นางสัมผัสถึงการมาของหนิงฝานศพนางสวรรค์ได้ แม้เสียงฝีเท้าของทั้งสองจะแผ่วเบา นางยังได้ยินเสียง
นอกจากนี้ นางยังรู้ด้วยว่าผู้ที่มามีสองคน หนึ่งเป็นบุรุษ อีกหนึ่งเป็นสตรี
“นายน้อยช่างน่าสนใจ แม้จะรู้ว่ามาที่นี่ด้วยเหตุผลใด ยังนำสตรีที่งดงามมาด้วย...” สู่ฉุ่ยหลิงกล่าว ดวงตายังคงหลับสนิท และบรรเลงบทเพลงต่อไป
สถานที่แห่งนี้เป็นที่พักของสู่ฉุ่ยหลิง
ผู้เยาว์คนอื่นๆที่เห็นคือคนที่เข้ามาพบนาง แต่นางเพียงพยักหน้าให้เล็กน้อย
ผู้ใดที่นางชอบพอหรือสนใจ นางจะลืมตามองและพูดคุยด้วย
“นายหญิงน้อย บุรุษผู้มาใหม่นั้นแม้จะดูหล่อเหลาอยู่บ้าง แต่ดูคล้ายจะแต่งงานแล้ว ทั้งยังนำสตรีที่งดงามมากมาด้วย”
“แต่แม้นางจะงดงาม แต่ดูมีอายุมากแล้ว...” สู่ฉุ่ยหลิงไม่ได้สนใจคำกล่าวของบ่าวนาง
“หากนายหญิงน้อยบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ ท่านจะมีโอสถมากมายหลายชนิด ที่ช่วยคงความงดงามของท่านไว้ได้ตลอดกาล”
“คนผู้นั้นมีอายุมากก็จริง แต่ยังอ่อนเยาว์ไม่แพ้เรา แม้นางจะแต่งงานแล้ว แต่ดูเหมือนชีวิตรักของนางจะมีความสุข… เจ้าดูคนพวกนั้นสิ ไม่เห็นน่าสนใจสักนิด พวกนั้นไม่ได้สนใจข้าจริงๆ สนใจเพียงอำนาจของท่านพ่อ… ส่วนพวกที่ท่านพ่ออยากให้มาก็ไม่มาสักที”
“นายหญิงน้อย ข้าได้ยินมาว่านายน้อยเช่าถูกสังหารตาย ผู้เยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดอีก 6 คนที่เหลือก็หลบหนีแตกตื่นด้วยความหวาดกลัว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นางดีดพิณพลาดไปทันที แต่ก็คืนสู่ความสงบได้ทันที
“ตาย… แม้ภายนอกเช่าสื่อชิงจะดูเป็นคนดี แต่ภายในของมันกลับเป็นคนชั่วร้ายโหดเหี้ยม ถึงต่อให้มันชั่วร้ายขนาดไหน หากไม่แข็งแกร่งพอก็ไม่อาจรอด… แล้วใครเป็นคนสังหารมัน”
หากเทียบกับเช่าสื่อชิงแล้ว สู่ฉุ่ยหลิงสนใจบุรุษที่พานพบโดยบังเอิญมากกว่า
บ่าวของนางไม่ตอบ เพราะยังไม่รู้คำตอบเช่นกัน
หนิงฝานเองก็ขบคิดเรื่องของนางโดยไม่รู้ตัว ครั้งแรกที่เขาเห็นนางนั้น นางอ่อนโยนและงดงามราวกับบุบผา
สตรีบางคนนั้น แม้ไม่ได้รู้จักชื่อเสียงของพวกนาง แต่ยังต้องมนต์สะกดตั้งแต่แรกพบ แม้ในยามนี้ยังไม่อาจลืม
สู่ฉุ่ยหลิงถอนหายใจ บรรเลงบทเพลง และขับขานเพลงที่ไพเราะน่าฟัง
ผู้เยาว์ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นหันมองนางด้วยความตื่นเต้น
แต่พวกมันก็คิดว่า การที่นางขับขานบทเพลงขึ้นมาเช่นนี้ อาจมีใครทำให้นางหวั่นไหว ไม่อย่างนั้น นางคงไม่มีทางขับขานบทเพลงแน่
แม้บทเพลงของนางจะไพเราะ แต่หนิงฝานที่ได้ยินไม่ได้สนใจมากนัก
หนิงฝานไม่ใช่คนที่มีอารมณ์สุนทรีฟังบทเพลงขับหาน หรือมองดอกไม้ท่อยู่ในสวน
หนิงฝานตระหนักได้ว่าตนเองมาผิดที่ เขาควรจะได้ไปพบสู่ลู่ฉาน แต่กลายเป็นว่ามาอยู่กับผู้ที่คิดจะมาขอสู่ฉุ่ยหลิงแต่งงาน
แม้หนิงฝานจะต้องตานางตั้งแต่แรกเห็น แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
ในขณะนั้นเอง เมื่อเหล่าผู้เยาว์สังเกตุเห็นว่าเจ็ดผู้เยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลส่วนนอกไม่มา พวกมันก็ทำท่าทางดีใจ
เช่าสื่อชิงถูกสังหาร คนที่เหลือหนีไป...
ยามนี้ไม่มีสิ่งใดในสถานที่แห่งนี้ทำให้หนิงฝานสนใจ แต่ขณะที่เขากำลังจะจากไปนั้น ศพนางสวรรค์กลับปล่อยมือหนิงฝาน ลูบสัมผัสบุบผารอบกายก่อนจะเด็ดมันขึ้นมาเชยชม
แต่น่าแปลกที่เมื่อยามบุบผาถูกเด็ด มันเปล่งเสียงร้องราวกับคนร่ำไห้ออกมา
สีหน้าของผู้เยาว์เหล่านั้นแปรเปลี่ยน พวกมันตกตะลึงที่มีคนกล้าเด็ดบุบผาที่สู่ฉุ่ยหลิงรักมากที่สุด
“บังอาจ! เจ้าเป็นใครถึงได้กล้าเด็ดบุบผาของนายหญิงน้อย!”
สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ศพนางสวรรค์ นางเองก็ไม่สะทกสะท้าน พลางนำบุบผาที่เด็ดมาทัดเรือนผม แล้วยิ้มให้หนิงฝาน
“แสง… ข้างดงาม… หรือเปล่า?” นางอยากฟังคำตอบของหนิงฝาน
“งดงามมาก… แต่ดูเหมือนเจ้าจะก่อเรื่องเข้าแล้ว...”
หนิงฝานลูบศีรษะนางพลางหัวเราะเบาๆ
บุบผาในสวนแห่งนี้ สู่ฉุ่ยหลิงเป็นผู้ปลูกเองกับมือ นางย่อมหวงแหนมันมาก
เมื่อรู้ว่าบุบผาของตนโดนเด็ด สู่ฉุ่ยหลิงก็หยุดขัยกล่อมบทเพลง ลืมตา แล้วขมวดคิ้วแน่น
“นายน้อยท่านใดเด็ดบุบผาของข้า...”
แต่ในขณะที่นางกำลังจะตำหนิ แววตาที่โกรธเคืองกลับแปรเปลี่ยนประหลาดใจ
“เจ้า?”
เหล่าผู้เยาว์จำนวนมากคิดว่าหนิงฝานกำลังจะถูกนางบันดาลโทสะ แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร
นางไม่แม้แต่จะตำหนิคนผู้นั้นที่เด็ดบุบผา แต่สีหน้าและแววตายังเผยถึงความสุขอย่างบอกไม่ถูก
ทำให้ผู้เยาว์คนอื่นๆโกรธแค้นหนิงฝาน
มันผู้นั้นเป็นใคร เหตุใดถึงได้หัวใจของสู่ฉุ่ยหลิงไปครอง
“ข้าขออภัย… เหว่ยเหลียงไม่ประสีประสา จึงได้เด็ดบุบผาของเจ้า...”
“นามของภรรยาท่านช่างไพเราะ… นางไม่ผิดที่เด็ดบุบผา… แล้วนายน้อยมาที่นี่ได้อย่างไร”
หรือท่านจะมาเพราะต้องใจข้า?
นั่นเป็นสิ่งที่นางคิดแต่ไม่ได้พูดออกไป
แววตาที่แสดงออกของนาง ไม่อาจปกปิดความสุขที่เอ่อล้น
“เหว่ยเหลียง… เป็นภรรยาข้า”
หนิงฝานหวนนึกถึงอดีต หากในวันนั้นหนิงฝานไม่ได้ศพนางสวรรค์ เขาตายไปแล้ว
เขาทำลายความบริสุทธิ์ของนาง เขาต้องรับผิดชอบนาง
“แสง… ภรรยา?”
ศพนางสวรรค์ชี้มาที่ตนเอง แววตาแปรเปลี่ยนซับซ้อน แต่นางไม่รู้ว่าภรรยาคืออะไร
“อืม… ภรรยา”
หนิงฝานรู้สึกเอ็นดูนางมาก เขาลูบศีรษะนางเบาๆพล่งปฏิญาณกับตนเองว่า จะช่วยนางรวบรวมจิตวิญญาณที่กระจัดกระจายอยู่ให้ได้
หนิงฝานหันกล่าวกับสู่ฉุ่ยหลิง
“ข้าขออภัยที่เสียมารยาทกับแม่นาง ข้าซัวไม่ได้ตั้งใจมาทำลายงานของแม่นาง เพียงแต่… ข้าหลงทาง”
นางอดหัวเราะไม่ได้
เมื่อได้ยินว่าหนิงฝานหลงทาง นางประหลาดใจ นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้ผิด เพราะการที่พาภรรยาเข้ามาในการดูตัวครั้งนี้ เท่ากับหมิ่นเกียรตินางมาก
เมื่อได้ยินหนิงฝานกล่าวแซ่ของตน นางจดจำแซ่ของหนิงฝานไว้
นายน้อยซัวผู้นี้ไม่ได้หวั่นไหวในตัวนาง
ช่างเป็นบุรุษที่น่าสนใจ
“เช่นนั้น นายน้อยซัวจะไปที่ใด ข้าจะอาสาพาท่านไป ท่านจะได้ไม่หลงทางอีก หากทางบังเอิญไปพบมารดาข้า ท่านพ่อต้องโกรธมากแน่”
“ฮ่าฮ่า… หากได้นายหญิงน้อยนำทางย่อมเป็นเรื่องดี” หนิงฝานยิ้มเล็กน้อย สตรีนางนี้น่าสนใจ
“เสี่ยวหลิง ส่งนายน้อยเหล่านั้นด้วย”
นางสั่งบ่าวให้ส่งแขกกลับ เพราะยามนี้ นางมีผู้ที่สนใจแล้ว
ตั้งแต่เกิดมา บุรุษที่นางให้ความสำคัญเช่นนี้ ก็มีเพียงหนิงฝานเท่านั้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เหล่าผู้เยาว์ที่มาไม่พอใจอย่างที่สุด
ยิ่งเมื่อเห็นนางขันอาสานำทางด้วยตนเอง พวกมันยิ่งอิจฉา
เหตุใดมันผู้นั้นที่เด็ดบุบผา กลับได้รับความสนใจจากสู่ฉุ่ยหลิงอย่างเต็มเปี่ยม
“สหาย… เจ้าจะจากไปโดยไม่บอกชื่อเสียงเรียงนามหน่อยเหรอ!” ผู้เยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มกล่าวอย่างเย็นชา
“เจ้าไม่อยากรู้ชื่อข้าหรอก เพราะก่อนหน้านี้เช่าสื่อชิงที่ถามเหมือนเจ้าก็ตายไปแล้ว…
เมื่อได้ฟังคำกล่าว สีหน้าของผู้เยาว์เหล่านั้นแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
เช่าสื่อชิงถูกสังหารตายอย่างอนาถ พวกมันได้ยินมาว่าผู้ที่สังหารเป็นผู้เยาว์ที่ไม่รู้ที่มา ฆ่าเช่าสื่อชิงโดยการเหยียบหัวจนเละ ผู้เยาว์คนนั้นแข็งแกร่งถึงขนาดที่ขุมกำลังใหญ่ทั้ง 10 ไม่กล้าเอาความ
หรือผู้ที่สังหารจะเป็นผู้เยาว์เบื้องหน้า!
หากเป็นเช่นนั้น พวกมันไม่ควรยุ่งด้วย!
นั่นถือเป็นเรื่องดี เพราะหนิงฝานจะได้ไม่จำเป็นต้องลดมือไปสังหารพวกมัน
สู่ฉุ่ยหลิงตกตะลึง นางคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะแข็งแกร่งขนาดสังหารเช่าสื่อชิงได้
นางไม่คิดว่าหนิงฝานโกหก แต่ก็คาดไม่ถึงว่าเขาจะทำได้
หากหนิงฝานสังหารเช่าสื่อชิงได้ อย่างน้อยเขาต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง
ก่อนหน้านี้นางยังช่วยหนิงฝานถอนสัมผัสเทพของเช่าสื่อชิง
ก่อนหน้านี้นางยังเตือนให้หนิงฝานระวังคนในทะเลส่วนนอก
ก่อนหน้านี้นางยังยื่นหมื่นหยกสวรรค์เพื่อแลกกับดอกไม้ของหนิงฝาน
หากหนิงฝานเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลางจริง สิ่งที่นางทำมาทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่น่าขบขัน
ใบหน้านางแดงระเรื่อ หวนคิดอับอายในสิ่งที่ตนเคยทำ
“นายน้อยปกปิดตัวตนได้ดีนัก...”
“แต่ก็คงไม่ดีเท่าแม่นาง เหตุที่สถานที่ได้ชื่อว่าสุสานบุบผา ไม่ใช่เพราะใช้ปลูกบุบผา แต่เป็นหลุมศพของใครบางคน”
“พอแล้ว!” แววตาของนางเผยความเศร้า แต่ก็ยังยิ้มเล็กน้อย
“คาดไม่ถึงว่านายน้อยจะมองออก… ข้าจะไม่ปิดบังท่าน สถานที่แห่งนี้เป็นอย่างที่ท่านกล่าว”
“คนผู้นั้นเป็นสหายข้า ทุ่งบุบผาแห่งนี้ข้าปลูกไว้เพื่อฝังร่างของสหายข้า”
“แม่นางยังอยากนำทางให้ข้าอยู่หรือไม่....”
“ขออภัย ข้าเสียมารยาทกับท่าแล้ว… ไม่รู้ว่านายน้อยจะไปที่ใด หากไม่ใช่ห้องสตรี และสถานที่เก็บโอสถของบิดาข้า ข้าจะพาท่านไป”
หนิงฝานหัวเราะเล็กน้อย
สู่ฉุ่ยหลิงคล้ายหลานเหม่ยมาก
พบกันแค่ไม่กี่ครั้ง กลับอาสานำทาง
น่าแปลกที่นางจะต้องตาหนิงฝานง่ายดายขนาดนี้...
“ข้ามีเรื่องสำคัญต้องพบผู้อาวุโสสู่ ขอแม่นางนำทางให้ข้าด้วย”
“นี่...” นางขมวดคิ้วและนิ่งไป
“แม่นางเป็นอะไรเปล่า?”
“มะ...ไม่ วันนี้บิดาข้ากล่าวว่าจะต้อนรับแขกพิเศษผู้หนึ่ง เป็นปีศาจที่ทรงพลังในทะเลส่วนนอก สังหารผู้คนไปมากมาย ช่วงชิงบุตรสาวและภรรยาของคนอื่นมามากมายนับไม่ถ้วน ทั้งวิธีสังหารยังโหดเหี้ยม หากนายน้อยเห็นคนผู้นั้น ท่านต้องระวังตัวให้ดี ไม่อย่างนั้นต่อให้นายน้อยเป็นขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลางก็...”
“อืม… ขอบคุณแม่นางสุ่ยหลิงที่เป็นห่วง”
หนิงฝานไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ เพราชื่อเสียงของเขาเลวร้ายเป็นอย่างมาก
เมื่อนางได้ยินหนิงฝานเรียกชื่อตน ใบหน้านางแดงก่ำ
เขาเรียกชื่อข้า...
เหล่าผู้เยาว์จำนวนมากมองหนิงฝานด้วยความเลื่อมใส เพราะสถานที่ที่นางกำลังนำหนิงฝานไปนั้น เป็นเขตหวงห้ามของสู่ลู่ฉาน มันใช้บริเวณนี้เก็บตัวฝึกฝน
หนิงฝานได้เข้าสู่ส่วนในของวัง ผิดกับผู้เยาว์คนอื่นๆที่ต้องผิดหวังกลับบ้านไป
ถึงอย่างนั้น พวกมันก็ไม่ได้อิจฉาใดๆ เพราะคนอย่างหนิงฝานนั้น ใครเล่าจะกล้ายั่วยุ...