ตอนที่แล้วGE225 ขอบเขตกระดูกหยก [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE227 สู่ฉุ่ยหลิง [ฟรี]

GE226 ซูเหยา ความปรารถนาที่ไม่เคยเป็นมาก่อน [ฟรี]


ณ วังหยก… หนิงฝานนั่งขัดสมาธิปรับลมหายใจ ศพนางสวรรค์นั่งเย็บอาภรณ์ไม่ห่าง

วันนี้คือวันที่ 3 ที่หนิงฝานต้องให้คำตอบกับสู่ลู่ฉานเรื่องภารกิจ

ยามนี้เขาบรรลุขอบเขตกระดูกหยกแล้ว หากจะกล่าวขอหัวใจแห่งมารดาพิภพของทั้งเกาะ สู่ลู่ฉานอาจไม่ปฏิเสธ

หากขอโอสถ สมบัติ อาวุธ โลหะวิญญาณ กระถางขัดเกลา หยกสวรรค์ ตำรับโอสถ หรือกระทั่งวิชาการต่อสู้ สู่ลู่ฉานสมควรไม่ปฏิเสธเช่นกัน

ตราบใดที่หนิงฝานรับปากว่าจะช่วย มันจะยอมทุ่มทุกสิ่งเพื่อสนับสนุน มันได้ประจักษ์กับเจตจำนงค์ปีศาจของหนิงฝานด้วยตา และยามนี้ มันนับถือหนิงฝานมาก ส่วนเรื่องที่เช่าสื่อชิงถูกสังหาร ชายชราสั่งให้ปิดข่าวเงียบ

“การกระทำของสู่ลู่ฉานค่อนข้างแปลก แต่ไม่น่าจะเป็นอันตราย… ช่างเถอะ ข้าต้องเร่งทำให้ขอบเขตกระดูกหยกเสถียรก่อน...”

ไม่นานนัก เสียงของยู่หลงก็ดังมาจากนอกห้อง

“บ่าวยู่หลงมาขอพบ!”

“เข้ามา!”

เมื่อหนิงฝานอนุญาติ ยู่หลงสูดหายใจลึกพลางผลักประตูเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ แววตาแสดงออกถึงความเคารพนับถืออย่างชัดเจน

“รายงานนายท่าน ข้าได้สมุนไพรหมื่นปีที่ท่านต้องการมาทั้งหมด นิกายปีศาจสำราญไม่ปฏิเสธคำขอของบ่าว ทั้งยังมอบ ‘โอสถเสริมกาย’ โอสถผันแปรที่ 4 ระดับสูงมาด้วย 10 ขวด”

เช่นนี้จะไม่ให้ยู่หลงเคารพนับถือหนิงฝานได้อย่างไร! นิกายปีศาจสำราญถึงกับยอมทุ่มทรัพยากรมหาศาลให้หนิงฝาน

โอสถที่สู่ลู่ฉานยกให้ มีมูลค่ากว่า 10 ล้านหยกสวรรค์ การที่ชายชรายอมทำเช่นนี้ย่อมมีเหตุผล แม้ชายจะไม่ได้อธิบายกับคนในนิกาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง

ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณอย่างสู่ลู่ฉานยอมทุ่มสุดตัวเพื่อหนิงฝาน

แววตายู่หลงราวกับลุกโชนด้วยเพลิง การได้รับใช้ซัวหมิงนับเป็นโชคดีที่สุดของชีวิตมัน เพราะเมื่อมันเหยียบย่างเข้าสู่นิกายปีศาจสำราญ มันก้าวเดินอย่างเต็มภาคภูมิในฐานะผู้ติดตามของซัวหมิง แม้เป็นศัตรูที่ผิดใจกันมาก่อน ยังกล่าวขอโทษมัน

“อืม… เอาของวางไว้บนโต๊ะแล้วไปได้ ส่วนเรื่องธุระในนิกายปีศาจสำราญ ข้ายกให้เป็นหน้าที่เจ้า!”

“ขอรับ!”

ยู่หลงวางกระเป๋า จ้องมองหนิงฝานครู่หนึ่งก่อนจะจากไป

เรื่องนิสัยใจคอของยู่หลง หนิงฝานยอมรับได้ แม้พรสวรรค์ในเส้นทางของการฝึกตนจะไม่ดีนัก ทักษาการปรุงโอสถก็ไม่ได้โด่ดเด่น แต่ในฐานะผู้รับใช้มันก็ทำได้ดี

หนิงฝานพับแขนเสื้อ แผ่สัมผัสเทพสำราจกระเป๋าใบใหญ่ เมื่อตรวจสอบสมุนไพรและโอสถแล้วก็ยิ้ม

“ข้าต้องการสมุนไพรมาปรุงโอสถคืนโฉม สมควรเป็นสมุนไพรหมื่นปี แต่สู่ลู่ฉานกลับให้มาถึง 5 หมื่นปี ยิ่งรู้ว่าข้าต้องทำให้ร่างกายเสถียร มันก็ยังเอาโอถถมาให้ข้าตั้งมากมาย ร่างกายข้าสมควรเสถียรอย่างรวดเร็ว… ตาเฒ่านั่นไม่ธรรมดา ช่างใจกว้าง… เมื่อรับหมัดห้าผสานของเหยียนซ่งฉือได้ ในทะเลไร้สิ้นสุดแห่งนี้ แม้จ้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัว”

หนิงฝานหวนนึกถึงวันวาน

ครั้งแรกที่เขาเข้าสู้ทะเลไร้สิ้นสุด เขาถูกนิกายผนึกอสูรตามล่า เพราะครั้งนั้นเขายังอ่อนแอ

แต่ตอนนี้ เขาสร้างศัตรูไปทั่วทั้งทะเลส่วนนอก แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้ามาแก้แค้น

แม้กวางจะหลบซ่อนตัวอยู่ห่างไกลแค่ไหน ก็จะมีผู้ล่ามาล่ามันเสมอ

หากพยัคฆ์ที่แข็งแกร่งกินผู้ที่มาล่ามันไปมากมาย แม้ผู้ล่าคนอื่นๆจะรู้ว่ามันอยู่ที่ใด ก็ไม่มีใครกล้าไปล่ามันซ้ำ

ตอนนี้หนิงฝานไม่ใช่หวาง

“สู่ลู่ฉานบอกว่า หากเสร็จเรื่องดินแดนโลกล่มสลายเมื่อไหร่ จะมอบหัวใจแห่งมารดาพิภพให้… อีก 10 วันงานประมูลจะเริ่ม หลังจากนั้นจึงเป็นการเดินทางเข้าสู่ดินแดนโลกล่มสลาย ถึงจะบอกว่ามีเวลาอยู่ในนั้นครึ่งปี แต่ข้าต้องทำให้ภารกิจให้เสร็จภายใน 5 เดือน โดยนำแก่นสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียมมาให้ได้ 150 ดวง หากเป็นก่อนหน้านี้ข้าคงกังวล แต่ตอนนี้ข้าบรรลุกระดูกหยก สมควรสังหารสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียมได้ไม่ยากนัก”

“ตอนนี้ต้องเร่งทำให้ระดับร่างกายเสถียรก่อน หลังจากนั้นเข้าพบสู่ลู่ฉานเพื่อขอโอสถและกระถางขัดเกลา หากข้ายกระดับเป็นดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดได้ก่อนจะเข้าดินแดนโลกล่มสลายได้ยิ่งดี แต่ดูเหมือนเวลาจะไม่พอ วิชายกายระดับตัดวิญญาณเอง ต่อให้ได้มาก็ไม่มีเวลาฝึกฝน ได้ยินว่าสูู่ลู่ฉานยังได้เตรียมสมบัติครบชุดไว้ให้ข้า”

หนิงฝานเก็บกระเป๋าใบใหญ่พร้อมกับนำขวดโอสถที่ได้ออก

โอสถที่หนิงฝานได้เป็นโอสถผันแปรที่ 4 ระดับสูง มีพลังปีศาจที่รุนแรงอัดแน่น หากเป็นผู้เชี่ยวชาญกินโอสถนี้ คนผู้นั้นจะบาดเจ็บ แต่สำหรับหนิงฝาน มันเหมือนการบำรุง รู้สึกเย็นสบายไปทั่วร่าง

“โอสถชนิดนี้เป็นโอสถเฉพาะของเผ่าปีศาจ แต่มันก็ช่วยเสริมพลังให้ข้า… นายของสู่ลู่ฉานคือท่านชวี่แห่งเผ่าปีศาจยักษ์… ดูเหมือนเผ่าปีศาจยักษ์จะไม่ธรรมดา”

หนิงฝานเลิกคิดฟุ้งซ่านและเพ่งสมาธิไปกับการดูดซับโอสถ

ผ่านไป 3 วันหนิงฝานก็ออกมาจากห้อง สัมผัสกับอากาศภายนอก

บาดแผลและอาการบาดเจ็บถูกรักษาจนหายสนิท โอสถที่เสริมกายที่กินเข้าไปทำให้ขอบเขตกระดูกหยกที่ 1 เกือบจะบรรลุเป็นขอบเขตกระดูกหยกที่ 2

หนิงฝานยืนนิ่ง ยื่นมือไปเบื้องหน้าทำท่าคว้าจับ

สายลมหมุนรุนแรง หอบเอาหิมะที่โปรยปรายก่อตัวเป็นกรงเล็บสีดำ อานุภาพของมันราวกับกระฉีกกระชากผืนนภาได้

หนิงฝานแสดงพลังโดยไม่ได้ใช้ปราณแม้แต่น้อย ทั้งหมดเป็นกำลังกายล้วนๆ

พลังระดับนี้ สามารถสังหารศัตรูที่ทรงพลังได้

ท่าเมื่อครู่ หนิงฝานสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้นได้ในพริบตา

ก่อนหน้านี้ วิชากายที่หนิงฝานฝึกฝนทำให้สามารถขยายร่างกาย นำมาซึ่งพลังที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อได้ตำราศพอสูรมา แนวทางการฝึกฝนร่างกายของหนิงฝานก็เปลี่ยนไป ร่างกายของเขาถูกเสริมการป้องกันให้แข็งแกร่งโดยไม่จำเป็นต้องขยายร่าง ที่สำคัญ ตำราศพอสูรยังช่วยให้สร้างเนตรดาราพิภพขึ้นที่ตาขวา กระทั่งให้กำเนิด ‘รอยสักปีศาจทมิฬ’ บนร่าง

จากนี้ไปวิชากายจะไม่ได้เน้นฝึกฝนให้ขยายร่าง แต่เน้นฝึกให้ผสานความแข็งแกร่งเข้าสู่ร่าง

ไม่จำเป็นต้องผสานหมัดนับ 10 เพื่อสำแดงอานุภาพ… เพียงหมัดเดียวก็สำแดงอานุภาพได้แล้ว

“แม้จะมีดวงจิตแรกเริ่มหลายดวง ก็ใช่ว่าจะสัมผัสเทพจะทรงพลังขึ้น แม้ร่างกายจะใหญ่โต ก็ใช่ว่าจะทรงพลัง… หากแบ่งแยกเป็นสองทางก็รังแต่จะทำลายตนเอง… ในโลกใบนี้ไม่มีวิชาใดที่แข็งแกร่งที่สุด จะมีก็เพียงวิชาที่เหมาะสมกับตนเองที่สุด ต่อให้เทพกษัตริย์เนี่ยมีร่างกายใหญ่โตนับหมื่นจ้าง ตัวข้าจะขอมีร่างกายเพียง 8 ฉื่อ แต่เพียงชี้นิ้วก็ทำลายร่างกายนับหมื่นจ้างได้! ยิ่งร่ายกายเล็กก็ยิ่งทรงพลัง”

“ในทะเลส่วนนอกแห่งนี้มีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเพียงหยิบมือ แต่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มมีหลายพัน แม้ผู้ที่บรรลุดวงจิตแรกเริ่มจะนับเป็นผู้มีพรสวรรค์ แต่นั่นยังไม่เพียงพอให้ทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ หากจะก้าวเดินในเส้นทางการฝึกตน จิตใจต้องเข้มแข็งและกล้าต่อต้านสวรรค์”

หนิงฝานยืนนิ่งอยู่นาน เมื่อจิตใจสงบ เขาก็เหยียบย่างนภาออกไป

ยามนั้นเอง ศพนางสวรรค์เร่งวางเข็มเย็บผ้าและติดตามหนิงฝานออกไป

“แสง… รอ… ข้า...”

“ข้าจะไปถอนพิษให้ซูเหยา หากเจ้าไปด้วยก็ห้ามรบกวน”

“ข้า...” นางพยักหน้า...

ภายในวังหยก ส่วนที่พักของสตรี

ซูเหยานั่งพิงขอบหน้าต่าง เหม่อมองหิมะโปรยปราย

แม้นางจะเป็นถึงประมุขนิกายมุกหยกฟ้า แต่ที่นิกาย นางไม่ได้มีสถานที่หรูหราขนาดนี้

สถานที่แห่งนี้เป็นที่พักสำหรับเหล่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด

แม้นางจะเป็นที่มีจิตใจสงบราวกับสายน้ำ แต่ยังอดตกตะลึงไม่ได้

ห้องแห่งนี้สร้างขึ้นอิฐสวรรค์ ซึ่งน่าจะใช้อยู่ประมาณ 1 แสนก้อน อิฐแต่ละก้อนเกิดจากการผสานของหยกสวรรค์ 10 ก้อน

ดังนั้นห้องที่นางพักจึงมีราคาอยู่ที่ 1 ล้านหยกสวรรค์ นอกจากจะหรูหรางดงาม ยังช่วยเร่งความเร็วในการฝึกฝน

นอกจากนี้ ภายในห้องมีสมุนไพรชนิดหนึ่ง ที่จะช่วยในการยกระดับจิตใจ

น้ำที่ใช้ดื่มและอาบคือปราณบริสุทธิ์ที่ควบกลั่นจนกลายเป็นของเหลว ปราณเหลว 1 แก้วมีมูลค่าถึง 1 หมื่นหยกสวรรค์

ซูเหยารู้ดีว่า การที่นางได้รับการดูแลดีขนาดนี้ เป็นเพราะซัวหมิง

เขาถึงกับทำให้นิกายปีศาจสำราญยอมดูแลพวกนางถึงขนาดนี้

“ซัวหมิง… เจ้าเป็นคนที่ไม่ว่ายังไงข้าก็ไม่มีวันเข้าใจ… เขากับน้องเชียนสื่อมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่? มีข่าวลือว่าซัวหมิงผ่านกระถางขัดเกลามามากมายนับไม่ถ้วน สมควรเป็นผู้มากตัณหา แต่เหตุใดร่างกายของน้องเชียนสื่อกลับไม่เสียหาย”

“แต่ข้าเองก็เป็นกระถางขัดเกลาของเข้าแล้ว สักวันเขาคงดูดซับพลังข้า… ถ้าเกิดเขาทำแบบนั้นแล้ว ข้าควรจะฆ่าตัวตายดีหรือเปล่า?”

นางถอนหายใจ นางฝึกฝนมาอย่างยากลำบากว่าจะบรรลุถึงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม นางทำใจไม่ได้ที่จะสูญเสียมันไป

แม้การยอมมอบกายให้หนิงฝานคือสิ่งที่นางได้รับปากไป แต่หลังจากนั้น นางคงฆ่าตัวตาย

ยิ่งขบคิดเรื่องดูดซับพลัง จิตใจของนางก็เริ่มย่ำแย่

ผงพรากพรหมจรรย์เริ่มสำแดงอานุภาพ

ใบหน้าที่ซีดขาวแปรเปลี่ยนแดงก่ำ ร่างกายเริ่มไร้เรี่ยวแรง

ของเหลวบางซึมออกจากหว่างขา

เมื่อเริ่มสูญเสียการควบคุม นางเริ่มเคลื่อนมือไปใต้กระโปรง แล้วสอดนิ้วเข้าไปภายในเพื่อช่วยตัวเอง

“ไม่ได้!”

นางขบริมฝีปาก โคจรปราณเพิ่มสะกดความปรารถนา

เพียงแต่ผลของพิษพรากพรหมจรรย์นั้นยากจะต้าน ทำให้นางสะกดความปรารถนาไว้ได้ไม่หมด

“ไม่ได้… ข้าเป็นถึงประมุขนิกายมุกหยกสวรรค์ ข้าจะเป็นแบบนี้ไม่ได้”

แต่แล้วนางก็ไม่อาจขัดขืน นางเอนกายลงนอน ทำในสิ่งที่สตรีสามารถดับความความปรารถนาได้

นางเอื้อมมือสอดเข้าใต้กระโปรง ใช้นิ้วสอดใส่ ทำให้บริเวณนั้นเปียกชุ่มมากขึ้น

อื้ม!... นางครางกระเส่า นิ้วเริ่มสอดลึกจนรู้สึกราวกับบางสิ่งกำลังจะฉีกขาด

นางเจ็บจนขมวดคิ้วแน่น

แต่ในขณะที่นางกำลังจะพรากพรหมจรรย์ของตนเองอยู่นั้น จิตใจของนางกลับเข้มแข็งขึ้น

“นี่ข้า… เสื่อมทรามถึงขนาดนี้เลยเหรอ...”

นางหยิบกระจกส่องดูใบหน้าที่แดงก่ำของตนพลางตำหนิ

แต่ในขณะนั้นเอง หนิงฝานและศพนางสวรรค์ที่มาถึงได้สักพักยืนนิ่ง หนิงฝานไม่รู้จะทำหน้ายังไง

“ข้าคงมาผิดเวลา คงรบกวนแม่นางซูที่กำลังทำ...”

*เพล้ง!*

กระจกหล่นกระทบพื้นแตก ซูเหยาอุทานพลางผุดลุกยืนด้วยสีหน้าตื่นตระหนก นางเร่งสวมกางเกงในที่เปียกชุ่มและเปียกชุ่มด้วยโลหิต

“ซะ… ซัวหมิง! ที่นี่เป็นที่พักของสตรี บุรุษอย่างเจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง? แล้ว… แล้วทำไมเจ้าไม่เคาะประตู!”

นางจัดแจงอาภรณ์และพยายามปกปิดส่วนท่อนล่าง ใบหน้าแดงก่ำ

“ข้าเคาะประตูแล้ว… แต่ข้าได้ยินเสียงร้องของเจ้า เลยเร่งเข้ามาดู แต่ถ้าให้สตรีคนอื่นๆเห็นจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายไปกันใหญ่ ถ้าเกิดครั้งหน้าเจ้าจะทำอย่างว่า… ก็ปิดล็อคประตูห้องให้เรียบร้อยด้วย”

“ไม่มีครั้งหน้าเด็ดขาด!”

นางขบริมฝีปาก เมื่อครู่พิษกำเริบกระทันหัน นางจึงไม่ทันได้ปิดประตูหน้าต่าง

นางคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานที่หายหน้าไปอย่างไร้ร่องรอย จะปรากฏตัวขึ้นมากระทันหัน

อีกอย่าง นางก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาหานางเพราะอะไร หรืออาจจะเป็น...

แต่การที่ถูกหนิงฝานบังเอิญเห็นแบบนี้ นางอับอายมาก

อีกอย่าง พิษที่นับวันกำเริบก็ยิ่งรุนแรง จนนางแถบเอาไม่อยู่...

ยามนี้นางเปล่งเสียงแปลกๆ ร่างกายไร้กำลัง สองขาหนีบแน่น

ดวงตาหลับสนิทราวกับทรมาน ยิ่งมีบุรุษเบื้องหน้ากับราคะที่ลุกโชน ยิ่งทำให้นางแทบทนไม่ไหว

บุรุษเบื้องหน้าคือซัวหมิงผู้พรากพรหมจรรย์ไปมากมายนับไม่ถ้วน ยิ่งนางมีสภาพเช่นนี้ ยิ่งไม่รอดพ้นจากมือมารของซัวหมิงได้

เพียงแต่เมื่อนางเกิดท่าทางแปลกๆ หนิงฝานขมวดคิ้ว เร่งพับแขนเสื้อ ปิดประตูหน้าต่างแน่น

“เหว่ยเหลียง เจ้าคุ้มกันประตู ข้าจะช่วยนางถอนพิษ...”

ซูเหยาสั่นสะท้าน

ถอนพิษ… ซัวหมิงต้องทำ...แบบนั้นแน่!

ในช่วงจังหวะที่นางฟุ้งซ่าน หนิงฝานรวบตัวนางนอนลงบนที่นอน

“ไม่เอา… ข้ากลัว… ข้าไม่...” นางคิดว่าหนิงฝานกำลังจะย่ำยี พลังที่นางสั่งสมมากำลังจะหายไป แล้วเหลือไว้เพียงคราบน้ำตา

นางตจะไม่ได้เป็นประมุขนิกายอีก... นางจะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมอีก...

“ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าจะดูดซับพลังเจ้า?”

หนิงฝานหัวเราะ ก่อนใช้นิ้วสอดเข้าไปในอวัยวะเพศของนาง

“ผงพรากพรหมจรรย์… พิษที่ไร้ทางถอนยกเว้นต้องพรากพรหมจรรย์ของเจ้าไป จริงๆแล้วการร่วมรักไม่ได้ช่วยถอนพิษ แต่เป็นการสะกดพิษไว้ชั่วคราว… หากทิ้งไว้นานกว่านี้ พิษจะประทับลงไปในจิตวิญญาณและร่างกายของเจ้าจนไม่มีทางถอนได้อีก โชคดีที่ข้ามาทัน ไม่งั้นเจ้าจะเป็นอันตราย...”

พรากพรหมจรรย์...

ในขณะที่นางตกอยู่ในอาการกำเริบของพิษ นางเกือบจะสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง พรากพรหมจรรย์ด้วยตนเองกระทั่งผลลัพธ์กลับตาลปัตร

หลังจากค้นความทรงจำของหมี่เหลียน หนิงฝานได้ทราบว่าพิษชนิดนี้จะยิ่งรุนแรงหากผู้ที่ต้องมันเกิดความต้องการทางเพศอย่างรุนแรง ยิ่งทิ้งไว้นานไปยิ่งไม่มีวิธีแก้

เมื่อพิษประทับลงไปในร่างกายและจิตวิญญาณแล้ว หากไม่ได้ร่วมรัก สตรีนางนั้นก็จะตาย

อานุภาพของพิษชนิดนี้ซึมลึกลงไปถึงไขกระดูก ส่งผลกับอารมณ์และนิสัยโดยตรง

การที่จะถอนพิษคือห้ามร่วมรักกับนาง และห้ามให้นางช่วยตัวเอง

ไม่อย่างนั้นแล้ว พิษจะฝังเป็นส่วนหนึ่งกับร่างกายและจิตวิญญาณของนาง… หากพิษถอนได้ด้วยการร่วมรัก หนิงฝานคงไม่มีทางปล่อยให้นางรอดไปได้

สร้อยหยินหยางของหนิงฝานสามารถดูดซับและสยบพิษพรากพรหมจรรย์ได้อย่างหมดจด

ซูเหยาเป็นคนดี หากพรากพรหมจรรย์ของนางด้วยการร่วมรัก พิษจะยิ่งฝังลึก จนทำให้ต้องเสียคนดีๆอย่างนางไป

ยามนี้ นางยังคงคิดว่าหนิงฝานกำลังร่วมรักและดูดซับพลังนาง นางจึงพยายามดิ้นรนขัดขืน แม้จะถูกหนิงฝานรวบแขนไว้ก็ตาม

หลังจากตรึงแขน หนิงฝานจับนางถ่างขา เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆแล้วจูบลงพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของนาง เมื่อสัมผัสได้ว่าบริเวณนั้นถูกบางอย่างสัมผัส นางสั่นสะท้านไปทั้งตัว หลับตาและฟันขบแน่น

เขากำลังทำอะไร… อยู่ใกล้มาก สัมผัสถึงกลิ่นอายของเขาได้อย่างชัดเจน… ใบหน้าข้าเห่อร้อนอย่างบอกไม่ถูก

“เจ้าจะกลัวอะไร? ข้ากำลังช่วยเจ้าถอนพิษ… นี่ข้าแค่จูบ ไม่ได้ทำอะไรเจ้ามากไปกว่านี้”

“จริงเหรอ...”

“อืม… ถึงเจ้าจะเป็นกระถางขัดเกลาของข้า แต่ข้าไม่อยากทำให้เจ้าต้องบอบช้ำ… ไว้คราวหน้าข้าผ่านไปเกาะมุกหยกฟ้าเมื่อไหร่ ข้าจะแวะไปหาเจ้า...”

นางผ่อนคลายลงเมื่อรู้ว่าหนิงฝานจะไม่ขัดเกลาผสานกับนาง

แต่เมื่อขบคิดถึงคำกล่าวที่ว่า หากผ่านไปเกาะมุกหยกฟ้าเมื่อไหร่จะแวะหา ทำให้นางรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก

ยิ่งคิดถึงคำว่าจูบ จิตใจนางยิ่งสั่นไหว แม้พิษในกายนางจะถูกไปหมดแล้วก็ตาม

เมื่อครู่หนิงฝานสามารถฉวยโอกาสกับนางได้ แต่เขาแค่จูบเพื่อถอนพิษ ซึ่งหากเทียบกับเหล่าบุรุษในคราบบัณฑิตที่หื่นกระหาย หนิงฝานดีกว่าคนเหล่านั้นนับพันเท่า

ยามนี้… นางถูกหนิงฝานช่วยชีวิตเอาไว้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว

นางก้มหน้าพลางเค้นคำกล่าว “ขอบคุณ… ครั้งหน้า… ครั้งหน้าข้าจะเตรียมใจไว้ ข้าสัญญา...”

“อืม… แลบลิ้นออกมา”

นางแลบลิ้นอย่างว่าง่าย ถึงนางไม่รู้ว่าแลบลิ้นเกี่ยวอะไรกับการถอนพิษหรือเปล่า

แต่แล้วฉากที่นางคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น

หนิงฝานประกบริมฝีปากกับนาง

“อื้อ~~”

นางสั่นสะท้านไปทั้งตัว… นี่หรือความรู้สึกของจูบ นางยังไม่เคยถูกใครจูบมาก่อน แต่เมื่อลิ้นของทั้งสองสัมผัสกัน นางก็ตอบสนองไปเองตามธรรมชาติ...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด