ตอนที่แล้วGGS:บทที่ 18 สายพันธุที่ไม่รู้จัก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGGS:บทที่ 20 สัตว์เลี้ยงสุดวิเศษ

GGS:บทที่ 19 ความจริง


GGS:บทที่ 19 ความจริง

 

มีเศษขนและเลือดหยดอยู่บนพื้นใกล้กับตะกร้า ด้วยการมองเพียงครั้งเดียวเขาก็รู้ว่านกต้องตายที่นี่ ดูเหมือนนกที่หายไปไม่ได้บินจากไปแต่ถูกกินหลังจากถูกฆ่าแล้ว

ผู้ต้องสงสัยคนแรกของ ซูจิ้ง เป็นแมว เพราะแมวชอบที่จะจับสัตว์เล็กเช่นเดียวกับหนูและนกจะซ่อนไว้กินทีหลัง หากเป็นสุนัขหรืออินทรีทองคำมันจะถูกฆ่าตายทันที แต่เขาไม่พบซากของนกแถวนี้

“ฉันต้องการหาว่าใครกันที่ตะกละขนาดนี้ ไม่เช่นนั้นนกที่เหลืออยู่จะเป็นอันตราย”

ซูจิ้ง มองดูแมวน้อย และสัตว์อื่นๆในขณะที่รดน้ำให้กับเถาวัลย์อย่างเงียบๆก่อนที่จะกลับเข้าไปในบ้านและซ่อนตัวอยู่หลังหน้าต่างเพื่อดูการเคลื่อนไหวทุกอย่างในสวนหลังบ้าน

ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องน่าสนใจในการที่จะสังเกตสัตว์เล็กๆเหล่านี้เป็นครั้งคราว เมื่อไม่มีเจ้าของอยู่ใกล้เคียงสัตว์เหล่านี้ต่างแสดงพฤติกรรมอย่างธรรมชาติ

แน่นอนว่า ซูจิ้ง มุ่งเน้นไปที่นก ที่กำลังบินอย่างมีความสุขไปตามกิ่งก้านทั่วสวน ในขณะที่พวกมันบินผ่านหัวแมวน้อยทั้ง 2 ตัว พวกมันกระโดดขึ้นและยื่นกรงเล็บเพื่อที่จะจับนก

ซูจิ้ง หรี่ตามองและกำลังสงสัยว่าคนร้ายตัวจริงคือแมวน้อยพันธุ์ดราก้อนหลี่นี้หรือไม่

เมื่อซูจิ้งเห็นแมวทั้ง 2 ตัวกระโดดได้สูงมากกว่า 1 เมตรซึ่งมันเป็นความสามารถที่มากกว่าแมวธรรมดาพวกมัน 2 ตัวเหมือนกับเสือดาวมากกว่า อย่างไรก็ตามพวกมันมีขนาดเล็กและขาดประสบการณ์ในการล่าสัตว์ แม้พวกมันจะล้มเหลวในการจับนกแต่ก็แสดงออกถึงความยืดหยุ่นได้ดี หลังจากที่มันจับนกพลาดมันพยายามที่จะทรงตัวและเริ่มใหม่

“ดูเหมือนว่าเจ้าตัวเล็กทั้งสองตัวนี้ไม่สามารถที่จะจับนกได้ดังนั้นพวกมันไม่ใช่คนร้าย”

ซูจิ้ง ยังคงสังเกตเห็นนกน้อยบินไปมามันบินไปเกือบทุกมุมของสนาม พวกมันบินผ่านสุนัข นกแก้วและอินทรีทองคำ เนื่องจากบทเรียนของ ซูจิ้ง ทำให้อินทรีทองคำไม่ทำร้ายนก อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่านกทำให้มันรู้สึกรำคาญมันจึงบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและหายไปทันที  ซูจิ้ง ไม่ได้ห่วงเรื่องนี้อินทรีทองคำจะบินมาหาเขาทุกวัน สัตว์แต่ละตัวมักจะออกไปเที่ยวเล่นแต่พวกมันจะกลับมาเสมอ

ซูจิ้ง ค่อนข้างงง แมว,สุนัข,อินทรีทองคำ,นกแก้วและอื่นๆไม่ใช่คนร้ายที่จะฆ่านกและกินนกเข้าไป แล้วนกเหล่านั้นหายไปไหน?

ในขณะนั้นเองนกก็บินผ่านไปยังเถาวัลย์ลึกลับ  ซูจิ้ง ไม่ได้สนใจพวกมันมากนักแต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นเถาวัลย์พุ่งออกมาเหมือนงู และจับนกที่กำลังบินอยู่และลากเข้าไปในตะกร้า

“เชี่ย! เรื่องตลกใช่ไหม?”

ซูจิ้ง ตะโกนและรีบวิ่งไปที่เถาวัลย์อย่างรวดเร็ว

แล้วมองเข้าไปในตะกร้าเขาพบว่าเถาวัลย์กำลังมัดนกเอาไว้ราวกับงูเหลือมที่กำลังจ้องกินเหยื่อ ในขณะเดียวกันนกเองก็ถูกบีบด้วยเถาวัลย์ เถาวัลย์ปล่อยเมือกออกมาจำนวนมากในเวลาเดียวกันรากของเถาวัลย์พยายามที่จะกลืนนกลงไป

“เจ้าต้นนี้มันเป็น ต้นไม้กินคนอย่างนั้นหรอ?”

ซูจิ้ง  รีบคว้าไปที่เถาวัลย์และแกะนกออกจากเถาวัลย์ทันที

เขารู้สึกถึงแรงมัดของเถาวัลย์ที่แข็งแกร่งอีกทั้งยังมีเมือกที่มีผลทำให้มึนงง นกที่ผูกติดกับเถาวัลย์แทบไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้เลย แน่นอนว่ามันสามารถจัดการกับสัตว์ที่มีขนาดเล็กเท่านั้น หากเป็นแมวหรือสุนัขพวกมันอาจจะช่วยเหลือตัวเองได้

เมื่อเถาวัลย์รู้สึกถึงแรงตอบโต้จาก ซูจิ้ง  มันพยายามหดตัวอย่างรวดเร็วและเจาะกลับลงไปใต้ดิน จากนั้นมันไม่เคลื่อนไหวใดๆและทำราวกับว่ามันเป็นเพียงพืชธรรมดา

“เจ้าต้นไม้นี้ค่อนข้างฉลาด มันรู้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ามัน มันจึงพยายามซ่อนตัว แม้ว่าลูกแมวกับสุนัขหรืออินทรีทองคำบินผ่านมัน มันก็ไม่เคลื่อนไหวแต่ถ้าเป็นนกตัวเล็กๆมันเริ่มโจมตีทันที!”

ซูจิ้ง ถอนหายใจและเช็ดเมือกออกจากมือและนกอย่างรวดเร็ว  เขาตรวจสอบอาการบาดเจ็บของนกและพบว่ากระดูกไม่ได้แตกหัก อย่างไรก็ตามยังคงมีเลือดออกที่ปากของมัน และเขาคาดว่านกอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสมันจะไม่รอดหากไม่รีบรักษา

ซูจิ้ง รีบดึงเนื้อสัตว์วิเศษออกมาอย่างรวดเร็วและฉีกเป็นชิ้นเล็กๆจากนั้นยัดเข้าไปในปากของนก นกพยายามที่จะกลืนเนื้อเข้าไปในที่สุดมันก็กลืนลงไปได้ทุกชิ้นและฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตัวเอง สุดท้ายแล้วมันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งแต่ยังไม่สามารถที่จะโบยบินได้ในเวลานั้น

เมื่อ ซูจิ้ง เอาเนื้อสัตว์วิเศษให้กับนกที่บาดเจ็บ นกตัวอื่นๆที่อยู่บนต้นไม้ต่างรู้สึกไม่พอใจและบินลงมาหา ซูจิ้ง และเดินไปรอบๆนกที่บาดเจ็บ

“ฉันควรจะทำยังไงกับต้นไม้กินคนนี้ดี?”

ซูจิ้ง กลับไปที่ต้นไม้กินคนและเฝ้ามองมันอย่างระมัดระวัง

ในความเป็นจริงมีพืชที่กินเนื้อเป็นอาหารจำนวนมากบนโลกใบนี้ เช่นต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง,กาบหอยแครง,หยาดน้ำค้าง ส่วนมากพวกมันดึงดูดเพียงแมลงขนาดเล็ก และจับเหยื่อทันที แต่ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้คล้ายกับเถาวัลย์ที่อยู่ต่อหน้าเขามันสามารถกินนกตัวเล็กๆได้โดยตรง

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเถาวัลย์นี้จะต้องมาจากโลกวันพีชอย่างแน่นอน

ในโลกของวันพีช พืชชนิดนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกโดยเฉพาะในหมู่เกาะ โบอิง  ที่อุซป ได้รับการฝึกฝนบนเกาะนั้นเป็นเวลา 2 ปี ทั้งเกาะเต็มไปด้วยพืชที่กินเนื้อ เกาะขนาดใหญ่แห่งนี้ยังมีดอกไม้กินคน คนปกติจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 1 วันเท่านั้นเพราะพวกเขาจะถูกกินโดยพืชเหล่านี้และกลายเป็นอาหารบำรุงรากให้กับพวกมัน จากประสบการณ์นี้ อุซปใช้เมล็ดพันธ์ของต้นไม้กินคนเป็นอาวุธ

อย่างไรก็ตามต้นไม้กินคนนี้เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ แม้จะรู้สึกว่ามันไร้ประโยชน์แต่เขาจำเป็นจะต้องป้องกันมันจากการที่มันคอยจ้องกินสัตว์เล็กๆเหล่านี้ ตอนนี้มันสามารถกินนกได้แต่เมื่อโตขึ้นเขาคาดว่ามันคงจะกินแมว สุนัขหรือแม้กระทั่งคน

“หรือฉันควรรอให้มันโตขึ้นก่อนและใช้เมล็ดของมันเป็นอาวุธได้หรือเปล่า?”

ซูจิ้ง ไม่รู้ว่าเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้กินคนมีสามารถยิงศัตรูได้เช่นเดียวกับอุซปใช้หรือไม่ แม้ว่าเขาจะสามารถทำได้เขาคงไม่สามารถใช้เมล็ดพันธุ์นี้ได้ตามอำเภอใจ

ซูจิ้ง คิดไม่ออกถึงประโยชน์ที่จะเก็บรักษาต้นไม้กินคนนี้เอาไว้แต่เขายังคงรู้สึกลังเลที่จะฆ่ามัน ประการแรกคือเขาเป็นคนปลูกมันเองและประการที่สองมันเป็นเรื่องน่าเสียดายหากพืชมหัศจรรย์เช่นนี้จะต้องตาย

ซูจิ้ง จึงตัดสินใจที่จะเก็บมันเอาไว้ก่อนแต่เขาต้องระมัดระวังไม่ให้มันฆ่าสัตว์ตัวอื่นๆอีก หลังจาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซูจิ้ง นำปลาจำนวนมากมาโยนใส่ใต้ต้นไม้กินคน เพียงสักครู่ต่อมารากของต้นไม้กินคนก็ออกมาจับปลาเหล่านั้นและดึงลงไปใต้ดิน

ซูจิ้ง เป่าปากเพื่อเรียกอินทรีทองคำลงมาจากท้องฟ้า

“ต่อไปนายมีหน้าที่รับผิดชอบในการขว้างปลา 2-3 ตัวที่นี่ทุกวัน นายเข้าใจไหม?” ซูจิ้ง ใช้การกระทำแบบเดิมเพื่อสอนอินทรีทองคำ เขาต้องบอกว่าอินทรีย์ทองคำนั้นฉลาดกว่าเดิมมากหลังจากที่มันกินเนื้อสัตว์วิเศษเข้าไป  ซูจิ้ง สอนมันเพียงไม่กี่ครั้งมันก็สามารถเข้าใจมันบินไปคว้าปลาขึ้นมาและบินไปที่ต้นไม้จากนั้นโยนลงไปใต้ต้นไม้อย่างถูกต้อง มันรู้ว่าต้นไม้กินคนนี้เป็นอันตรายและหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้โดยสัญชาตญาณ

“เยี่ยม!”  ซูจิ้ง ลูบหัวนกอินทรีย์ทองคำและให้รางวัลมันด้วยชิ้นเนื้อสัตว์วิเศษขนาดใหญ่

----------------------------------------------------