บทที่ 232 - ฉันไปด้วย (8) [16-11-2019]
บทที่ 232 - ฉันไปด้วย (8)”
พวกเอลฟ์ต่างก็สงสัยว่ามันจะดีหรอที่พวกเขาจะไปพักผ่อนในเมื่อฟีเรียกับคนอื่นๆตายไป แถมตอนนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงบุกรุกดาเรย์อยู่ด้วย แต่ว่าคำสั่งของจักรพรรดิก็คือคำขาด พวกเขาได้เข้าไปพักผ่อนในป้อมปราการลอยฟ้าแต่โดยดี
"พวกเธอก็ไปพักด้วย"
"ถึงปราสาทของนายท่านจะใหญ่มาก แต่ว่ามันจะมีพอสำหรับเผ่าพันธ์หมาป่านับหมื่น..."
ยูอิลฮานได้หยักหน้าให้กับเอริเซีย
"นั่นก็จริงแหละ... ถ้างั้นฉันคิดว่าฉันควรจะทำป้อมปราการบริวารด้วยเหมือนกันสินะ ฉันคิดว่าฉันน่าจะแก้ปัญหาได้ในสองเดือนนี้แหละ"
"ป้อมปราการบริวาร!?"
ยูอิลฮานไม่ได้สนใจเลียร่าเลย
อย่างแรกเขาได้ปล่อยให้พวกเผ่าพันธ์หมาป่าได้ไปพักตามที่ต่างๆที่อยู่ภายในบาเรียที่เกิดมาจากนาฬิกาทรายแห่งกาลเวลา และให้เพียงแค่เอริเซียกับอีกไม่กี่คนใช้ร่างมนุษย์เข้าไปภายในป้อมปราการลอยฟ้า
เอริเซียเธอก็มีความกังวลไม่ต่างจากเอลฟ์ เธอก็ลังเลเช่นกันว่าเธอควรจะพักจริงๆน่ะหรอ
"มันจะไม่เป็นไรจริงๆน่ะหรอ?"
"เอาไว้ค่อยคิดหลังจากพักแล้วกันนะ เฮ้ พีท มิไร จิล พวกนายก็ไปพักด้วยเหมือนกัน ฉันรู้ว่าพวกนายมีหลายอย่างที่อย่างจะพูด แต่ก่อนอื่นไปพักให้ใจเย็นลงก่อน ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง"
"คะ ค่ะ"
"เข้าใจแล้วครับ!"
บางทีอาจจะเพราะว่าเขาไม่อยากจะแยกกับยูอิลฮานที่ไม่ได้เจอกันมานาน หรือไม่พวกเขาก็อยากจะได้ยินเรื่องฟีเรียมากกว่านี้ทำให้พวกเอลฟ์ทั้งสามคนได้แอบอยู่ใกล้ๆ แต่ว่าเมื่อถูกยูอิลฮานพบเข้า พวกเขาก็ได้แต่เข้าไปในป้อมปราการลอยฟ้า
ยูอิลฮานได้มองไปที่ภาพนี้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมา คังฮาจินกับนายูนาได้จ้องมาที่เขาจนทำให้เขาสงสัย
"ทำไมนายไม่เห็นเคยพูดถึงเรื่องนาฬิกาทรายแห่งกาลเวลาเลยสักนิด?"
"นายไม่เห็นบอกเลย นายไม่เคยบอกพวกเราเลยว่ามีไอเทมโกงๆแบบนี้!"
"นี่เป็นอาร์ติแฟคที่กองทัพสวรรค์มอบให้ฉันเพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับฉัน"
"ฝ่ายของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงมอบให้นายแค่เพราะสร้างความสัมพันธ์ที่ดี...."
มันค่อนข้างจะน่าเศร้าที่เขากำลังคิดว่าพวกนั้นอาจจะมีเจตนาอื่นซ่อนอยู่อีกด้วย
นับตั้งแต่ในตอนที่ยูอิลฮานรู้ว่ากองทัพสวรรค์ได้ทอดทิ้งพวกเขา ยูอิลฮานก็ได้ตรวจสอบทุกๆอย่างที่กองทัพสวรรค์มอบให้ ทั้งนาฬิกาทรายแห่งกาลเวลา ช่องเก็บของ แต่ว่ามันไม่มีปัญหาใหญ่ๆอะไร
จะมีก็แค่อย่างเดียว นั่นก็คือมีร่องรอยของเอิลต้าอยู่บนนาฬิกาทรายแห่งกาลเวลา แต่ว่าในเมื่อนี่มันไม่ได้มีอันตรายกับเขาทำให้เขาปล่อยผ่านไป
เอิลต้าสินะ ในเวลานี้เขาจะยังเชื่อใจเธอได้ไหมนะ? ยูอิลฮานได้คิดในเรื่องนี้มาเป็นเวลานานแล้ว แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจเอาไว้ค่อยตัดสินในตอนที่เจอกับเธอแล้วกัน แค่เพราะการที่ฝ่ายกองกำลังทำผิดก็ไม่ได้หมายความว่าบุคลากรภายในจะผิดไปด้วยนี่
ไม่สิ จริงๆนี่มันก็แค่ข้ออ้าง ยูอิลฮานไม่อยากจะต้องเกลียดเอิลต้า หลังจากที่เรื่องต่างๆแบบนี้เกิดขึ้นมา เขาก็รู้ตัวว่าเขาผูกพันธ์กับเธอมากถึงแม้ว่าเธอจะถูกส่งมาหาเขาแค่เพื่อทำให้เขาใช้มานาได้ก็ตาม
ในตอนนี้อารมณ์จิตใจของเขาได้พัฒนาขึ้นมาจนถึงขนาดที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจมันเลย
ขณะที่ยูอิลฮานกำลังตกอยู่ในความคิดนี้ คังฮาจินก็พูดขึ้น
"ไม่ว่าฉันจะคิดว่าเข้าใจนายแค่ไหน นายก็มีเรื่องใหม่ๆมาให้เห็นเสมอเลยนะ"
"ชู่ววว ไปนอนซะไป ไม่ก็อยู้่เฉยๆ"
"ฉันจะไปใส่พลังศักดิ์สิทธิ์ลงไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นะ พี่ฮาจินไปกันเถอะ"
"พลังศักดิ์สิทธิ์ของฉันเทียบกับเธอแล้วมันก็เหมือนกับหิ้งห้อยกับดวงอาทิตย์... เฮ้ โอเค! เข้าใจแล้ว! ฉันกำลังไป"
นายูนาที่เห็นถึงบางอย่างไดรีบพาคังฮาจินกลับไปที่ป้อมปราการลอยฟ้าพร้อมๆกันกับเธอ ยูอิลฮานรู้สึกได้ว่าเธอรีบแปลกๆ และหันหน้าไปเจอกับเลียร่าที่กำลังมองเขาอยู่ ในตอนนี้เหลือแค่เขาอยู่กันสองคนแล้ว
"อิลฮาน"
เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย
"นายกำลังคิดที่จะต่อสู้กับกองทัพสวรรค์?"
"โอ้ เธอเป็นห่วงเรื่องนี้เอง"
"ในระหว่างที่ฉันเป็นทูตสวรรค์ของกองทัพสวรรค์ฉันอาจไม่ได้ช่วยนายมากนัก แต่ว่ากองทัพสวรรค์น่ะโดยพื้นฐานแล้วเคลื่อนไหวภายใต้คำสั่งที่จะปกป้องมนุษยชาตินะ นี่มันคือกฏของพวกเรา..."
"..."
"แต่ว่าทำไมนายถึงได้จะไปต่อต้านกองทัพสวรรค์ล่ะ?"
เลียร่าได้ถามออกมาอย่างเป็นกังวล ยูอิลฮานก็ได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
"เลียร่า สิ่งที่ฉันกลัวมันไม่ใช่คนที่เป็นศัตรูตั้งแต่แรกหรอกนะ แต่ว่าเป็นพรรคพวกที่อาจจะเปลื่ยนมาเป็นศัตรูได้ตลอดเวลาต่างหากล่ะ"
"เปลื่ยนไปเป็นศัตรู..."
เลียร่าได้คิดถึงคำที่เขาพูดออกมาและกัดริมฝีปากเมื่อตระหนักได้ถึงบางอย่าง มันดูเหมือนว่าเธอก็พอจะคิดได้เหมือนกัน เขาได้ลูบหัวเธอให้ใจเย็นลง
"ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันไม่ได้คิดจะไปโจมตีทูตสวรรค์ในทันทีที่ฉันเจอหรอก ฉันก็แค่พูดเอาไว้ว่าฉันเตรียมตัวที่จะต่อสู้กับทุกๆอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ และรวมไปถึงโลกของฉันด้วย"
"ถ้านายทำได้มันก็ดี แต่ว่าฉันกลัวว่านายกำลังฝันถึงอะไรที่มันยิ่งใหญ่เกินไปน่ะสิ"
"ไม่เลย ฉันกำลังทำในสิ่งที่ฉันรู้สึกว่าฉันทำมันสำเร็จได้"
"อิลฮาน..."
เลียร่าได้มองมาที่เขาอย่างเป็นห่วง ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้ยกค้อนขึ้นมาแล้ว
"เอาไว้ก่อนเถอะนะ ก่อนอื่นมาทำดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้เสร็จก่อน"
"เจ้าโง่"
ในส่วนนี้มันคือเวลาที่เขาควรที่จะเขามากอดปลอบโยนคนรักสิ แต่เจ้าคนนี่กลับคิดที่จะไปทำงาน!
"เลียร่า เธอไปพักเถอะ หรือไม่ก็ไปฝึกสกิลของเธอ"
"ในจุดนี้การฝึกมันไม่ทำให้ฉันไปอยู่สูง... ไม่สิ พอมาดูนายแล้ว ดูเหมือนมันจะไม่ใช่แบบนั้นแล้ว"
จนถึงตอนนี้เธอเป็นกังวลมากๆ แต่พอได้เห็นยูอิลฮานตอบเธอกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ทำให้เธอหมดแรงลง เธอได้แต่ห่อไหล่เดินจากไป
"โอเค ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว"
"โอ้ เลียร่า"
เลียร่าได้คิดว่าเธอน่าจะไปเหวี่ยงห่อและต่อยอากาศเล่นเพื่อสลัดความคิดทั้งหมดออกไป แต่แล้วยูอิลฮานก็ตะโกนเรียกเธอ
"ถ้าเธอกำลังจะฝึกล่ะก็ ช่วยไปดึงรากต้นไม้รอบๆนี้ออกไปด้วยนะ ฉันกำลังจะทำป้อมปราการบริวารตรงนี้"
"อย่าโยนงานแบบนี้มาให้ฉันนะ เจ้าโง่"
ยังไงก็ตามในท้ายที่สุดเธอก็ยังคงเหวี่ยงหอกและหมัดของเธอเพื่อกำจัดต้นไม้ให้เขาแต่โดยดี ยูอิลฮานได้มองดูทำแบบนี้อย่างพอใจและบินไปที่ป้อมปราการลอยฟ้า นายูนาที่ยืนอยู่อย่างไร้ยางอายได้พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มโดยไม่หนีอะไร
"เอาล่ะ มาเริ่มงานกันเถอะ"
"แกล้งทำเป็นใจเย็นสินะ"
"อุ เอะเฮะเฮะ"
การทำให้ป้อมปราการลอยฟ้าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นยกามากๆ บางทีหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ยูอิลฮานก็คงจะเป็นไปไม่ได้เลย
นี่มันก็เพราะว่าตั้งแต่แรกแล้วดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั่นมันหมายถึงพื้นที่ที่มีร่องรอยของเทพธิดาเรย์น่าหลงเหลือเอาไว้ ร่องรอยนี้จะเป็นพลังที่แข็งแกร่งและถูกบีบอัดหลายร้อยปีจนเกิดขึ้นมาเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเอง
การที่จะสร้างมันขึ้นมาเองนั้นอย่างแรกเลยต้องมีหินพลังเวทย์ที่เต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดา และเนื่องจากว่าเขาได้รับหินศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงมาหลายต่อหลายก่อนแล้ว สิ่งที่จะทำต่อมาก็คือการผสมมันเข้ากับหินพลังเวทย์และวัตถุดับระดับสูงจนเป็นอาร์ติแฟคก่อนที่จะนำไปวางในที่ต่างๆจนเกิดเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์
"ฉันคิดว่าคนส่วนใหญ่คงจะคิดไม่ถึงด้วยซ้ำไป"
"เกือบจะเสร็จแล้ว ฉันจำเป็นก็แค่ต้องทำระบบศูนย์กลางไว้ที่ใจกลางของคฤหาสน์แล้วก็ให้สิทธิการควบคุมกับมิสทิค"
ยังไงก็ตามมันไม่ใช่แค่นั้น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้หมายถึงพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพลังศํกดิ์สิทธิ์หรอกหรอ จะมีกแต่เทพธิดาเท่านั้นที่จะทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ได้! และแน่นอนว่าคนที่แทนที่เทพธิดาได้นั่นก็คือนายูนานั่นเอง
"ฮิฮิ นายอายจังแหะ"
"เธอไม่เห็นอายเลยสักนิด ไม่ว่ายังไงก็เถอะตอนนี้ก็นั่งเฉยๆนะ"
"โอเค~"
แน่นอนว่าป้อมปราการลอยฟ้านี้เป็นของยูอิลฮาน แต่ว่าเจ้านายแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในควรจะเป็นของนายูนา เธอเป็นคนที่จะสื่อสารกับพลังศักดิ์สิทธิ์ภายในพื้นที่ได้ และยังสามารถจะใช้พลังภายในที่แห่งนี้ได้อย่างอิสระเพื่อที่จะสร้างปาฏิหาริย์เหมือนกับที่เธอแสดงในเบร์ย่าขึ้นมาได้อีกครั้ง
และการจะทำแบบนั้นมงกุฏพระสันตปาปาก็เป็นสิ่งจำเป็น มงกุฏนี้ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าหินศักดิ์สิทธิ์ใดๆ และมันทำให้ผู้คนสงสัยว่านี่มันใช่ของของเทพเจ้าหรือไม่!
ยูอิลฮานได้เชื่อมต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับมงกุฏเข้าด้วยกัน และสร้างระบบขึ้นมาไว้ให้นายูนาควบคุมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผ่านมงกุฏด้วยความคิดของเธอ นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้นายูนาจำเป็นต้องใส่พลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอเข้าไปในพื้นดินและอาร์ติแฟคนี่ก็ยังจำเป็นสำหรับสร้างการเชื่อมต่อ
"ช่วยเข้ากันได้ด้วยเถอะนะ โอ้ คังฮาจินอย่าเข้ามาใกล้สิ"
"ทำไมฉันถึงรู้สึกแปลกๆน้า~"
"แม้ว่าตอนนี้เธออาจจะขยับตัวลำบาก แต่ว่าเมื่อไหร่ที่เธอชินกับมันเธอจะสบายยิ่งขึ้น นอกจากนี้มันยังจะช่วยเพิ่มสัมผัสความารู้สึกและความจดจำให้กับเธอด้วย ดังนั้นนี่มันเป็นเรื่องดี"
ยูอิลฮานใช้การควบคุมระบบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์แบบและเชื่อมต่อมันเข้ากับมิสทิค
อาร์ติแฟคที่ถูกติดตั้งเอาไว้ได้เริ่มเปิดใช้งานเพื่อที่จะเติมเต็มทั้งป้อมปราการไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของเรย์น่า จากนั้นการควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกส่งมอบให้กับมงกุฏพระสันตาปาปและทำให้มันเชื่อมต่อเข้ากับนายูนาอีกครั้ง
"อ๊าาาา"
"อดทนไว้"
ในระหว่างกระบวนการการได้รับการควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์จากอาร์ติแฟคดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ การเชื่อมต่อเข้ากันกับมงกุฏได้ทำให้นายูนาได้รับประสบการณ์กับการที่อยู่ๆการรับรู้ของมนุษย์ที่มีสองตาได้เปลื่ยนแปลงไปเป็นสัตว์ประหลาดที่มีหนึ่งร้อยตาในทันที
ในตอนนี้พลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในพื้นที่ได้ปั่นป่วนจนเกิดเป็นพายุขนาดเล็กขึ้น คังฮาจินที่คอยอยู่แล้วได้ก้าวมาข้างหน้าดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์ในทันที เขาได้รีบเร่งตะโกนออกมา
"นายูนา ควบคุมมัน! ฉันกำลังจะตายแล้ว!"
"ฉันทำไม่ได้! มันไม่เป็นไปตามที่ฉันต้องการเลย!"
"อ๊าาา!?"
ในปัจจุบันแค่การกระดิกนิ้วของเธอ เธอสามารถจะสร้างระเบิดขนาดใหญ่ที่มาจากพลังศักดิ์สิทธิ์ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้เลย และเธอยังสามารถพลิกผืนแผ่นดินได้หากว่าเธอลื่นไป ตอนนี้นายูนากำลังตื่นตระหนกอยู่!
"ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริงๆฉันทำแบบนี้ไม่ได้"
"ระหว่างสิ่งที่เกิดจากธรรมชาติกับสร้างขึ้นมามันต่างกัน นี่มันหมายความว่าที่แห่งนี้จะยิ่งกร่งขึ้นอีก"
"มันยากมาก อ๊า ฉันต้องการอะไรก็ได้ที่ทำให้ฉันมีสมาธิ! อย่างเช่นนายอิลฮาน!"
"จะทำอะไรก็ทำเร็วเข้า! ว๊ากกก"
"..."
ยูอิลฮานได้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ว่าพอได้เห็นคังฮาจินที่อาจจะปลิวออกไปได้ตลอดเวลา เขาก็ได้แต่ยื่นแขนไปหานายูนา เธอได้จับมือของเขาเอาไว้ด้วยสองมือของเธอ และเอาแขนของเขาไปถูกับหน้าของเธอ
"ฮ่าฟู่วววว"
"เสียงแปลกๆนี่มันอะไร"
"นายแค่คิดไปเอง"
ยังไงก็ตามสัญญาณที่พลังศักดิ์สิทธิ์กำลังบ้าคลั่งก็ได้สงบลง เขาก็แค่ยื่นแขนไปให้กับเธอ แล้วเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้น... เขาได้ยิ้มแห้งๆออกมา
"...แล้วงั้น? ฉันต้องทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน?"
"ทันทีที่นายออกห่างจากฉัน พี่ฮาจินก็จะต้องไปจากป้อมปราการ"
"อันตราย!?"
"เฮ้ เจ้าขี้ขลาเ! ไม่ ไม่ ไม่นะ ยูอิลฮาน อย่าขยับมาจากตรงนั้น! ฉันบอกว่าอย่าขยับไงเล่า"
หลังจากผ่านไปสามชั่วโมงนายูนาถึงได้ยอมปล่อยแขนยูอิลฮานไป ยูอิลฮานได้เตรียมใจไว้สำหรับ 30 ชั่วโมง ไม่สิ 3 วัน ไม่ 3 สัปดาห์ต่างหาก แต่แล้วนายูนาก็ควบคุมดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำเร็จได้ในเวลาสั้นๆแบบนี้
"ว้าว ในตอนนี้ต่อให้เป็นหินศักดิ์สิทธิ์ฉันก็ทำได้แล้ว! แทแด๊นนน"
"ยูนาการทำแบบนี้มันจะไม่เป็นไรหรอ?"
"ดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับฉันน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าปัญหาเล็กๆก็คือมันใช้มานาจากโลกนี้นี่สิ แทแด๊นนน"
"นั่นมันปัญหาใหญ่เลยล่ะ!"
"...."
การได้เห็นเธอใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างอิสระเหมือนกับเธอเกิดมาพร้อมกับพลังนี้ได้ทำให้เขาตั้งคำถามขึ้นมาว่า 3 ชั่วโมงตอนแรกของเธอมันคืออะไรกัน
ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้ตัดสินใจไม่ถามออกไป ต่อให้เธอตอบความจริงกลับมามันก็คงจะเป็นเขาที่จะเสียเปรียบไม่ใช่เธอแน่
'คงจะไม่มีผู้ชายที่ดีปรากฏตัวออกมานะ'
ยังไงก็ตามหากมีผู้ชายที่ดีปรากฏตัวมาพาตัวเธอไป เขาก็คงจะรู้สึกแย่แน่ๆ บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าหมาห้วงก้างงั้นสินะ? ในเมื่อดูแลไม่ได้ก็ควรจะปล่อยเธอไปสิ!
ยูอิลฮานรู้สึกไม่ชอบเลยกับอารมณ์ที่เขาไม่เข้าใจนี้ที่กกำลังเติบโตขึ้นมา และเขาได้ตัดสินใจที่จะปล่อยไม่สนใจมัน
"เฮ้อ ไปทำงานกันเถอะ ไปทำป้อมปราการบริวาร แล้วก็อุปกรณ์ให้กับเอลฟ์แล้วก็เผ่าพันธ์หมาป่ากัน..."
"ดูเหมือนว่านายจะใช้การสร้างสิ่งของคลายเครียดน้า อิลฮาน~"
"ถ้าหมอนี่เป็นซึมเศร้า อารยธรรมก็คงจะก้าวหน้าเข้าสู่ยุคใหม่แน่ๆ..."
จำนวนเอลฟ์ที่รอดตายมีประมาณหนึ่งพันห้ารอยคน ในขณะที่เผ่าพันธ์หมาป่ามีสองหมื่นคน เพื่อที่จะสร้างอุปกรณ์ระดับตำนานให้กับทุกๆคน และบางทีอาจจะกระทั่งระดับมหากาพย์ให้ทุกคน เวลาที่ต้องใช้ก็น่าจะเป็น...
"น่าจะประมาณเดือนครึ่งสินะ? ถ้าเป็นแบบนี้ฉันก็น่าจะต้องสร้างวัตถุดิบหลักแล้วก็พิมพ์เขียวของป้อมปราการบริวาร เพื่อที่จะได้ให้เจ้าพวกนั้นจัดการงานก่อสร้างพื้นฐานซักหน่อย"
ยูอิลฮานได้ร่างแผนงานตลอดสองเดือนของเขาเสร็จในทันที เขาได้หยิบเอาปากกากับกระดาษขึ้นมาเขียนเป็นพิมพ์เขียว นายูนาได้ตกใจกับทัศนคติที่จู่ๆก็เปลื่ยนไปและได้แต่มองดูแผ่นหลังของเขา
นาฬิการทรายแห่งการเวลาได้ถูกปิดใช้งานแล้ว ระหว่างนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงคนใดที่รู้ถึงช่องว่างเวลาสองเดือนนี้เลยสักนิด การปฏิวัติที่จะเปลื่ยนแปลงสงครามได้เริ่มต้นขึ้น ณ จุดๆนี้