บทที่ 231 - ฉันไปด้วย (7) [14-11-2019]
บทที่ 231 - ฉันไปด้วย (7)”
[ทะ ทำไมแค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำกลับโจมตีสวนอาทิตย์อัสดง? แกรู้ตัวไหมว่าแกกำลังสร้างหายนะให้กับตัวแกเอง...!?]
"ฉันก็ไม่มั่นใจหรอกนะ แต่ว่าฉันมั่นใจว่ามีหายนะที่กำลังรอแกอยู่แน่"
[อั๊ก!?]
ทำไมพอจะตายพวกนี้ถึงเหมือนกันหมดเลยนะ บางทีอาจจะมีแค่เฉพาะในพวกลูกกระจ๊อกแหละมั้ง ยูอิลฮานได้คิดเรื่องนี้ไปในระหว่างที่แทงเข้าไปที่คอของสมาชิกสวนอาทิตย์อัสดงที่เหลืออยู่คนสุดท้าย
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้เพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 278 พละกำลังเพิ่มขึ้น 1 ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 1 พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 2 พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 1]
[คุณได้รับบันทึก เอลพาซาดีน เลเวล 321]
"โอ้ว คนที่ฆ่ามังกรได้ง่ายๆกลับถูกท่านจักรพรรดิฆ่าแบบสบายๆ"
"ท่านจักรพรรดิแข็งแกร่งแบบนี้ได้ยังไงกันนะ?
พวกคนที่ยูอิลฮานเป็นห่วงตอนนี้กำลังกระซิบกันอยู่ตลอดเวลา ยูอิลฮานได้ยิ้มแห้งๆ และเก็บของคนที่ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มสวนอาทิตย์อัสดงที่อยู่ที่นี่ ในตอนนี้เองเขาก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง
นั่นก็คืออัญมณีขนาดใหญ่ผิดปกติที่อยู่ระหว่างคอกับหัวใจ อัญมณีนี้กำลังเปล่งแสงลึกลับออกมา
"โอ้ เจ้านี่มีหินพลังเวทย์ด้วยล่ะ ในที่สุดฉันก็ได้ใช้หินพลังเวทย์เพิ่มแล้ว"
เลียร่าได้แสดงความคิดเห็นขึ้นมาอย่างตกใจ
"นายพูดเหมือนกับว่านายใช้หินพลังเวทย์คลาส 5 เป็นปกติเลยนะ..."
"ฉันฆ่าไปตั้งเยอะนี่ อย่างน้อยที่สุดฉันก็ควรจะได้รับมันมาเยอะๆไม่ใช่หรอ?"
จนถึงตอนนี้ตลอดทั้งการต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตชั้นสูง รวมจนถึงตอนนี้ หินพลังเวทย์คลาส 5 ที่เขาได้รับมารวมแล้วมีแค่ 3 ก้อนเท่านั้นเอง หนึ่งก้อนได้ถูกนำไปอัพเกรดเกราะของยูอิลฮาน อีกก้อนได้ถูกเก็บเอาไว้ใช้ในการสร้างชิ้นส่วนเกราะใหม่ของเขาพร้อมกับศพอีกครึ่งหนึ่งของเจตจำนงแห่งความโกลาหล และทำให้ในตอนนี้เขามีหินพลังเวทย์ที่ยังไม่รู้จะใช้ทำอะไรอยู่หนึ่งก้อน
"ถ้างั้นเจ้าก้อนนี่ ฉันควรจะ..."
"ท่านจักรพรรดิ!"
"ท่านจักรพรรรรรรรดิ!"
ยังไงก็ตามยูอิลฮานไม่มีเวลาให้มาคิดว่าจะใช้หินพลังเวทย์ก้อนที่สามยังไงอีกแล้ว ในตอนที่ศัตรูทั้งหมดได้ตายลงไป เอลฟ์ทั้งหมดก็ได้กรูกันเข้ามาหาเขาทันที
"ท่านจักรพรรดิ"
"ท่านจักรพรรดิ ฮืออ ท่านมาช้าไปแล้ว"
"เป็นท่านจักรพรรดิจริงๆด้วย"
"ท่านแข็งแกร่งขึ้นมาก"
"ท่านจักรพรรดิ"
"..."
พอได้เห็นเหล่าเอลฟ์ที่ทำตัวราวกับเป็นแฟนคลับที่มาเจอกับไอดอลได้ทำให้พรรคพวกของยูอิลฮานตกตะลึงไป ในที่แห่งนี้ยูอิลฮานถูกรักและหลงไหลมากขนาดไหนกันนะ!
"ท่านจักรพรรดิ ท่านเท่จัง"
"ท่านโครตเท่เลย!"
"แต่ว่าท่านโครตของโครตเท่เลยต่างหาก"
"ท่านจักรพรรดิ ท่านแข็งแกร่งมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน? นี่มันเพิ่งผ่านไปแค่ 5 ปีเองนะ!"
"พวกนาย เงียบกันก่อน"
เอลฟ์ที่พุ่งตัวเข้ามาเหมือนกับจะจูบยูอิลฮานให้ได้ ได้กลายเป็นเงียบไปทันทีจากคำพูดของยูอิลฮาน
เหล่าพรรคพวกยูอิลฮานได้พูดอีก เมื่อตอนที่พวกเอลฟ์เห็นด้วยกับยูอิลฮานที่สวนอาทิตย์อัสดงเป็นศัตรู พวกเขาก็ตกใจมากแล้ว แต่ว่าพอมาเห็นในตอนนี้เรื่องในคราวนั้นมันเล็กน้อยมาก
"ฉันก็ดีใจที่เจอพวกนายนะ แต่ว่ามันดูเหมือนว่าสถานการณ์จะให้เราทำแบบนั้นไม่ได้นะ จริงไหมล่ะมิลฟ่า?"
"ค่ะ ท่านจักรพรรดิ"
มิลฟ่าที่อยู่เงียบๆมาตลอดท่ามกลางหมู่เอลฟ์ได้ก้าวมาด้านหน้าพร้อมทั้งก้มหัวลงราวกับว่าเธอรู้สึกยินดีมากที่เขาจะเธอได้
ยูอิลฮานเป็นห่วงเธอมากเพราะว่าเธอเป็นคนถือครองอาร์ติแฟคควบคุมวงเวทย์ แต่โชคดีที่มันดูเหมือนว่าทั้งเธอกับอาร์ติแฟคยังคงปลอดภัยดีอยู่ มิลฟ่าที่คาดเดาสิ่งที่เขาคิดจากสายตาได้พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
"ฉันไม่ได้นำอาร์ติแฟคออกมา พวกสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็รู้ถึงวงเวทย์เหมือนกัน และพวกนั้นก็ดูเหมือนกำลังจะหาวิธีใช้อยู่ด้วย"
"ในเมื่อฉันกำจัดพวกเจ้านั่นออกไปแม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ถึงบางอย่างเลย มันไม่แปลกเลยที่พวกนั้นพยายามที่จะทำอะไรกับวงเวทย์"
"ยังไงก็ตามการที่จะทำลายวงเวทย์ที่เป็นหนึ่งเดียวกับทวีป ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมาก"
"บางทีระหว่างที่ฉันปรับแต่งมันอาจจะต้องทนสักนิด"
"ปรับแต่ง? ท่านหมายความว่ายังไง?"
"วงเวทย์ไงล่ะ"
"..."
แม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจในการสร้างวงเวทย์ทั้งหมดในทวีปนี้ แต่ว่าการปรับปรุงอัพเกรดของวงเวทย์ที่มีอยู่แล้วมันไม่ได้ยากสำหรับเขาเลยสักนิด โดยเฉพาะด้วยเทคนิคหัตถกรรมมานาและวิศวกรรมเวทย์ของเขา
มิลฟ่าก็ยังรู้แล้วว่ายูอิลฮานไม่ได้แค่มีพลังการต่อสู้เท่านั้นที่เพิ่มขึ้นจาก 5 ปีที่ผ่านไป
"ท่านจักรพรรดิยังคงอยู่เหนือจินตนาการเราเสมอ..."
"นายท่าน ฉันดีใจที่เห็นท่านสบายดี"
หากมิลฟ่าคือตัวแทนของเอลฟ์ เอริเซียก็คือตัวแทนของเผ่าพันธ์หมาป่า เธอได้มาถึงคลาส 4 แล้ว และบางทีเพราะแบบนี้ทำให้ความสวยของเธอได้เปล่งประกายออกมายิ่งกว่าเก่า
ไม่ ตัวเธอกำลังเปล่งประกายขึ้นจริงๆจากผมและร่างกายของเธอ ก่อนหน้านี้เธอเป็นหมาป่าขนสีดำ แต่ว่าอาจจะเพราะการที่เธอได้รับแก่นแท้พลังจากดวงจันทร์ในตอนได้คลาส 4 มาทำให้ผมและคิ้วของเธอได้เปลื่ยนไปเป็นสีเงินประกายอ่อนๆ นี่มันได้เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีว่าเธอแกร่งมากกว่าแต่ก่อนอย่างเทียบกันไม่ติด
"เธอเป็นคนปกป้องเอลฟ์มาจนถึงตอนนี้สินะ ขอบคุณมาก การเลือกเธอมาเป็นหนึ่งในลูกน้องของฉันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ฉันคิดว่าฉันทำได้ดีในชีวิตนี้"
"ฟุฟุ"
เอริเซียได้คลายสีหน้าที่เย็นชาและยิ้มออกมาเล็กๆ เมื่อได้รับคำชมและการลูบหัวจากยูอิลฮาน ยิ่งจากหูสีเงินของเธอที่ขยับไปมายิ่งแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีคามสุข
"เฟมิล นายก็พยายามไดีเหมือนกัน"
"ไม่สักนิด ข้าก็แค่ปกป้องนายหญิงเอริเซีย"
ด้านหลังของเอริเซียก็ยังคงเป็นเฟมิลที่ยืนหน้านิ่งเหมือนอย่างเคย มันดูเหมือนว่าเฟมิลจะแกร่งขึ้นกว่าเก่าด้วยเช่นกัน
อืมม ในเมื่อพวกเขาได้มีประสบการณ์กับมหาภัยพิบัติขั้นที่ 4 กับขั้นที่ 5 มันก็คงไม่แปลกที่พวกเขาจะแกร่งขึ้นมา
"โชคดีมากเลยนะที่พวกเธอปลอดภัยเอริเซีย"
"...นายท่าน หรือนั่นจะหมายความว่า...?"
สมกับที่เป็นสัตว์ป่า เธอได้อ่านอารมณ์ผ่านทางคำพูดของเขาออกและพูดออกมาด้วยความเป็นกังวล ยูอิลฮานได้หยักหน้าเบาๆและเงยหน้าขึ้นมา
ในตอนนี้ทั้งเอลฟ์และหมาป่าต่างก็มองมาที่เขา
"ฉันอยากจะให้พวกนายทุกคนฟังฉันได้ดี"
"ท่านจักรพรรดิ"
"ท่านกำลังจะต่อสู้กับสวนอาทิตย์อัสดง?"
"ในที่อื่นท่านได้ต่อสู้กับพวกนั้นแล้วสินะ?"
ยูอิลฮานได้พูดขึ้นให้สั้นที่สุดเท่าที่เป็นไปได้โดยเมินเฉยต่อคำถามทั้งหมด
"ฟีเรีย รวมไปถึงเอลฟ์กับมนุษย์หมาป่าที่อยู่ด้วยกันกับเธอ ทุกๆคนตายไปแล้ว"
"อะไรกัน..."
"เป็นไปได้ยังไง?"
ทุกคนได้หดหู่ใจกันไปอย่างมาก ยิ่งเหล่าเอลฟ์ที่สนิทกับเลียร่าสามคนที่ไปโลกกับยูอิลฮานได้แสดงปฏิกิริยาที่รุนแรงออกมามาก
"เป็นไปได้ยังไงกัน? เธอเป็นคนที่เร็วที่สุดแล้วก็ซ่อนตัวได้ดีที่สุดในหมู่เราทั้งสี่คนนะ!"
"เวรเอ้ย...!"
"ท่านจักรพรรดิ ผมอาจจะหยาบคายไปแต่ว่า... ท่านได้ยืนยันในการตายของเธอหรือยัง?"
ในตอนนี้พีทเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดในหมู่ทุกๆคน ยูอิลฮานได้หยักหน้าด้วยรอยยิ้มแห้งๆ ก่อนที่จะหยิบเอาศพของสมาชิกสวนอาทิตย์อัสดงที่เขาได้ฆ่ามาในก่อนหน้านี้
มีดสั้นทั้งสองเล่มกับแส้ได้หล่นมากระแทกพื้น ยังไม่ใช่แค่นั้นยังมีแม้แต่ชุดเกราะที่ยังมีร่องรอยของฟีเรียอยู่ด้วยซ้ำไป สำหรับเอลฟ์ที่มีอายุมายืนยาวแล้วทำไมพวกเขาจะไม่เข้าใจในความหมายของสิ่งนี้กันล่ะ
"ฟีเรีย..."
"ฟีเรีย..."
"นับตั้งแต่ที่เธอแยกออกไปจากพวกนาย เธอก็ได้ตกเป็นเป้าหมายของพวกนั้นแล้ว มันเป็นเพราะอุปกรณ์ที่เธอใส่นั้นทรงพลังจนเกินไป มันดูเหมือนว่าพวกนั้นจะคิดว่าไม่มีใครรู้เพราะพวกมันได้จัดการคนที่อยู่กับฟีเรียไปจนหมด แต่ว่า..."
ตราบใดที่ยูอิลฮานมีสกิลบันทึกอยู่ก็จะไม่มีใครที่จะซ่อนความจริงไปจากเขาได้ แน่นอนมันจะมีความหมายก็ต่อมีคนอื่นเชื่อในคำพูดของเขาเท่านั้น และคนที่นี่ทุกคนก็เชื่อในคำพูดของเขา
มันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจสำหรับคนแบบยูอิลฮานมากๆ แต่ว่าสำหรับในตอนนี้เขาก็ได้แต่ตอบรับความไว้ใจของคนพวกนี้กลับไปเท่านั้น
พีทได้ถามกลับมา
"ท่านจักรพรรดิ แล้วร่างของเธอล่ะ...?"
"ถ้านายอยากจะรู้ ฉันจะทำให้นายเห็นภาพนั้น... ยังไงก็ตามด้วยพลังของฉันในตอนนี้ฉันหาร่างที่เหลือของเธอไม่ได้"
"..."
"ให้ฉันพานายไปที่นั่นไหม?"
"ไม่ครับ"
พีทได้ส่ายหน้า คราวนี้เมื่อสายตาของเขาได้มองกลับมาที่ยูอิลฮาน สายตาของเขาได้เต็มไปด้วยไฟแห่งความแค้น
"ตอนนี้พวกเรายังมีอย่างอื่นต้องทำอีกสินะครับ"
"ดีแล้วที่นายตั้งตัวได้เร็วพีท"
ริมฝีปากของยูอิลฮานได้โค้งเป็นรอยยิ้ม ความโกรธของพีทได้กระจายไปสู่พรรคพวกคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว และความยินดีที่ได้เจอกับยูอิลฮานของพวกเอลฟ์ได้หายไปถูกแทนที่มาด้วยความโกรธและความต้องการที่จะแก้แค้น มันดูเหมือนในระหว่าง 5 ปีนี้สิ่งที่พัฒนาขึ้นของพวกเอลฟ์จะไม่ได้มีแค่เลเวล
ยูอิลฮานได้พูดต่อออกไปเพื่อไม่ให้ความโกรธและคมเขี้ยวพวกนี้หายไป
"ฉันคิดว่าพวกนายก็พอจะรู้แล้วนะ แต่ฉันจะบอกย้ำอีกครั้งคือที่ดาเรย์นี้ได้เข้าสู้ขอบเขตของโลกระดับสูงไปแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงเลยสักนิด และฉันก็มาที่นี่ช้าไป แต่ว่านะ..."
สายตาของเขาได้มองลงไปที่ศพของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอยู่แว๊บหนึ่ง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีดสั้นคู่ที่วางอยู่บนพื้นถัดจากศพ เมื่อเขามองไปที่มีด ภาพของฟีเรียก็เข้ามาในหัวของเขา และคำพูดต่อมาก็ติดอยู่ในลำคอของเขา
"อิลฮาน?"
"...ไม่เป็นไร"
ให้ตายสิ เขาไม่ชินกับการสูญเสียแบบนี้เลยสักนิด ในเมื่อเขาไม่เคยมีอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิตทำให้เขายิ่งรับรู้ได้ถึงการสูญเสียนี้ได้มากกว่าปกติเป็นร้อยเท่า
เรื่องแบบนี้มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก ไม่มีวันม้แต่ครั้งเดียว
เขาได้กลืนคำพูดลงไปในลำคอและพูดต่อ
"ในตอนนี้สวนอาทิตย์อัสดงกับกองทัพปีศาจแห่งการทำลายได้เข้ามาที่โลกนี้แล้ว และบางทีกองทัพจรัสแสงกับกองทัพสวรรค์ก็อาจจะตามเข้ามาด้วย ยังไงก็ตามสิ่งสำคัญในตอนนี้คือ"
เขาได้แทงหอกลงไปในร่างของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่ตายไปแล้วและพูดออกมา
"ทั้งสี่ฝ่ายนั่นคือศัตรูของเรา ทุกๆอย่างนอกเหนือไปจากผืนดินแห่งนี้คือศัตรูของพวกนาย"
"ครับ/ค่ะ ท่านจักรพรรดิ"
น้ำเสียงของยูอิลฮานหนักแน่นมากๆ และลูกน้องของเขาก็ตอบกลับมาอย่างชัดเจน พวกเอลฟ์ไม่มีทั้งความสงสัยหรือความกลัวแม้แต่นิดเดียว
"ในตอนนี้สำหรับการฝังศพแสดงความเสียใจให้กับพรรคพวกของนายยังทำไม่ได้ พวกเราจะทำได้ก็ต่อเมื่อพวกเราจัดการทุกอย่างจบลงแล้ว ... มิล พ่อก็จะจัดงานศพให้กับแม่ของลูกในตอนนั้นเหมือนกัน"
"ครับ"
"แล้วก็นะ นี่คือสงคราม ไม่สิ..."
ยูอิลฮานได้มองไปที่อุปกรณ์ที่เหล่าเอลฟ์ใส่อยู่ที่อยู่ในสภาพฉีกขาดพังจนหมดแล้วจากการใช้งานมาตลอด 5 ปี วงเวทย์ก็ยังอาจจะถูกสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเข้ามายุ่งย่ามได้ตลอดเวลา ป้อมปราการลอยฟ้าก็ยังสร้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่สมบูรณ์ รวมไปถึงทั้งเอลฟ์กับเผ่าหมาป่าต่างก็เหนื่อยล้ามากๆแล้ว
ในมือของเขาตอนนี้มีนาฬิกาทรายแห่งกาลเวลาอยู่ สิ่งนี้มันพัฒนาขึ้นมาพร้อมๆเขา และในตอนนี้ที่เขาเลเวล 278 เขาสามารถจะใช้อาร์ติแฟคปาฏิหาริย์นี่เพื่อปกคลุมทั่วทั้งดินแดนได้เลย นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยในตอนที่ได้รับมันมาในครั้งแรก
"นี่เป็นเวลาเตรียมตัวรบต่างหาก"
เมื่อยูอิลฮานได้กำหมัด แสงจากนาฬิกาทรายแห่งการเวลาก็ได้ปกคลุมยูอิลฮานและกลุ่มของเขาไว้ รวมไปถึงป่าที่ไร้ขอบเขตและป้อมปราการลอยฟ้าอีกด้วย เอลฟ์กับเผ่าหมาป่าต่างก็กระพริบตาอย่างสับสน พอยูอิลฮานได้เห็นแบบนี้ทำให้เขาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
"ก่อนอื่นเลยพวกนายไปนอนพักเถอะ"
"แต่ว่า ถ้าเราไปนอนในเวลาแบบนี้..."
"ใช่ พวกนายต้องนอนในเวลาแบบนี้แหละ..."
มีแค่เวลาแห่งอิสรภาพสองเดือนนี้เท่านั้นที่ให้พวกเขาได้นอนพักได้ ยูอิลฮานได้พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
"น่าแปลกที่มันไม่มีอะไรเปลื่ยนไปเลย"