ตอนที่ 191 ช่องว่างแห่งจิตวิญญาณ (ฟรี)
หลังจากที่ถังหว่านเอ๋อและชิงยวูนำโอสถรวมเส้นเอ็นที่หลงเฉินหลอมขึ้นมาไปแจกจ่ายให้กับผู้คนภายในขุมกำลังแล้ว ทั่วทั้งบริเวณถ้ำที่พักก็เกิดสภาวะเงียบสงัดขึ้นมาในทันใด เนื่องจากผู้คนทั้งหลายต่างก็เก็บตัวอยู่แต่ในถ้ำ หยิบยืมพลังจากโอสถรวมเส้นเอ็นเข้าช่วยหลอมรวมพลังขอบเขตของพวกเขาเอาไว้
พวกเขามีแต่จะต้องรวมพลังขอบเขตให้ได้อย่างหมดจดเท่านั้นจึงจะสามารถฝึกยุทธ์ต่อไปได้ การหลอมรวมพลังขอบเขตก็เปรียบเสมือการสร้างรากฐานของพลังทั้งหมดเอาไว้นั่นเอง
จากนั้นถังหว่านเอ๋อและชิงยวูก็กลับมาที่ห้องพักของตัวเองเพื่อเก็บตัวด้วยเช่นกัน มีเพียงหลงเฉินคนเดียวเท่านั้นที่ไม่จำเป็นจะต้องเก็บตัวเหมือนกับคนอื่น ทว่าเขาเองก็มีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำ หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาแล้วก็ได้ไหลเวียนพลังแห่งจิตวิญญาณเข้าไปในป้ายหยกเพื่อเปิดตำราเรียน
“ให้ตายเถิด หลอกลวงกันเกินไปแล้ว เป็นวิชาที่ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
หลงเฉินด่าทอขึ้นมายกใหญ่ เขาคิดมาโดยตลอดว่าวิชาลับอย่างเบิกช่องว่างแห่งจิตวิญญาณนั้นจะต้องมีหลักการที่ยากเย็นอยู่มากอย่างแน่นอน ทว่าได้ลองอ่านวิธีการดูแล้วกลับกระทำได้อย่างง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง
การเบิกช่องว่างแห่งจิตวิญญาณนั้นคือการแบ่งพลังแห่งจิตวิญญาณออกเป็นสองส่วนอย่างมั่นคง แล้วก็เพ่งสมาธิเบิกช่องว่างที่สามขึ้นมา
ช่องว่างนี้มีลักษณะคล้ายกับช่องว่างภายในแหวนมิติ ทว่าแหวนมิตินั้นจะเกิดช่องว่างด้วยตัวของมันเองและขอเพียงสามารถเชื่อมต่อเข้ากับสิ่งของได้ก็เสร็จสิ้นแล้ว
ว่ากันว่าภายใต้โลกหล้าแห่งนี้มีห้วงมิติมากมายนับไม่ถ้วนมานับตั้งแต่โบราณกาลแล้ว ทว่าในยุคก่อสงครามแห่งทวยเทพกลับถูกทำลายลงไปจนกลายเป็นชิ้นส่วนแห่งดวงดาว
นั่นก็เป็นเพียงเรื่องเล่าจากบรรพบุรุษเท่านั้น จะเป็นจริงมากน้อยเพียงใดนั้นก็ยังไม่มีผู้ใดทราบหรือหาหลักฐานมายืนยันได้ ทว่าเหล่าผู้คนในยุคหลังต่างก็เชื่อกันว่าชิ้นส่วนของห้วงมิติที่เป็นช่องว่างเหล่านั้นเป็นเสมือนวิชาที่เฉพาะเจาะจงชนิดหนึ่ง เมื่อได้ไหลผ่านเข้าสู่แหวนแล้วก็จะทำให้เกิดเป็นช่องว่างของมิติภายในแหวนวงนั้น
ที่น่าเสียดายนั่นก็คือช่องว่างภายในแหวนมิติมีลักษณะและรูปร่างที่คงที่ จึงไม่สามารถใส่สิ่งมีชีวิตเข้าไปได้ ต่อให้เป็นต้นไม้ใบหญ้าก็มีแต่จะแห้งเหี่ยวตายเร็วขึ้นเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากช่องว่างแห่งจิตวิญญาณที่มีโครงสร้างทั้งหมดเป็นพลังแห่งจิตวิญญาณของผู้ใช้ คนผู้นั้นจะต้องเปิดช่องว่างภายในร่างกายของเขานั่นก็คือบริเวณใจกลางหน้าอกน
ช่องว่างแห่งจิตวิญญาณนี้ไม่สามารถจัดเก็บวัตถุสิ่งของทั่วไปได้ ทว่าสามารถเก็บสัตว์เลี้ยงที่ผสานจิตกับผู้ใช้หรือจะกล่าวอย่างเข้าใจง่ายนั่นก็คือช่องมิติสำหรับสัตว์เลี้ยงนั่นเอง จึงไม่แปลกใจเลยที่ศิษย์พี่ผู้นั้นได้กล่าวเตือนสติหลงเฉินในช่วงเวลาที่เขาตัดสินใจซื้อเคล็ดวิชานี้มา
“ขอสาปแช่งคนที่ตั้งราคาวิชานี้ หากกำเนิดบุตรชายก็ขอให้หัวล้าน” หลงเฉินด่าทอขึ้นมาอย่างเหลืออด
หกหมื่นกับอีกสามพันคะแนน! ภายในจิตใจของหลงเฉินเจ็บปวดแปลบประดุจหลั่งโลหิตออกมา หากเขาตรวจสอบก่อนว่าวิชานี้จะง่ายดายถึงเพียงนี้ ก็คงจะไม่ถูกหลอกลวงอย่างแน่นอน
หลังจากจัดแจงอารมณ์ขุ่นเคืองให้สงบนิ่งลงได้แล้ว หลงเฉินก็สูดลมหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องคิดหาวิธีการที่จะเอาคะแนนที่สูญเสียไปกลับคืนมาให้จงได้ ทว่าตอนนี้ต่อให้ร่ำร้องเสียใจไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด เพราะไม่ว่าอย่างไรการเบิกช่องว่างแห่งจิตวิญญาณก็สำคัญกับเขามากอยู่ดี
ในส่วนของห้วงภายในใจกลางของหน้าอกนั้นจะแบ่งส่วนเป็นร่างกายมนุษย์ ปราณ และกลางเทวะ การคงอยู่ของ ‘เทวะ’ มักจะถูกเรียกกันว่าจิตวิญญาณแห่งเทวะ ซึ่งส่วนนี้เป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่สุด กล่าวกันว่าบริเวณกระหม่อมศีรษะของมนุษย์นั้นเป็นส่วนที่แข็งมากที่สุด และจุดที่เปราะบางมากที่สุดก็คือกลางหน้าอก ทว่ากลับเป็นส่วนที่มีกระดูกเกาะกลุ่มกันอย่างแน่นหนา
ฉะนั้นจิตวิญญาณแห่งเทวะของมนุษย์ที่อยู่ภายในใจกลางของหน้าอกจึงมักจะได้รับอันตรายอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังเป็นส่วนแรกๆ ที่ถูกจู่โจม
หากมีผู้คนใช้เข็มหนึ่งเล่มทิ่มไปที่กลางหน้าอก บริเวณนั้นก็จะกระชับขึ้นทันตาเห็น นี่คือปฏิกิริยาของสำนึกแห่งเทวะในร่างกายของมนุษย์นั่นเอง อีกทั้งยังสามารถพบได้กับทุกคน
และแม้ว่ากระดูกจะอยู่ในสภาพย่ำแย่และอ่อนแอ ทว่าก็ยังสามารถไหลเวียนพลังแห่งจิตวิญญาณเข้าออกได้ตามใจนึกคิด อีกทั้งยังไม่มีสภาวะต่อต้านใดใดทั้งสิ้น พลังแห่งจิตวิญญาณของมนุษย์สามารถเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่าห้วงจิตสำนึก
ภายในห้วงสำนึกของหลงเฉินค่อยๆ ผนึกพลังแห่งจิตวิญญาณประดุจท้องทะเลที่กำลังถูกแหวกออกจากกันจนกลายเป็นจิตวิญญาณสองสาย
ภายใต้การควบคุมของหลงเฉินทำให้จิตวิญญาณทั้งสองสายนั้นคล้ายกับมังกรกำลังคำรามออกมาเสียงดังกังวานมุ่งทะยานหาอีกฝ่ายหนึ่งในทันที มังกรยักษ์ทั้งสองตัวมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่รวดเร็วปราดเปรื่อง ทำให้บัดนี้ภายในห้วงสำนึกของหลงเฉินกลายเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ของช่องว่างมิติขึ้นมา
ในขณะที่มังกรยักษ์ทั้งสองตัวกำลังพัวพันกันอยู่นั้น บริเวณใจกลางของพายุคลั่งที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาเล็กน้อย
ภายนอกของพลังแห่งจิตวิญญาณสายนั้นวุ่นวายเสมือนท้องมหาสมุทรอันเชี่ยวกราด ทว่าภายในส่วนลึกกลับเงียบสงัดไร้ซึ่งซุ่มเสียง พลังแห่งจิตวิญญาณของหลงเฉินคล้ายกับแข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดช่องว่างมิตินั้นก็ได้ขยายวงกว้างกว่าร้อยจั่ง
หากว่ากันตามตำราแล้ว พื้นที่ที่เป็นช่องว่างมิติเหล่านั้นจะแฝงเอาไว้ด้วยจิตวิญญาณของผู้ใช้ หากสามารถลงประทับตราแห่งจิตวิญญาณของตัวเองได้ก็จะถือว่าเสร็จสมบูรณ์ อีกทั้งยังแปรเปลี่ยนสำนึกของตัวเองให้เข้ากับสัตว์เลี้ยงได้อีกด้วย
ไม่แปลกใจเลยที่หลงเฉินได้ด่าทอออกไปอยู่หลายครั้ง วิชานี้ง่ายดายจนเกินไป ทางหมู่ตึกแห่งนี้ก็ช่างสรรหาวิธีการหลอกเอาเงินตราของผู้คนเสียจริง หากมีคนชี้แนะต่อเขาเพียงเล็กน้อย แน่นอนว่าคงจะไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินทองมากมายถึงเพียงนี้เลย
“ในเมื่อเบิกขึ้นมาได้แล้วก็ทำให้ใหญ่ขึ้นอีกหน่อยก็แล้วกัน”
ยิ่งช่องว่างมีขนาดใหญ่ขึ้น เสี่ยวเสว่ยก็จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ภายในนี้ได้สบายขึ้นไปด้วย เมื่อคิดได้เช่นนั้นหลงเฉินก็เริ่มกระตุ้นพลังแห่งจิตวิญญาณขึ้นมาต่อ มังกรยักษ์ทั้งสองตัวจึงเวียนว่ายขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งอีกครั้งหนึ่ง
จากนั้นมังกรยักษ์ทั้งสองตัวก็ได้พุ่งทะยานเข้าสู่พลังแห่งจิตวิญญาณจนช่องว่างแห่งจิตวิญญาณขยายใหญ่ขึ้นกว่าพันจั่งภายในพริบตาเดียว เมื่อไหลเวียนมาถึงตรงนี้ก็คล้ายกับว่าเป็นระดับสูงสุดแล้ว หลงเฉินจึงไม่อาจทานรับขุมพลังเหล่านั้นเอาไว้ได้อีกต่อไป ไม่เช่นนั้นจิตวิญญาณคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
ช่องว่างแห่งจิตวิญญาณมีขนาดกว่าพันจั่ง รูปร่างลักษณะคล้ายกับก้อนกลมโปร่งใส อีกทั้งมีอักขระประหลาดสายหนึ่งปรากฏขึ้นมารายล้อมอยู่บนก้อนกลมนั้น ซึ่งอักขระสายนั้นก็คือตราประทับแห่งจิตวิญญาณของหลงเฉินนั่นเอง เมื่อมีตราประทับแล้วก็จะมีแต่ผู้เป็นเจ้าของเท่านั้นที่จะเปิดหรือปิดช่องว่างแห่งจิตวิญญาณนี้ได้อย่างอิสระ
ทว่าทันใดนั้นเองอักขระเหล่านั้นก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเป็นนับล้านล้านตัวปกคลุมอยู่ด้านบนของก้อนกลมโปร่งใสนั้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังดูดรั้งก้อนกลมนั้นเอาไว้ จากนั้นอักขระทั้งหมดก็เลือนหายไป หลงเฉินจึงสังเกตเห็นว่าช่องว่างแห่งจิตวิญญาณได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของเขาไปแล้ว เพียงแค่นึกคิดก็สามารถเปิดปิดได้ตามใจชอบ
“น่าเสียดาย ที่ตอนนี้เสี่ยวเสว่ยไม่ได้อยู่ด้วย”
หลงเฉินถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าสลด เขาและเสี่ยวเส่วยแยกจากกันเป็นเวลานานมากแล้ว ภายในห้วงความทรงจำก็หวนนึกย้อนกลับไปตอนที่เจ้าหนูน้อยคอยติดตามเขาไปทั่วทุกสารทิศในขณะที่ยังตัวเท่าฝ่ามือเดียว
และในช่วงที่กำลังเข้าสู่การทดสอบ เขาก็บอกให้เสี่ยวเสว่ยรอคอยอยู่ในบริเวณของหมู่ตึก รอคอยให้เขาจัดการเรื่องราวทั้งหมดให้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงจะกลับมารับมัน
ถึงแม้จะคิดถึงและห่วงหาอยู่ไม่น้อย ทว่าเสี่ยวเสว่ยก็เป็นถึงหมาป่าหิมะแดงเพลิงที่เป็นสัตว์มายาระดับสาม ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นราชาในหมู่สัตว์มายาระดับสามเสียด้วยซ้ำไป ฉะนั้นเสี่ยวเสว่ยจึงมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าทำอันตรายได้อย่างแน่นอน
หลังจากที่เบิกช่องว่างแห่งจิตวิญญาณขึ้นมาได้สำเร็จแล้ว หลงเฉินก็เข้าสู่ห้วงแห่งความคิดอันว้าวุ่นอีกครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่ที่เขาหลอมรวมสัตว์เพลิงของกิ้งก่าเพลิงได้แล้วก็ทำให้พลังการต่อสู้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ทว่าทันใดนั้นเองก็นึกย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ปะทะกับหวู่ฉี่ ซึ่งเป็นพลังสภาวะที่ห่างไกลจากเขามากเลยทีเดียว เพราะถึงแม้ว่าเขาจะมีเพลิงโอสถที่แข็งแกร่งอยู่ ทว่าการต่อสู้ก็ย่อมขึ้นตรงกับพลังการฝึกยุทธ์ของตัวเองอยู่ดี
และหลังจากที่เขาหลอมสัตว์เพลิงเข้าสู่เส้นลมปราณแล้ว พลังลมปราณของเขาก็ยิ่งล้ำลึกมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มพลังทำลายให้แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย หากเขาทำให้พลังลมปราณขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ ก็จะทำให้แข็งแกร่งยิ่งกว่ายอดฝีมือขอบเขตก่อโลหิตนับสิบเท่าแล้ว ทว่าหากเทียบกับยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้หนึ่งก็อาจต่อสู้ได้อย่างสูสีเท่านั้น
หลงเฉินสลัดความคิดที่ไกลตัวออกไป เพราะในขณะนี้การฝึกยุทธ์ของเขานั้นแตกต่างจากคนอื่นมาก อีกทั้งยังอยู่นอกเหนือจากข้อจำกัดทั้งหมดไปแล้ว
และในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถไปหาเสี่ยวเสว่ยได้ เพราะตามกฎของหมู่ตึกนั้นบอกเอาไว้ว่าศิษย์ใหม่ที่เพิ่งจะเข้าไปจะไม่สามารถออกไปนอกเขตได้เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน
ส่วนสมุนไพรที่ต้องใช้ในการหลอมโอสถแปรแสงขึ้นมานั้น เขาได้ทำการตรวจสอบที่หอพลิกสวรรค์แล้วก็พบว่ามีสมุนไพรที่ต้องการอยู่หลายชนิด ทว่าสมุนไพรเหล่านั้นกลับมีราคาแพงจนเกินไป เพียงไม่กี่ส่วนก็ต้องใช้เป็นพันกว่าแต้มคะแนนแล้ว และบางชนิดอาจมีราคาสูงเกินกว่าหมื่นแต้มเห็นจะได้
และหลังจากที่ได้หลอกเรียนวิชาท่าร่างภูตมืดสงัดมาจากกุ่ยซา เขาก็แทบจะไม่ได้หยิบออกมาฝึกฝนเลยแม้แต่ครั้งเดียว เนื่องจากเส้นลมปราณของเขานั้นยังใหญ่ไม่พอ หากดันทุรังไปก็มีแต่จะทำให้เส้นลมปราณเกิดความเจ็บปวดขึ้นมาก็เท่านั้น
ทว่าก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเสียใจแต่อย่างใด ในทางกลับกันกลับยิ่งยินดีขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขาสัมผัสได้ว่าเคล็ดวิชานี้จะต้องเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่จำเป็นต่อเขาในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน อีกทั้งเคล็ดวิชาท่าร่างภูตมืดสงัดนี้คงจะสูงล้ำยิ่งกว่าวิชาเบิกสวรรค์ของเขาเสียอีก เนื่องจากเขายังไม่อาจฝึกฝนได้ผนวกกับสีหน้าอันเกรี้ยวกราดของกุ่ยซา
ในเมื่อตอนนี้ไม่อาจไปหาเสี่ยวเสว่ยได้ ฝึกฝนวิชาท่าร่างภูตมืดสงัดก็ไม่ได้ สมุนไพรก็ไม่มีปัญญาหาซื้อมาได้อีก อีกทั้งโลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายาระดับสามก็เป็นเรื่องยากที่จะพบเจอ เหอะ ตอนนี้ข้าก็คือคนไร้ประโยชน์อย่างแท้จริงแล้วสินะ
ทว่าทันใดนั้นเองหลงเฉินก็นึกขึ้นมาได้อย่างหนึ่งว่าหมู่ตึกแห่งนี้ยังมีสถานที่อีกแห่งหนึ่ง พลันก็รีบกระโจนตัวออกจากห้องพักไปในทันที เขาสอดส่องสายตามองไปโดยรอบแล้วก็พบว่าถังหว่านเอ๋อแหละชิงยวูได้ดื่มผลึกน้ำผึ้งแห่งราชินีผึ้งหยกเข้าไปแล้ว พวกนางจึงเข้าสู่สภาวะสงบนิ่งเพื่อที่จะหลอมรวมพลังขอบเขต
หลงเฉินจึงวิ่งลัดเลาะออกมาจากถ้ำอย่างไร้ซุ่มเสียง มุ่งหน้าสู่สิ่งปลูกสร้างที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของลานกว้างพลิกสวรรค์ สิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นช่างธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ดูไปแล้วก็คล้ายกับบ้านเรือนของชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ที่บานประตูแขวนป้ายขนาดใหญ่ที่สลักเอาไว้ว่า——บริเวณแจกจ่ายภารกิจ
เมื่อเดินเข้าไปภายในบ้านหลังนั้นแล้ว หลงเฉินพบกับหญิงสาวสองนางกำลังสนทนากันอยู่ ทว่านอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดอีกเลย
“ขอเรียนถาม สถานที่แห่งนี้เป็นจุดรับภารกิจใช่หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามออกไปเมื่อรู้สึกว่ากำลังเข้ามาผิดที่
“ไม่ผิด ที่นี่คือสถานที่แจกจ่ายภารกิจของหมู่ตึก หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจของตัวเองก็สามารถมารับแต้มคะแนนกลับไปเป็นรางวัล” หญิงสาวผู้หนึ่งยิ้มแล้วตอบกลับมา
หลงเฉินสัมผัสได้ว่าบนร่างกายของหญิงสาวทั้งสองคนมีพลังสภาวะที่แข็งแกร่งชนิดหนึ่งอยู่ อีกทั้งยังเป็นยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นกันทั้งคู่อีกด้วย
“ข้าจะทราบได้อย่างไรว่าที่แห่งนี้มีภารกิจใดบ้าง?” หลงเฉินถาม
“ไม่มีปัญหา ภารกิจทั้งหมดอยู่ตรงนี้” หญิงสาวผู้นั้นกล่าวแล้วยกสมุดใหญ่เล่มหนึ่งยื่นให้หลงเฉิน
หลงเฉินรับสมุดใหญ่เล่มนั้นมาเปิดดู ภายในนั้นขีดเขียนด้วยตัวหนังสือขนาดเล็กอย่างถี่ยิบ ส่วนด้านบนมีสัญลักษณ์ประจำตัวของบุคคลต่างๆ บันทึกเอาไว้ ส่วนด้านหลังของทุกภารกิจจะมีแต้มคะแนนระบุเอาไว้ทั้งหมด มีตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักพัน
ความมากน้อยของแต้มคะแนนนั้นถูกจำแนกตามระดับของภารกิจ ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมดสี่ระดับ ที่ง่ายที่สุดคือระดับสี่ อาทิเช่น ภารกิจเฝ้ายาม ทำงานเป็นแรงงาน เป็นต้น ภารกิจเหล่านี้จะได้แต้มคะแนนยี่สิบไปจนถึงห้าสิบ
ภารกิจระดับที่สามคือการตามหาสมุนไพร การเลี้ยงสัตว์มายา หรือไปเป็นผู้ช่วยของเหล่าผู้หลอมโอสถและช่างตีเหล็ก เป็นต้น ซึ่งภารกิจระดับนี้จะต้องมีประสบการณ์ในด้านนั้นๆ ระดับหนึ่งจึงจะรับได้ หากว่าทำสำเร็จก็จะได้รับแต้มคะแนนตั้งแต่หนึ่งร้อยถึงห้าร้อย
ส่วนของภารกิจระดับที่สองนั้นล้วนแล้วแต่เป็นการส่งออกสู่โลกภายนอก เช่นการเป็นองครักษ์ การออกไปส่งสาร เป็นต้น ทว่าภารกิจเหล่านี้ต้องปฏิบัติเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นแต้มคะแนนจึงมากกว่าภารกิจระดับแรกเป็นทวีคูณ หรือราวพันแต้มไปจนถึงหลายหมื่นแต้มเลยทีเดียว
เมื่อหลงเฉินพลิกหน้าสมุดมาจนถึงภารกิจระดับที่หนึ่งกลับพบเพียงความว่างเปล่าและขาวสะอาด จึงอดไม่ได้ที่จะทอสีหน้าฉงนสงสัยขึ้นมาในทันที
“ภารกิจระดับที่หนึ่งเป็นภารกิจเร่งรัด ไม่มีการกำหนดเวลาเอาไว้อย่างชัดเจน ในหนึ่งปีจะมีการประกาศขึ้นมาสักครั้งหนึ่งเท่านั้น” หญิงสาวผู้นั้นกล่าวอธิบายออกมา
หลงเฉินพยักหน้าน้อยๆ แล้วถามกลับไปว่า “ไม่ทราบว่าผู้น้องจะรับภารกิจใดได้บ้าง?”
“ต้องขอโทษด้วย ตอนนี้เจ้ายังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะรับภารกิจ” หญิงสาวผู้นั้นส่ายหน้าแล้วกล่าวขึ้นมา....
ติดตามตอนอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : 9 ดารา <<< (ถึงตอนที่ 630 แล้วครับ)