ตอนที่ 10 หอต่อสู้ลวงตา
อันดับ 1: จ้าว ไค, 1,250 คะแนน!
อันดับ 2: เฟิง หลิน, 1228 คะแนน!
อันดับ 3: ตู่ จื่อหมิง, 987 คะแนน!
...
ในที่สุดคะแนนของเฟิง หลินก็อยู่ที่อันดับ 2
ในยุคสมัยดวงดาวการสอบจะเน้นไปที่ส่วนของการต่อสู้มากกว่าข้อเขียน
ท้ายที่สุดการสอบข้อเขียนก็เป็นแค่การทดสอบความรู้และทฤษฎีเท่านั้น ขณะที่การทดสอบต่อสู้จะทดสอบยีนและการบ่มเพาะ
จักรวาลนั้นไร้ขีดจำกัด ด้วยเผ่าพันธุ์และชาติพันธุ์จำนวนนับไม่ถ้วน
ดูเหมือนว่าจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้จะเต็มไปด้วยความขัดแย้ง
กฏอันโหดร้ายทำให้ทุกเผ่าพันธุ์ตื่นตัวรวมถึงมนุษย์ด้วย เมื่อเกิดข้อผิดพลาด เผ่าพันธ์อาจดับสูญ
มีเพียงการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องเท่านั้นที่จะสร้างการปกครองในจักรวาลแสนโหดร้ายนี้
ตรงกันข้ามกับทฤษฎีบริสุทธิ์ การบ่มเพาะทางพันธุกรรมเกี่ยวข้องกับวิวัฒนาการของธรรมชาติพื้นฐานแห่งชีวิต เห็นได้ชัดว่ามันเป็นจุดสนใจหลักของการสอบ
เช่นเดียวกับการสอบข้อเขียนไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ในการทำข้อสอบ
มันถูกคำนวณด้วยสูตรคงที่ ขึ้นอยู่กับพลังชีวิตซึ่งเป็นปัจจัยหลักพร้อมด้วยความเร็วและความแข็งแกร่งเป็นปัจจัยรองทำให้ทั้งสองประสานกันจนเป็นผลลัพธ์สุดท้าย
สิ่งนี้บ่งบอกว่าด้วยคะแนนพลังที่สูง ความเร็วที่รวดเร็วและความแข็งแกร่งที่มีประสิทธิภาพ คะแนนสุดท้ายจึงไร้ขีดจำกัด
มันถูกตั้งด้วยวิธีนี้เพื่อให้คนขยันบ่มเพาะและทะลวงระดับพลังทันทีที่กลายเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาว
เฟิง หลินได้รับการเปลี่ยนแปลงในเวลาอันสั้นโดยใช้ความสามารถสมการทางพันธุกรรมเพื่อปรับปรุงตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เขาก็แค่คนธรรมดา ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เขาก็ไม่อาจกลายเป็นสุดยอดผู้เชี่ยวชาญทันที
ยังคงมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างพลังของเขากับจ้าว ไค ซึ่งได้คะแนนเป็นอันดับแรกในชั้นเรียน
ในการสอบครั้งที่สอง เขาได้คะแนน 640 คะแนนซึ่งน้อยกว่าคะแนนของจ้าวไคที่1,000 คะแนน คะแนนรวมของเขาน้อยกว่าของจ้าว ไคเล็กน้อย
เขาเป็นหนึ่งในสองผู้สมัครที่ทำคะแนนได้มากกว่า 1,000 คะแนนในชั้นเรียน
ตู่ จื่อหมิงซึ่งอยู่ในอันดับที่สามมีคะแนนห่างกันมากและไม่ได้จัดอยู่กลุ่มเดียวกันอีกต่อไป
การล้าหลังชั่วคราวไม่ใช่เรื่องใหญ่
เฟิง หลินรู้ดีว่ารากฐานการบ่มเพาะครั้งก่อนของเขานั้นแย่มาก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คาดหวังว่าจะก้าวกระโดดได้ในคราเดียว
ด้วยสมการทางพันธุกรรมที่ผ่านการเสริมสร้าง และสะสมแต้ม ความก้าวหน้าของเขาจะรวดเร็วแค่ไหน?
บางทีจากการสอบครั้งต่อไป เขาอาจจะทำได้ดีกว่าจ้าว ไคและผู้ชายคนนี้อาจไม่ใช่เป้าหมายที่เขาไล่ตามก็ได้!
เฟิง หลินมั่นใจในเรื่องนั้น
ในทุกชั้นเรียนมีเพียงสามอันดับแรกเท่านั้นที่มีสิทธิ์ฝึกฝนในเจดีย์ต่อสู้ลวงตา อันดับอื่นไม่มีความหมาย
นักเรียนสิบอันดับท้ายเศร้าสลด
พวกเขาสูญเสียโอกาสในการเข้าสอบวิทยาลัยและได้รับใบรับรองการสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายเท่านั้น พวกเขาต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพในสังคม
ในยุคสมัยดวงดาว การแข่งขันที่โหดร้ายมีอยู่ทั่ว
ไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้น แต่สิ่งเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับโรงเรียนด้วย
แต่ละโรงเรียนจะต่อสู้เพื่อการจัดอันดับที่ดีในการสอบก่อนเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อรักษาชื่อเสียงที่ดีและจัดหาทรัพยากรชั้นเลิศให้นักเรียนชั้นเลิศ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น นอกเหนือจากการผลิตอัจฉริยะแล้ว อัตราการลงทะเบียนก็มีบทบาทสำคัญเหมือนกัน
บางคนที่ไม่เหมาะสมกับวิทยาลัยจะลดอัตราการลงทะเบียน
ดังนั้นนักเรียนเกรดต่ำบางคนในแต่ละชั้นเรียนจึงไม่ได้ทำการสอบคัดเลือกทุกปี บวกกับ ผู้ที่ลาออกยังไม่อาจซ้ำชั้นได้ ไม่มีเรื่องยุติธรรมในยุคดวงดาว
เดิมที เฟิงหลินเป็นหนึ่งในนั้น ตอนนี้ ด้วยความพยายามของเขา เขาจึงเปล่งประกายเหนือคนอื่นและกลายเป็นอันดับสอง
แม้ว่าเฟิง หลินจะดูสงบนิ่ง แต่เขาเองก็รู้สึกดีใจอย่างมาก
กลุ่มเฟิงคิดว่าเฟิงหลินคงไม่อาจสมัครเข้าวิทยาลัยได้ ดังนั้น พวกเขาจึงส่งเขาไปฝึกงานในโรงงานกลุ่ม
ตอนนี้เฟิง หลินก้าวไปอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง ตราบใดที่เขายังอดทน เขาจะสามารถต่อรองกับกลุ่มของเขาได้ในไม่ช้า และหลบหนีจากชะตากรรมที่ถูกวางเอาไว้
"คนอื่นออกไปก่อน เธอสามคนตามฉันมา!" อาจารย์ใหญ่หญิงประกาศและส่งสัญญาณให้กับเฟิง หลิน จ้าว ไคและ ตู่จื่อหมิง
นอกห้อง พวกเขาขึ้นรถไฟแม่เหล็กลอยฟ้าและตรงไปอาคารบ่มเพาะ
ระหว่างการเดินทางจ้าว ไคและตู่จื่อหมิงหัวเราะและพูดคุย แต่ไม่มีใครเหลียวมองมาที่เฟิง หลิน เพียงแค่ส่งสายตาเหยียดหยาม
เฟิง หลินก็ลังเลที่จะไปยุ่งกับพวกเขาเช่นกัน เขานั่งบนที่นั่งของเขาและปรับลมหายใจเขาเพื่อกู้คืนพลังงานที่ใช้ไป
ในขณะเดียวกันอาจารย์ใหญ่ข้างๆก็กำลังสำรวจเขาอย่างเงียบ ๆ เธออยากรู้ว่าทำไมจู่ๆเขาถึงเก่งกาจขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอไม่ค้นพบอะไรเกี่ยวกับเฟิง หลินเลย นอกจากความสงบและวุฒิภาวะที่เกินอายุของเขา
เขาอายุยังน้อยแต่มีนิสัยเหมือนผู้ใหญ่ หากไม่มีอะไรไม่คาดฝัน อนาคตเขาย่อมสดใส
เธอพยักหน้ากับตัวเอง สนใจเฟิงหลินขึ้นเล็กน้อย
รถไฟเร็วและพวกเขาก็มาถึงอาคารโอ่อ่าในไม่ช้า คนกลุ่มใหญ่ได้มารวมตัวตรงทางเข้าและรอเงียบๆ
เมื่อพวกเขาเห็นเฟิงหลินและคนอื่น พวกเขาก็โบกมือและทักทายจ้าวไคกับตู่จื่อหมิง
มีเพียงไม่กี่ชั้นเรียนในโรงเรียมมัธยม ดังนั้น นักเรียนชั้นนำจากชั้นเรียนต่างๆจึงรู้จักกัน
“เอ๊ะ ทำไมฟางชานถึงไม่อยู่นี่?ไม่ใช่ว่าเขาคืออันดับสามในชั้นเรียนงั้นหรอ?แล้วหมอนี่เป็นใคร?”
“เราไม่เคยเห็นเขามาก่อน?”
“ดูจากจุดยืนเขา เขาดูเหมือนอันดับสองของชั้น นี่เขาผลักตู่จื่อหมิงไปอันดับสามงั้นหรอ?”
“คนเช่นนี้ปรากฏในห้อง17ตั้งแต่ตอนไหน?”
….
นักเรียนจากชั้นเรียนอื่นมองเฟิงหลินที่ปรากฏตัวขึ้น
อาจารย์ใหญ่หญิงกำลังสนทนากับอาจารย์ใหญ่คนอื่นพลางชี้มาทางเฟิงหลิน
เฟิงหลินลดหัวลงและนั่งสมาธิโดยไม่ใส่ใจ
“จ้าวไค เขาเป็นใคร?”เด็กชายคนหนึ่งเอนตัวมาถามจ้าวไคด้วยรอยยิ้มเหยียด
“ก็แค่เด็กโชคดี!”สีหน้าจ้าวไคกระตุก เขาตอบพลางแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
กระนั้น เด็กชายน่ารักก็ไม่ใจง่าย เมื่อเห็นจ้าวไคโมโห ดวงตาเขาก็ม้วนลงพลางตัดสินเฟิงหลิน
เขารู้ว่าจ้าวไคทั้งหยิ่งและประมาท ผู้ชายคนนี้ต้องไม่ธรรมดาถึงทำให้จ้าวไคโกรธได้ขนาดนี้
หลังรู้ว่ามีคนจ้องเขา เฟิงหลินกลับไม่แสดงเจตนาเข้าใกล้ เขารอการเปิดตัวของหอต่อสู้ลวงตา
หลังแบกรับความเครียดมานาน เขาก็ไม่มีเวลาสนใจมาคุยเรื่องยิบย่อย
ไม่นาน หอต่อสู้ก็เปิด
พวกเขาเข้าไปตามลำดับ จากนั้นเฟิงหลินก็ถูกส่งไปยังห้องกว้างขวางที่ว่างเปล่า
นี่คือหอต่อสู้ลวงตา?หืม ฉันสงสัยว่ามันเป็นยังไง ระบบหอต่อสู้ลวงตานี้เกิดจากเทคโนโลยีดวงดาว มันคือครั้งแรกของเฟิงหลินในนี้ ดังนั้นเขาจึงอยากรู้มาก
ทันใดนั้น ไฟก็ดับลงและมืดสนิท
แสงได้มาบรรจบกันจากทุกมุมเช่นอุกกาบาตที่พบกันบนท้องฟ้าและสร้างภาพลวงตาต่างกัน หอสูงสามสิบชั้นพลันปรากฏต่อหน้าพวกเขา
นี่คือมิติลวงตาที่สร้างขึ้นโดยพลังงาน
“การสะสมพลังงานเสร็จสมบูรณ์ หอต่อสู้ลวงตาเปิดขึ้นแล้ว!นักเรียนปีอาวุโส เฟิงหลินไม่มีบันทึกการเข้าสู่หอต่อสู้ลวงตามาก่อน เริ่มจากชั้นแรก!”เสียงหุ่นยนต์ดังขึ้น
หอต่อสู้ลวงตามีอยู่สามสิบชั้น ยิ่งสูง มันก็ยิ่งยาก มันเหมือนกับอุปสรรค์ที่ยากจะเอาชนะได้
ความคืบหน้าของทุกคนในหอจะถูกบันทึกไว้โดยความทรงจำหลักของหอต่อสู้ลวงตา ครั้งหน้าที่เข้ามา เขาจะเริ่มอีกครั้งจากจุดที่อยู่
เนื่องจากเฟิงหลินไม่เคยมาที่นี่ เขาจึงเริ่มจากชั้นหนึ่ง
นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริง
เริ่มจากชั้นล่างสุด เขาย่อมเข้าใจความเป็นจริงของหอต่อสู้ลวงตาและฝ่าแต่ละชั้นได้
ประตูชั้น1ของหอเปิดขึ้นในความเงียบ
เฟิงหลินก้าวเข้าไป ภาพฉากเปลี่ยนไปเหมือนเขาเข้ามายังโลกใหม่
มันเป็นสนามฝึกต่อสู้ ตรงใจกลาง ชายร่างกำยำยืนอยู่ในทุ่ง ให้กลิ่นอายดุดัน เขาสวมชุดคลุมยาวสีขาวล้าสมัย
ไม่ต้องสงสัย นี่คือมนุษย์โบราณจากยุคศักดินา
เมื่อเฟิงหลินเข้าใกล้ ดวงตาเขาก็ลืมขึ้น เปล่งรัศมีกดขี่
“ผู้สืบทอดลำดับ7แห่งหมัดหง หงกัง!โปรดชี้แนะด้วย!”เขาประกบมือ เตรียมพร้อมสู้ เฟิงหลินประหลาดใจเล็กน้อย ชายคนนี้คล้ายกับคนมีชีวิตและไม่เหมือนการจำลองด้วยคอมพิวเตอร์
“เชิญ!”เฟิงหลินประกบมือเขาและทำท่าเคารพ
หลังทักทาย พวกเขาก็เริ่มสู้กัน....
“ยะ!”
หงกังถอนหายและตะโกน เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างดุดันและเคลื่อนไหวเหมือนพายุ ปล่อยหมัดรุนแรง
หมัดดังกล่าวคือการบิดเบือนสวรรค์ การเคลื่อนไหวเกิดขึ้นในชั่วพริบตา
ละเอียดอ่อนดั่งหญิงสาวและเร็วเหมือนกระต่าย หมัดนี้มีแก่นแท้ของวิชายุทธ์เขา
หมัดบิดเบือน
ฝ่ามือผีเสื้อ!
ศอกย้อนกลับ!
...
หมัดหงคือเทคนิคหมัดฮั่วเซียโบราณ มันดุดันและทรงพลังมาก เมื่อใช้แล้ว หมัดของผู้ใช้จะไหลลื่นและโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่อาจหลีกเลี่ยง
หงกังคือผู้เชี่ยวชาญหมัดหง การเคลื่อนไหวเขาทั้งมั่นคงและดุดันดั่งพยัคฆ์
เฟิงหลินไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการต่อสู้ ในความเป็นจริง นี่คือครั้งแรกที่เขาได้สู้ ไม่แปลกใจเลย เขาถูกสะกดข่มตั้งแต่การเคลื่อนไหวแรกและติดอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก
ในการเคลื่อนไหวครั้งที่สาม เขาก็ทุ่มพละกำลังออกมาและกระโดดห่างออกไปสิบก้าว ทำให้ระยะห่างยาวขึ้นก่อนเปลี่ยนท่าทาง
หมัดทหารกล้า!
ในฐานะนักเรียนที่มีภูมิหลังปกติ เขาไม่มีทางเรียนรู้วิชายุทธ์ยีนอันล้ำค่าได้
หมัดทหารกล้าคือวิชายุทธ์เสริมร่างกายขั้นพื้นฐาน การเคลื่อนไหวเรียบง่ายและทรงประสิทธิภาพ
เฟิงหลินกระโดดและพัวพันกับศัตรู เขาสนุกกับการสู้จริงๆ
ในแง่ของความเชี่ยวชาญและความสามารถการคว้าโอกาส เฟิงหลินไม่อาจเทียบได้กับหงกัง แต่เขาก็พบบางสิ่งที่แปลกประหลาด
ความเร็วและพละกำลังของศัตรูด้อยกว่าเขามาก
เขาหยุดชั่วคราว ตระหนักว่าอะไรคือสาเหตุ
ในความเป็นจริง สำหรับชั้นที่สูงขึ้นในหอลวงตา ค่าสถานะพลังชีวิตจะเพิ่มขึ้น0.1
ในฐานะผู้พิทักษ์ชั้น1 หงกังจึงมีพลังชีวิตแค่0.1 ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของมนุษย์โลกโบราณ
และอย่างที่กล่าว ความแข็งแกร่งยับยั้งได้ทุกสิ่ง!
แม้เฟิงหลินจะไม่เชี่ยวชาญเท่าหงกัง แต่เขาก็เอาชนะศัตรูได้ด้วยความได้เปรียบจากพละกำลังมหาศาล
เวลาผ่านไป เขายิ่งเชี่ยวชาญหมัดทหารกล้าขึ้น
แม้เขาจะเคยฝึกฝนมาก่อน มันก็เทียบไม่ได้กับประสบการณ์สู้จริง ตอนนี้ มันคือการต่อสู้จริงๆ เขาย่อมได้รับประสบการณ์มากกว่าการฝึก
หลังการเสริมสร้างยีน ร่างเขาก็เต็มไปด้วยพลังชีวิต พละกำลัง ความเร็วและการประสาน...พวกมันเหนือกว่าขีดจำกัดของคนทั่วไป เขาเรียนรู้วิชายุทธ์ได้เร็วมากเช่นกัน
ท้ายที่สุด เขาก็พบแก่นแท้ของหมัดทหารกล้าและเริ่มเชี่ยวชาญมากขึ้น
ในขณะนี้ เขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าหงกังแล้วในแง่ของวิชายุทธ์ พลังของเขาทำให้การต่อสู้น่าเบื่อ
มังกรพันคอ!
เฟิงหลินใช้กระบวนท่าสังหารของหมัดทหารกล้า กระโดดไปในอากาศ ขาเขาเหมือนมังกรที่พันรอบร่างหงกัง ด้วยการบิดอย่างรุนแรง เขาทำให้ร่างหงกังที่เกิดจากกลุ่มพลังงานสลายหายไป
จากนั้นประตูชั้นสองก็เปิดขึ้น
ศักยภาพยีน+10%