GE220 ซูเหยา [ฟรี]
ซัวหมิง?
เป็นชื่อที่แปลก… แต่แซ่ซัวเป็นของตระกูลในทะเลส่วนใน
ไม่ใช่! คนแซ่ซัวจะสวมอาภรณ์ที่ปักด้วยลายอัสนี… คนผู้นี้ไม่ใช่คนของทะเลส่วนใน สมควรเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงจากทะเลส่วนนอก
หมี่เหลียนขบคิด แต่เมื่อมันมั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญของทะเลส่วนนอก มันก็สบายใจขึ้นมาก
มันแผ่สัมผัสเทพตรวจสอบระดับพลังของหนิงฝาน แม้กลิ่นอายจะเป็นของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด แต่ปราณยังมีเพียง 460 เกราะ ซึ่งไม่ใช่ดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง
คนผู้นี้เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง
แรงกดดันและเจตนาสังหารที่น่าสะพรึงกลัว สมควรเป็นเพียงฉากหน้า
ข้าคือหมี่เหลียน ระดับปราณหนือกว่า เหตุใดต้องหวาดกลัวเด็กเบื้องหน้า?
เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง กลับกล้าสอดมือยุ่งเรื่องของนิกายพระทมิฬ อยากตายหรือไง?
สีหน้าหมี่เหลียนแปรเปลี่ยนมืดมน
“เด็กเอ๋ย! บิดาคือผู้อาวุโส 9 แห่งนิกายพระทมิฬ หมี่เทียน! บิดาขอเตือน… เจ้าอย่าได้สอดมือยุ่งเรื่องนี้ เพราะในทะเลไร้สิ้นแห่งนี้ สิ่งที่โง่เง่าที่สุดคือสิ่งที่เจ้ากำลังทำ… หากเจ้ายังยืนกรานว่าจะสอดมือ เจ้าไม่รอดมือข้าแน่...”
“อืม...”
หนิงฝานยิ้มอย่างเย็นชา แต่ก็แอบประหลาดใจเล็กน้อย
เพราะหมี่เหลียนไม่เกรงกลัว
มันแผ่กลิ่นอายที่ทรงพลัง จนเกือบจะเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด
ถึงหมี่เหลียนไม่ได้กล่าวอวดโอ่ แต่กลิ่นอายและวิชาที่มันแสดง ก็สมกับเป็นขุมกำลังใหญ่ของทะเลส่วนใน
แต่เมื่อมันเห็นสีหน้าเย้ยหยันของหนิงฝาน โทสะของมันยิ่งพุ่งพร่าน
เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง กลับกล้าแสดงสีหน้าเช่นนั้นต่อหน้าข้า รนหาที่ตาย!
“ตั้งข่ายอาคม… ฆ่ามัน!”
“ขอรับ!”
พระทั้ง 4 เช็ดโลหิตที่มุมปาก แผ่นข่ายอาคมสีดำปรากฏในมือแต่ละคน กระจายตัวล้อมกรอบหนิงฝาน แล้วถ่ายปราณกระตุ้นข่ายอาคม เกิดเป็นเงาภาพข่ายอาคมสีดำขยายวงกว้างพันจ้าง โดยมีหนิงฝานเป็นศูนย์กลาง
หนิงฝานขมวดคิ้ว ดูเหมือนไม่อาจเลี่ยงข่ายอาคมนี้ได้
เมื่อข่ายอาคมปรากฏ เสียงร้องโหยหวนของภูติผีดังระงม เส้นแสงสีดำจำนวนมากวาบผ่าน แปรเปลี่ยนเป็นงูสีดำทมิฬนับหมื่น พุ่งเข้าหาหมายจะกัดที่ลำคอของหนิงฝาน
ด้วยการผสานพลังของพระทั้งสี่รูป เสริมให้อานุภาพของข่ายอาคมยกระดับ จากระดับดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง เป็นระดับดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด
งูที่ปรากฏในข่ายอาคม แม้ไม่มีพิษ แต่มีสัมผัสปีศาจ!
แม้ระดับของข่ายอาคมจะไม่สูงนัก แต่ใช้ว่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดจะรับมือได้ง่ายๆ เพราะแม้การถูกงูเหล่านั้นจู่โจม จะไม่ทำให้ร่างกายบาดเจ็บ แต่มันส่งผลต่อจิตใจอย่างร้ายแรง หากจิตใจได้รับความเสียหายมากเข้า อาจทำให้คนผู้นั้นกลายเป็น และไม่อาจกลับสู่เส้นทางการฝึกตนได้อีก
หากจิตใจได้รับผลกระทบร้ายแรง แม้ไม่ตายแต่ก็ถือว่าบาดเจ็บสาหัส
หมี่เหลียนมองหนิงฝานด้วยสีหน้าเย้ยหยัน มันรู้ว่าหนิงฝานหลบหนีจากข่ายอาคมนี้ไม่ได้ เว้นแต่หนิงฝานจะเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเท่านั้น
เมื่อเห็นผู้ที่มาช่วยตนตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน สตรีชราในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาว 2 คนสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“แย่แล้ว! นั่นมันข่ายอาคมภูติลวงใจของนิกายพระทมิฬ ใช้ภูติผีช่วยร้ายทำลายจิตใจ แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดก็ไม่อาจรับมือ… ต่อให้เด็กคนนั้นคือซัวหมิงจริงๆก็ไม่อาจรอดพ้น เว้นแต่จะมีสมบัติคุ้มกาย!”
แม้พวกนางจะต้องพิษร้ายแรง แต่จิตใจยังอยากจะถือกระบี่ ทะยานเข้าช่วยหนิงฝาน จิตใจของพวกนางช่างเหมือนชู่ซวนเชียนสื่อมาก
“เด็กเอ๋ย… นับว่าเจ้าโชคดีแล้วที่ได้ตายใต้ข่ายอาคมนี้!”
หมี่เหลียนหัวเราะจนพุงสั่นกระเพื่อม รอยยิ้มอัปลักษณ์ราวกับมีอาหารติดอยู่ลำคอ
แม้ต้องเผชิญหน้ากับงูจำนวนมหาศาล แต่หนิงฝานยังยืนนิ่ง สีหน้าเย้ยหยันไม่ผันแปร
ตาขวาแปรเปลี่ยนดาราพิภพ แสงสีดำสนิทกวาดผ่านโดยรอบ หมุนวนดูดกลืนงูโดยรอบราวกับหลุมดำ เข้าสู่ตาขวาของหนิงฝาน
“สัมผัสปีศาจ… เหมาะกับการช่วยเสริมวิชาเนตรศพพอดี แต่แค่นี้ยังไม่พอ! ข่ายอาคมภูติลวงใจ… สร้างสัมผัสปีศาจได้มากขนาดนี้ก็นับว่าดีแล้ว ข้าขอข่ายอาคมของพวกเจ้าก็แล้วกัน!”
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา เท้าก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง แสงสีเงินประกายเจิดจ้า ทุกสรรพสิ่งรอบข้างสั่นไหวอย่างรุนแรง
ข่ายอาคมภูติลวงใจไม่อาจต้าน พังทะลายลงในพริบตา
พระทั้ง 4 รูปที่กางข่ายอาคม ถูกพลังที่รุนแรงซัดปลิว กระอักโลหิตราวกับสายน้ำ แผ่นข่ายอาคมแหลกคามือ สีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
ข่ายอาคมภูติลวงใจถูกทำลายในพริบตา
แต่นั่นมันสัมผัสปีศาจ! สัมผัสเทพชั่วร้ายที่บั่นทอนจิตใจอย่างรุนแรง หากเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มถูกงูเมื่อครู่ชกกัดเข้าสักตัว จิตใจของมันจะถูกทำร้ายอย่างรุนแรงกระทั่งหมดสติ หากเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง อย่างมากก็ต้านไม่เกิน 10 ตัว ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงไม่เกิน 100 ตัว และผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดไม่เกินพันตัว!
แต่หนิงฝานกลับดูดกลืนพวกมันเข้าไปทั้งหมด!
ข่ายอาคมที่เกือบเทียบชั้นระดับดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด ถูกทำลายไม่มีชิ้นดี
และแสงสีเงินที่เจิดจ้าในขณะนี้ แสดงให้เห็นว่า ผู้เยาว์คนนั้นบรรลุร่างกายในขอบเขตกระดูกเงินไม่ต่ำกว่าขั้น 4 หรืออาจจจะขั้นสูงสุดก็เป็นได้
ผู้เยาว์คนนี้สมควรเป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแกร่งที่สุดในทะเลส่วนนอก… หรือคนผู้นี้จะเป็นเผ่าปีศาจยักษ์… เป็นผู้เยาว์ที่โด่ดเด่นของนิกายปีศาจสำราญ!
จิตใจหมี่เหลียนสั่นสะท้าน มันสัมผัสได้ถึงวิกฤติที่อันตรายถึงชีวิต จนทำให้มันขนลุกซู่!
หลังฝานหลับตาอย่างสงบ แต่เมื่อลืมตาขึ้นมา แรงกดดันของเขากลับแปรเปลี่ยนราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ!
เขาก้าวไปเบื้องหน้าหนึ่งก้าว ทุกสิ่งในรัศมี 500 ลี้แปรเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่เข้าเชือดเฉือนหมี่เหลียนและคนของมัน
หมี่เหลียนกระอักโลหิตคำโต ร่างกายภายนอกและภายในได้รับบาดเจ็บร้ายแรง
หมี่เหลียนดวงตาเบิกกว้าง
หนึ่งก้าวพลังผันแปรเป็นกระบี่ฟาดฟัน!
วิชากระบี่ระดับนี้ มีเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณในทะเลส่วนในเท่านั้นที่ทำได้
หรือคนผู้นี้ไม่ใช่เผ่าปีศาจยักษ์! แต่เป็นคนของเกาะกระบี่!
เมื่อเกาะกระบี่ปรากฏขึ้นในหัว หมี่เหลียนยิ่งหวาดกลัว ไร้พลังต่อต้าน
หนิงฝานก้าวเดินก้าวที่สอง ร่างของหมี่เหลียนราวกับกำลังจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ มันเร่งคายอัฐิสีดำที่เป็นสมบัติป้องกันตัวออกมา แต่เมื่อต้องเผชิญกับก้าวที่ 4 และก้าวที่ 5… อัฐิของมันถูกบดขยี้เป็นผง
หมี่เหลียนกระโลหิตราวกับสายน้ำหลาก ส่วนพระอีก 4 รูปที่เหลือ ร่างถูกบดขยี้จนกลายเศษเนื้อ
แม้ร่างกายจะถูกทำลาย แต่ดวงจิตแรกเริ่มยังคงอยู่ และพวกมันกำลังหวาดกลัวตนตัวสั่น
แม้ผู้เยาว์เบื้องหน้าไม่ใช้ปราณ แต่ยังสามารถสำแดงพลังที่รุนแรงราวกับกระบี่ได้
หรือเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ!
เพราะมีแต่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเท่านั้นที่เปล่งพลังระดับนี้ได้
“หนี!”
หมี่เหลียนรู้ว่าไม่อาจต่อกรหนิงฝานได้ มันเพิ่งออกมาเยือนทะเลส่วนนอก จึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของซัวหมิงมาก่อน เพราะหากมันรู้ มันคงหนีไปแต่แรกแล้ว
เพียงแต่… ก้าวเดินของหนิงฝานรวดเร็วกว่า จนมันไม่อาจหนี!
ก้าวที่ 6 อากาศโดยรอบจางหาย
ก้าวที่ 7 แม้หิมะที่หนาวเหน็บยังละลาย
ก้าวที่ 8 มหาสมุทรสั่นไหว
ก้าวที่ 9 สั่นสะเทือนไปทั้งสวรรค์! ปรารกระบี่ขนาดมหึมาปรากฏ พุ่งปักลงพื้นดิน ดวงจิตแรกเริ่มของพระทั้ง 4 และหมี่เหลียน ตกตายอย่างสมบูรณ์!
แต่เมื่อดวงจิตแรกเริ่มของหมี่เหลียนสลาย แสงสีดำปรากฏ พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
ลักษณะของแสงสีดำนั้นนั้น มีรูปร่างเหมือนหมี่เหลียน!
“ดวงจิตแรกเริ่มดวงที่ 2… น่าสนใจจริงๆ นิกายพระทมิฬถึงกลับสามารถคิดวิชาแบบนี้ออกมาได้!”
ดรรชนีตรึงร่าง!
หมี่เหลียนที่กำลังหลบสีหน้าซีดขาว หวาดกลัวสุดขีด
มันไม่มีทางรอดจากเงื้อมมือของหนิงฝานได้...
มีปราณในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง แต่ดวงจิตแรกเริ่มกลับยกระดับถึงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด หากปล่อยให้มันหนีไป ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดก็ตามตัวได้ยาก
“เจ้า… เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้… หากเจ้าฆ่าข้า ผู้อาวุโสในขอบเขตตัดวิญญาณจะมาสังหารเจ้า”
“หุบปาก! ขจัดวิญญาณ!”
หากเป็นทั่วไป หนิงฝานจะไม่สนใจ
แต่ที่ยอมเสียเวลากับบมัน ก็เพราะสนใจดวงจิตแรกเริ่มของมัน
แต่หนิงฝานยังไม่อาจอ่านความทรงจำของมันได้ เพราะมีผนึกที่ทรงพลังผนึกอยู่... ดูเหมือนนิกายพระทมิฬจะแข็งแกร่งใกล้เคียงวังผนึกอสูร
ไม่นานหนิงฝานก็ทำลายผนึกได้
เมื่ออ่านความทรงจำเสร็จ เขาก็เก็บทุกสิ่งไป ไม่ว่าจะเป็นโอสถ สมบัติ วิชา สมุนไพร หรือกระทั่งดวงจิตแรกเริ่มของหมี่เหลียน
ซูเหยาและเหล่าสตรี ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น!
ท้องนภาเงียบสงัด หิมะโปรยปรายดังเก่า
เพียงไม่กี่ลมหาย ทั้งพระที่ทรงพลัง 5 คน ทั้งข่ายอาคมภูติลวงใจล้วนถูกทำลายสิ้นซาก
การเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง 4 คน ขั้นสูง 1 คน แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดก็ไม่อาจรับมือได้ง่ายๆ
“นี่เหรอซัวหมิงผู้โด่งดัง!” สตรีชราทั้งสองคนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
ยิ่งเมื่อหนิงฝานหันมอง พวกนางยิ่งสั่นเทาจนไม่อาจควบคุม
สมแล้วที่คนผู้นั้นคือผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่แข็งแกร่งที่สุด!
แข็งแกร่งจนทำให้พวกนางหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อหนิงฝานเดินเข้าหา พวกนางหวาดกลัวจนเร่งไปหลบหลังซูเหยา
ซูเหยายามนี้ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ แม้นางจะต้องทนพิษที่รุนแรง แต่ก็ยังอดทนจ้องมองการต่อสู้ของหนิงฝานจนจบ
“ขอบคุณสหายเต๋าซัวหมิงที่ช่วยพวกข้า”
“สมแล้วที่แม่นางซูเป็นประมุขนิกาย แม้ระดับพลังจะด้อยกว่า แต่กลิ่นอายกลับทรงพลังยิ่งกว่าสตรีที่หลบหลังเจ้า... เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ที่ข้าช่วย ก็เพราะมีบางสิ่งที่ข้าต้องการ...”
บางสิ่งที่ต้องการ… ซูเหยาและสตรีนางอื่นๆทำให้หนิงฝานตื่นเต้นเล็กน้อย
เขาจ้องมองเรือนร่างพวกนางทุกคน สตรีในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มทั้งสามคนนี้ไม่ธรรมดา หากดูดซับปราณพวกนาง คงได้ปราณอย่างน้อย 60 เกราะ
เมื่อได้กล่าวถามซูเหยาด้วยวิชาคารม ก็ได้รู้ว่าเหตุที่พวกนางออกมาเสี่ยงอันตรายถึงนิกายปีศาจสำราญ ก็เพราะจะประมูลผลไม้เต๋าดวงจิตแรกเริ่มไปให้ชู่ซวนเชียนสื่อ… หากจะดูดซับพลังพวกนาง เป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง
ชู่ซวนเชียนสื่อกำลังจะทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม น่าเสียดายที่ตนไม่มีผลไม้แห่งเต๋า ไม่งั้นคงฝากซูเหยากลับไปให้นาง
เมื่อเห็นว่าหนิงฝานจ้องตาไม่กระพริบ ใบหน้าซูเหยาแดงระเรื่อ แต่นางยังคงสีหน้าปกติ ผิดกับสตรีสองคนด้านหลังที่หวาดกลัว
เป็นสายตาที่สกปรก เหตุที่ช่วยชีวิตก็เพื่อจะทำเรื่องไร้ยางอาย
แต่หากนึกถึงชื่อเสียงของซัวหมิงแล้ว การที่เขาจะเป็นแบบนี้ก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลก
แม้เป็นคนโง่ก็สมควรเข้าใจ ว่าบางสิ่งที่ซัวหมิงต้องการนั้น คือเรือนร่างของพวกนาง
“ข้าเข้าใจความหมายของสหายเต๋า ข้าเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงของสหายเต๋ามาบ้าง… หากไม่ได้สหายเต๋าซัว พวกข้าคงตกเป็นเครื่องบำเรอกามของพวกนั้น หากสหายเต๋าจะต้องการเช่นนั้นบ้างก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลก… แต่ข้าขอสหายเต๋าเพียงว่า ให้ละเว้นสตรีคนอื่น ส่วนข้าจะยอมเป็นกระถางขัดเกลาของสหายเต๋าอย่างเต็มใจ ระดับพลังของข้าสมควรเป็นประโยชน์กับสหายเต๋า… หวังว่าร่างกายของข้าจะทดแทนสหายเต๋าได้...”
“ไม่ได้นะท่านประมุข!” สตรีชราสองคนด้านหลังซูเหยาอ้อนวอน
“พอแล้ว! ข้าขอออกคำสั่งในฐานะประมุข นับจากนี้ไป ข้าไม่ใช่ประมุขนิกายมุกหยกฟ้าอีกต่อไป… ข้าจะเป็นเพียงกระถางขัดเกลาของสหายเต๋าซัวหมิงเท่านั้น หากชู่ซวนเชียนสื่อบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มได้สำเร็จ ขอให้มอลตำแหน่งประมุขให้นาง”
ซูเหยาอดกลั้นต่อพิษ และกล่าวอย่างองอาจ
ในความคิดของนาง ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างหนิงฝานจะปรารถนาสตรีใดก็ย่อมได้ การที่เขาช่วยชีวิตพวกนางไว้... แม้จะต้องตอบแทนด้วยเรือนร่างก็ไม่นับว่าผิดอันใด
ตามพิษสงของพิษพรากพรหมจรรย์นั้น หากไม่ได้ร่วมรักกับบุรุษ สตรีนางนั้นต้องตาย
ยิ่งหากแลกพรหมจรรย์และระดับพลังกับสตรีคนอื่นๆได้นั้น ยิ่งนับว่าคุ้มค่า
แต่หากหนิงฝานดูดซับพลังของนางไปจนหมด นางก็คงต้องตายเหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็ยังตายอย่างมีคุณค่า
ซูเหยาและชู่ซวนเชียนสื่อมีลักษณะนิสัยไม่เหมือนกัน ชู่ซวนเชียนสื่อเป็นสตรีที่กระตือรือร้น มีเรื่องได้ตลอดเวลา แต่ซูเหยาจะเป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูดจา และรักสงบ
ถึงแม้ไม่อาจกลับไปเป็นเช่นเดิมได้
อย่างน้อยๆการสละชีวิตให้ซัวหมิงเพื่อช่วยชีวิตคนอื่นๆก็นับว่าคุ้มค่า
นางจะไม่ใช่ชู่ซวนเชียนสื่ออ้าง เพื่อให้หนิงฝานปล่อยนางไป เพราะซัวหมิงผู้นี้คงไม่มีทางยอมอย่างแน่นอน
ยามนี้ นางไม่มั่นใจว่าหนิงฝานจะยอมปล่อยคนอื่นๆไปหรือเปล่า
ความคิดหลากหลายปรากฏ แต่สีหน้ายังคงสงบ
แม้ใบหน้าจะซีดขาว แต่ยังงดงามสูงศักดิ์
สมแล้วที่เป็นประมุขนิกาย...
หนิงฝานนับถือในตัวนาง สมแล้วที่นางเป็นเหมือนพี่สาวของชู่ซวนเชียนสื่อ สตรีที่ห้าวหาญเช่นนาง แม้ในวิหารพิรุณก็หาได้ยาก
กล่าวอ้างว่าตนคือฝ่ายธรรมะเป็นเรื่องง่าย แต่การแสดงให้เห็นด้วยการกระทำเป็นเรื่องยาก
แม้หนิงฝานอยากจะดูดซับพลังของนาง แต่ย่างมากก็ไม่เกิน 20 เกราะ
ดังนั้นเขาจึงตั้งใจจะรับนางในฐานะอื่น...ไม่ใช่กระถางขัดเกลา
นางขันอาสายอมเป็นกระถางขัดเกลาเพื่อช่วยชีวิตคนอื่นๆ จิตใจของนางเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว นับเป็นผู้ที่หาได้ยาก
แม้ต้องเผชิญพิษพรากพรหมจรรย์ แต่ยังคงสีหน้าสงบ… สมแล้วที่นางเป็นเหมือนพี่สาวของชู่ซวนเชียนสื่อ
แม้หนิงฝานจะเป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรม แต่ก็นับถือในตัวนาง
อย่างน้อย เขาก็ไม่อาจทำได้เหมือนนาง เพราะตัวเขาคือผู้ที่เห็นแก่ตัวที่สุด
“ในเมื่อแม่นางซูเหยายอมเป็นกระถางขัดเกลาของข้า ข้าก็ไม่ปฏิเสธ เพราะการได้มีสตรีอย่างเจ้าข้างกาย นับเป็นเกียรติอย่างที่สุด!” หนิงฝานยิ้มเล็กน้อย
“เช่นนั้น...สหายเต๋าจะยอมปล่อยคนอื่นๆได้เหรือเปล่า?”
“แน่นอน… ส่วนเรื่องดูดซับพลังของแม่นางนั้น คงต้องเอาไว้ครั้งหน้า… พวกเจ้าไปได้แล้ว!”
รอยยิ้มบนใบหน้าหนิงฝานจางหาย เขาโบกมือ แผ่ปราณที่ทรงพลังเข้าไปในร่างของสตรีที่เหลือ ขับเอาพิษที่พวกนางได้รับออกมา
หลังจากนั้นเคลื่อนเข้าหาซูเหยา โอบประครองนางแนบกาย
เมื่อเห็นว่าหนิงฝานช่วยถอนพิษให้สตรีเหล่านั้น ซูเหยาก็ผ่อนคลาย นับว่านางสามารถต่อชีวิตให้สตรีเหล่านั้นได้สำเร็จ
เพียงแต่การสัมผัสกายของหนิงฝาน อิงแอบแนบชิด ทำให้นางเกร็งและเสี่ยวซ่าไปทั่วร่าง จนต้องเปล่งเสียงครางกระเส่าออกมา… ดูเหมือนพิษพรากพรหมจรรย์จะออกฤทธิ์รุนแรง จนพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของนางเปียกชุ่ม
ความปรารถนาของนางเพิ่มพูนจนยากจะหยุดยั้ง
สิ่งที่ทำให้นางเป็นกังวลยามนี้ คือหนิงฝานจะร่วมรักกับนางกลางทะเล หากเป็นเช่นนั้น เกียรติที่นางสั่งสมมาคงพินาศ
แต่แม้จะกล่าวเช่นนั้น หากหนิงฝานจะทำจริงๆ นางก็ไม่อาจขัดขืน
แต่หนิงฝานกลับทำเรื่องที่น่าประหลาดใจ เขาไม่ล่วงเกินนาง มีเพียงถ่ายพลังผ่านเอวของนางเพื่อสะกดพิษพรากพรหมจรรย์
ผู้ที่มีความอดกลั้นมากขนาดนี้ นางไม่เคยมาก่อนในชีวิต แม้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ที่มีจิตใจแข็งแกร่งก็ยากจะอดทนได้เช่นนี้
“สหายเต๋าซัว.. ข้าจะ...กับข้าที่นี่...”
เพียงแต่ในชั่วพริบตานั้น พิษที่กระจายอยู่ทั่วร่างของนางก็ถูกสะกด ทำให้ความปรารถนาของนางหายไป
“ข้าสะกดพิษในร่างของเจ้าไว้ชั่วคราม หากจะถอนพิษในกายเจ้า ต้องใช้วิธีพิเศษบางอย่าง หากไปถึงเกาะของนิกายปีศาจสำราญ ข้าจะลองหาวิธีถอนพิษดู… ตอนนี้ขอให้เจ้านำคนอื่นๆมุ่งไปนิกายปีศาจสำราญก่อน ข้ามีเรื่องต้องทำเล็กน้อย หากแล้วเสร็จ ข้าจะตามไปที่นั่น”
“ได้...” นางประหลาดใจ ซัวหมิงผู้ดูดซับปราณสตรีเป็นจำนวนมาก กลับไม่ดูดซับพลังนาง
หากรู้อย่างนี้ นางคงไม่ยอมเสนอตัวเป็นกระถางขัดเกลา
เป็นทั้งผู้ช่วยชีวิต เป็นทั้งผู้ถอนพิษ เพียงแค่สองสิ่งนี้ก็ทำให้นางยอมมอบกาย
ด้วยเหตุทั้งหมดนี้ สองสตรีชราจึงวางใจ เดิมทีพวกนางคิดว่าซัวหมิงคือพยัคฆ์กระหายเหยื่อ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น
การกระทำของซูเหยาทำให่สองสตรีชราอับอาย เพราะซูเหยาถึงกับกล้าเอาตัวเข้าแลก แต่พวกนางกลับหวาดกลัว
ศพนางสวรรค์เฝ้ามองหนิงฝานด้วยแววตาอ่อนโยน
ยู่หลงได้เปิดหูเปิดตา มันนับถือหนิงฝานยิ่งขึ้น แม้จะได้เป็นเพียงทาสก็ตาม
เพียงโบกมือก็สังหารผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลัง
เพียงดีดนิ้วก็ได้กระถางขัดเกลาชั้นยอด ผู้ที่บุรุษมากมายหมายปอง
ยิ่งขบคิด ยู่หลงก็ยิ่งนับถือหนิงฝาน
แต่ในขณะนั้น เสียงของหนิงฝานก็ขัดจังหวะความสุขของมัน
“ยู่หลง เจ้าคุ้นเคยที่นี่ดี นำพวกนางไปยังเกาะปีศาจสำราญ หากมีใครขัดขวางพวกเจ้าระหว่างทางให้บอกข้า เพราะพวกนางเป็นสตรีของข้า… สิ่งนี้มีปราณของข้าอยู่ หากพบคนของทะเลส่วนในที่ไม่รู้จักข้า ให้เจ้าบดสิ่งนี้ให้แตก ข้าจะรู้ตำแหน่งของเจ้าและรีบไปหา...”
“ขอรับ! ข้าจะทำหน้าที่ให้ลุล่วง!”
เมื่อรับหยกจากหนิงฝานมา ยู่หลงก็คำนับด้วยความเคารพ ก่อนนำเหล่าสตรีมุ่งไปโดยไม่ถามว่าหนิงฝานจะไปที่ใด
แผ่นหยกที่หนิงฝานให้ไปอัดแน่นไปด้วยปราณ หากพบผู้เชี่ยวชาญของทะเลส่วนนอก ไม่จำเป็นต้องกังวล แต่หากพบผู้เชี่ยวชาญทะเลส่วนใน เมื่อพวกมันสัมผัสกลิ่นอายพลังได้ พวกมันคงไม่กล้าลงมือ
แม้หนิงฝานจะสังหารศัตรูอย่างโหดเหี้ยม แต่ก็ปกป้องคนของตนเป็นอย่างดี
ซูเหยาหวนนึกถึงคราวที่พบหนิงฝานเป็นครั้งแรก
ครั้งนั้นตัวเขาชโลมไปด้วยโลหิตของเผ่าฉลาม ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส เพื่อนำชู่ซวนเชียนสื่อมาส่งยังเกาะมุกหยกฟ้า
คนผู้นี้คือบุรุษผู้อ่อนโยน
หากหนิงฝานเป็นคนชั่ว เขาคงไม่เสี่ยงชีวิตช่วยชู่ซวนเชียนสื่อ
“ไม่รู้ว่าการยอมมอบกายให้เขาจะเป็นเรื่องที่ผิดหรือเปล่า… แต่ในใจข้ารู้สึกว่ามันไม่ผิด!”
ซูเหยายิ้ม ใบหน้าแดงระเรื่อ
ต่อให้หนิงฝานจะดูดซับพลังนาง นางก็ยอม
ไม่รู้ว่าวิธีการรักษาที่เขา...คือการร่วมรักหรือเปล่า
“ท่านประมุข… พวกเราหนีกันเถอะ ที่นิกายมีที่ลี้ภัย มีเหล่าผู้อาวุโสที่ทรงพลังอยู่ในนั้น ต่อให้เป็นซัวหมิงก็ไม่กล้าก่อเรื่อง”
“แต่ข้าสัญญากับเขาไว้แล้ว… ยังไงก็ตาม เราต้องซื้อผลไม้แห่งเต๋าดวงจิตแรกเริ่มไปให้เชียนสื่อให้ได้ ส่วนพิษที่ข้าต้องนั้น ไม่มีโอสถใดรักษาได้ บางที...ชีวิตของข้าอาจต้องขึ้นอยู่กับเขา”
ซูเหยากล่าวอย่างหนักแน่น
หากนางหวาดกลัว นางคงไม่มาเยือนทะเลแห่งนี้...
หลังจากทุกคนจากไป หนิงฝานยืนข้างกายศพนางสวรรค์ กุมมือนางไว้
เมื่อทุกคนจากไปลับตา หนิงฝานก็ขมวดคิ้ว แหงนหน้ามองบนท้องนภา แววตาแปรเปลี่ยนเย็นชา
“ยังไม่ปรากฏตัวอีกเหรอ...”
“ฮ่าฮ่า… สหายเต๋าซัวหมิงช่างมีสายตาเฉียบคม ไม่ธรรมดา… ไม่ธรรมดา… ยินดีที่ได้พบสหายเต๋าซัวหมิง ข้า ‘สู่ลู่ฉาน’!”
เมฆดำก่อตัว
ชายชราในชุดคลุมดำปรากฏตัวช้าๆ
ปราณโดยรอบสั่นไหว คลื่นทะเลปั่นป่วน!
ประมุขนิกายปีศาจสำราญ… สู่ลู่ฉาน
ที่แท้มันกลับแฝงตัวอยู่ที่นี่!
“สหายเต๋าสู่ต้องการเป็นศัตรูกับข้างั้นเหรอ?” หนิงฝานกล่าวอย่างเย็นชา
“ฮ่าฮ่า สมแล้วที่เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่แข็งแกร่งที่สุด… ที่ข้ามาเพราะข้ามีคำขออยู่ข้อหนึ่ง หากสหายเต๋าซัวทำได้ ข้าจะมอบนมมารดาใต้พิภพให้ 50 หยด!”
50 หยดเพิ่มปราณได้ 500 เกราะ
และนั่นก็ทำให้หนิงฝานตื่นเต้น!...