ตอนที่ 61 การเปลี่ยนแปลงที่บ้านเกิด [อ่านฟรี]
ตอนที่ 61 การเปลี่ยนแปลงที่บ้านเกิด
เป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่แสงจันทร์ส่องประกายระยิบระยับเยือกเย็น สาดส่องบนร่างหลินหรูเยียนหนึ่งชั้นประหนึ่งผ้าแพรสลัว ในเวลานี้นางยืนอยู่ข้างนอกจวน ขนตาสั่นเล็กน้อย แฝงความหม่นหมองในดวงตาคู่งาม
"หรูเยียน? เกิดอะไรขึ้น” หลินหานเอ่ยปากถาม
"ข้า ... ข้าจะต้องไปแล้ว" หว่างคิ้วถูกย้อมด้วยความเศร้าโศก ในที่สุดหลินหรูเยียนก็เอ่ยปากพูดออกมา
"จากไป?" ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อได้ยินหลินหรูเยียนพูดว่าจะจากไป ในหัวใจของหลินหานก่อเกิดความรู้สึกขึ้นมาเป็นครั้งแรกอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
นั่นคือความอาลัยอาวรณ์
อาลัยอาวรณ์?
หลินหานเงียบเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงเอ่ยถามว่า "จะไปที่ไหน?"
"สถานที่ที่ไกลมาก" หลินหรูเยียนพูดด้วยรอยยิ้ม
"อืม" หลินหานพยักหน้า
ตั้งแต่ได้รู้จักกับลุงกุ่ หลินหานก็รู้ว่าตัวตนของหลินหรูเยียนนั้นลึกลับมาก บางทีนางอาจไม่ใช่คนของตระกูลหลิน แต่ไม่ว่าในกรณีใด ถ้าไปนับเสี่ยวหนู่ ในหัวใจของหลินหานอาจกล่าวได้ว่า หลินหรูเยียนเป็นบุคคลที่เขาสนิทที่สุดในตระกูลหลิน ตอนนี้เมื่อนางจะจากไป ในใจของหลินหานจึงเกิดความอาลัยอาวรณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เขาไม่ได้พูดรั้งนางเอาไว้
ช่วงเวลาแห่งความเงียบงัน
"หลิน ... หลินหาน" หลินหรูเยียนพูด
“อืมม?” หลินหานเงยหน้าขึ้น จ้องมองเห็นใบหน้างามงามของหลินหรูเยียนที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม
"เจ้า ... เจ้ากอดข้าได้ไหม?" หลินหรุเยียนก้มหัวลงเล็กน้อย น้ำเสียงพึมพำเหมือนยุงจนแทบจะไม่ได้ยินเลย
แต่ความสามารถในการได้ยินของหลินหานนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง เขาจึงได้ยินอย่างชัดเจน "ข้า? กอดเจ้างั้นเหรอ?"
ดวงตาของหลินหานเบิกกว้าง เขายังไม่เคลื่อนไหวร่างกาย ทว่า ร่างกายที่ชม้อยงดงามของหลินหรูเยียนได้เดินก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว แล้วยืนซบหน้าอกของหลินหาน
ในเวลาต่อมา หลินหานโอบกอดร่างอรชรอ้อนแอ้นของนางด้วยสองแขน แล้วลูบผมสีดำของหลินหยานอย่างอ่อนโยน
"หลินหาน อีกเดี่ยวข้าจะต้องไปแล้ว จริงๆแล้ว ... จริงๆแล้วข้าไม่อยากจากไปเลย แต่ข้าจำเป็นต้องไป" หลินหรูเยียนเอนกายซบหน้าบนหน้าอกของหลินหาน ในเวลานี้ฟันที่เปล่งประกายกัดริมฝีปากสีแดง
“ข้าจะไปหาเจ้า” หลินหานพูดด้วยรอยยิ้ม
"จริงหรอ? จะมีวันนั้นวันที่เจ้ามาหาข้า เดินมาอยู่เบื้องหน้าข้าอีกครั้งเหรอ ... " หลินหรูเยียนยิ้มหวาน แล้วพูดว่า "ข้าเชื่อในตัวเจ้า ข้า ... ข้าจะรอเจ้า"
“วันนั้นจะมาถึงอีกไม่นาน” หลินหานพูดอย่างแน่ใจ
"อืม" หลินหรูเยียนตอบรับเพียงประโยคหนึ่ง
ภายใต้แสงจันทร์ เส้นผมของนางกระเพื่อม ดวงตาแววาวเสมือนน้ำ ขนตากระพริบ ผิวหนังขาวเนียนดั่งหิมะ ขนคิ้วดุจถูกพิมพ์ด้วยดวงจันทร์เสี้ยว ภายใต้ม่านฉากในตอนกลางคืน ทำให้ดูสง่างามและปราดเปรียว งดงามจนทำให้ผู้มองหายใจไม่ออก
"ถึงเวลาที่เจ้าควรไปเเล้ว" ในช่วงเวลาหนึ่ง หลินหานส่งเสียง เพราะเขาเห็นร่างคนบนชายคาที่อยู่ไม่ไกลนัก เป็นร่างของลุงกุ่ยที่ปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ
"ต้องไปแล้วเหรอ?" ใบหน้าที่สวยงามของหลินหรูเยียนมีร่องรอยของความเสียใจ
นางออกจากอ้อมแขนของหลินหานแล้วถอยกลับอย่างช้าๆ แต่จากนั้นนางก็ยิ้มแป้นให้หลินหาน เป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมเสน่ห์และงดงาม
วินาทีต่อมา จู่ๆหลินหรูเยียนก็ก้าวออกมาข้างหน้า ดวงตาสั่นไหว ริมฝีปากสีแดงที่อบอุ่นและเนียนนุ่มจุมพิตอยู่บนใบหน้าของหลินฮัน
จูบเบาๆเหมือนเกล็ดหิมะกระทบ ใบหน้าของหลินหรูเยียนเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ นางวิ่งออกไปไกลทันที ค่อยๆหายเข้าสู่ความมืดในตอนกลางคืน
"ฮู!"
ในเวลานี้ ลมกระโชกแรง ร่างของลุงกุ่ยที่อยู่บนชายคาในระยะไกลก็หายวับไปเช่นกัน
หลินหานยังยืนอยู่ภายใต้ค่ำคืนด้วยความเงียบ จากนั้น เขาหันกลับแล้วเดินเข้าไปในจวนเพื่อฝึกฝนต่อไป ...
ในวันต่อมา หลินหานเดินออกจากจวนตระกูลหลิน แล้วเตรียมพร้อมที่จะไปตลาดมืดใต้ดินเพื่อขายทวนทองคำประกายสีแดงนั้น
มีดาบสนิมที่ลึกลับและธนูสีน้ำเงินอันเป็นอาวุธวิญญาณครึ่งขั้น หลินฮหานจึงไม่ขาดแคลนอาวุธ ถ้าขายทวนทองคำประกายแดงไปแลกกับยาตันวิญญาณ ก็จะยิ่งมีมูลค่าสูง แต่ในขณะที่หลินหานได้ก้าวออกมาจากประตูใหญ่ของตระกูล ก็มีร่างร่างหนึ่งเสื้อผ้าขาดวิ่น เดินโซเซมาจากระยะไกล
"หลินเย่!" สีหน้าของหลินหานเปลี่ยนไปใทันที
เมื่อเสียงดังขึ้น ร่างทุลักทุเลในระยะไกลก็ชะงักงัน เขาค่อยๆมองมายังทิศทางของหลินหานด้วยสายตาที่ตื่นเต้นอย่างมาก จนเกือบร้องไห้ พร้อมตะโกนว่า "พี่หลินหาน! ข้า ... ... ในที่สุดข้าก็พบท่าน! "
"เย่จือ มาทำอะไรที่นี่? เกิดอะไรขึ้น?" หลินหานรีบเดินออกไป
หลินเย่เป็นลูกพี่ลูกน้องของหลินหาน ซึ่งอาศัยในบ้านเกิดที่หมู่บ้านฉางหยุน
ที่หมู่บ้านฉางหยุน ผู้นำคือหลินหงเซินซึ่งเป็นปู่ของหลินหาน ผู้อาวุโสมีลูกชายสามคน คนโตคือหลินหลาง ลูกชายคนที่สองหลินสือ และลูกชายคนที่สามหลินฉวน หลินหลางเป็นพ่อของหฃินหาน ส่วนหลินเย่เป็นบุตรชายของหลินฉวนหรือก็คือลุงหลินสามของเขา ดังนั้น หลินเย่จึงเป็นญาตผู้น้องของหลินหาน
หมู่บ้านฉางหยุนตั้งอยู่ที่ชายเเดนของรัฐเยียน ไม่รู้ว่าอยู่ไกลจากเมืองต้วนเทียนเป็นระยะทางเท่าไหร่ การที่หลินเย่มาอยู่ที่นี่ได้ จึงทำให้หลินหานรู้สึกแปลกมาก ในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นสภาพร่อแร่ของหลินเย่ หัวใจของหลินหานก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีนัก
"พี่หลินหาน ข้าถูกโจรภูเขาดักซุ่มในระหว่างทางที่มา ข้าไม่ได้กินมาสามวันสามคืนแล้ว ข้าหิวและกระหายน้ำมาก ... " หลินเย่ยังทำท่าทางเหมือนเด็กที่ยังไม่โต ในเวลานี้ใบหน้าขอเงเขาซีดเซียวจนเป็นสีเทา
หลินหานอดหัวเราะออกมาไม่ได้
"ไป ข้าจะพาเจ้าไปนตระกูลหลิน ให้เจ้ากินอิ่มก่อนแล้วค่อยเล่า" หลินหานดึงหลินเย่แล้วเดินตรงไปที่ประตูใหญ่ของหลิน
ทว่า เมื่อหลินเย่มาถึงด้านหน้าประตูใหญ่ของตระกูลหลิน หยุดชะงักลง เขาจ้องมองประตูใหญ่ที่แปลกตาและหนักหน่วง อาคารอันสง่างามที่อยู่ด้านในทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว สำหรับหลินเย่ สายเลือดหลักของตระกูลหลินในเมืองต้วนเทียน ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดซึ่งแสดงถึงความสน่าเกรงขามและตัวตนที่สูงส่ง
"มีอะไรเหรอ?" หลินหานหันหลังกลับ เขาจึงเห็นความกลัวบนใบหน้าของหลินเย่
"ข้า ... ข้า ... เข้าไปข้างในได้เหรอ" หลินเย่พูดตะกุกตะกัก
"แน่นอน" หลินหานส่ายหัวแล้วคว้าแขนของหลินเย่ ดึงเขาเข้าไปในตระกูลหลินทันที
หลินเย่มีพลังยุทย์เอกาสวรรค์เท่านั้น จึงไม่สามารถต้านทานพลังของหลินหานได้ เขาจึงก้าวเข้ามาในสถานที่ซึ่งในใจเขาเรียกว่าเป็นตำนาน อารมณ์ตื่นตระหนกและไม่สบายใจ
หลินเย่สั่นด้วยความกลัวตลอดทาง ไม่ว่าเดินเจอใครก็เอาแต่หดหัวด้านหลังของหลินหาน
แม้ว่าหลินเย่จะขี้กลัว แต่เขาก็ไม่ได้โง่ เขาพอจะมองออกว่าบรรดาผู้ชายผู้หญิงและเด็กๆ เมื่อเจอพี่หลินหานของเขาต่างก็แสดงสายตานับถือ บ้างก็โค้งคำนับให้ ฉากนี้ทำให้หัวใจของหลินเย่ตกใจอย่างสุดขีด
ไม่ว่าตระกูลหลินส่งใครแบบสุ่มๆไปถึงหมู่บ้านฉางหยุน เกรงว่าคนผู้นั้นจะได้รับความเคารพจากทุกครัวเรือน แต่พี่หลินหานของเขา สามารถทำให้คนตระกูลหลักที่สูงส่งเหล่านี้ให้ความเคารพและให้เกียรติเขา
ครานี้ หลินเย่ ไม่กล้าที่จะจินตนาการว่า พี่หลินหาน ของเขากลายเป็นตัวตนระดับไหนไปแล้ว
ในเวลานี้ สิ่งที่แตกต่างจากความตกใจในใจกลางของหลินเย่ คือความรู้สึกในใจของหลินหาน ไม่ทันได้รู้ตัวเข่ก็มาอยู่ในตระกูลหลักมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว ตอนที่พึ่งเข้าสู่ตระกูลหลิน เขาเป็นเพียงมดปลวกในยุทย์เอกาสวรรค์เท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลายเป็นอันดับหนึ่งของตระกูลหลินไปแล้ว
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลินเย่กินอิ่มเพียงพอและเปลี่ยนชุดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ในเวลานี้เขาพูดขึ้นอย่างอย่างกระวนกระวายว่า "พี่ เยวี่ยเอ๋อถูกบังคับให้แต่งงานกับตระกูลจ้าว ท่านพ่อของข้าและท่านปู่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงขอให้ข้ามาหาพี่!"
"อะไรนะ? เสี่ยวเยวี่ยถูกบังคับให้แต่งงานกับตระกูลจ้าวหรือไ?" จู่ๆใบหน้าของหลินหานขุ่นมัวลง
หลินเยวี่ยเอ๋อเป็นลูกสาวของลุงสอง เป็นญาติผู้น้องของหลินหาน ส่วนตระกูลจ้าวเป็นตระกูลใหญ่อีกแห่งหนึ่งในหมู่บ้านฉางหยุน ตระกูลจ้าวและตระกูลหลินสองตระกูลเป็นเหมือนน้ำกับไฟ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา ทำให้ยังรักษาสมดุลไว้เสมอ
แต่ในเวลานี้ พอได้ฟังหลินเย่เล่าว่าหลินเยี่ยเอ๋อถูกบังคับให้แต่งงานกับคนตระกูลจ้าว แต่ตระกูลหลินทำอะไรไม่ได้เลย ดวงตาของหลินหานจึงเย็นชาลงในทันใด แต่จิตใจของเขาครุ่นคิดอย่างลับๆ หรือเบื้องหลังตระกูลจ้าวจะมีผู้แข็งแกร่งจากขุมพลังอันทรงพลังอื่น ๆ เข้ามาแทรกแซง?
ไม่เช่นนั้นตระกูลจ้าวคงไม่โอหังได้ถึงขนาดนี้
จากนั้น สีหน้าของหลินเย่แสดงความกลัวแล้วกล่าวอย่างช้าๆว่า“ข้าแอบได้ยินบทสนทนาของท่านพ่อข้าและพ่อของท่าน เบื้องหลังของจ้าวดูเหมือนว่าจะมีจุนอ๋องที่ชื่อชิงหยางได้เข้ามาแทรกแซง ดังนั้น ก่อนที่ข้าจะมาผู้อาวุโสได้กำชับให้ข้าถามพี่หลินหานก่อน ว่าพลังของท่านอยู่ในระดับใด ถ้าต่ำกว่ายุทย์สัตตะสวรรค์ยังไม่ต้องกลับ รอให้ก้าวสู่ยุทย์สัตตะสวรรค์ ค่อยกลับไปล้างแค้นให้ตระกูล”
"ยุทย์สัตตะสวรรค์?" ดวงตาของหลินหานเปล่งประกายเล็กน้อย ผู้อาวุโสที่พูดถึงก็คือหลินหงเฉินซึ่งเป็นปู่ของเขา เขาย่อมรู้ข่าววงในอยู่บ้าง
ดูเหมือนว่าพลังของจุนอ๋องชิงหยาง อย่างน้อยๆคงอยู่ในขอบเขตยุทย์ฉะสวรรค์ หรืออาจจะก้าวสู่ยุทย์สัตตะสวรรค์ไปแล้ว บางทีนี่อาจเป็นตัวตนแข็งแกร่งที่หลินเย่ไม่สามารถต้านทานได้
แต่สำหรับหลินหาน กลับไม่รู้สึกถึงภัยคุกคามเลย
“รีบเดินทางทันที กลับหมู่บ้านฉางหยุนกัน! ตระกูลจ้าวกล้าบังคับการแต่งงาน มันคงมีชีวิตมาเกินพอแล้วสินะ!” ตระกูลหลินที่บ้านเกิดในหมู่บ้านฉางหยุน คือความกังวลในใจของหลินหาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลินเยวี่ยเอ๋อ น้องสาวเพียงคนเดียวในตระกูลหลินที่บ้านเกิด
ตอนทีเขายังอยู่ในหมู่บ้างฉางหยุน ตั้งแต่เล็กจนโตหลินเยวี่ยชื่นชมและเคารพเขาในฐานะพี่ชายมากที่สุด แค่คิดถึงน้ำเสียงและรอยยิ้มที่น่ารักและน่ารักของหลินเยี่ยเอ๋อ ต้องมาทนทุกข์ทรมานจากความกลัวที่จะถูกบังคับให้แต่งงานอยู่ที่หมู่บ้านฉางหยุน ดังนั้น หัวใจของหลินหานจึงเกิดจิตสังหารพรุ่งพล่าน อยากจะรีบกลับหมู่บ้านฉางหยุนเร็วไว
"เสี่ยวเยวี่ยเอ๋อ จะต้องรอพี่ชายกลับไป! ถ้าตระกูลจ้าวทำร้ายเจ้าแม้แต่เส้นผม เจ้าวางใจได้ พี่ชายคนนี้จะบดขยี้ตระกูลจ้าว แล้วฝังตระกูลจ้าวทั้งหมด!"
……………………………………………………