TZ4 นักสู้แห่งสิบสองนักษัตริย์ (2)
ฉีเยว่ถามด้วยสีหน้าสงบ “ถ้าเกิดผมเป็นกิเลนเหมือนท่านว่า ผมต้องทำอะไรบ้าง?”
พระหนุ่มพูดด้วยสีหน้ายินดี “ในฐานะราชาของนักษัตริย์ ผู้ที่เกิดมาเพื่อเหนือกว่านักษัตริย์คนอื่นๆ หน้าที่ของโยมคือการปกป้องตะวันออก หากตะวันออกของเราตกอยู่ในสถานะการณ์ไม่สงบ โยมต้องนำนักษัตริย์คนอื่นๆต่อกรกับสิ่งชั่วร้าย แต่นอกจากหน้าที่ผู้พิทักษ์ โยมต้องรับมือกับการท้าทายของพวกตะวันตกด้วย”
ฉีเยว่เดินเข้าหาพระหนุ่ม ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มแปลกๆ พร้อมกับจับไหล่พระหนุ่ม “ผมรู้ว่าท่านมีความเมตตา และแบกรับหน้าที่ปกป้องโลกเอาไว้”
พระหนุ่มขมวดคิ้ว “อาตมาก็มีสิ่งที่ต้องทำ ทุกคนก็เหมือนกัน แต่ละคนต่างถูกกำหนดเอาไว้แล้ว… เหมือนโยมที่กลายเป็นผู้สืบทอดของกิเลนดำ”
รอยยิ้มบนใบหน้าฉีเยว่หายไป “เพราะตัวท่านเป็นพระ เลยมีเมตตาสงสารสูง ดังนั้น ถ้าผมบอกว่าจะไป ท่านก็คงไม่ห้ามผมใช่มั้ย? ลาก่อนนะ” เมื่อพูดจบ ฉีเยว่ก็หันหลังจากไป
พระหนุ่มมีอายุราว 20 ปี เมื่อเห็นฉีเยว่กำลังจะไปเลยพูดขึ้น “โยมจะไปจริงๆเหรอ? ไม่อยากเป็นราชาแห่ง 12 นักษัตริย์เหรอ?”
ฉีเยว่ตอบโดยไม่หันมอง “ราชาแห่ง 12 นักษัตริย์… ฟังดูเหมือนฮีโร่... แต่ผมไม่อยากเป็น! คนที่เก่งก็ต้องเจอกับศัตรูที่น่ากลัว ท่านบอกเองว่าผมเป็นอันธพาล ก็ใช่ ผมเป็นอันธพาลอายุ 19 ปี ยังใช้ชีวิตไม่พอ ถึงผมจะฝันถึงบางอย่างที่ดูเท่ห์เหมือนในนิยาย แต่ก็เป็นไปได้สูงว่าจะตายก่อนเพื่อน ฉะนั้นผมจะไม่เป็นฮีโร่ ผมไม่ใช่คนสำคัญ และไม่ใช่คนที่กล้าหาญขนาดนั้น”
เมื่อพูดเสร็จ ฉีเยว่ก็ออกจากวัดไป เขารู้ว่าพระหนุ่มทุ่มฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก แต่เขาไม่ได้อยากทำแบบนั้น
ถึงพระหนุ่มจะไม่ได้คาดหวังกับฉีเยว่มากนัก แต่สายเลือดกิเลนที่ไหลเวียนในร่างกลับสำคัญยิ่งกว่า “เดี๋ยวก่อน… บอกอาตมาได้หรือเปล่าว่าโยมต้องชีวิตแบบไหน หรือไม่ก็ สิ่งที่โยมปรารถที่สุดคืออะไร?”
ฉีเยว่หันกลับมา สายตาแสดงออกถึงความคาดหวัง “จริงๆแล้ว… สิ่งที่ผมคาดหวังก็ไม่ได้ยากอะไร… เมื่อตอนที่อยู่เมืองหลวง ผมได้ยอมเป็นลูกน้องของชายคนหนึ่ง คำพูดเพียงไม่กี่คำของคนๆนั้น ทำให้ผมเกิดความเข้าใจ… เขาบอกว่า ชีวิตคนเราแค่ได้นอนตื่นแล้วนับเงินก็พอแล้ว แต่สำหรับผม ผมเพิ่มเข้าไปอีก 2 ข้อ คือมีผู้หญิงสวยๆข้างกาย และแข็งแกร่ง นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการที่สุด แต่ผมก็แค่คนไม่สำคัญ ยังไงก็ไม่มีทางทำแบบนั้นได้หรอก”
พระหนุ่มไม่อยากเถียงฉีเยว่ต่อเลยพูดขึ้น “ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” เมื่อพูดจบ พระหนุ่มก็เดินจากไป
แล้วคำที่พระหนุ่มพูดทิ้งท้าย ก็ทำให้ฉีเยว่สนใจ “ท่านว่าจะเป็นไปได้จริงๆเหรอ? แล้วผมจะปลุกพลังได้หรือเปล่า? แต่ผมก็ไม่อยากนับวันตายอยู่ดี”
พระหนุ่มยิ้มเจื่อน “อาตมาจะบอกอะไรให้ การจะทำให้โยมสมหวังนั้นไม่ยาก… แค่โยมต้องแข็งแกร่ง แล้วทุกอย่างจะง่ายเอง… ในตะวันตกแห่งนี้ กิเลนเป็นสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ ถึงโยมจะต้องเผชิญหน้ากับอันตราย ก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น อีกอย่าง ในฐานะที่โยมเป็นราชา โยมก็จะมีผู้ที่คอยอารักขาปกป้อง… ตอนนี้เลือดกิเลนในตัวโยมถูกปลุกขึ้นเพียงเล็กน้อย หากโยมให้อาตมาช่วยปลุกอย่างสมบูรณ์ โยมจะกลายเป็นคนพิเศษ”
ฉีเยว่ถามด้วยความสนใจ “ยังไง? หรือท่านกำลังจะบอกว่า ถ้าท่านฝึกให้ผม ผมจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งสุดๆ! ผมเคยอ่านนิยายมาหลายเรื่อง เรื่องทำนองนี้เลยพอจะเข้าใจ”
พระหนุ่มส่ายหน้า “ก็ทำนองนั้น… แต่การที่จะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งได้ ต้องผ่านการฝึกฝนที่ยากลำบาก.. ในสมัยโบราณ กิเลนคือเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวคือ หากถูกตัดเขาไป จะทำให้ไร้ซึ่งกำลังและตายไป แต่กิเลนดำอย่างโยมเป็นข้อยกเว้น ถึงจะถูกตัดเขา แต่ก็ยังไม่ตาย และเขาก็จะงอกขึ้นมาใหม่ด้วย”
ฉีเยว่ถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น “แล้วท่านมีวิธีที่ทำให้ผมเป็นแบบนั้นหรือเปล่า?”
พระหนุ่มตอบ “มี ถ้าปลุกเลือดกิเลนในตัวโยมได้สมบูรณ์ โยมก็จะแข็งแกร่ง ต่อให้ร่างกายได้รับความเสียหายขนาดไหน ตราบใดที่ไม่ตัดหัวก็ไม่ตาย”
ฉีเยว่พูด “งั้นผมก็เป็นกิเลนแมลงสาบสินะ”
พระหนุ่มหัวเราะ “กิเลนก็คือกิเลน จะเอาไปเทียบกับแมลงสาบได้ยังไง? กิเลนคือสัตว์เทพที่ลงมาจากสวรรค์ หากใครลบหลู่ดูหมิ่นโยน คนผู้นั้นจะถูกลงทัณฑ์ด้วยโชคชะตา แต่ถึงการลงทัณฑ์ไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่อย่างน้อยก็ทำให้ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นโยม”
ฉีเยว่พูดด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ท่านหมายความว่า ในอนาคตใครที่ทำให้ผมเดือดร้อนจะโชคร้ายใช่มั้ย?”
พระหนุ่มตอบ “ก็ประมาณนั้น แต่โยมจะเข้าใจแบบนั้นก็ได้”
ฉีเยว่ส่ายหน้า “ถึงจะดูเจ๋ง แต่ก็ยังดูเหมือนกระสอบทรายให้คนอื่นซ้อมอยู่ดี”
พระหนุ่มพยายามสะกดความโกรธ “ถึงโยมจะสืบทอดสายเลือดกิเลนดำมา โยมก็ต้องฝึกฝนตาแบบฉบับของกิเลน ถ้าโยมยอมฝึกฝนอย่างหนัก โยมก็จะแข็งแกร่ง… แล้วแบบนั้น ใครจะทำอะไรโยมได้? ตัวอาตมาคือผู้ชี้นำ ความสามารถของอาตมาคือปลุกความสามารถของเหล่า 12 นักษัตริย์ อาตมาสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของเหล่า 12 นักษัตริย์ได้ในระยะหมื่นไมล์ แต่กับโยม ต่อให้อยู่ห่าง 500 ไมล์ก็สัมผัสได้ เมื่อสองปีที่แล้ว อาตมาออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อตามหาเหล่า 12 นักษัตริย์ และสุดท้าย อาตมาได้ก็เจอ 12 นักษัตริย์ 3 คน… ถึงอาตมาจะบอกว่าหน้าที่ของพวกโยมจะอันตราย แต่โยมวางใจได้ เหล่า 12 นักษัตริย์มีอีกหน้าที่ คือปกป้องโยมให้เติบโตเต็มที่ และสามารถแสดงพลังได้เทียบเท่าทวยเทพ… หลังจากฝึกฝน โยมก็มีงานที่ต้องทำคือตามหาเหล่านักษัตริย์คนอื่นๆ ด้วยที่เหล่า 12 นักษัตริย์ได้รับสายเลือดที่สืบทอดมา หมายความว่าแต่ละนักษัตริย์ก็มีขุมกำลังของตัวเอง หากเหล่า 12 นักษัตริย์ช่วยเหลือ ความปรารถนาของโยมก็เป็นจริงได้ง่ายๆ”
“น่าสนใจ แต่ก่อนนั้น ท่านต้องพิสูจน์อะไรบางอย่างกับผมก่อน” ฉีเยว่ยิ้มด้วยสีหน้าประหลาด...