ตอนที่แล้วGE218 ดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE220 ซูเหยา [ฟรี]

GE219 โลกหยวนหยางของข้า [ฟรี]


อีกหนึ่งเดือนผันผ่าน หนิงฝานปรับระดับพลังจนสมดุล

ในช่วงเวลา 1 เดือนนั้น หนิงฝานกินและดูดซับโอสถปฐมสวรรค์เพิ่ม

ปราณเพิ่มพูนถึง 460 เกราะ แต่ยังไม่ถึงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด และยังห่างชั้นกับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณอยู่มาก

หนิงฝานนั่งนิ่งอยู่ภายในห้องเป็นเวลานาน เมื่อลืมตา แววตากระจ่างใส ลุ่มลึกราวกับมหาสมุทร

“ต้องใช้ปราณอีกมาก และจิตใจต้องยกระดับอีกมากถึงจะเพียงพอต่อการทะลวงดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด… ยามนี้ระดับจิตใจข้าอยู่เพียงดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง ข้าต้องออกไปหาประสบการณ์ และหาวิธีเพิ่มพูนระดับจิตใจ… คงถึงเวลาที่ต้องออกจากเกาะเผิงไหลแล้ว”

หนิงฝานหยิบหยกแผ่นหนึ่งออกมา

เมื่อถ่ายพลังเข้าไป ภาพแผนที่ก็ฉายเต็มห้อง

แผนที่แสดงถึงทะเลส่วนนอกเกือบทั้งหมด รวมถึงขอบนอกของทะเลส่วนใน...

ห่างจากเมืองเต่าทมิฬไปทางเหนือ 10 ล้านลี้ เป็นเขตแดนของนิกายปีศาจสำราญ สถานที่แห่งนั้นปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปี มีทั้งแร่เป็นจำนวนมาก คลื่นแม่เหล็กบริเวณนั้นรบกวนสัมผัสเทพ มีเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเท่านั้นไม่ถูกรบกวนด้วยคลื่น ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับต่ำกว่าขอบเขตตัดวิญญาณ มักจะหลงทางอยู่บ่อยๆ

ยามนี้ระยะทาง 10 ล้านลี้ไม่ใช่ปัญหา หากเป็นตอนที่หนิงฝานยังเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ อาจใช้เวลาหลายปีในการเดินทาง แต่ยามนี้ เขารวดเร็วเกือบจะเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ จึงใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น

แม้เส้นทางอาจทำให้หลงเอาง่ายๆ แต่ยู่หลงก็มีวิธีจัดการ

เรื่องอันตรายก็ไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะในทะเลส่วนนอกแห่งนี้ ไม่มีใครกล้ายั่วยุปีศาจร้ายอย่างหนิงฝานอยู่แล้ว

เป้าหมายของการเดินทางไปนิกายปีศาจสำราญนั้น ไม่ใช่แค่กระถางขัดเกลา แต่เป็นดินแดนล่มสลายด้วย

ถึงจะกล่าวว่าสามารถสังหารสัตว์อสูรตัดวิญญาณเทียมได้ แต่ก็ใช่ว่าจะดูแคลนมันได้

“ขอบเขตตัดวิญญาณแข็งแกร่งยากหยั่งถึง… กระบี่วิญญาณสวรรค์ที่สำแดงออกมาจากอาวุธ ก็ทรงพลังจนเกือบจะเทียบเท่าวิชากระบี่ของข้า!”

สัมผัสเทพกึ่งตัดวิญญาณที่ใกล้เคียงขอบเขตตัดวิญญาณ ยามนี้ ยากจะทะลวงระดับได้ต่อ ทำได้เพียงรอให้มันทะลวงขอบเขตเองตามธรรมชาติ

ถึงจะสัมผัสเทพของหนิงฝานจะบรรลุกึ่งตัดวิญญาณ แต่วิชากระบี่วารีผันแปรก็ยังไม่อาจเทียบชั้นการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้

“ข้าทำลายสมบัติวิญญาณขั้นสูงสุดได้ แต่สมบัติวิญญาณสวรรค์ยังไม่อาจทำได้… หากจะทำได้ต้องยกระดับให้แส้… แส้อัสนีเฆี่ยนฟาด ราวกับดึงเอาดวงจิตของสมบัติ แม้จะใช้งานง่าย แต่ยากที่จะยกระดับ เพราะหากข้าบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ ข้าก็จะไม่มีอัสนีโลหิตสวรรค์มาช่วยยกระดับ ครั้งหนึ่งข้าเคยคิดชื่อให้มัน… ‘แส้สังหารเทพ’ แส้ที่ไม่มีเทพคนใดกล้าต่อกร นอกจากสามารถทำลายร่างกายของเทพได้นั้น ยังสามารถทำลายดวงจิตของมันได้ด้วย หากมันยกระดับเป็นอาวุธวิญญาณสวรรค์ได้เมื่อไหร่ ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณก็จัดการได้”

หนิงฝานจ้องมองแส้ แววตาเปล่งประกาย หากเขาหาอัสนีที่ทรงพลังมายกระดับให้มันได้ วันหนึ่งข้างหน้า มันคงทรงพลังจนยากหยั่งถึง

ส่วนกระบี่แยกสวรรค์ จุดเด่นคือการฟาดฟัน มีความสามารถพิเศษคือการเผาวิญญาณ แต่เมื่อศัตรูคือผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับสูงขึ้น ความสามารถก็เริ่มไม่เป็นประโยชน์ ขนาดอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ยังไม่สามารถนำมาต่อกรอีกฝ่ายได้

หากจะยกระดับให้กระบี่แยกสวรรค์ คือต้องดูดซับเส้นชีพจรพิภพ

หากเขาบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ และพบเจอเส้นชีพจรพิภพสักแห่ง การดูดซับก็จะยกระดับได้ทั้งกระบี่แยกสวรรค์และดรรชนีกระบี่

ในเมื่อดรรชนีกระบี่แรกสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มได้ ดรรชนีกระบี่ที่สองต้องสังหารผู้เชี่ยวตัดวิญญาณได้

ดรรนีกระบี่แรก ‘ทำลายขุนเขา’

ดรรชนีกระบี่ที่สอง ‘ขยี้สวรรค์’

การจะหยกระดับกระบี่แยกสวรรค์และแส้สังหารเทพ นอกจากจะหาแหล่งพลังงานที่พวกมันต้องการ ยังต้องหาโลหะวิญญาณชั้นดีด้วย

สำหรับหนิงฝานแล้ว แร่ทั่วไปในโลกมนุษย์ไม่เหมาะกับการนำมาใช้กันอาวุธเทพโบราณ เพราะจะส่งผลเสียในอนาคต

บางทีการเดินทางไปนิกายปีศาจสำราญ อาจได้พบกับแร่วิญญาณดีๆ เพราะที่นั่นมีทรัพยากรแร่ที่อุดมสมบูรณ์มาก

มีเพียงอาวุธเทพโบราณเท่านั้นที่หนิงฝานจะยอมเสียเวลากับมัน ส่วนอาวุธอื่นๆ เขาเพียงช่วงชิง ใช้แล้วทิ้งเท่านั้น

เมื่อเก็บแส้และกระบี่ไป หนิงฝานนั่งดูแหวนสีแดงโลหิตอย่างละเอียด

แหวนหยวนเหยา

การใช้งานแหวนวงนี้แตกต่างจากแหวนกระถางขัดเกลา

แหวนกระถางขัดเกลาเป็นเหมือนที่อยู่อาศัยของกระถางขัดเกลา

แต่แหวนหยวนเหยาคือสิ่งที่เอาไว้กักขังศัตรู

วิธีใช้งานทั่วไปของมัน คือสร้างพลังเพื่อเสริมให้ผู้ใช้ได้เปรียบศัตรู แต่นอกจากนั้นยังมีอีกหลายๆอย่างที่มันทำได้...

ยามนี้ศพนางสวรรค์นั่งอยู่บนที่นอน สายตาจ้องมองหนิงฝานไม่ขยับ

ไม่นานหนิงฝานก็ลุกยืน เดินมาหานางพลางสัมผัสแก้มเบาๆ

“เหว่ยเหลียง เจ้ารอข้างที่นี่ก่อน ข้างมีที่ที่ต้องไป”

หนิงฝานกระตุ้นแหวนโลหิต แหวนเปล่งประกายพร้อมกับเงาร่างของหนิงฝานที่หายไป

เมื่อร่างหนิงฝานหายไป ศพนางสวรรค์ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

แววตานางแปรเปลี่ยน ราวกับขาดหนิงฝานไป นางก็จะกลับไปอาละวาดเหมือนก่อน

แต่ไม่นานนัก กลิ่นอายและเงาร่างของหนิงฝานก็ปรากฏ

นางเร่งโผเข้าหาและกอดไม่ปล่อย

“ข้ารู้… ยังไงข้าก็ต้องพาเจ้าไปด้วยทุกที่อยู่แล้ว เพราะหากเกิดข้าไม่อยู่แล้วเจ้าเกิดคลั่งขึ้นมา เมืองเต่าทมิฬคงถูกทำลาย...”

“แสง… แสง...” เมื่อเห็นหนิงฝาน แววตาของนางก็เริ่มสงบ

“มากับข้า ข้าจะพาเจ้าดูที่แห่งหนึ่ง ตอนนี้ข้ายังเปิดโลกหยินไม่ได้ แต่โลกใบแรกของข้านั้น คือโลกหยวนเหยา!”

แหวนเปล่งประกาย เงาร่างของทั้งสองหายไป

ไม่นานหนิงฝานและศพนางสวรรค์ก็ปรากฏยังมิติแห่งหนึ่ง

ทิวทัศน์โดยรอบมืดสนิท แม้อาจจะมีอันตราย แต่หนิงฝานที่ครอบครองระฆังทะเลตะวันออกก็ไม่เกรงกลัว

พื้นดินที่เหยียบนั้นมีลักษณ์ขรุขระ โลกใบนี้กว้างใหญ่กว่า 10 ล้านลี้

โลกใบนี้ไร้ซึ่งแสงตะวัน ไร้ซึ่งพิรุณ ไร้ซึ่งวิหคและแมลง

ก่อนหน้านี้ เป่ยเซี่ยวเหมิน คิดจะขังหนิงฝานไว้ที่นี่

“แสง… กลัว...” ศพนางสวรรค์กุมมือหนิงฝานไม่ปล่อย

“ไม่ต้องกลัว… อีกไม่นานที่นี่ก็จะมีแสงตะวัน มีภูเขาและสายน้ำ… เป่ยเซี่ยวเหมินเกียจคร้าน นางไม่ได้เปลี่ยนภูมิทัศน์ของโลกใบนี้ ข้าจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ใหม่ วางข่ายอาคมที่ทรงพลัง จนกลายเป็นสถานที่ที่ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นแรกก็ต้องตาย”

“แสง… แข็งแกร่ง...” ศพนางสวรรค์ไม่เข้าใจในสิ่งที่หนิงฝานพูด แต่ดวงตานางเป็นประกาย

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ นางไร้ซึ่งความทรงจำ ไร้ซึ่งดวงจิต

หนิงฝานหัวเราะพลางลูบศีรษะนางเบาๆ

ภายในแหวนกระถางขัดเกลา หนิงฝานนำวารีจันทราเยือกแข็งใส่ไว้ เพื่อให้เหล่ากระถางขัดเกลาของเขาได้อาบ ส่วนในโลกหยวนเหยาแห่งใหม่นี้ เขาคงต้องหาสิ่งต่างๆเจ้ามาเอง

วันถัดมา หนิงฝานและศพนางสวรรค์มุ่งหน้าออกจากเมืองเต่าทมิฬ พร้อมกับยู่หลงที่ถูกประทับตราวิญญาณ

ก่อนออกมา ลู่ชิงได้มอบเรือให้ลำหนึ่ง หนิงฝานก็รับมาถึงจะไม่ได้ใช้ก็ตาม

เป่ยเซี่ยวเหมินไม่ได้ออกมาส่งหนิงฝาน นางเฝ้ารอจนกว่าหนิงฝานจะหายลับไปจนสุดขอบนภา จึงปรากฏกายที่หน้าต่างหอคอยโอสถใต้ พลางกล่าวอย่างแผ่วเบา

“ในที่สุดเจ้าซัวหมิงที่น่ารังเกียจก็ไปเสียที… ข้าไร้ซึ่งท่านปู่ทหารศิลา ตราบใดที่ข้ายังไม่บรรลุตัดวิญญาณ ก็ไม่ควรเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว แต่ข้าก็อยากไปดู...ว่าซัวหมิงจะทำอะไรกับนิกายปีศาจสำราญบ้าง น่าสนใจจริงๆ… เดี๋ยว! ทำไมข้าต้องสนใจด้วย! ข้าไม่ได้เหงาเสียหน่อย… ข้ามีเวลาอยู่ที่นี่แค่ 50 ปี… ไม่รู้ว่าจะเจอเขาอีกกี่ครั้ง บางที เจอกันครั้งหน้าเขาอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณแล้วก็ได้ ข้าเองก็ต้องเตรียมตัวทะลวงขอบเขตบ้าง ไม่งั้นคงแพ้มันอีก ครั้งหน้ามันต้องรับลูกเตะของข้าไม่ได้ง่ายๆแบบนั้น ข้าต้องเอาชนะมัน และชิงแหวนข้าคืน ข้าไม่อยากแต่งงานกับมัน!”

เมื่อคิดถึงฉากที่นางเปลือยเปล่าต่อหน้าหนิงฝาน ใบหน้านางก็แดงก่ำเห่อร้อน

ซัวหมิงผู้นั้นน่ารำคาญจริงๆ

แต่ก็ได้แต่หวังว่า เขาจะไม่เอาแผ่นหยกนั่นออกมาอวดใครๆ

“ซัวหมิง ถ้าเจ้ากล้าทำแบบนั้น… ข้าจะตามไปฆ่าเจ้าแน่!”...

ลมทะเลพัดโชย ผู้เชี่ยวชาญฝึกฝนไม่รู้วันคืน

หนิงฝานออกจากแคว้นเยว่ได้ 10 ปีแล้ว

หนิงฝานโอบกอดศพนางสวรรค์ อีกมือหิ้วยู่หลงทะยานเรียบไปกับทะเล

เหตุที่หนิงฝานทะยานเรียบไปกับทะเลก็เพราะ เขาต้องการนำน้ำทะเลเข้าไปในโลกหยวนหยาง

หนิงฝานปรับแต่งภูมิทัศน์ภายในโลกหยวนเหยา แบ่งส่วนหนึ่งเป็นทะเล

ระหว่างทาง หนิงฝานต้องลงไปใต้ทะเลเพื่อนำปะการัง และสิ่งต่างๆใต้น้ำที่ช่วยเพิ่มปราณวิญญาณ เข้าไปไว้ในโลกหยวนเหยา

จนยามนี้ 2 ใน 3 ส่วนของโลกหยวนเหยากลายเป็นท้องทะเลไปแล้ว

ระหว่างทาง หนิงฝานพบเกาะอยู่แห่งหนึ่ง และเขาก็นำเกาะแห่งนั้นเข้าไปในโลกหยวนเหยา

แต่เขาไม่ได้ขโมยไปทั้งเกาะ เขาให้ยู่หลงผ่าเกาะเป็นครึ่งหนึ่งเพื่อนำเข้าแหวน อีกครึ่งยังเหลือไว้

เมื่อหลายเกาะถูกช่วงชิง ขุมกำลังจำนวนมากในทะเลส่วนนอกก็เริ่มไม่พอใจ จนทำให้ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มและแก่นทองคำเป็นจำนวนมากออกไล่ล่าหนิงฝาน เมื่อคนเหล่านั้นตามหนิงฝานไปถึงเกาะที่ 11 หนิงฝานสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มไป 11 คน และแก่นทองคำอีก 300 คน ทำให้คนเหล่านั้นรู้ตัวทันทีว่าผู้ที่มันตามล่าอยู่คือซัวหมิง!

ดังนั้น คำสั่งตามล่าจึงได้ถูกยกเลิกไปทั้งหมด!

ขุมกำลังที่ออกล่าหนิงฝาน หวาดกลัวว่าหนิงฝานจะตอบโต้โดยการมุ่งไปทำลายขุมกำลังของพวกมัน

แต่โชคดีที่หนิงฝานกำลังรีบ จึงไม่ได้สนใจ

ไม่ว่าเกาะใดที่หนิงฝานเคลื่อนผ่าน หากพวกมันรู้ พวกมันจะตัดแบ่งเกาะครึ่งหนึ่งให้ทันที

และนั่นถือเป็นเรื่องดีที่ช่วยหนิงฝานประหยัดเวลา

กระทั่งยามนี้ หนิงฝานเก็บเกาะเข้าไปในแหวนทั้งหมด 100 เกาะ เติมเต็มส่วนที่เป็นพื้นดิน ทำให้มีป่าไม้ ภูเขา และสายน้ำที่อุดมสมบูรณ์

เมื่อทุกสิ่งพร้อมสรรพ โลกหยวนเหยาก็กลายเป็นโลกที่สมบูรณ์

พื้นที่ส่วนที่เป็นพื้นดิน หนิงฝานวางตาข่ายอาคมไว้ทั้งหมด 4999 ตา หมดหยกสวรรค์ไปราวๆ 25 ล้าน

หนิงฝานวางข่ายอาคมระดับตัดวิญญาณขั้นสูงสุด

ภายในข่ายอาคมมีการจัดแบ่งลำดับความทรงอานุภาพของข่ายอาคม ตั้งแต่ตาที่ 1 - 10 เป็นข่ายอาคมทั่วไป ตาที่ 10 - 100 เป็นข่ายอาคมระดับแก่นทองคำ ตาที่ 100 - 1000 เป็นข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่ม และตาที่ 1000 - 4999 เป็นข่ายอาคมระดับตัดวิญญาณ

แต่ข่ายอาคมที่หนิงฝานวาง ไม่อาจเปล่งอานุภาพได้สมบูรณ์เหมือนที่มันควรจะเป็น เพราะหากอยากให้เป็นเช่นนั้น ต้องใช้หยกสวรรค์มหาศาล

ด้วยข่ายอาคมนี้ แม้กักขังผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ที่มีสมบัติที่สามารถทำลายข่ายอาคมได้นั้น มันก็ต้องบาดเจ็บจากผลกระทบ ทั้งยังไม่อาจสร้างความเสียหายต่อข่ายอาคมได้

นอกจากนี้ หนิงฝานยังได้วางข่ายอาคมสำหรับเปลี่ยนสภาพอากาศ เปลี่ยนราตรีเป็นกลางวัน เปลี่ยนให้ราตรีที่มืดสนิทมีดวงดาราประดับฟ้า

ที่สำคัญ หนิงฝานยังได้นำสมบัติต่างๆที่ตนชิงได้มา วางไว้ในตำแหน่งต่างๆของโลกหยวนเหยา ทำให้พวกมันสามารถผสานพลังจู่โจมได้

ไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ หรือผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม หากถูกขังภายใน ก็สามารถสังหารพวกมันได้

หากศพนางสวรรค์หลุดการควบคุม หากทหารศิลาพ่ายแพ้ หากหนิงฝานไม่อาจรับมือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้ไหว เขาก็ซ่อนตัวไป...

ท้องนภาเริ่มปรากฏหิมะสีดำโปรยปราย

“รายงานนายท่าน อีก 1 ล้านลี้ข้างหน้าคือเขตทะเลปีศาจสำราญ ไม่อาจใช้สัมผัสเทพได้ง่าย หากฝืนใช้ พลังแม่เหล็กที่นั่นจะทำให้ท่านบาดเจ็บได้”

“พลังแม่เหล็ก… ข้ารู้จัก”

พลังแม่เหล็กคือพลังที่เกิดจากการผสานระหว่างปราณในธรรมชาติและพลังงานที่แผ่ออกมาจากแร่

และพลังแม่เหล็กนั้น สามารถนำมาฝึกฝนได้ เรียกว่า ‘วิชาแม่เหล็ก’ หากฝึกฝนสำเร็จ ร่างดายจะเปล่งแสง 5 สี

ประมุขนิกายปีศาจสำราญ ‘สู่ลู่ฉาน’ เป็นผู้ฝึกฝนวิชาแม่เหล็ก

และด้วยวิชาแม่เหล็กนี้ ทำให้มันกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณแนวหน้าของทะเลส่วนนอก

“สู่ลู่ฉาน...”

แววตาหนิงฝานเผยเจตนาสังหาร

แต่ในยามนั้น เขาได้กลิ่นโลหิตลอยมาตามหิมะดำ

เมื่อหนิงฝานหันมองตามทิศทางของกลิ่น เขาก็พบคนผู้หนึ่ง

“สตรี? ดูคุ้นมาก… เป็นนางนี่เอง”

ท่ามกลางหิมะดำ มีสตรีในอาภรณ์ครามกลุ่มหนึ่ง พวกนางหายใจถี่กระชั้น แต่ละคนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส

กลุ่มสตรีที่มามีด้วยกัน 30 คน พวกนางมีใบหน้าที่งดงาม รูปร่างดีสมส่วน แข็งแกร่ง ซึ่งผู้ที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม คือผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม

แถวหน้าของกลุ่มสตรี มีสตรีในอาภรณ์ครามคนหนึ่ง ระดับพลังดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น ใบหน้าของนางซีดขาวราวกับต้องพิษ ริมฝีปากเป็นสีดำ

ข้างกายนางเป็นสตรีชราสองคน ขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง

หากเทียบในทะเลส่วนนอก สตรีกลุ่มนี้นับเป็นกลุ่มที่ทรงพลัง แต่ดูเหมือนตอนนี้พวกนางกำลังเสียท่าให้กับชายหัวล้าน 5 คน

ในหมู่พวกมัน 4 คนเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง 4 คน อีกคนเป็นขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง

พวกมันยิ้มอย่างน่าขนลุก ห่มคลุมอาภรณ์คล้ายพระในพุทธศาสนา แต่กลับแผ่กลิ่นอายที่ชั่วร้ายออกมา

ชายเหล่านั้นส่วนใหญ่มีรูปร่างผอมบาง แต่มีอยู่คนหนึ่งมีรูปร่างอ้วน

มันกวาดตามองไปยังสตรีทุกคน และหยุดอยู่ที่สตรีที่อยู่ตรงกลางแถวหน้า พลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก

“ประมุขนิกายมุกหยกฟ้า! ซูเหยา ฮ่าฮ่า อยู่ในนิกายดีๆไม่ว่า กลับออกมาเที่ยวเล่นถึงที่นี่… ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่สตรีอย่างพวกเจ้าควรมา… ไม่ว่าเจ้าเป็นผู้ใด แต่ในเขตทะเลแห่งนี้ สตรีทุกคนล้วนเป็นกระถางขัดเกลา!”

“ฮึ่ม! เจ้าเป็นใคร ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าคือประมุขนิกายใหญ่แห่งทะเลส่วนนอก เหตุใดยังกล้าใช้พิษ...” ใบหน้านางซีดขาว โลหิตในร่างปั่นป่วน ร่างกายเริ่มไร้กำลัง

ยามนี้ สีหน้าสตรีชราข้างกายนางเริ่มแปรเปลี่ยน พวกนางเพิ่งรู้ว่าซูเหยาต้องพิษ

“พิษพรากพรหมจรรย์! ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มสตรี หากถูกพิษนี้เข้าไป ร่างกายจะไร้กำลัง และ… พิษเช่นนี้มีเพียงขุมกำลังในทะเลส่วนในอย่าง ‘นิกายพระทมิฬ’ เท่านั้นที่มี… คาดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะเป็นคนของนิกายพระทมิฬ!”

“เก่งมาก! ข้าคือผู้อาวุโส 9 แห่งนิกายพระทมิฬ ‘หมี่เหลียน’ ยังไงซะวันนี้นางก็หนีไม่พ้นมือข้า! ฮ่าฮ่า หนึ่งในสิบขุมกำลังใหญ่ของทะเลส่วนนอก ไร้ค่าสำหรับนิกายพระทมิฬของพวกข้า ข้าอุตส่าห์ตั้งใจมาซื้อกระถางขัดเกลาตัดวิญญาณ… แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้พบพวกเจ้า!”

พระอ้วนนำระฆังสีดำออกมา สั่นระฆังเบาๆ ฝุ่นทรายสีดำจำนวนมากปรากฏ หากสตรีสูดหายใจเข้าไป จะทำให้ความปรารถนาในราคะเพิ่มพูน

แม้ฝุ่นทรายสีดำนี้จะทรงอานุภาพน้อยกว่าผงพรากพรหมจรรย์ แต่หากสตรีที่ยังไม่บรรลุดวงจิตแรกเริ่มโดยเข้าไป อานุภาพของมันก็ไม่ต่างกันมากนัก

หลังจากฝุ่นทรายปรากฏเพียงชั่วครู่ สตรีทุกคนยกเว้นสตรีชราสองคนล้วนต้องพิษอย่างรวดเร็ว ร่างกายเริ่มไร้กำลัง

เท่าที่เห็น ดูเหมือนนิกายพระทมิฬจะมีวิธีการมากมายที่ใช้รับมือกับสตรีได้อย่างง่ายดาย

แม้สตรีชราสองคนนั้นไม่ต้องพิษ แต่พวกนางก็ถูกปิดทางไม่ให้หนี

สีหน้าของพระเหล่านั้นดูราวกับแมวที่กำลังเล่นกับหนู แม้สตรีเหล่านั้นจะเป็นศัตรูของพวกมัน แต่สุดท้ายพวกนางจะทนแรงปรารถนาไม่ไหว

ยามนี้ ซูเหยาเริ่มรู้สึกว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเริ่มเปียกชุ่ม

เดิมทีพวกนางตั้งใจจะไปนิกายปีศาจทมิฬเพื่อซื้อผลไม้แห่งเต๋าดวงจิตแรกเริ่ม เพื่อช่วยให้ชู่ซวนเชียนสื่อทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม

แม้บริเวณนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อพวกมันเห็นอาภรณ์ของพวกนาง ก็รู้ว่าพวกนางเป็นใคร จึงไม่กล้ายั่วยุ

แต่นั่นใช้ไม่ได้กับผู้เชี่ยวชาญจากทะเลส่วนใน

สำหรับขุมกำลังใหญ่ในทะเลส่วนนอกแล้ว นับเป็นขุมกำลังทั่วไปสำหรับทะเลส่วนใน

ซูเหยาคาดไม่ถึงว่า การประมูลกระถางขัดเกลาตัดวิญญาณ จะดึงความสนใจของพวกทะเลส่วนในได้

ดังนั้น พวกมันจึงไม่เห็นนิกายมุกหยกครามอยู่ในสายตา

“สารเลว ฆ่าไม่มีทางให้เข้าได้สมหวัง!”

แววตาซูเหยาแปรเปลี่ยนอาฆาต ขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มในแต่ละขั้นต่างกันราวกับฟ้ากับเหว ยิ่งยามนี้พวกนางต้องพิษ พวกนางยิ่งไม่มีโอกาสเอาตัวรอด

แต่ขณะที่ซูเหยากำลังจะปลิดชีวิตตนเองนั้น แรงกดดันที่รุนแรงปรากฏ ฝุ่นทรายสีดำที่ปกคลุมสลายไป!

เมื่ออยู่ต่อหน้าแรงกดดันระดับนี้ หมี่เหลียนและพวกของมันไม่ต่างจากมดตัวน้อย!

ในชั่วพริบตานั้น มีบางสิ่งกระแทกเข้าที่แผ่นอกของหมี่เหลียน ผลักให้มันถอยออกไป 10 ก้าวก่อนจะยืนได้มั่นคง

พระคนอื่นๆก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอก ก่อนกระอักโลหิตสีดำออกมา

หมี่เหลียนหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

แรงกดดันที่ปรากฏ ทรงพลังมาก!

เจตนาสังหารที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏ มีเพียงผู้ที่ผ่านการสังหารมานับไม่ถ้วน จึงมีเจตนาสังหารระดับนี้ได้!

“เจ้าเป็นใคร! ถึงกลับกล้าลอบจู่โจมคนของนิกายพระทมิฬ เบื่อชีวิตแล้วหรือไง? หรือเจ้าไม่รู้ว่าประมุขนิกายข้าคือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลาง!” หมี่เหลียนขบฟัน

“ซัวหมิง...”

ผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวดำปรากฏตัวพร้อมกับศพนางสวรรค์และยู่หลง

เมื่อหนิงฝานปรากฏตัว ซูเหยาก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ

นางเคยเห็นคนผู้นี้มาก่อน!

และนางก็เคยได้ยินชื่อเสียงของคนผู้นี้!

“เจ้า… เหตุใด… เป็นเจ้าจริงๆ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้าจริงๆ!”

บุรุษผู้นี้เป็นผู้พาชู่ซวนเชียนสื่อมาส่งที่เกาะมุกหยกฟ้า

แต่สิ่งที่นางไม่เข้าใจคือ ในวันนั้น หนิงฝานเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ แต่เหตุใดวันนี้แรงกดดันจึงเปลี่ยนไป กลายเป็นดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงแล้ว!

หากชู่ซวนเชียนสื่อไม่ได้โกหกเรื่องระดับพลัง นั่นหมายความว่า คนผู้นี้ยกระดับได้เร็วมาก

“เจ้า… เจ้า...” ซูเหยาตกใจจนกล่าวไม่ออก

“แม่นางซูเหยา… 10 ปีแล้วที่เราไม่ได้พบกัน เชียนสื่อเป็นยังไงบ้าง...”

ก่อนหน้านี้แววตาของบุรุษผู้นี้เย็นชา แต่เมื่อกล่าวถึงชู่ซวนเชียนสื่อ แววตาของเขากลับดูอบอุ่น ทั้งยังเผยรอยยิ้ม

แต่กับซูเหยาที่เห็น ทำให้นางรู้สึกราวกับว่า รอยยิ้มเล็กๆนั้น เป็นรอยยิ้มที่ต้องตาที่สุดในชีวิต ที่นางเคยได้ประสบมา

ทำให้หัวใจของนางสั่นไหว

ร่างกายเริ่มสูญเสียการควบคุมจนแทบจะทนไม่ไหว...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด