GGS:บทที่ 12 ฮีทไดอัล
GGS:บทที่ 12 ฮีทไดอัล
ซูจิ้งกำลังศึกษาเปลือกหอยขนาดใหญ่เพียงฉาบฉวย และไม่สนใจขยะอื่น
เปลือกหอยนี้ถูกปกคลุมด้วยมอส ดูเหมือนว่ามันจะอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน เขาไม่รู้ว่าความร้อนมาจากไหน มีอะไรที่แปลกกว่าคือความร้อนไม่ได้มีกลิ่นที่ไหม้ แต่มีกลิ่นหอมจาง ๆ
ซู่จิ้งซ่อนเปลือกหอยในห้องครัว ล้างด้านในและด้านนอกของเปลือกด้วยน้ำและพบว่าเปลือกเดิมเป็นสีแดงเหมือนเหล็กที่เผาไหม้ ไม่ว่าขนาดรูปร่างและสีมันไม่ควรมีอยู่ในโลก
ในตอนท้ายของการล้างซูจิ้งกดปุ่มบนสุดของเปลือกหอยโดยไม่ตั้งใจ วินาทีต่อมาอากาศร้อนไหลออกมาจากปากของเปลือกหอยซึ่งเก็บความร้อนได้มากกว่าที่ซูจิ้งคาดไว้
“นี่คือ…ไดอัล?”
ดวงตาของซูจิ้งสว่างขึ้นและทันใดนั้นก็นึกถึงเวลาและสถานที่ที่แตกต่างไปจากรายการที่เกี่ยวข้องนั่นก็คือจักรวาลวันพีช
โลกของ วันพีช นั้นแปลกรวมทั้งเกาะแห่งท้องฟ้า ที่ลอยบนท้องฟ้าที่ซึ่งผู้คนมีปีก และใช้เมฆสร้างเตียงและโซฟา โดยใช้เปลือกหอยทุกชนิดทุกๆวันรวมถึงเบรธไดอัล เปลือกหอยลม(Breath Dial) จะเก็บและปล่อยลมออกมา แฟรชไดอัล(Flash Dial)ก็จะเปล่งแสงสว่างออกมา เปลือกหอยเพลิง เฟรมไดอัล(Flame Dial)จะสามารถเก็บและปล่อยไฟออกมา เปลือกหอยเสียงทอนไดอัล (The Tone Dial)จะสามารถบันทึกเสียงเเละกดฟังเสียงที่บันทึกได้ ... เรียกรวมกันว่าไดอัล
ซูจิ้งถ้าไม่เข้าใจผิดควรเป็นฮีทไดอัลซึ่งสามารถเก็บและปล่อยความร้อนส่วนใหญ่ใช้สำหรับการปรุงอาหารและให้ความร้อนอาหาร สิ่งนี้ไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นสมบัติ แต่เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันที่มีประโยชน์ ซึ่งไม่ควรถูกโยนทิ้งไปเขาคาดการณ์ว่ามันตกลงมาจากเกาะแห่งท้องฟ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ฮีทไดอัลนี้น่าสนใจมาก”
ซูจิ้งแสดงความต้องการของเขา ตอนนี้เขาตื่นมาและหิวมาก เขาเตรียมที่จะใช้ฮีทไดอัลเพื่อทำอาหารเช้า
ซูจิ้งใส่ฮีทไดอัลลงในหม้อก่อนจากนั้นจึงนำไปต้มเพื่อให้ฮีทไดอัลดูดซับความร้อน จากนั้นเขาก็เอาชิ้นส่วนของสัตว์วิเศษ ตัดรสชาติด้วยเครื่องปรุงรส และนึ่งในฮีทไดอัล ตอนนี้ซูจิ้งกินเนื้อสัตว์วิเศษตลอดสามมื้อของเขา ซึ่งมันไม่เพียงพอเพราะมันอร่อยมาก อีกทั้งมันดีต่อสุขภาพของเขา ร่างกายเป็นทุกอย่าง หากเขาสามารถรักษาร่างกายของเขาให้ดีได้แล้วนั่นนี่ก็เป็นการใช้เนื้อสัตว์ได้ดีที่สุด
หลังจากนั้นครู่หนึ่งซูจิ้งก็เปิดปากของฮีทไดอัลนำเนื้อสัตว์วิเศษ ที่หั่นเป็นชิ้นออกมาและได้กลิ่นหอมทันที ซูจิ้งเคยปรุงเนื้อสัตว์วิเศษ แม้ว่ามันจะอร่อยมาก แต่ก็ยังถูกทำลายรสชาติลงด้วยทักษะการทำอาหารของซูจิ้ง ตอนนี้เขาสามารถกินได้โดยไม่ทำลายรสชาติมัน
ซูจิ้งเอาตะเกียบคีบเนื้อใส่ปาก เขารู้สึกว่ามีกลิ่นหอมเนื้อนุ่มและละมุนลิ้น เขาเคี้ยวมันอย่างรวดเร็วและกลืนพวกมันโดยไม่รู้ตัว เขาแทบจะกลืนลิ้นของเขาเอง
"เหมียว เหมียว"
แมวพันธุ์ดราก้อนหลี่ ตัวน้อยสองตัวได้กลิ่นหอมก็รีบวิ่งไปหาซูจิ้ง
ซูจิ้งหั่นสองชิ้นแล้วโยนลงบนพื้น ลูกแมวสองตัววิ่งเข้ามาแล้วกินมันจนหมดทันที จากนั้นพวกมันดูซูจิ้งราวกับว่าพวกมันกำลังรอเขาให้อาหารมันอีก
“พวกแกสองตัวเนี้ยนะ”
ซูจิ้งหยุดสนใจเจ้าแมวสองตัวนั้นและกินข้าวต่อไป
หลังจากผ่านไปสักพักนกแก้วสีเหลืองเขียวก็บินเข้าไปทางหน้าต่าง มันดูเล็กและไม่แข็งแรง มันตกลงบนโต๊ะและจ้องไปที่เนื้อของสัตว์วิเศษบนจานอย่างตะกละตะกลาม แต่ดูเหมือนว่าจะกลัวซูจิ้งและไม่กล้าบินขึ้นและกินมันโดยตรง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเงาดำตัวใหญ่เหมือนราชาที่มายังโลก ตกลงมาที่หน้าต่าง ดูเหมือนอินทรีทองคำที่ยังไม่โต
ซูจิ้งพูดไม่ออกขณะที่มองแมว นกแก้ว และอินทรีทองคำที่กำลังรอให้เขากิน เขาโชคดีมากที่บ้านหลังนี้ไม่เหมาะสำหรับการบินไม่อย่างนั้นอินทรีทองคำอาจจะบินขึ้นไปเพื่อจิกเนื้อและอาจจะข่วนเขาได้
“นี่เราสามารถกินข้าวเช้าแบบเงียบๆบ้างได้ไหมเนี้ย?”
ซูจิ้งบ่นขณะที่เขายัดเนื้อสัตว์วิเศษบนจานเข้าไปในปากของเขาและกลืนมันลงไป
จากนั้นเขาหยิบเนื้อสัตว์วิเศษ ออกมาแล้วนำไปเลี้ยงกับแมวพันธุ์ดราก้อนหลี่ นกแก้ว และอินทรีทองคำ เหตุผลที่ทำให้เขาเลี้ยงนกแก้วและอินทรีทองคำก็เพราะเขาต้องการที่จะรักษาพวกมันไว้ บางคนชอบนกแก้วและอาจขายได้ ซูจิ้งเองก็รักมันมาก ตั้งแต่วัยเด็กการที่มีอินทรีทองคำเป็นสัตว์เลี้ยงเป็นความฝันของเขา เขาต้องการเก็บนกอินทรีตัวนี้ไว้อย่างแน่นอน และอินทรีทองคำนี้ดีกว่าแมว สุนัขหรือนกแก้วเป็นร้อยเท่า
ความพยายามของเขาสำเร็จได้อย่างง่ายดาย หลังจากกินเนื้อสัตว์วิเศษ แล้วนกแก้ว และอินทรีทองคำนั้นไม่ได้ต้องการที่จะออกไปจากที่นี่ และพวกมันยังผ่อนคลาย แถมยังเฝ้าดูซูจิ้งอีกด้วย พวกมันไม่ได้เป็นศัตรูกับซูจิ้ง นกแก้วยังให้ซูจิ้งจับมันอีกด้วย
“ทำไมความอยากอาหารของฉันถึงเพิ่มขึ้นขนาดนี้ ฉันคิดว่าฉันต้องทำอาหารทานเองสะแล้ว”
ซูจิ้งรู้สึกว่าตั้งแต่เริ่มกินเนื้อสัตว์วิเศษ เขามีพลังมีร่างกายแข็งแรงขึ้นและความอยากอาหารของเขาดูเหมือนจะยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื้อสัตว์ วิเศษขนาดใหญ่แบบนี้มีมากเกินพอสำหรับเขาเมื่อวานนี้ แต่วันนี้ไม่เพียงพอซะแล้ว
เขาไม่ได้ปรุงเนื้อสัตว์วิเศษ ต่อ เขาไม่สามารถกินเนื้อสัตว์วิเศษต่อได้ มันไม่ดีสำหรับเขาที่จะพึ่งพามันมากเกินไป เขาเอาเนื้อสัตว์วิเศษชิ้นเล็ก ๆ มาใส่ในตะกร้าไม้ไผ่ เขามาที่ชายหาดในสวนหลังบ้านยืนบนแนวปะการังและวางตะกร้าไม้ไผ่ลงในทะเล หลังจากเหตุการณ์ปลาทูน่าครั้งสุดท้ายเขาไม่กล้านำเนื้อสัตว์วิเศษลงทะเล แต่มีแนวปะการังมากมายบนชายฝั่งไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับฉลาม วาฬเพชฌฆาตและสัตว์น้ำตัวใหญ่ๆตัวอื่น ๆ
ในระยะเวลาอันสั้นปลาก็เข้ามา หลังจากการทดลองหลายครั้งซูจิงตัดสินใจว่ากลิ่นของสัตว์วิเศษจะดึงดูดสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เขาสูดดมมันใกล้กับจมูกของเขาและรู้สึกว่ากลิ่นของเนื้อชัดเจนกว่าเนื้อหมูธรรมดา แต่มันจะไม่ฉุนจนมากเกินไปสำหรับคน
ซูจิ้งหยิบปลาจวดเหลืองขนาดใหญ่และกุ้งสามตัวเพื่อนำกลับมาบ้าน
จากนั้นเขาก็หั่นและปรุงรสก่อนที่จะนึ่งด้วยฮีทไดอัล เมื่อนึ่งปลาและกุ้งออกมาซูจิ้งก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ในขณะที่กินข้าว ปลานึ่งและกุ้งของเขามีรสชาติดีกว่าของลุงเป็นอย่างมาก
“ฮีทไดอัลนี้น่าทึ่ง!”
ซูจิ้งรู้ตัวเองว่าเขาทำอาหารไม่เก่งทั้งหมดนี้เป็นเพราะฮีทไดอัล
อันที่จริงอาหารเลิศรสมากมายที่ต้มจากธรรมชาติ เครื่องครัวคุณภาพดีๆก็ไม่สามารถเลียนแบบได้ ยกตัวอย่างเช่นเลอมังซึ่งมีกลิ่นหอมของดอกคาร์เนชั่นและข้าว ซึ่งมันไม่สามารถปรุงจากหม้อความดัน
เช่นเดียวกันกับฮีทไดอัลนี้และเอฟเฟกต์การทำงานของมันนั้นมันน่าทึ่งกว่าการปรุงอาหารขึ้นถึงร้อยเท่า
“อาจิ้ง อาจิ้ง” มีการตะโกนอย่างฉับพลันที่ประตู
“อยู่นี่ครับ” ซูจิงออกไปข้างนอกและเห็นพี่สะใภ้ของเขาจ้าวเหมิงเซียงและซูเหลียงอยู่ที่ประตู
“พี่สะใภ้ อาเหลียง มีอะไรกันหรือเปล่า” ซูจิ้งถามแปลก ๆ
“ฮ่าฮ่า อาจิ้ง นายไม่รู้จริงๆอย่างนั้นเหรอ รูปที่นายจับปลาทูน่าได้ที่โพสลงไปในอินเทอร์เน็ต นายกำลังดังเลยนะ ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวมากมายอยู่ที่ชายหาด พวกเขาต้องการที่จะซื้ออาหารทะเลสดๆ แล้วพวกเขายังอยากเห็นนายจับปลาทูน่าด้วยนะ ไปกันลองจับกันอีกรอบ”
“กุ้งมังกรที่นายฝากไว้เมื่อวานนี้ ลุงใช้มันทำอาหารชั้นเลิศและขาย 600 หยวนในสองสามครั้ง ตอนนี้ยังมีคนร้องให้เขาขายในราคา 800 หยวน เพื่อซื้อมัน น่าเสียดายที่เราไม่มีกุ้งมังกรตัวใหญ่ มันยากที่จะมีธุรกิจที่ดีเช่นนี้ นายควรจะจับให้มากกว่านี้นะ” จ้าวเหมิงเซียงพูดและไม่คำนึงถึงคำตอบของซูจิ้ง เธอยัดเงิน 600 หยวนลงในกระเป๋าของซูจิ้ง เมื่อคืนที่ผ่านมาเธอกินกุ้งมังกรเพียงหนึ่งตัวเพื่อทานอาหารค่ำและอีกหนึ่งตัวซูเซิ่นฮงก็นึ่งมันและนำไปขาย มันเป็นเพียงจานเด่นสำหรับเปิดร้านใหม่ แต่เธอไม่ต้องการเอาเงินทั้งหมดไป
“ไปก่อนนะ ผมจะตามไปทีหลัง” หลังจากฟังคำพูดของซูเหลียงและจ้าวเหมิงเซียง ซูจิ้งก็พบกับไอเดียใหม่