บทที่ 224 - ฉันมาหาเธอแล้ว (8) [30-10-2019]
บทที่ 224 - ฉันมาหาเธอแล้ว (8)”
"มิลเร็วมากเลยนะ"
เมื่ออยู่บนหลังของมิลทำให้ยูอิลฮานอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมากับความเร็วของมิล ถึงแม้ว่าความเร็วนี้จะช้ากว่าในตอนที่เขาบินพร้อมใช้การกระโดดไปด้วยเล็กน้อย แต่ว่าความเร็วของมิลที่ใช้พลังลมนั้นทำให้มีเสน่ห์มากยิ่งกส่า
"พ่ออยากจะไปทั่วโลกแบบนี้จังเลยนะ"
[ผมก็รู้สึกว่าผมแกร่งขึ้นตอนอยู่กับพ่อครับ!]
"นั่นก็ไม่ผิดหรอก"
มังกรกับมนุษย์นั้นจะส่งเสริมกันเองจากการที่เขามีคลาสนักขี่มังกร - ในตอนที่เขาสู้ร่วมกับมังกรก็จะเสริมความสามารถขึ้น 10% และจะเพิ่มขึ้นอีก 10% เมื่อเขาอยู่บนหลังของมังกร
แถมยูมิลยังนับเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของยูอิลฮานจากสกิลปกครองอีกด้วย ดังนั้นจึงมีเพิ่มความสามารถขึ้นอีก 10% เพราะแบบนี้แค่ยูอิลฮานอยู่บนหลังยูมิลก็ทำให้ศักยภาพในการต่อสู้ของทั้งสองคนเพิ่มขึ้น 30% แล้ว
[พ่อน่าทึ่งจัง]
"มิลก็น่าทึ่งมากๆเหมือนกันนั่นแหละ นับจากนี้ไปเราจะอยู่ด้วยกันโอเคนะ"
[ครับ!]
ยูอิลฮานได้ลูบไปที่หัวของด้วย รูปลักษณ์ของมิลที่มีเกล็ดปกคลุมไปด้วยสีทองอ่อนแบบนี้มันสวยงามมากๆและทำให้ยูอิลฮานอบอุ่นในใจ เขาคิดว่ามันก็คงจะดีหากว่าพวกเขามีเวลาแบบนี้ไปนานๆ
แต่ปัญหาก็คือในตอนนี้พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปสู่ที่ที่เป็นฐานทัพศัตรูที่มีทหารของกองทัพปีศาจแห่งการทำลายอยู่นี่สิ
[พ่อครับ ผมรู้สึกได้ถึงออร่าที่แข็งแกร่งหลายจุดเลย]
"ถูกแล้วล่ะ"
มานาที่รุนแรงและหยาบกระด้างได้ลอยขึ้นมาในจุดๆหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ และออร่านี้มันเป็นออร่าที่ยูอิลฮานเคยรู้สึกมาก่อนในตอนที่อยู่ในดาเรย์ ยูมิลรู้สึกขลาดกลัวไปในทันทีที่รู้ว่าศัตรูแข็งแกร่งกว่าเขา แต่ยูอิลฮานก็ได้ทำให้ยูมิลใจเย็นลง
"ไม่ต้องห่วงหรอก พ่อแข็งแกร่งกว่าพวกนั้น"
[...]
ยูอิลฮานได้เอาหอกมังกรแปดหางขึ้นมาจับกำชับเอาไว้แน่น ด้วยออฟชั่นจากเกราะร่างมังกรเพลิงที่จะใช้ค่าสเตตัสของพลังป้องกัน 20% ไปเสริมให้กับพลังโจมตีของหอกจึงทำให้แค่เขาเอาหอกออกมาออร่าแรงกดดันจากยูอิลฮานก็ได้เพิ่มขึ้นหลายเท่า แต่ถึงแบบนั้นศัตรูของเขาก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย
ยูอิลฮานก็อยากจะใช้เวลาบินไปกับยูมิลให้มากกว่านี้ แต่น่าเสียดาบที่ฐานทัพของศัตรูไม่ได้อยู่ไกลนัก เนื่องจากว่าพื้นที่ของเอลฟอร์ดส่วนใหญ่ได้ถูกยึดไปหมดแล้วทำให้ทางกองทัพจักรวรรดิได้บุกรุกเข้ามาทำลายเมืองและทำเป็นฐานทัพ
"หาวววว การต่อสู้นี้มันใช้เวลานานจริงๆ"
"นี่น่าจะมีรายงานผลกลับมาแล้วสิ แต่ทำไมถึงไม่มีสัญญาณอะไรเลยล่ะ?"
"พวกนั้นบอกว่าพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นพื้นที่อันตราย นั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้องค์จักรพรรดิไม่ได้ไปที่นั่นเองสินะ?"
"แค่พระองค์มากับเขาทึ่งขนาดนี้ก็น่าแปลกใจมากพอแล้ว เขาต้องการตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์มากขนาดไหนกันเนี้ย?"
"ฉันเคยเห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์จากไกลๆอยู่ครั้งหนึ่งนะ ฉันน่ะล้มลงกับพื้นเพราะขาหมดแรงเลยล่ะ ฉันยังเห็นด้วยเลยว่าทำไมพวกนั้นถึงเชื่อมั่นในตัวเธอเหมือนกับเทพ"
"ให้ตายสิ ถ้าฉันได้นอนกับผู้หญิงแบบนั้นสักคืนนะ..."
การเฝ้าระวังหละหลวมมากๆ เอาเถอะ นี่ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรในเมื่อไม่ได้มีศัตรูอยู่แถวนี้นี่ ด้วยกองทัพสองแสนคนที่ส่งออกไปก็มากพอจะกำราบกองทัพศัตรูได้แล้ว คนพวกนี้ไม่เคยจะจินตนาการแน่นอนว่าจะมีป้อมปราการลอยฟ้ามากำราบกองทัพพวกนั้นทั้งหมดไป
แต่ยังไงก็ตามนี่มันหละหลวมเกินไป
"ขวัญกำลังใจกองทัพ แล้วก็สถานะภาพของกองทัพด้วย... นี่ไม่มีคนแข็งแกร่งในหมู่มนุษย์เลยงั้นหรอ?"
จากที่เขาสัมผัสได้ก็มีมนุษย์ที่มีคลาส 4 อยู่แค่สามคนเท่านั้นเอง นี่มันอ่อนแอมากเกินไปที่จะเรียกว่ากองทัพระดับสูงแล้ว เอาเถอะอย่างน้อยก็ยังมีมอนสเตอร์คลาส 4 อยู่ยี่สิบตัวได้ดังนั้นในด้านพลังการต่อสู้จริงคงจะมากกว่าคลาสที่เห็นนั่นแหละ แต่ไม่ว่ายังไงในท้ายที่สุดมอนสเตอร์พวกนั้นก็เป็นของกองทัพปีศาจแห่งการทำลายไม่ใช่ทางจักรวรรดิกำราบเองแน่
หรือบางทีพวกมนุษย์เก่งๆอาจจะตายไปจากสงครามกับเอลฟอร์ด หรือไม่พวกนั้นก็คิดว่าแค่สามคนก็พอแล้วก็เลยส่งมาแค่นี้ก็ได้หรือไม่ก็กลับไปที่เมืองหลวงเพราะปัญหาบางอย่างก็ได้เช่นกัน
"แต่ถ้าไม่ใช่สามคน..."
ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมาด้วยความคิดที่ว่า 'ถ้าเกิด' ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็จะต้องตัดสินใจคุณค่าของตัวจักรพรรดิแห่งลี คาเทียน่าเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ก็นั่นแหละ พวกกองทัพปีศาจแห่งการทำลายก็ไม่ใช่พวกโง่เช่นกัน...
พอคิดว่าเขาอาจจะพลาดฉากที่น่าสนใจมากๆไปยูอิลฮานก็รู้สึกเสียดายเล็กๆ
ในขณะเดียวกันก็มีพวกคนของกองทัพปีศาจแห่งการทำลายคลาส 5 อยู่สามคนที่อยู่ในฐานทัพของกองทัพจักรวรรดิ แต่ดูเหมือนว่าพวกนี้จะอยู่แยกกันโดยไม่ระวังตัวอะไรกันเลยสักนิด
แต่ถึงยังไงก็คงไม่มีใครที่จะคิดว่าจะมีศัตรูที่พวกนี้ทั้งสามคนไม่อาจจะสู้ได้เว้นแต่จะร่วมมือกันอยู่แน่ เพราะแบบนี้ก็เลยทำให้พวกมันแยกกันอยู่ตัวใครตัวมัน
"หรือบางทีพวกมันก็อาจจะเฝ้าระวังกองทัพจักรวรรดิ..."
[พวกนั้นไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกันหรอครับ?]
"อีกเดี๋ยวก็น่าจะไม่ใช่แล้วล่ะ"
สิ่งที่กองทัพปีศาจแห่งการทำลายก็คือนายูนา และสิ่งที่จักรพรรดิต้องการก็ยังเป็นนายูนาเช่นกัน แถมทั้งสองฝ่ายก็ดูเหมือนจะรู้ในสิ่งที่แต่ล่ะฝ่ายต้องการเป็นอย่างดีด้วย
ในตอนแรกพวกนี้เป็นพันธมิตรกันพร้อมๆกับหลอกลวงกันไปมา แต่พอถึงเวลาที่พวกนี้ได้ตัวนายูนาเรื่องราวก็จะเปลื่่ยนไป ฉากที่น่าสนใจนี้จริงๆแล้วเกิดขึ้นก็เพราะนายูนาเพียงคนเดียวเท่านั้น
แต่เรื่องนั่นมันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อยูอิลฮานไม่อยู่เท่านั้นแหละ
"อย่างแรกเลยก็จัดการกองทัพปีศาจแห่งกรทำลายและค่อยเก็บกวาดที่เหลือแล้วกัน"
[พาอครับ มีเวทย์ป้องกันติดตั้งอยู่เยอะเลยนะครับ ถ้าเราเข้าไปจะไม่ถูกเจอหรอครับ]
ยูอิลฮานได้เป็นกังวลกับเวทย์ป้องกัน จากโครงสร้างและปริมาณกับประสิทธิภาพของมานาที่อยู่ภายในวงเวทย์แล้ว ยูอิลฮานก็รู้ว่าเวทย์ป้องกันนี่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวกับกองทัพปีศาจแห่งการทำลายเลย และในระหว่างพูดแบบนี้เขาก็ลูบหัวยูมิลไปด้วย
"เวทย์พวกนั้นตรวจจับหาเราไม่ได้เจอหรอก"
[จริงหรอครับ?]
"แน่นอนสิ"
หากว่าเป็นยูมิลคนเดียวก็อาจจะถูกเจอ เวทย์ป้องกันนี้ถูกทำขึ้นมาจากหินพลังเวทย์คลาส 4 นับสิบ แน่นอนว่ามันจะต้องทนทานและปล่อยออร่าที่จะไม่ปล่อยให้ใครเข้าไปได้ออกมาแน่ ยังไงก็ตามสำหรับยูอิลฮานที่เชี่ยวชาญแม้กระทั่งสกิลในเวอร์ชั่นที่อัพเกรดแล้วของสกิลซ่อนตัว เวทย์ๆนี่ก็เป็นแค่เรื่องน่าตลกสำหรับเขา
นอกไปจากนี้การซ่อนตัวของเขายังผสานรวมกับการซ่อนตัวของยูมิลทำให้ผลของทั้งสองสกิลได้เพื่อพูนกันและกันจนทำให้การมีอยู่ของทั้งสองคนอยู่ต่ำกว่า 0 ซะอีก หากเป็นคนโดยปกติแล้วไม่มีทางที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้เลย นี่มันจะเกิดขึ้นได้แค่เฉพาะกับมังกรและนักขี่มังกรเท่านั้น!
"คิดเอาไว้ว่าเวทย์ป้องกันนี่ไม่เคยมีอยู่แล้วกันนะ ถ้าเกิดพ่อส่งสัญญาณให้ลูกเมื่อไหร่ ลูกก็แค่พุ่งเข้าไปหาคนทางซ้ายสุดเลยนะ โอเคไหม?"
[ครับ!]
น้ำเสียงของยูมิลไม่ได้มีความกังวลอยู่อีกต่อไปแล้ว ถ้าเขาอยู่คนเดียวเขาก็จะหนีไปในทันที แต่ว่าหากมีพอใจเขาก็จะไม่กลัวอะไรทั้งนั้น! ยิ่งพอได้เห็นเพลิงสีขาวสว่างสดใสที่ลุกอยู่บนปลายหอกของพ่อเขา ความเชื่อมั่นของยูมิลก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
[ใช่แล้ว ถ้ามีพ่ออยู่ด้วยก็ไม่มีปัญหา]
"อย่างนั้นแหละ ดีแล้ว"
ยูอิลฮานได้ตั้งท่าโน้มตัวลงไปด้านหน้าบนหลังของยูมิล
จิตสำนึกของโอโรจิก็ยังได้รวมตัวกันอยู่ที่ปลายหอกมังกรแปดหางและเพลิงนิรันดร์ที่ซึ่งขยับอยู่ที่ปลายหอกก็ได้คมชัดขึ้น
ในตอนนี้เองทั้งสามจิตสำนึกได้รวมเป็นหนึ่งเดียว นี่ก็คือไตรลักษณ์แห่งจิตสำนึงที่จะเกิดได้ก็เพราะยูอิลฮานเป็นยมทูตและผู้ใช้วิญญาณ
คนที่เผชิญหน้ากับเขาจะต้องเจอแรงกดกระแทกทางวิญญาณมากกว่าทางร่างกายซะอีก
"ไปกันเลย"
วินาทีที่ยูอิลฮานพูดคำนี้ออกมา ยูมิลก็ได้เปลื่ยนมานาทั้งหมดให้กลายเป็นสายลมผลักดันร่างกายของเขาพุ่งไปที่พื้น
[ก่อนที่จะปะทะ... ตอนนี้แหละ]
ดวงตายูอิลฮานได้เปิดกว้างขึ้นมาเมื่อทำการคำนวนในระยะทางระหว่างเขาและศัตรู ทะลุผ่านเวทย์ป้องกัน ทะลุผ่านเพดานเต็นท์ และแทงหอกลงไปบนหัวของมอนสเตอร์ขนาดตัว 3 เมตรที่นอนอยู่บนเตียง
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติ...]
[ติด...]
[อั๊ก!?]
หลังจากมันได้ถูกโจมตีมันได้เปิดตาขึ้นมาในทันที แต่ว่าทุกๆอย่างสายไปแล้ว
[แกคือ...]
ตาที่แทบจะเปิดไม่ขึ้นของมันได้มองไปที่ยูอิลฮานกับยูมิลที่ทำลายเต็นท์ลงมาโจมตีมัน ยูอิลฮานได้คิดว่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงน่าทึ่งมากจริงๆเลย ทั้งๆที่เขาได้พัฒนาหอกไร้วิถีมาเป็นแทงออกไปเจ็ดครั้งทั่วร้ายกายของมันรวมทั้งหัวและหัวใจ แถมยังตัดหัว หน้าอก และท้องออกจากกันอีกด้วย
เพราะยูอิลฮานไม่รู้ในจุดอ่อนของมันทำให้เขาได้แต่โจมตีออกไปในทุกๆส่วน! แต่ดูเหมือนว่าด้วยพลังชีวิตของเจ้านี้จะทำให้มันยังคงไม่ตายทั้งๆที่สมองเละ หัวใจระเบิด และกระดูกสันหลังหัก รวมไปทึ่งทั้งร่างถูกหั่นออกเป็นสามส่วนก็ตาม
[เป็นคนที่แข็งแกร่งจนน่าทึ่งทีเดียว แต่ว่า...]
แม้ว่าส่วนต่างๆจะถูกตัดออกไปแล้วมันก็ยังพูดขึ้นมาอย่างน่ากลัวและในเวลาเดียวกันส่วนที่ถูกตัดออกไปก็ได้มาต่อกันใหม่ แต่ยูอิลฮานก็ไม่ได้โง่
"แต่อะไรหรอ?"
[อ๊ากก? อั๊ก?]
ทุกหอกที่แทงออกไปต่างก็ปกคลุมไปด้วยเพลิงสีขาว และเพลิงนี้ก็มีพลังมหาศาลมาก คุณสมบัติของเพลิงไม่ได้มีแค่การเสริมพลังของยูอิลฮานเท่านั้น แต่เพลิงสีขาวก็ยังขัดขวางการฟื้นฟูร่างกายของมันและเผาไหม้ตัวมันสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นอีก
"แข็งแกร่งแต่อะไรห๊ะ? 'แต่ก็ยังเอาชนะข้าไม่ได้งั้นสิ?' หรือว่าแบบ 'อีกเดี๋ยวพวกของข้าก็มาถึงแล้วงั้นเหรอ?' พูดอะไรหน่อยสิ้ อะไรแบบเหมือนกับว่ามีไพ่ตายซ่อนไว้ในก้นของแก หรือไม่ก็มีตัวประกันอย่างตุ๊กตาเลอะน้ำมูกของฉันน่ะ"
[กรอดดด...!]
บางทีตอนนี้มันอาจจะอยากฉีกยูอิลฮานทิ้งเป็นชิ้นๆแล้วก็ได้ แต่ว่าเพลิงสีขาวไม่เพียงแต่จะเผาอยู่จุดเดิมเท่านั้น เพลิงนี้ของเขายังกระจายออกไปเรื่อยๆ แต่แน่นอนว่ากำลังเสริมของฝั่งพวกนี้จะต้องมาแน่นอนเพราะการซ่อนตัวของยูอิลฮานกับยูมิลหายไปแล้ว...
"รีบจัดการมันก่อนที่จะน่ารำคาญกว่านี้ดีกว่า"
ยูอิลฮานได้เลียเลือดสีเขียวที่ปลายหอกของเขา หลังจากเห็นแบบนี้มอนสเตอร์ที่ถูกตัดออกเป็นสามส่วนได้คิดว่ายูอิลฮานโง่มากๆและหัวเราะออกมา
[แก นั่นมัน! คุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้าโง่ เป็นสิ่งมีชีวิตที่หยิ่งยโสจริงๆ]
"หืมมมมมมมมมมม"
ยูอิลฮานไม่ได้สนใจเรื่องไร้สาระของมันและพยายามที่จะลิ้มรสเลือดของมันเพื่อที่จะวิเคราะห์และเพิ่มมันลงไปในบันทึกของเขา
[สกิลบันทึกได้กลายเป็นเลเวล 3]
พิษนี่จะไปมีผลกับผู้ที่ฝึกต้านทานพิษระดับสูงจนเชี่ยวชาญได้ยังไงกัน แต่ไม่ว่ายังไงเลือดนี้นอกจากพิษแล้วก็ยังมีพลังที่จะมอบพลังในการฟื้นฟูที่ไม่สิ้นสุดให้กับเจ้าของเลือด พร้อมทั้งฟื้นฟูมานาด้วยตัวเลือดเองอีกด้วย
เอาล่ะ มีอะไรอีกไหมนะ
[แก ทำไมแกถึงไม่เป็นอะไรเลย...?]
"อ่อ"
ยูอิลฮานได้มองไปที่หางที่ติดเกราะะของมันที่กำลังสะบัดไปมาพร้อมทั้งหยิบหอกขึ้น
"หางนั่นเป็นจุดอ่อนสินะ?"
[!?]
ในตอนที่ยูอิลฮานได้พูดแบบนี้ ส่วนหัวและร่างกายท่อนบนที่ถูกตัดก็พุ่งเข้าใส่เขาในทันที ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้เตะยูมิลหลบและขว้างหอกมังกรแปดหางออกไป
ขณะที่ยูมิลได้ใช้ลมมาตั้งหลักกลับมา หอกมังกรแปดหางที่ยูมิลขว้างออกไปก็ได้พุ่งเป็นเส้นโค้งไปพร้อมกับเพลิงสีขาวตัดหางของมันออกมาแล้ว
[อ๊ากกกกกกกกกกก!]
ในวินาทีที่หางถูกตัดได้มีเลือดจำนวนมหาศาลพุ่งลอยออกมา แต่ด้วยเพลิงสีขาวที่กระจายอยู่บนท้องฟ้าก็ได้ทำให้เลือดพวกนั้นระเหยไปในทันที
และก็เท่านี้แหละ มันได้ล้มลงไปโดยที่ไม่ได้มีเสียงร้องออกมาอีก ภาพที่ส่วนร่างกายที่ขาดทั้งสามส่วนล่วงลงไปพร้อมๆกันดูน่าตลกมาทีเดียว
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้เพิ่มเลเวลเป็น 272 พละกำลังเพิ่มขึ้น 3 ความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 2 พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 2 พลังเวทย์เพิ่มขึ้น 3]
[คุณได้รับบันทึกบาเทล เลเวล 317]
เพิ่มขึ้นสองเลเวลในครั้งเดียว และนี่ก็เป็นค่าประสบการณ์หลังจากที่เขาต้องแบ่งค่าประสบการณ์จากยูมิลอีกด้วย เอาเถอะจริงๆแล้วพวกสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็ให้ค่าประสบการณ์มากเป็นส่วนหนึ่งอยู่แล้ว นอกจากนี้ค่าประสบการณ์ก่อนหน้านี้ของยูอิลฮานก็เกือบจะใกล้ไปถึงเลเวล 271 อยู่แล้วด้วย
[พ่อครับ ผมเลเวลเพิ่มขึ้นตั้งสองเลเวลแน่ะ!]
"นับจากนี้ลูกจะเพิ่มเลเวลได้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีกนะ"
ยูอิลฮานได้เก็บส่วนทั้งสามส่วนมา ไม่สิ สี่ส่วนเมื่อรวมหางไปด้วย และจากนั้นเขาก็เก็บเลือดที่กระจายอยู่บนพื้น นับตั้งแต่ที่ยูอิลฮานและยูมิลทำลายเต็นท์เวลาเพิ่งจะผ่านไปเพียง 27 วินาทีเท่านั้นเอง
[พวกเขาน่าจะรู้ตัวแล้วใช่ไหมครับ?]
"พวกมันน่าจะรู้ตัวแล้วว่าพรรคพวกตายไป นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกมันหนีไปแบบนี้ไงล่ะ?"
[พวกเขากำลังหนีงั้นหรอครับ!?]
"ใช่แล้วล่ะ"
พวกนั้นมันน่าเศร้าอะไรแบบนี้ สิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งสองคนกำลังหลบไปในทันทีที่พบว่าพรรคพวกตายไปแล้ว! และการหนีไปนี่ก็เกิดขึ้นมาทั้งๆที่พวกเขารู้ว่าศัตรูของพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอีกด้วย!
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันอยู่นอกเหนือจากการคาดเดาของยูอิลฮานไปแล้ว เขาได้แต่ต้องถอนหายใจออกมา
"มิลเร็วเข้าเถอะ"
[ครับ!]
ยูอิลฮานได้พุ่งตัวไปยืนบนหลังยูมิลอีกครั้งหนึ่ง ในเวลานี้กองทัพจักรวรรดิก็ยังรู้ตัวถึงผู้บุกรุกและเกิดความวุ่นวายขึ้นมาแล้ว แต่ยูอิลฮานก็ไม่สนสักนิดว่าพวกจักรวรรดิจะตอบสนองยังไง
[ฮ่าาาาาาาาาห์!]
ยูมิลได้รวมลมเข้ามาและระเบิดออกด้านหลังเพื่อเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อพวกยูอิลฮานได้พุ่งขึ้นออกจากเต็นท์มา ทั้งกองทหารจักรวรรดิต่างก็เริ่มหวาดกลัว
"มะ มังกร"
"พระเจ้า มังกรมีอยู่จริง...!"
"เดี๋ยวนะดูข้างบนหลังมังกรนั่นสิ... ให้ตายสิ มันไม่ชัดเลย ฉันมองไม่เห็นเขา!"
"เร็วมาก...! พวกนั้นหนีไปจากที่นี่แล้ว! แล้วเจ้าพวกนั้นมาทำอะไรที่นี่กันล่ะ!?"
ยูอิลฮานได้เงยหน้าขึ้นมามองมุมขอบฟ้า สิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งสองคนได้หนีออกไปไกลแล้ว แต่ว่าในตอนนี้ก็ยังพอจะพอเห็นรูปร่างของพวกนั้นอยู่
"มิล ตามทันไหม?"
[ทันครับ]
ยูมิลได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ จริงๆแล้วยูมิลยังได้ใช้มานาทั้งหมดเปลื่ยนมาเป็นสายลมผลักดันเขาไปข้างหน้าอีกด้วย
[ผมยังเร็วได้อีก!]
ในตอนนี้เองลมหายใจแห่งทองที่ปกคลุมร่างมิลอยู่ดูเหมือนจะสร้างปีอีกครู่หนึ่งขึ้นมาก่อนที่จะทำให้ความเร็วของมิลเพิ่มขึ้นไปสองเท่า ยูมิลกำลังรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเป็นจ้าวแห่งสายลมไปแล้ว!
ยูอิลฮานที่รู้สึกได้ถึงความเร็วใหม่นี้ก็รู้สึกดีและยิ้มออกมา
"เยี่ยม การซ่อนตัวกลับมาอีกรอบแล้ว..."
เสียงลมที่ตีมานั้นดังมากๆ แต่ถึงแบบนั้นตัวตนของทั้งสองคนก็ได้หายไปแล้ว สิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งสองคนได้ลดความเร็วลงเพราะคิดว่ายูอิลฮานเลิกไล่ตามมาแล้ว
ไม่นานนักระยะห่างระหว่างทั้งสองกลุ่มก็ได้หดสั้นลงอย่างต่อเนื่อง และในตอนนี้ก็มาถึงในจุดที่ยูอิลฮานสามารถจะขว้างหอกเข้าใส่หนึ่งในนั้นได้แล้ว แม้ว่าการต่อสู้ระยะประชิดจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าก็ตาม แต่ในจุดนี้พวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะลองใช้การโจมตีระะยะไกลดู
ยังไงก็ตามเพราะการสนทนาระหว่างสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งสองคนได้ทำให้ยูอิลฮานก็ต้องหยุดการปาหอกเอาไว้
[สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำจะฆ่าบาเทลได้ยังไงกัน...]
[ฉันก็ไม่รู้ ฉันคิดว่าคงมีแต่ยูอิลฮานจากโลกเท่านั้นที่ทำแบบนี้ได้ซะอีก...]
[นายคิดว่าเป็นเขางั้นหรอ?]
[ไม่มีทางน่า เขาหนีออกมาจากโลกไม่ได้ ถึงแม้ว่ากองทัพสวรรค์มันจะเป็นพวกสารเลว แต่อย่างน้อยพวกมันก็ไม่โกหกในการเจรจาต่อรองแน่นอน]
"..."
[พ่อ?]
พอยูอิลฮานไม่ได้พูดอะไรออกมาก็ทำให้ยูมิลเป็นกังวลจนต้องเรียกเขาขึ้น ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้หยักหน้าตอบกลับไปอย่างใจเย็น
"เอาไว้ค่อยคิดหลังจากจัดการพวกมันแล้วกัน"
ตามปกติแล้วในนิยายตัวเอกก็จะต้องตื่นตกใจจากการที่ได้รู้ว่าถูกพันธมิตรทรยศแน่ และจบลงด้วยการเหยียบกิ่งไม้หรือไม่ก็ทำของตกจนศัตรูรู้ตัว แต่ว่ายูอิลฮานไม่ได้ทำแบบนั้นเลย เขาก็แค่อัดมานาลงไปในหอกและขว้างมันเข้าใส่ศัตรู
[ติดคริติคอล!]
[อ๊ากกกกกกกกก!]
"ฟู่ แกกล้ามาทำให้ฉันไปกลายเป็นพวกตัวเอกถูกหักหลังได้ยังไงกัน"
[พ่อเท่จัง!]
ด้วยชีวิตที่โดดเดี่ยวมาแต่เด็กทำให้เขามักถูกตบหลบแล้วลูบหลัง มองข้ามไม่สนใจเสมอ แค่การทรยศแบบนี้มันไม่นับเป็นอะไรเลย ยูอิลฮานจะต่อสู้กับเงามืดนั่นและจะเอาชัยชนะมาอีกครั้งหนึ่ง!