บทที่ 222 - ฉันมาหาเธอแล้ว (6) [26-10-2019]
บทที่ 222 - ฉันมาหาเธอแล้ว (6)”
[นั่นไงสตรีศักดิ์สิทธิ์! สตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่นั่น!]
"บุกเข้าไป! ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า!"
เสียงตะโกนได้ดังขึ้นไปทั่วพื้นที่แห่งนี้ในทันที พาลาดินต่างก็ได้ใช้โล่และหอกของพวกเขาต้านทานเอาไว้ แต่ว่าต่อให้พวกเขาจะได้รับพรจากพลังศักดิ์สิทธิ์แต่ก็ไม่อาจจะต้านทานกับกองกำลังที่มากกว่าได้นานนัก
นายูนาได้มองไปที่ผู้บุกรุกที่ในตอนนี้เหล่าพาลาดิน สตรีศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงพระสัตปาปากำลังพยายามอย่างสุดตัวเพื่อที่จะป้องกันพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์นี้อาไว้ นายูนาเธอไม่อาจจะยกเท้าของเธอขึ้นจากพื้นได้เลย
"...ฉันไปไม่ได้"
"เธอจะเอาศัพยภาพที่ไม่สิ้นสุดของเธอมาทิ้งที่นี้ไม่ได้ หนีไปกับฮาจินซะ เขาจะปกป้องเธอได้"
"ฉันทำไม่ได้ ฉันเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ ดราบเท่าที่ผู้คนยังปกป้องฉันอยู่ ฉันก็จะไม่มีวันเป็นคนที่ทิ้งคนเหล่านั้นไปก่อน"
"ไม่"
บางทีอาจจะเพราะพระสันตปาปาได้ส่งสัญญาณออกไปทำให้คังฮาจินได้ถอยมาจากตำแหน่งคุ้มกันและเข้ามาหาตัวเธอ
"ตราบเท่าที่เธอมีชีวิตอยู่ศาสนจักรก็จะไม่หายไป พระสันตปาปาได้บอกออกมาแบบนี้ และพวกเราทุกคนก็ต้องการแบบนั้น"
"พี่...!"
น้ำเสียงนายูนาได้สั่นไหว ยังไงก็ตามเธอก็พูดต่อไปได้ไม่จบ มอนสเตอร์ยักษ์ได้บินมาจากไกลๆเข้าปะทะกับตำแหน่งที่พาลาดินอยู่แล้ว
[ก๊าซซซซซซซซ!]
[เลือด! ฮ่าห์ เลือดที่ทรงพลัง!]
"ฆ่า ทำลายให้หมด! ทำลายสัญลักษณ์แห่งเทพธิดาออกไปให้หมด!"
"สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่งดงามอยู่ต่อหนาเราแล้ว! บางทีหากใครทำผลงานได้ดีข้าจะให้ได้ใช้เวลากับสตรีศักดิ์สิทธิ์สักหนึ่งคืนก็ได้นะ!"
"โอ้ววววว!"
กองทัพนี้ได้แข็งแกร่งขึ้นทันทีเมื่อการต่อสู้ได้รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ มีพวกในกองทัพนั้นอยู่กว่า 3 คนที่มีเลเวลเหนือกว่า 250 ไปแล้ว!
พาลาดินได้พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะโต้กลับ แต่ว่านี่เป็นไปไม่ได้เลย ต่อให้จะมีพรจากนายูนาช่องว่างของระหว่างทั้งสองฝั่งก็ยังห่างกันเกินไปอยู่ดี
"ยูนา ไปซะก่อนที่จะสายไป!"
พระสันตปาปาได้ตะโกนออกมาระหว่างที่ร่ายเวทย์ออกมาอย่างบ้าคลั่ง นอกไปจากนี้คังฮาจินก็ยังวิ่งเข้ามาหาเธอราวกับว่าหากเธอไม่ยอมไปเขาก็จะใช้กำลังกับเธอแล้ว
ยังไงก็ตามหากเธอไปจากที่นี่ทัพของพาลาดินได้พังลงในทันทีแน่นอน เธอไม่อาจจะหนีไปได้ทั้งๆที่รู้ถึงเรื่องนั้น
"ไม่ ฉันไม่อยากจะทำแบบนั้น...! ชีวิตนี้มันเป็นของฉันนะ!"
"แล้วเธอไม่อยากจะเจอยูอิลฮานแล้วงั้นหรอ? เธอจะต้องรอดไปเจอเขานะ!"
ในที่สุดแล้วเสียงนี้ของคังฮาจินก็ได้ทำให้นายูนาได้ร้องไห้ออกมา
"ฉันอยาก ฉันอยากจะเจอเขา... ! มันก็ชัดเจนอยู่แล้วนี่!"
เธอได้ถืออุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาในระหว่างพูดแบบนี้ ต่อให้เธอจะรู้ว่าไม่มีอะไรจะแก้ปัญหาได้แต่เธอก็ยังกดปุ่มลงไปอยู่ดี
[กรรรรรรรรรร!]
"ทำลายให้หมด! นี่แหละคือความจริงของโลกใบนี้! ศาสนาของพวกแกมันช่างอ่อนแอและขี้ขลาด! พวกแกน่ะมันไม่ต่างอะไรไปจากหุ่นไล่กาหรอกนะ!"
"อ๊ากกก ปกป้องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไว้! กำจัดสิ่งชั่วร้ายพวกกนั้นออกไป!"
"ยูนา!"
"เร็วเข้า เราไม่มีเวลามาเสียเปล่าแล้วนะ"
"แต่ว่า...!"
นับตั้งแต่แยกกับเขามาตลอดสามปีเธออยากจะเจอเขามาก แต่ยังไงก็ตามถึงจะมีเครื่องมือสื่อสารอยู่กับตัว แต่เธอก็ไม่ได้เห็นทั้งหน้าหรือเสียงของเขาเลย
ถ้าในสถานการณ์แบบนี้มีเขาอยู่จะดีกว่านี้ไหมนะ? เป็นโลกใบนั้นที่ทำให้ยูอิลฮานแข็งแกร่งอย่างที่เป็น เขาก็คงจะยากลำบากมากกว่าเธอแน่นอน! นายูนาไม่อยากจะรบกวนเขาดังนั้นเธอก็เลยไม่เคยได้เปิดใช้เครื่องสื่อสารเลยนับตั้งแต่ตอนนั้น
"ฉันอยากจะเจอเขามากๆ แต่ว่านะ!"
การเรียกเขาในครั้งนี้จะไม่เป็นไรใช่ไหมนะ?
มันคงจะไม่ดีสินะถ้าไปบอกเขาถึงเรื่องที่ว่าผู้หญิงที่ชื่อนายูนาคิดถึงเขามากจนกระทั่งในเวลาสุดท้ายของเธอ แต่ว่านะเขาจะรู้เรื่องนี้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย
"แต่ถึงแบบนั้นฉันก็!"
"นายูนา"
ยูอิลฮานจะต้องรู้อยู่แล้วสิ ถึงแม้ว่าเขาจะชอบทำเหมือนกับรำคาญเธอ แต่เขาก็มักจะเก็บความทรงจำเกี่ยวกับเธอไว้ในมุมหนึ่งในใจเขาเสมอ
นายูนาได้ตัดสินใจที่จะเชื่อแบบนั้น หากไม่เช่นนั้นแล้วเธอก็คงจะตายตาไม่หลับแน่
เมื่อเชื่อแบบนี้ได้แล้วนายูนาได้ก้าวเท้าออกไปด้านหน้าและตะโกนออกมาราวกับจะสลัดความลังเลทั้งหมดออกไป
"ฉันคือสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสนจักรเรย์น่า~"
ทันทีที่เสียงนี้ดังก้องออกไป มงกุฏพระสันตปาปาก็ได้เรืองแสงออกมาราวกับได้พบเจอกับเจ้าของที่รอคอยมานานแล้ว
ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ได้เริ่มสั่นไหวออกไปโดยที่เริ่มจากวิหารเป็นศูนย์กลาง
[กรรร?]
[ต้านทาน พลังที่น่าอึดอัดนี่...!]
พลังศักดิ์สิทธิ์ของนายูนาที่มหาศาลที่เสริมพลังคนอื่นๆอยู่ได้รวมเข้าด้วยกันและปกคลุมเต็มพื้นที่แห่งนี้ ในที่สุดแล้วทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ถูกปกคลุมไปด้วยออร่าสีชมพู
"ได้ยังไงกัน นี่เธอยังอยู่คลาส 3 อยู่เลยนะ"
"ท่านหญิงเรย์น่า...?"
คังฮาจินและพระสันตปาปาที่เห็นภาพนี้ต่างก็พูดไม่ออก รวมไปถึงทั้งกองทัพที่อยู่ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ให้ข้อยกเว้น
"ท่านหญิงเรย์น่ามี..."
"อ่า ฉันมัวแต่ทำอะไรอยู่จนมาถึงตอนนี้?"
ต่อหน้าพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มหาศาลที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะถูกปล่อยออกมาจากคนเพียงคนเดียวได้ทำให้ทุกๆคนหมดกะจิตกะใจในการต่อสู้ไป
แม้แต่มอนสเตอร์็ยังถอยทัพออกไปแล้วยังจะมีอะไรต้องพูดอีก? ตัวนายูนาในปัจจุบันได้ปล่อยออร่าที่สอดประสานเข้ากับวิหารที่อยู่ศูนย์กลางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ออกมาซึ่งนี่ดูไม่ต่างไปจากเทพเลย
[คุณได้เชี่ยวชาญสกิลควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง คุณสามารถจะวิวัฒนาการสกิลนี้ได้หากคุณทำตามเงื่อนไขวิวัฒนาการครบถ้วน]
[คุณได้เชี่ยวชาญสกิลพรขั้นสูง คุณสามารถจะวิวัฒนาการสกิลนี้ได้หากคุณทำตามเงื่อนไขวิวัฒนาการครบถ้วน]
[คุณได้รับฉายา 'สตรีแห่งปาฏิหาริย์' สกิลที่เกี่ยวข้องกับพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดจะถูกเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 30%]
หากเธอมีเลเวลมากพอเธอก็ยังสามารถจะกลายไปเป็นคลาส 4 แล้ว เธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่กลายเป็นความหวังของโลกได้เลยหากเว้นยูอิลฮานเอาไว้ พรสวรรค์ของได้ในตอนนี้ได้เบ่งบานขึ้นมา
"มีคนตั้งมากมายที่ยังเชื่อมั่นในตัวฉัน จะให้ฉันหนีไปมันเป็นไปไม่ได้!"
น้ำเสียงของนายูนาที่เต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ดังก้องไปทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทำให้พรรคพวกของเธอฟื้นตัวในขณะเดียวกันศัตรูของเธอก็ยังอ่อนแอลง
"ชีวิตของฉัน ฉันจะตัดสินใจเอง! ฉันจะไม่ถอย ฉันจะไม่หนี!"
แสงยิ่งทวีความเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น เหล่าพาลาดินรู้สึกได้เลยว่าร่างกายของพวกเขาได้พัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง และในอีกด้านหนึ่งศัตรูก็ได้อ่อนแอลงไป เหล่าพาลาดินไม่ยอมพลาดโอกาสในการแก้แค้นเหล่าคนที่พยายามจะแย่งชิงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปอย่างแน่นอน
"ท่านหญิงเรย์น่ากำลังเฝ้ามองเราอยู่!"
"น้ำเสียงของสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้มอบความอบอุ่นให้กับเราแล้ว แล้วเราจะกลัวอะไรอีกเล่า!? เราจะต้องปกป้องความงามที่แท้จริงเอาไว้!"
แต่ว่าแสงนี้ก็ไม่ได้คงอยู่ไปตลอดแน่ แต่ถึงเหล่าพาลาดินจะรู้แบบนี้พวกเราก็ได้ยกระดับขวัญกำลังใจและเข้าไปต่อสู้กับศัตรูแล้ว ในตอนนี้ทุกๆคนได้ส่องประกายเจิดจ้าออกมา ประกายแสงที่เจิดจ้านี้จะส่องสว่างตลอดไปจนกระทั่งวาระสุดท้ายของพวกเขา
"ย๊ากกกก"
"นายูนา เธอมันโง่..."
ใช่สิ จะมีใครไปหยุดความดื้นรั้นของเธอได้ล่ะ? พวกเขาก็น่าจะรู้ตัวตั้งแต่แรกแล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้
คังฮาจินได้หันไปมองรอบๆด้วยรอยยิ้มแห้งๆ เธอก็เป็นแบบนี้เสมอ เป็นเจ้าหญิงที่เอาแต่ใจตัวเอง เป็นเด็กดื้อที่ดื้อจนกระทั่งวาระสุดท้ายเลยจริงๆ
นี่ก็เป็นเหตุผลที่คังฮาจินชอบเธอมาก พูดจริงๆแล้วเขาก็เกือบจะตกหลุมรักเธอไปหลายต่อหลายครั้้งแล้ว
"ยูอิลฮาน นายกำลังทำอะไรอยู่กันนะ?"
ถ้านายปล่อยให้ผู้หญิงแบบนี้ต้องตายไปนายจะต้องเสียใจแน่
ในระหว่างมองไปรอบๆคังฮาจินได้พึมพัมออกมาเบาๆด้วยเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน จากนั้นเขาก็ได้เรียกพระสัตปาปาที่ที่กำลังร้องออกมาระหว่างที่มองดูนายูนาที่กำลังประสานเข้ากับดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลังจากที่ได้มงกุฏพระสันตปาปา
"พระสันตปาปา"
"... อืม ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วเราก็ไม่มีทางเลือกอีก พวกเราคงจะต้องทิ้งศาสนจักรไปพร้อมกันกับความตายของเรา"
"ฉันขอโทษนะที่สตรีศักดิ์สิทธิ์คนนี้ดื้อรั้นแบบนี้""ไม่หรอก นั่นเป็นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันชอบเธอเหมือนกัน ฮุฮุ ใช่แล้ว พวกเรายังต้องทำอะไรที่ยอดเยี่ยมทิ้งไว้เป็นครั้งสุดท้ายด้วยสินะ!"
เมื่อพระสันตปาปาได้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับคทาของเธอ คังฮาจินก็ยังยกดาบโล่ของเขาขึ้นเพื่อคุ้มกันนายูนา
เขาจะไม่มีวันปล่อยให้นายูนาได้ตายก่อนเขาแน่ แม้ว่าปกติแล้วเขาจะเป็นคนไม่อะไรกับคนอื่นเสมอ แต่อย่างน้อยก่อนตายเขาก็อยากจะโชว์ด้านเท่ๆออกมาบ้างแล้ว!
[โอ้วว พวกนี้อ่อนแอจังเลยอะ!]
ยังไงก็ตามดูเหมือนโชคชะตาจะไม่ได้เข้าข้างเขาเลยสักนิด
[ฉันรู้สึกไม่ดีเลยแหะที่เอากระจกออกมา... แต่ในเมื่อเรียกออกมาแล้ว... ก็ไปเลยล่ะกันนายท่าน ฉันเลือกนาย!]
"เธอจัดการเองสิ เธอนี่คือจริงๆหรอที่จะให้ฉันเอาหอกไปไล่ฟาดพวกมอนสเตอร์อ่อนแอพวกนี้น่ะ?"
"โอ้ อิลฮานที่หยิงผยองก็เท่เหมือนกันนี่!"
ท่ามกลางดินแดนสีชมพูอยู่ๆก็ได้มีปราสาทยักษ์ปรากฏขึ้นมา
ปราสาทยักษ์นี้ได้ทำให้เกิดเงามืดขนาดใหญ่ขึ้นบนพื้น มันใหญ่มากพอที่จะดึงความสนใจจากทุกๆคนไปได้เลย และเมื่อเป็นแบบนี้ก็ได้มีบางอย่างโผล่ออกมา
[ชิ แม้กระทั่งระหว่างฉันเก็บกวาดพวกลูกกระจ๊อกก็ยังจะพลอดรักกันอีกนะ...!]
"กระจกนั่นมันอะไร...? แต่ทำไมถึงมีกระจกอยู่บนฟ้าล่ะ?"
ทหารจักรวรรดิที่มีสายตาดีที่สุดได้รู้ว่านั่นมันคือกระจกขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่รู้เลยว่ากระจกนั่นมันทำอะไรได้
พวกเขาไม่รู้เลยจนกระทั่งได้มีส่วนหนึ่งของกองทัพได้ถูกกวาดออกไปด้วยพลังงานที่มีความเข้มข้นสูงที่ยิงลงมาจากกระจก
"...นั่นมันอะไรกัน?"
"เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น?"
นี่เป็นฉากที่ไม่น่าเชื่อมากเลยจนทำให้ทุกๆคนกว่าจะประมวลผลได้ก็ช้าอย่างมาก กระจก? ยิงลำแสง? แล้วก็คนนับร้อยระเหยหายไปในอากาศ? ต่อให้เป็นจอมเวทย์คลาส 4 ก็ยังทำแบบนี้ไม่ได้เลยนะนั่น!
[ฮะ ฮ่าห์]
ยังไงก็ตามเมื่อไหร่ที่พวกเขาได้ยินเสียงขี้เล่นของหญิงสาวดังออกมา กระจกก็จะเปลื่ยนทิศทางยิงลำแสงออกไป
ลำแสงนี้ได้จัดการลบล้างออกไปเฉพาะผู้คนจากกองทัพจักรวรรดิเท่านั้น! นับตั้งแต่กระจกมาถึงกองทัพจักรวรรดิได้สูญเสียคนไปนับหมื่นแล้ว
"ปะ เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?"
"ถอยทัพ! ประกาศถอยทัพ!"
[กรรรรรรรร!]
ทั่วทั้งสนามรบได้ตกลงไปสู่ความวุ่นวายในทันที กองทัพจักรวรรดิทั้งหมดต่างก็แตกกระจายอออกไปราวกับว่าพลังอำนาจกดข่มที่เขาเคยมีมาก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อนเลย พวกจักรวรรดิทำได้แต่วิ่งหนีไปพร้อมๆกับมีความคิดเดียวอยู่นั่นก็คือหลบไปจากกระจกพวกนั้น
[ถึงฉันเป็นต่างโลก ฉันก็ยังยอดเยี่ยมอย่างเคย]
ยังไงก็ตามนี่ก็ยังไม่จบลง มิสทิคจะเก็บกระจกกลับมาก็ต่อเมื่อเห็นว่าการสังหารหมู่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
"อ๊ากกก!"
"อ๊ากกกก!"
เครื่องเล่นและเครื่องมือต่างๆที่ถูกติดตั้งอยู่ภายในป้อมปราการดูเหมือนจะแยกส่วนออกจากกันมาเป็นขนาดที่เหมาะสมก่อนที่จะใช้ส่วนมีคมพุ่งลงไปด้านล่าง แม้ว่าของพวกนี้จะดูเหมือนตกมาจากท้องฟ้าทั่วทุกพื้นที่ แต่ว่าแต่ละอันต่างก็เล็งเป้าเข้าไปที่ทหารของจักรวรรดิเท่านั้น นี่ก็คือระบบปฏิบัติการเล็งเป้าขนาดใหม่ที่ยูอิลฮานได้ทำเอาไว้
"นะ นี่มัน..."
"ดูเหมือนจะมีแค่กองทัพจักรวรรดิที่ถูกโจมตี หรือนี่คือพรจากท่านหญิงเรย์น่า...!?"
"ท่านหญิงเรย์น่ากำลังคุ้มครองเราอยู่!"
กองทัพเอลฟอร์ดที่ตอนแรกตื่นตระหนกเมื่อเห็นป้อมปราการได้ตั้งสติมากลับมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าป้อมปราการลอยฟ้ามุ่งเป้าไปที่กองทัพจักรวรรดิเท่านั้น นอกไปจากนี้ก็ยังมีพลังศักดิ์สิทธิ์ของนายูนาอยู่อีกด้วย! ต่อให้มีคนบอกว่าท่านหญิงเรย์น่าจำแลงลงมาเป็นปราสาทพวกเขาก็พร้อมจะเชื่อเลย!
"นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน!"
"ถอยทัพก่อน! พวกเราต้องถอยไปรายงานท่านจักรพรรดิก่อน!"
"ไม่ ถ้างั้นผลงานของฉันก็จะ... อ๊า พวกเราจะต้องจัดกาจมปราสาทนั่นลงมาก่อน!"
"มอนสเตอร์! มันถึงตาพวกแกเคลื่อนไหวแล้ว!"
สถานการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นมานี้ได้ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นภายในกองทัพเช่นกัน บางคนในกองทัพก็บอกว่าจะต้องรักษากองทัพไว้ก่อน บางคนก็ถูกเรื่องผลงานบังตา และบางคนก็คิดที่จะใช้มอนสเตอร์ที่ได้รับมาจากกองทัพปีศาจแห่งการทำลาย! แต่แม้ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกันนี้ จำนวนของกองทัพจักรวรรดิก็กำลังลดลงด้วยความเร็วที่น่าหวาดหวั่น
[กรรรรรรรร!]
[อย่ามาขวางพระอาทิตย์ อย่ามาขวางทางเรา!]
[พลังงาน ข้ารู้สึกได้ถึงพลังงานที่น่าดึงดูดจากปราสาทนั่น!]
มอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่า 250 ทั้งหมดได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว แค่การมีอยู่ของพวกมันก็ทำให้กองทัพเอลฟอร์ดต้องสั่นคลอนแล้ว! เหล่าพาลาดินที่ถูกพลังศักดิ์สิทธิ์เสริมพลังอยู่ได้พยายามกัดฟันขวางพวกมอนสเตอร์พวกนี้อาไว้ แต่ว่าไม่แม้แต่จะสนใจเหล่าพาลาดินพวกนี้เลยสักนิด
[หลบไป... หลบไปให้พ้นจากสายตาข้า!]
[ก๊าซซซซซซซซซซ!]
มอนสเตอร์ได้กระโดดลอยสูงขึ้นมา ตอนนี้ป้อมปราการลอยฟ้าไม่ได้อยู่สูงแล้ว
เคยมีคำกล่าวไว้ว่าพวกโง่เขลามักกล้าหาญ - ในวินาทีนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมอนสเตอร์พวกนี้ก็คงจะคิดว่าพวกมันสามารถจะทำให้ป้อมปราการลอยฟ้าล่วงลงมาด้วยพลังของมันเองได้
[ติดคริติคอล]
ยังไงก็ตามในวินาทีต่อมาร่างกายของมันก็ได้ระเบิดอกเป็นชิ้นๆโดยไร้ซึ่งสัญญาณใดๆ ตัวของพวกมันได้ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง
"โอ้ นี่มันง่ายไปแล้วนะ"
"ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกนะ แต่การที่นายเหวี่ยงค้อนนั่นเหมือนค้อนของเล็กมันไม่เล็กน้อยแล้วนะ"
ในจุดที่มอนสเตอร์ได้ระเบิดตายไปมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ นายูนาที่มองดูป้อมปราการลอยฟ้านับตั้งแต่ที่มันปรากฏออกมาก็ได้เห็นรูปร่างของเขาในทันที
ชายคนนั้นสูง มีปีกโลหะอยู่บนหลังของเขาและเขายังถือค้อนขนาดยักษ์ด้วยมือ ค้อนนี้ที่ต่อให้ชายที่แข็งแกร่งนับพันก็ยังยกไม่ไหวเลย บนปลายค้อนมีเพลิงสีขาวลุกไหม้อยู่ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขานี่แหละที่เป็นคนฆ่ามอนสเตอร์เมื่อตะกี้นี้
[นายท่านทำไมท่านถึงยกเลิกสถานะซ่อนตัวล่ะ?]
"ต่อให้ไม่ต้องซ่อนตัว ฉันก็ฆ่าพวกที่เหลือนี่ได้ในทีเดียวอยู่ดี"
[โอหังจริงๆ]
นายูนาได้ยืนยันทั้งใบหน้าและน้ำเสียงของเขาแล้ว หลังจากนั้นเธอก็ตรวจดูว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บหรือเจ็บปวดใดๆแล้วเธอก็ตะโกนออกมาให้ดังที่สุดเท่าที่ทำได้
"อิลฮานนนนนนนนนนนนนนน!!!!"
ชายคนนี้ได้ข้ามมิติเข้ามาหาเธอ ในวินาทีที่เขาได้ยินเสียงนี้ เขาก็ได้หันหน้ามาสบสายตากับเธอ เสียงที่ไม่เบาและไม่ดังของเขาได้ดังขึ้นที่ข้างหูของนายูนา
"ฉันมาแล้ว ยูนา"
หัวใจนายูนาได้เต็มแรงขึ้น นี่เป็นเพราะอะไรนะ? เขาดูเหมือนจะหล่อมากขึ้นในตอนที่เธอไม่ได้อยู่ด้วย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธออยากจะพูดหากเจอกับเขาอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าในวินาทีที่เจอหน้าเขาเธอก็ลืมเรื่องพวกนั้นไปจนหมดแล้ว
เดิมทีแล้วเธอไม่ได้มีบุคลิกแบบนี้นะ เธอควรจะทำตัวใจเย็นเหมือนกับรู้อยู่แล้วว่าเขาจะมาหาเธอสิ... แต่ว่าเธอกลับผงะราวกับเธอกำลังมึนงงอยู่
"ในเมื่อเธอรอมาได้ตั้งนานแล้ว ถ้างั้นก็รออีกหน่อยนะ"
ยูอิลฮานได้ตอบกลับเท่ๆให้กับนายูนาที่ตัวแข็งอยู่กับที่ และเขาได้ยกค้อนขึ้นมา ค้อนแห่งภัยพิบัติได้ขนาดใหญ่กว่า 100เมตร เพราะแรงกดดันจากค้อนนี้ได้ทำให้ทั้งกองทัพจักรวรรดิและทั้งกองทัพเอลฟอร์ดไม่อาจจะขยับตัวได้เลย
"ไว้ค่อยคุยกันหลังจากฉันจัดการเจ้าพวกนี้เสร็จนะ"
เปลวเพลิงสีขาวที่งดงามได้จุดขึ้นมาบนปลายค้อนขึนอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่ภัยพิบัติจะบังเกิดขึ้นที่พื้นที่ดินเบื้องล่าง