เล่ม 1 ตอนที่ 29.1 อุบายลับ [1] (ฟรี)
ค่ำคืนนี้ริชาร์ดสามารถนอนหลับลึกได้โดยปราศจากฝันร้าย การนอนหลับลึกจะช่วยให้ร่างกายที่เหนื่อยล้าของเขาฟื้นตัวขึ้น รวมถึงทำให้มานาที่ทรงพลังและโพชั่นพลังงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
คนแคระเกรย์มีคำพูดติดปากในสมัยโบราณว่า ‘เวลาคือเงิน’ คำพูดนี้สามารถใช้ได้กับเวลาของคนทั่ว ๆ ไปหรือแม้แต่คนที่อยู่ในเพลนรอง ทว่าสำหรับริชาร์ดหรือชารอนผู้ซึ่งอยู่ในเพลนหลัก คุณค่าของเวลาในเพลนหลักสำหรับพวกเขานั้นไม่สามารถตีออกมาเป็นเหรียญหรือราคาได้เลย
ริชาร์ดรู้ว่าเขาทำตามขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดไปแล้วจึงทำให้เขาสามารถหลับสนิทได้ในค่ำคืนนี้ ความผิดหวังทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นในช่วงก่อนของเขาได้รับการระบายด้วยม้าศึกตัวนั้น เด็กชายไม่ได้รู้เลยแม้แต่น้อยว่าคนอื่น ๆ ภายในดีพบลูที่ได้รู้ข่าวเกี่ยวกับรูนของเขาล้วนมีอาการตกใจทั้งสิ้น...
ที่พักของสตีเว่นมีขนาดใหญ่กว่าของริชาร์ดโดยตึกที่เขาอยู่นั้นสูงถึง 3 ชั้น ในสายตาของบุคคลภายนอก สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าชารอนให้คุณค่าและความชื่นชมต่อดราก้อนวอล็อค และนี่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้ผู้อื่นได้รับรู้ด้วยว่าเขาเป็นบุตรที่มาจากตระกูลขุนนาง อย่างไรก็ตาม มีเพียงสตีเว่นคนเดียวเท่านั้นที่รู้ราคาของสิ่ง ๆ นี้
ทว่าที่พักของริชาร์ดดูจะเหนือกว่านั้น แม้มันจะไม่ได้ใหญ่โตอลังการแต่มันก็ถูกจัดให้เขาอาศัยอยู่ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในขณะที่สตีเว่นผู้ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากตระกูลโซแลมต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน กว่าที่เขาจะได้อยู่ในที่พักขนาดใหญ่และมั่งคั่งเช่นนั้น เขาต้องจ่ายค่าเช่ามากถึง 300,000 เหรียญทอง ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องจ่ายค่าเล่าเรียนมากกว่าผู้อื่นถึง 2 เท่าด้วย แม้ว่าดยุกโซแลมจะสามารถจ่ายค่าเล่าเรียนของสตีเว่นได้ภายในครั้งเดียวแต่ค่าเทอมในดีพบลูนั้นก็ถือว่าไม่น้อยเลย แม้จะไม่ได้ใช้วิธีการคำนวณแบบพิเศษเพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนออกมาให้คนอื่น ๆ เห็นแต่ การเช่าพื้นที่ส่วนตัวขนาดใหญ่ของเขาก็ถือเป็นที่ดึงดูดความสนใจได้มากแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทรัพยากรของครอบครัวใหญ่อย่างตระกูลโซแลมไม่สามารถลงทุนไปกับคนคนเดียวได้ เหตุผลเดียวที่ครอบครัวส่งเขามาที่นี่ก็เพราะต้องการให้มีรูนมาสเตอร์ซักคนอยู่ในตระกูลของพวกเขาเพราะนี่เป็นความปรารถนาหลัก ๆ ของครอบครัวเขา แน่นอนว่าแรนดอล์ฟได้เสียโอกาสไปแล้วเพียงเพราะการกระทำโง่ ๆ ของเขา โอกาสจึงตกมาถึงมือของสตีเว่น ดราก้อนวอล็อคที่จะกลายมาเป็นรูนมาสเตอร์ในอนาคต ด้วยเหตุนี้ สตีเว่นจึงพยายามที่จะทำให้ตนเองเป็นผู้ที่ได้รับทรัพยากรมากกว่าแรนดอล์ฟ เขาเริ่มเข้าไปมีส่วนร่วมกับครอบครัวของตนเองเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อแสดงความสามารถที่โดดเด่นของเขาออกมาให้ทุกคนได้เห็น
อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของเขาก็ยังคาดหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนกลับมา หลังจากเหตุการณ์ของแรนดอล์ฟทำให้ความอดทนของพวกเขามีขีดจำกัดมากขึ้น ตัวดยุกโซแลมเองต้องใช้เวลา 2–3 ปีในการเลื่อนระดับเป็นเลเจนดารี่ก่อนที่เขาจะขยายอำนาจให้มากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ สตีเว่นยังต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในส่วนของมินนี่ด้วย เมื่อการแต่งงานถูกกำหนดขึ้น มาร์ควิสไนออลก็หยุดจัดการค่าใช้จ่ายในส่วนของบุตรสาวของเขาไปอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้เขาต้องทุ่มทรัพยากรทั้งหมดไปที่การทำสงครามที่ตึงเครียดซึ่งกำลังคุกรุ่นอยู่ และด้วยสงครามที่ส่งผลกระทบต่อดินแดนของเขา จึงทำให้เกิดคำถามว่าพวกเขาจะสามารถยื้อไปได้จนถึงสิ้นปีหน้าหรือไม่ ท้ายที่สุดแล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่างก็เป็นเพราะมาร์ควิสผู้นี้ไร้ความสามารถเกินไป
แน่นอนว่าสตีเว่นได้เพิ่มพ่อตาของเขาให้อยู่ในรายชื่อของบุคคลที่ไร้ความสามารถไปนานแล้ว ชายผู้นั้นถูกตั้งข้อหาว่าเป็นตัวการทำให้กำลังเสริมที่ตระกูลโซแลมส่งมาพ่ายแพ้ แม้ว่าจะมีข้อได้เปรียบในด้านความแข็งแกร่งของกองทัพและพื้นที่การต่อสู้ที่คุ้นชินทว่ากองกำลังของพวกเขากลับยังไม่สามารถต้านทานกองกำลังของอลิซไว้ได้ ดังนั้นก็เลิกคิดถึงการล้มหรือล้อมกลุ่มกองกำลังขนาดเล็กของอลิซไปได้เลย เพราะยังไม่มีใครที่สามารถโจมตีนางได้แม้แต่ครั้งเดียว
เมื่ออยู่ในสนามรบ หญิงสาวผู้นี้มีความเด็ดเดี่ยวมาก กลยุทธ์ในการต่อสู้ของนางเป็นไปอย่างหลากหลาย นางสามารถมองเห็นจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามได้ด้วยเวลาเพียงน้อยนิด และเมื่อเห็นแล้ว นางก็จะโจมตีอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบซึ่งเรียกได้ว่าทั้งโหดเหี้ยมและดุร้าย
แม้ในสนามรบจะมีขนาดใหญ่ ทว่านางก็สามารถที่จะส่งกองกำลังออกไปได้ทั่วทุกพื้นที่อยู่ดี นางพยายามบุกเข้ายึดส่วนต่าง ๆ อีกทั้งยังปล้นที่นา เหมืองแร่ ป่าไม้ เมือง และทรัพยากรต่าง ๆ ของไนออล ส่วนสิ่งใดที่นางไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ นางก็จะทำลายจนไม่เหลือซาก ซึ่งนั่นสร้างความทรมานใจให้แก่มาร์ควิสเป็นอย่างมาก
ความอ่อนแอของมาร์ควิสทำให้เหล่าตระกูลขุนนางที่รายล้อมเขาต่างพากันวิตกกังวล และเมื่อสงครามเกิดความเสียเปรียบ ผลประโยชน์ที่เขาเคยได้รับจากไนออลก็ค่อย ๆ หายไป หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป สิ่งที่เขาต้องเผชิญย่อมคือการสูญเสียอย่างแน่นอน
จากข้อมูลของสตีเว่น หากไม่สามารถกำจัดอลิซ อาเครอนให้ออกจากพื้นที่ได้ภายใน 1 สัปดาห์ ตระกูลของเขาก็ตัดสินใจจะเจรจาสงบศึกกับนาง ส่วนการชดเชยสำหรับสงครามครั้งนี้นั้น ดูเหมือนว่าไนออลจะต้องจำใส่สมองของเขาเอาไว้ให้ดี
สตีเว่นตกแต่งห้องพักของเขาอย่างสวยหรูตลอดระยะเวลากว่าครึ่งปี ทว่าในเวลานี้ความสวยงามก่อนหน้านี้มันเปลี่ยนไปแล้ว... สิ่งของภายในที่พักของเขากระจัดกระจายไปทั่ว และใครก็ตามที่เดินผ่านห้องของเขาก็จะได้ยินเสียงทำลายข้าวของดังสนั่นเป็นระยะ ๆ
ผลงานศิลปะที่สง่างามและสลับซับซ้อนกระแทกเข้ากับผนังและพื้นห้องจนแตกเสียหายไปหมด บางครั้งเศษต่าง ๆ ก็กระเด็นผ่านใบหน้าของเขาไปและสร้างรอยแผลเล็ก ๆ ไว้บนใบหน้าของเขา ความรู้สึกหนักทั้งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ต่างถาโถมใส่บ่าของเขาจนทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก ในตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกปลดปล่อยทุกอย่างได้บ้างก็คงจะเป็นการระบายมันออกมาก่อนที่เขาจะเสียสติไปมากกว่านี้
“อาเครอน อาเครอนอีกแล้ว ! ไอ้พวกกลุ่มคนบ้า ! ปีศาจอย่างพวกเจ้าควรไปลงนรกให้หมด ทำไมจะต้องเป็นพวกเจ้าที่เข้ามาขัดขวางเส้นทางของข้าด้วย !” สตีเว่นตะโกนออกมาพร้อมทั้งสาปแช่งราวกับกำลังพร่ำเพ้อถึงอะไรบางอย่าง ทว่าสิ่งเหล่านี้ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้
ทว่าถึงอย่างไร ตอนนี้ภายในห้องนอนของเขาไม่หลงเหลืออะไรให้เขาทำลายได้อีกแล้ว มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงวางตระหง่านอยู่คือแจกันทองคำโบราณที่ฝังประดับไปด้วยคริสตัลราคาแพงซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าที่ได้มาจากเพลนอื่น แม้เขาจะเพิกเฉยต่อความเป็นศิลปะที่สิ่งนี้แสดงออกมา แต่ความเป็นจริงที่ว่ามันสามารถนำไปขายได้ในราคามากกว่า 1,000,000 เหรียญนั้น เขาก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี แน่นอนว่าสตีเว่นไม่มีปัญญามากพอที่จะชดใช้ค่าเสียหายของสิ่งนี้ได้ นี่เป็นสิ่งล้ำค่าที่ดยุกโซแลมได้ครอบครองและเขาขอยืมมันมาเพื่อโอ้อวดผู้อื่นถึงความยิ่งใหญ่ของตนเอง
ความโกรธของสตีเว่นมีจำกัด เขารู้ว่าเขาสามารถทำลายทุกอย่างภายในนี้ได้แต่เขาจะไม่ยอมทำลายสิ่งนี้เป็นอันขาด แม้ว่าริชาร์ดจะเตะเข้าที่หน้าของเขาต่อหน้าผู้คนมากมายจนเขารู้สึกโกรธอย่างที่สุด เขาก็ยังคงไม่กล้าแตะต้องของสิ่งนั้น
มินนี่ยืนอยู่ตรงมุมห้องเงียบ ๆ นางดูโดดเดี่ยวทว่ายังคงงามสง่า หากเทียบตามอายุของนางแล้ว ถือว่านางอยู่ในวัยที่เริ่มจะเติบโตและเบ่งบาน รูปร่างที่ดีและทัศนคติที่เย่อหยิ่งของนางทำให้นางดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ทว่าในตอนนี้ใบหน้าและแขนของนางกลับเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนสีแดงซึ่งมาจากเศษของสิ่งของที่สตีเว่นทำลายก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าโทสะของเขาจะส่งผลกระทบต่อนางไม่น้อย
เมื่อมองหน้ามินนี่ สตีเว่นก็รู้สึกโกรธมากขึ้นกว่าเดิม ในสายตาของเขานางไม่ได้เป็นสาวงามหรือเป็นเมจที่อัจฉริยะเลย ในทางกลับกันนางเป็นเหมือนหลุมดำขนาดใหญ่ที่มีไว้ดูดทองคำจากเขา ค่าเล่าเรียนของนางคือค่าเล่าเรียนครึ่งเดียวของเขาเท่านั้นทว่าจำนวนเหล่านั้นก็ไม่ใช่น้อย ๆ และแม้ว่าที่พักของนางจะไม่ได้ใหญ่เท่ากับของเขาหรือของริชาร์ด แต่มันก็ยังใหญ่กว่าที่พักของเหล่าแกรนด์เมจ การเช่าที่พักส่วนตัวมีมูลค่าที่สูงกว่าค่าเล่าเรียนภายในดีพบลูเสียอีก และทั้งหมดนี้ก็ยังไม่ได้รวมถึงจำนวนเงินที่นางต้องใช้ในการฝึกอบรมเลยด้วยซ้ำ !
แม้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับโซแลมที่จะดูแลค่าใช้จ่ายให้แก่มินนี่ ทว่าด้วยค่าใช้จ่ายของสตีเว่นนั้นสูงมากจนน่าตกใจ ดังนั้นการที่จะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายของนางรวมเข้าไปจึงทำให้รู้สึกบีบหัวใจอยู่ไม่น้อย ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ก็คงจะเปรียบได้กับคำกล่าวที่ว่า แม้จะเป็นหินก้อนเล็ก ๆ ก็อาจส่งผลกระทบหนัก ๆ ได้หากเรือกำลังจะจม
สตีเว่นรู้ดีว่าจำนวนเงินที่ดยุกโซแลมลงทุนให้กับตัวเขาไม่มีที่ว่างสำหรับความล้มเหลว เลเจนดารี่ทุกคนมีอายุยืนยาว ดังนั้นดยุกจึงมีทายาทสืบสกุลไม่ขาดมือ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีความสามารถเพียงพอ
ผู้ที่สอนสตีเว่นก่อนหน้านี้เคยบอกเขาไว้ว่าเขาไม่ได้เป็นอัจฉริยะที่มีพลังที่แท้จริง อัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วนเกิดมาพร้อมกัน แต่มีเพียงผู้ที่มีทรัพยากรเพียงพอเท่านั้นที่จะสามารถพัฒนาตนเองได้ ส่วนคนที่ไม่มีความสามารถจะถือว่ามีชื่อที่ว่างเปล่าและไร้ตัวตน
เมื่อเขาเติบโตขึ้น เขาก็จะเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรที่โดดเด่นน่าจดจำ ความสวยงามในวัยเด็กของพวกเขาเป็นเพียงแค่บาดแผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งเหล่านี้สามารถดูตัวอย่างได้จากแรนดอล์ฟเพราะเขาเพิ่งได้ลิ้มรสความเป็นคนไร้ความสามารถเมื่อไม่นานมานี้ สตีเว่นกระหายที่จะประสบความสำเร็จแต่ในตอนนี้เขาก็เริ่มที่จะกลัวความล้มเหลวแล้วเช่นกัน เส้นทางที่เขาเดินนั้นจู่ ๆ ก็ได้กลายเป็นเส้นทางที่มุ่งตรงไปสู่นรก การก้าวพลาดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้เขาเจอหายนะได้ภายในไม่กี่วินาที
ดราก้อนวอล็อคไม่ควรได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินมากมายเช่นนี้ ชื่อเสียงทางสังคมที่เขามีก็ไม่ได้มากพอที่จะถือว่าจำเป็นต้องใช้จ่ายมากมายเช่นกัน ในแง่ของความสามารถของเขาในการจัดการเรื่องของตระกูล คือการทำให้ตระกูลเก่าที่สืบทอดกันมานับร้อยรุ่นมีคนดูแลจัดการอย่างไม่ขาดสายเท่านั้น
ในความเป็นจริงแล้ว ความต้องการได้รับโอกาสในการศึกษาจากชารอนและกลายเป็นรูนมาสเตอร์ไม่เพียงแต่ต้องใช้ทรัพยากรส่วนตัวของดยุกโซแลมและตระกูลของเขาเท่านั้น เขายังต้องใช้กำลังคนจำนวนมากและวัสดุคุณภาพเยี่ยมจากฝั่งมารดาของเขาด้วย หากวันใดที่ตระกูลของเขาเลือกที่จะละทิ้งเขาขึ้นมา เขาก็คงไม่ต่างอะไรกับเหล่าเมจที่อยู่ตามขอบแดนของดีพบลูที่ต้องหาเงินอย่างหนักเพื่อเลี้ยงชีพตัวเอง
ส่วนริชาร์ดที่เดินอยู่บนเส้นทางของรูนมาสเตอร์นั้นเป็นดั่งภูเขาออกัสตินซึ่งเป็นที่ที่เปรียบเสมือน -- ‘คูกำแพงเมืองสวรรค์ของพระเจ้า’
เขาเลือกที่จะแต่งงานกับมินนี่จนทำให้ดยุกโซแลมต้องจ่ายเงินมากขึ้น สาเหตุนี้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะนึกโทษตัวเองอยู่บ่อยครั้ง แต่ที่เขาทำไปก็เพราะต้องการทำตามกฎของขุนนาง ซึ่งเขาคิดว่าตัดสินใจถูกต้องแล้วในตอนนั้น และมันน่าจะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับเขาในการพัฒนาตัวเองในภายภาคหน้า ไม่ใช่เพียงเพราะตระกูลของบิดาของเขา มารดาและภรรยาของเขาต่างก็เป็นทรัพยากรที่สำคัญอย่างยิ่ง แต่ใครจะไปคาดคิดล่ะว่ามาร์ควิสไนออลจะสร้างเรื่องน่าขายหน้าและไร้หัวใจอย่างเช่นการผลักบุตรสาวมาให้กับตระกูลโซแลมต้องดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดเช่นนี้ ?
สตีเว่นจ้องหน้ามินนี่ก่อนตะโกนออกมาว่า “เจ้า ! บอกข้ามาว่าตอนนี้เจ้ามีประโยชน์อะไร ! ในแต่ละเดือน ข้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้เจ้าเป็นจำนวนไม่น้อย ไหนเจ้าลองบอกข้ามาซิว่าเจ้าจะช่วยอะไรข้าได้บ้าง ! เจ้าจะช่วยให้ข้าพัฒนาการสร้างรูนหรือจะทำให้ข้าได้เป็นที่ชื่นชอบของท่านชารอน ? บอกข้ามา ! ไอ้ริชาร์ดบ้านั่นมันนำหน้าข้าไปไกลจนไม่เห็นแม้แต่ฝุ่นแล้ว เจ้าคิดว่าข้าต้องทำยังไง ! ! !”
เมื่อเห็นนางยังคงเงียบอยู่เช่นเดิม สตีเว่นก็พบว่ามันยากยิ่งกว่าที่จะระงับอารมณ์ของเขาในขณะที่เขากำลังหัวเราะอย่างขมขื่น เขากล่าวออกมาด้วยอารมณ์ที่ยากจะคาดเดาว่า “ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าเจ้าเป็นผู้ใหญ่ อย่างน้อยเจ้าก็ยังไปขึ้นเตียงกับข้าได้ ! เปลื้องผ้าของเจ้าออกแล้วไปที่เตียงซะ !”
มินนี่ไม่ตอบโต้หรือถกเถียงแต่อย่างใด นางเลือกที่จะเปลื้องผ้าออกอย่างเงียบ ๆ ก่อนเดินไปเอนกายนอนลงบนเตียงแล้วแยกขาออก แม้ใบหน้าของนางยังคงเต็มไปด้วยความเงียบสงบทว่านางเลือกที่จะหันหน้าไปทางอื่นขณะที่นอนแผ่อยู่บนเตียงเพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามมองเห็นน้ำตาที่ไหลอาบลงมา
นางหลับตาแน่นทว่าการทารุณที่นางคิดไว้กลับไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น หลังจากที่นางไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ นางจึงลืมตาขึ้นมาและเห็นสตีเว่นที่กำลังยืนอยู่ปลายเตียง ในมือของเขาถือขวดแอลกอฮอล์ขวดใหญ่ใหญ่ไว้และเขาก็มองมาที่ร่างของนางแทนที่จะมองไปยังทิวทัศน์ของอ่าวโฟลที่อยู่นอกหน้าต่าง อ่าวในค่ำคืนนี้ไม่ได้มืดสนิทเท่าไหร่นัก หยาดน้ำแข็งเปล่งประกายริบหรี่จนแปลกตา ภาพในตอนนี้สร้างความรู้สึกอ้างว้างและเย็นชาอย่างมาก
เขามองไปที่มินนี่ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้า... เจ้าเป็นหญิงฉลาด ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมาแสดงอารมณ์หรือแสร้งว่าตัวเองใจแข็ง หากข้าไม่สามารถเป็นรูนมาสเตอร์ได้ทุกอย่างก็จะจบสิ้น สถานะ ชื่อเสียง เงินทอง พลัง ข้าจะไม่เหลืออะไรเลย เจ้าเองก็ควรคำนึงถึงสิ่งนี้ให้ดี มาร์ควิสไนออลได้ทอดทิ้งเจ้าแล้ว และโชคชะตาของเจ้าถูกผูกอยู่ที่ข้า เจ้าต้องคิดว่าเจ้าโชคดีเพราะตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานเช่นพวกข้ายังคงให้รางวัลในการแต่งงานอย่างเป็นทางการให้กับเจ้าอยู่ ข้ายังไม่คิดที่จะล้มเลิกการแต่งงานให้เป็นโมฆะหรอกนะ แต่ในตอนนี้เจ้าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เป็นประโยชน์กับข้าบ้าง เพื่อตระกูลโซแลมและเงินที่ต้องจ่ายถึง 500,000 เหรียญในแต่ละเดือน หากเจ้าทำอะไรไม่ได้หรือเจ้าไม่คิดจะทำอะไรเลย ข้าก็จะไม่บังคับให้เจ้าทำ แต่หากเป็นเช่นนั้น เดือนหน้าเจ้าจงออกไปจากดีพบลูซะ ข้าเชื่อว่าไม่มีใครเต็มใจที่จะจ่าย 500,000 เหรียญทองให้กับบุตรสาวของมาร์ควิสที่พ่ายแพ้และผ่านการใช้งานมาแล้วอย่างเจ้าหรอก” พูดจบสตีเว่นก็ยกขวดแอลกอฮอล์ขึ้นมาเทลงคอไปทันที
มินนี่จ้องมองไปยังเกล็ดน้ำแข็งที่ส่องแสงวิบวับด้วยท่าทางที่ยังคงนิ่งไม่ไหวติง สตีเว่นพูดถูก หากไม่ได้เงินสนับสนุนจากตระกูลโซแลม ไม่เพียงแต่สถานะของนางที่จะต้องสูญเสียไป นางจะกลายเป็นบุคคลที่ไม่มีค่าเสียยิ่งกว่าเอรินซะอีก ! และเพราะนางเคยเป็นคนที่มีเกียรติ จึงมีผู้ชายอีกหลายคนที่ต้องการทิ้งบางสิ่งบางอย่างไว้ในร่างกายของนาง และเมื่อเวลาผ่านไปพรสวรรค์ที่นางเคยมีก็จะไม่มีประโยชน์อะไรอีกเลย
ชารอนเคยกล่าวไว้ว่า -- เหรียญทองมีอยู่อย่างจำกัด ทว่าอัจฉริยะมีอยู่มากมายในโลกใบนี้ --