ตอนที่ 291 พิมพ์เขียว
นับตั้งแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านหุบเขาเขียว ลู่เฉินและอลูเมร่าก็มีความสัมพันธ์ไม่ดีกันมาตลอด อาณานิคมแบล็คไพน์ของลู่เฉินถูกโจมตีและได้รับความเสียหาย เนื่องจากอลูเมร่าร่วมกับหานเซี่ยวแล้ว หานเซี่ยวจึงอยากจัดการปัญหานี้ให้ลู่เฉิน ดังนั้นเขาจึงโทร
“นายเอง”ลู่เฉินระวังสายโทร นอกจากนี้เขายังได้รับข้อมูลว่าหานเซี่ยวมาจากอลูเมร่า ดังนั้นเขาจึงตื่นตัวและสงสัยว่าหานเซี่ยวมีแรงจูงใจอะไร
“ไม่ต้องห่วง อลูเมร่าจะไม่นำปัญหาไปหานายอีกต่อไป”หานเซี่ยวเข้าเรื่องและแสดงจุดยืน
ลู่เฉินไม่เข้าใจ“หมายความว่าไง?”
“ฉันไม่ได้อยู่ข้างอลูเมร่า อย่างน้อยก็ไม่ ตอนนี้พวกเขาร่วมกับฉันแล้ว และฉันก็ได้จัดการความขัดแย้งระหว่างนายกับพวกเขา”หานเซี่ยวหัวเราะ“เพื่อนควรช่วยเหลือกัน”
“...ตกลง”เสียงของลู่เฉินเบาลง คิดถึงความสัมพันธ์พวกเขาก่อนหน้า เขารู้สึกว่าหานเซี่ยวไม่ได้โกหกเขา และก็ไม่จำเป็นต้องทำ เขาก็แค่ขุนพลเล็กๆ และหานเซี่ยวก็คือตำนาน
“หลังสงคราม หกประเทศจะเป็นองค์กรใหญ่สุด และจะมีคนเร่ร่อนน้อยลง ขุนพลย่อมถูกกวาดล้างในอนาคต..”หานเซี่ยวพูดคำของเสี่ยวจิน โดยทั่วไป สิ่งที่เขาหมายถึงคือ ธุรกิจที่นายกำลังทำอยู่ไม่มีอนาคต แต่ธุรกิจฉันมีศักยภาพ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนอ ตอนนี้นายมีโอกาส และฉันก็ต้องการนาย
ลู่เฉินถูกล่อลวง“ขอฉันคิดก่อน”
หลังพูดถึงธุรกิจจบ หานเซี่ยวก็ถามว่าเหล่ย เจิ้นหยูยังอยู่ในแบล็คไพน์ไหม และคำตอบของลู่เฉินก็คือเขาออกไปแล้ว
เหล่ยเจิ้นหยูคือช่างกลที่สร้างเส้นใยกล้ามเนื้อนาโน และเฒ่าหมานก็มอบหมายให้เขาช่วยเหลือลู่เฉิน เมื่อเหล่ยเจิ้นหยูจากไป มันก็มีโอกาสได้รับพิมพ์เขียวสี่อันที่เฒ่าหมานลู่ทิ้งไว้ เฒ่าหมานลู่พยายามส่งข้อความให้ลู่เฉิน จากนั้นก็ให้คนกลับไปร้านซ่อมในมังกรดาราเพื่อเอาพิมพ์เขยว
แม้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกจะตึงเครียด เฒ่าหมานลู่ก็ยังมีความรักลึกซึ่งในฐานะพ่อ หานเซี่ยวส่ายหัว สิ่งนี้ทำให้เขานึกถึงพ่อตัวเอง...โอ้ เขาไม่ได้กำลังพูดถึงเสี่ยวจิน
พิมพ์เขียวของเฒ่าหมานลู่คือของหายากมาก พวกมันมีสไตล์เป็นเอกลักษณ์และถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ระดับเทพในช่วงแรกของช่างกล โอกาสได้รับพวกมันต่ำมาก ดังนั้นหานเซี่ยวจึงถูกล่อลวง ตอนนี้เขามีรูปแบบต่อสู้สามแบบ สไตล์ระยะไกลด้วยปืนไรเฟิลซุ่มยิงและรองเท้าแม่เหล็ก สไตล์รอบด้านด้วยวชุดจักรกล และสไตล์นักสู้จักรกลด้วยดาบประกอบแม่เหล็กและถุงมือไฟฟ้า สามรูปแบบเหล่านี้คือสไตล์ต่อสู้ปัจจุบันเขา
เครื่องจักรอื่นๆไม่ถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของกลวิธีปกติเขา เช่นหุ่นยนต์เรนเจอร์และป้อมปืนพกพา นับตั้งแต่การสร้างชุดจักรกลรุ่นอสรพิษ เขาก็รู้ว่าการผสานความรู้คือสิ่งจำเป็นสำหรับพิมพ์เขียว นอกจากการลองโชคเป็นครั้งคราว เขาเอาแต่ใช้ค่าประสบการณื๋กับการผสานพิมพ์เขียวที่เขาต้องการ
พิมพ์เขียวของเฒ่าหมานลู่ถือเป็นรูปแบบการต่อสู้ใหม่ มันเท่ากับการเป็นอิสระ แน่นอน หานเซี่ยวไม่มีทางพลาดมัน
....
ดวงอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนเข้าใกล้ขอบฟ้า ย้อมเมืองหลวงมังกรดาราให้มืดครึ้ม คนบนถนนเร่งรีบราวกับคืนนั้นสัตว์ประหลาดจะบุก
หานเซี่ยวเดินบนถนน มันเกือบหนึ่งปีแล้วตั้งแต่เขาออกมังกรดารามา และตอนนี้เขาก็กลับมา ความรู้สึกที่เมืองมอบให้แตกต่างกันเล็กน้อย อย่างแรก มันมีคนมากขึ้น สีบนกำแพงจากกลุ่มต่อต้านสงคราม และหน้าจอขนาดใหญ่บนอาคารที่อยู่ไกลออกไปกำลังเล่นข่าวถึงชัยชนะสงครามและสภาพอากาศเลวร้าย เมืองถูกปกคลุมด้วยอากาศหนักอึ้ง และประชากรก็มีความกังวลและสูญเสียชะตากรรมพวกเขาในอนาคต
หานเซี่ยวกำลังสวมเครื่องจำลองใบหน้าและใช้หน้าตาอื่น สวมเสื้อขนสัตว์ มันเป็นฤดูหนาวแล้วและเสื้อผ้าเหล่านี้ก็เป็นธรรมดา
กลับไปยังโรงงานที่เขาออกมานานแล้ว มันยังเหมือนเดิม แม้กระทั่งโรงงานเขาก็ยังอยู่ข้างร้าน หานเซี่ยวเดินไปในร้าน และเสียงหึ่งก็ดังจากตัวโรงงาน ลู่เฉียนกำลังจดจ่อกับงานประกอบ เธออยู่ลำพัง เฒ่าหมานลู่ที่มักนั่งตรงประตูหายไป
ลู่เฉียนหันมา เมื่อเห็นว่ามีลูกค้า เธอก็รีบวางงานลงและเดินมาหาเขาด้วยรอยยิ้ม“สวัสดี ต้องการอะไรงั้นหรอคะ?”
ลู่เฉียนยังดูเหมือนเดิม อ่อนโยนและเรียบร้อย หานเซี่ยวมองเธอขึ้นลงและกล่าวโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า“ฉันอยากได้งานผลิตเล็กๆ”
“งานอะไร?”ลู่เฉียนทำตาปริบๆ
หานเซี่ยวนำพิมพ์เขียวออกมาและส่งมันให้ลู่เฉียน มันคือภาพวาดรูปปั้นเหล็กขนาดเล็ก ไม่ใช่งานยาก แค่ต้องการเชื่อมเล็กน้อย ร้านขายเครื่องจักรประกอบใดก็สามารถทำมันได้ ลู่เฉียนมองมันสักพักและกล่าวพลางพยักหน้า“ไม่มีปัญหา รอรับพรุ่งนี้ได้เลยค่ะ”
หานเซี่ยวส่ายหัว“พรุ่งนี้ฉันจะออกจากเมืองแล้ว ฉันต้องการมันคืนนี้”
ลู่เฉียนกล่าวด้วยสีหน้าลำบากใจ“มันต้องใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงเพื่อทำรูปปั้นนี้ และฉันก็จะปิดร้านตอนค่ำ”
“งั้นฉันก็จะไปร้านอื่น”หานเซี่ยวทำท่าผิดหวังและพึมพำ“ร้านแถวนี้จะมีรับงาน30000เหรียญไหมนะ?”
ดวงตาลู่เฉียนเป็นประกาย และเธอก็เปลี่ยนท่าทางทันที“วันนี้ร้านเราปิดช้าค่ะ คุณสามารถรอในร้านและรับของได้เลย”
หานเซี่ยวหัวเราะ เขารู้จักลู่เฉียนดี วิธีนี้ได้ผลตลอด
มีโอกาสเดียวเพื่อหากล่องของเฒ่าหมานลู่หากเขาอยู่ในร้าน แน่นอน เขาไม่คิดถามลู่เฉียนเพราะมันย่อมทำให้เกิดข้อสงสัย
ในเวลานี้ ลูกค้าใหม่เข้ามา มันคือชายผมสั้น เขากล่าว“ผมอยากซื้ออุปกรณ์ใช้ในบ้าน คุณมีไหม?”
“เชิญทางนั้นเลยค่ะ”ลู่เฉียนชี้ไปยังตู้อุปกรณ์และกล่าว“ทุกอย่างในนั้นสำหรับขาย ขออภัยด้วย ตอนนี้ฉันติดงานอยู่ คุณคงต้องดูของด้วยตัวเอง”
หานเซี่ยวดึงเก้าอี้และนั่งลง ทันใดนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างและมองด้านข้าง เขาเห็นชายผู้เดินเข้ามากำลังกวาดตามองของบนตู้และลอบสำรวจเขาไปด้วย ตัวตนของเฒ่าหมานลู่พิเศษ ดังนั้นเขาจึงให้แผนก13คอยดูแลลู่เฉียนก่อนออกไป มักมีคนคอยจับตาดูอยู่ใกล้ๆ ป้องกันทุกคนไม่ให้ทำร้านลู่เฉียน ลูกค้าใหม่คนนี้ย่อมเป็นหนึ่งในสายลับ และเขาก็มาเพื่อสังเกตหานเซี่ยว
“คนของแผนก13?”สัมผัสระดับ70ของหานเซี่ยวเฉียบแหลมมาก ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าการก้าวเท้าเขาไม่ใช่ของคนทั่วไป เขาสามารถเดาได้ง่ายๆ สีหน้าเขาไม่เปลี่ยน และก็ดูเงียบๆ เขาไม่กลัวการถูกระบุตัวตนเพราะเขาสามารถเปลี่ยนใบหน้าได้ทัน
มันมืดแล้ว และลู่เฉียนก็ทุ่มสมาธิ หานเซี่ยวนั่งอีกกฝั่ง และชายคนนั้นก็ยังคงมองตู้และสำรวจเขา
หานเซี่ยวเลิกคิ้ว เขาไม่อาจเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระภายใต้การจับตา เขาเขย่าขา และอุปกรณ์ตรวจจับแมงมุมก็คลานออกจากกระเป๋ากางเกงขา ขยับไปตามเงามืด หานเซี่ยวนำแล็บท็อปออกมา บังวิสัยทัศน์ของชายคนนั้นด้วยร่างเขา เขาก้มตัวและเปิดแผงควบคุมสำหรับแมงมุม จากนั้นก็เปลี่ยนมันเป็นการควบคุมมือ
ภาพจากเครื่องตรวจจับแมงมุมแสดงบนจอ มันติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับโลหะเอาไว้ และท่อใต้กำแพงและพื้นก็ล้วนถูกสะท้อนออกมา เขาจำได้ว่าเซฟของเฒ่าหมานเป็นโลหะ ดังนั้นเขาจึงใช้เครื่องตรวจจับโลหะ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เครื่องตรวจจับแมงมุมก็พบเป้าหมายในห้องของลู่เฉียนบนชั้นสอง เซฟอยู่ใต้เตียง ดวงตาของหานเซี่ยวเป็นประกาย เขายืนขึ้นทันทีและกล่าว“ที่นี่มีห้องน้ำไหม?”
ลู่เฉียนเงยหน้าและปาดเหงื่อ“มันอยู่ชั้นบน ฉันสามารถพาคุณไปได้”
“ไม่จำเป็น ทำงานไปเถอะ ฉันไปเองได้”หานเซี่ยวปฏิเสธเธอและเดินขึ้นบันได หลังเดินไม่กี่ก้าว เขาก็ได้ยินสายลับคนนั้นเดินตามเขามาด้วยข้ออ้างอยากไปห้องน้ำเหมือนกัน
หานเซี่ยวรู้สึกลำบาก มันไม่ง่ายที่จะลงมือตอนกำลังถูกจับตา ทันใดนั้น เขาก็มีความคิดชั่วร้าย เมื่อมาถึงห้องน้ำบนชั้นสอง เขาก็หมุนตัวและชกใส่หน้าสายลับ สายลับไม่มีเวลาตอบสนองและหมดสติไป
หานเซี่ยวจับตัวเขาและวางเขาลงกับพื้นช้าๆ เขาเดินไปในห้องลู่เฉียน ดึงเซฟจากใต้เตียงและป้อนรหัสผ่านที่เขาจำได้
ปึ้ก
มันเปิด หานเซี่ยวทำการตรวจดูและหน้าต่างสถานะก็แจ้งว่าเขาได้รับพิมพ์เขียวหายาก4อย่าง ดังนั้นมันจึงถูกยืนยัน เขายินดี ม้วนพิมพ์เขียวและใส่พวกมันลงกระเป๋า จากนั้นก็นำม้วนพิมพ์เขียวอื่นมาและวางพวกมันลงกล่อง นำกลับไปเก็บที่เดิม
ของที่เขาใส่ลงไปแทนเป็นพิมพ์เขียวเครื่องจักร แต่พวกมันแค่พิมพ์เขียวทั่วไป มันย่อมมีผู้เล่นในอนาคตที่ทำภารกิจนี้สำเร็จ ดังนั้น ด้วยการวางของอื่นลงไปแทน ผู้เล่นที่ทำภารกิจสำเร็จอย่างน้อยก็ได้ของไปบ้าง หานเซี่ยวรู้สึกเช่นนั้นในใจ
เขาแบกเจ้าหน้าที่ลงไป ลู่เฉียนตกใจและถาม“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”
หานเซี่ยวสวมสีหน้าจอมปลอม“ชายคนนี้อยากใช้ห้องน้ำร่วมกับฉัน มันเป็นความคิดน่ารังเกียจ ดังนั้นฉันจึงต่อยเขาสลบ”
สีหน้าลู่เฉียนแปลกไป เธอกวาดตามองทั่วร่างเจ้าหน้าที่ จากนั้นก็พึมพำ“น่าตื่นเต้นจังเลย…”
หานเซี่ยวนั่งลงอย่างสงบ เขาไม่ตื่นตระหนกเลยหลังต่อยเจ้าหน้าที่แผนก13 นี่เพราะพลังเขา บวกกับที่เขากับลู่เฉียนรู้จักกัน ดังนั้นเขาจึงไม่อยากหายตัวไปและทำให้ลู่เฉียนกลัว
เขาคุยกับลู่เฉียนเล่น
…
“C156 โปรดตอบด้วย…C156โปรดตอบด้วย!”
ในห้องขนาดใหญ่ของตึกไกลออกไปไม่กี่ร้อยเมตร ทีมภาคสนามที่คอยปกป้องลู่เฉียนประจำการกันอยู่ หัวหน้ายังคงพูดกับวิทยุซ้ำๆ พยายามติดต่อเจ้าหน้าที่ในร้านซ่อม
หลังไม่ได้รับการตอบ สีหน้าพวกเขาก็เริ่มจริงจัง
“บ้าจริง เขาขาดการติดต่อ นี่ต้องเกิดเรื่องในร้านแน่ ไปกัน!”
หัวหน้ายืนขึ้นทันที สวมเสื้อเกราะกันกระสุน นำเข็มขัดกระสุนไปด้วย และถีบประตูออกไป