ตอนที่ 290 ข้อตกลง
กล่องทรัพยากรนับร้อยถูกวางเรียงในคลัง ภายในเต็มไปด้วยอะไหล่และวัสดุที่หานเซี่ยวรวบรวม
นี่คือฐานลับเขาภายใต้เขตอนุรักษ์สาม ในช่วงการก่อสร้างเขตอนุรักษ์ หานเซี่ยวได้ลอบขยายฐาน ตอนนี้มันเป็นป้อมปราการลับ และทุกเส้นทางก็เต็มไปด้วยปืนอัตโนมัติ ยังมีกล้องวงจรปิดทุกทางเข้าและอุปกรณ์ตรวจจับแมงมุมจำนวนนับไม่ถ้วน
หานเซี่ยวมีคลังทั้งหมดสามแห่ง หนึ่งสำหรับวัสดุและอะไหล่ อีกอันคือของเหลือที่เขาสร้างเพื่อค่าประสบการณ์และขายให้ผู้เล่น สุดท้ายคือคลังสำคัญ เก็บอุปกรณ์ที่เขาใช้ รวมถึงชุดจักรกล อสรพิษนภา
ของทั้งหมดในคลังคืออะไหล่สำหรับการเตรียมออกนอกอวกาศ
ฟังก์ชั่นดันเจี้ยนทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มากอีกครั้ง เงินไหลมา แต่เขาไม่รู้ว่าเขาจะออกดาวตอนไหน แต่ทว่า สถานการณ์นี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาตื่นเต้น เขาเห็นถึงปัญหาเช่นกัน
เงินที่เขาได้รับมาจากผู้เล่น และผู้เล่นไปหาเงินจากไหน?
แน่นอน เงินพวกเขามาจากNPCคนอื่นโดยการทำภารกิจ
ปกติ อะไรที่ผู้เล่นกำลังทำคือการรวบรวมโชคของNPCทุกที่และมอบมันทั้งหมดให้หานเซี่ยว เกิดเป็นวงจรเงิน เงินกำลังขับเคลื่อนและสร้างเป็นสายประกอบ เขาสามารถถือได้ว่าเป็นจุดสุดท้าย ดังนั้น หากผู้เล่นอยากได้เงิน พวกเขาก็ต้องทำงานกับNPCคนอื่น และเพื่อเพิ่มกำลังใช้เงินของผู้เล่น เขาก็ต้องเพิ่มจำนวนNPCในเขตอนุรักษ์
มีปัญหาอื่นอีก ผู้เล่นจะไม่อยู่ในเมืองหลักตลอดไป พวกเขาย่อมไปสถานที่อื่นเพื่อทำภารกิจ เพื่อให้ผู้เล่นเหล่านี้กลับมาในอนาคต นอกจากงานต่างๆ เมืองหลักต้องทำให้มันน่าเข้าถึง
หานเซี่ยววางแผนเครือข่ายขนส่งในเขตอนุรักษ์ สร้างทางรถไฟและตารางบินปกติ นี่จำเป็นต้องใช้ต้นทุนสูง และตาข่ายมืดก็ยังไม่อาจลงทุนอะไรได้ เบนเน็ตกำลังพัฒนาเขตอนุรักษ์ใหม่ และก็ไม่มีเงินมาให้
สองปัญหามีทางออกเดียวกัน
หาคนที่เต็มใจจ่ายเงินและให้กำลังคน
โทรศัพท์ดัง เสียงของหวงยู่ดังขึ้นหลังถูกรับสาย“กลุ่มของอลูเมร่าได้มาถึงทางเข้าเขตอนุรักษ์แล้วครับ เราควรปล่อยให้พวกเขาเข้ามาเลยไหมครับ?”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหานเซี่ยวขณะกำลังเล่นกับกระสุน
“แน่นอน เราต้องให้พวกเขาเข้ามาอยู่แล้ว”
….
ขบวนรถจอดด้านนอกทางเข้าเขตอนุรักษ์ เสี่ยวจินนำคนเขามาเยือนด้วยตัวเอง คนที่มาเป็นสมาชิกตระกูลเสี่ยวซะส่วนใหญ่ ด้วยการมาของผู้นำ เขาจึงมีลูกๆมาด้วย นอกจากฝ่ายเสี่ยว ฝ่ายบ้านและฝ่ายเกาะแดงยังส่งคนของพวกเขามาด้วย
พวกเขารอตรงทางเข้าอยู่สักพัก แต่เสี่ยวจินกลับไม่แสดงสีหน้าหมดความอดทน เขารู้ดีว่าเขาคือฝ่ายมาอ้อนวอน
หลังรออยู่นาน ในที่สุดพวกเขาก็ได้เข้าไป เขากวาดตามองรอบๆและสังเกตสิ่งอำนวยความสะดวกในเขตอนุรักษ์ หลังตามหวงยู่เข้าโถงไป เขาก็ยกหัวขึ้นและเห็นหานเซี่ยวกำลังนั่งอยู่บนที่นั่งหลัก สำรวจพวกเขาด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
โดยปราศจากหน้ากาก ใบหน้านี้ในสายตาของฝ่ายเสี่ยวคือใบหน้าที่พวกเขาไม่มีทางลืม แต่ก็ไม่อาจเห็นผ่านหานเซี่ยวได้เลย มันเหมือนกับว่าเขาเป็นคนอื่น ดวงตาเขาเหมือนกำลังมองคนแปลกหน้า เสี่ยวจินไม่กล้าเรียกเขาว่าลูก เขากระแอมลำคอและกล่าวเสียงต่ำ“ปีศาจทมิฬ”
หานเซี่ยวมองพวกเขาโดยไม่แสดงสีหน้าใดและไม่ตอบกลับ เขาแค่เอนหลังพิง เล่นกับกระสุนในมือและจ้องพวกเขา
เสี่ยวจินเข้าใจเจตนาเขา เขามองเสี่ยวไห่และคนหนุ่มสาวด้านหลังเขาและผงกหัวเล็กน้อย พวกฝ่ายเสี่ยวแสดงสีหน้ากระวนกระวาย แต่หลังลังเลอยู่ไม่กี่วินาที พวกเขาก็ทักทายอย่างไม่เต็มใจ
“พ่อเลี้ยง”
“โอ้ มากันแล้วสินะ”หานเซี่ยวกล่าวเสียงเย็น หานเซี่ยวรู้ว่าเสี่ยวจินคงเดาได้ว่าจะเกิดปัญหานี้ก่อนมา และพวกเด็กๆก็ย่อมเตรียมการมา ความลังเลทั้งหมดก็แค่การแสดง เสี่ยวจินอยากให้เขาอยากให้เขากลับไปเป็นลูกชายและกระชับความสัมพันธ์พวกเขา แต่ทว่า นี่ไม่มีผลต่อเขา เพราะเขาไม่ใช่หานเซี่ยวตัวจริง
หานเซี่ยวไม่ขยับ“แล้วมากันทำไม?”
หลังเห็นสถานการณ์ เสี่ยวจินก็กล่าว“ฉันสามารถอธิบายเรื่องต่างๆในอดีตได้ พี่ชายนายอยากขอโทษนายเป็นการส่วนตัว”
เสี่ยวไห่สูดหายใจลึก สวมสีหน้าขอโทษและรีบทวนบทพูดในหัว เขาได้เตรียมมาล่วงหน้าแล้ว
เขาอยากร้องไห้มุดดิน และก็จะแสดงความเสียใจกับรู้สึกผิด จากนั้น เขาก็จะมีโอกาสได้รับการให้อภัยของหานเซี่ยว
ตราบเท่าที่ความสัมพันธ์พวกเขาฟื้นฟู อลูเมร่าย่อมสามารถพึ่งพาพลังนี้ได้ ไม่ว่าเสี่ยวไห่จะเต็มใจไหม เขาก็ต้องทำ
เสี่ยวไห่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าและเริ่มพูด
ปัง!
ทุกคนตกใจ พวกเขามองตามเสียงไป รอยกระสุนยังคงปล่อยควันออกมาใต้เท้าเสี่ยวไห่ หากเขาก้าวไปข้างหน้า กระสุนคงยิงโดนเท้าเขาไปแล้ว
เสี่ยวไห่ชะงักค้าง
ปลอกกระสุนเปล่าตกลงบนพื้น พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าสีน้ำเงินปกคลุมนิ้วเขา และควันดำก็ลอยออกจากปลายนิ้วเขา เขาใช้มือเปล่าดีดกระสุน!
พลังมันมีจำกัด แต่ก็พอทำให้ผู้คนกลัว
“ฉันไม่ต้องการคำขอโทษ เข้าเรื่องซะ”หานเซี่ยวกล่าวเสียงเย็น
สีหน้าเสี่ยวจินเปลี่ยนไป เห็นได้ชัดว่าหานเซี่ยวไม่อยากพูดถึงเรื่องอดีตและอยากคุยแค่เรื่องข้อตกลง ซึ่งขัดกับแผนเขา โดยไม่มีทางเลือก เขาทำได้แค่บอกให้เสี่ยวไห่ถอยมา
เสี่ยวไห่กัดฟันแน่น เขาเตรียมคำขอโทษไว้แลว แต่หานเซี่ยวกลับไม่แม้แต่จะชายตามองเขา
เสี่ยวจินกล่าวเสียงต่ำ“องค์กรต้นกำเนิดล่มสลายแล้ว และหกประเทศก็เป็นใหญ่สุด เนื่องจากสภาพอากาศ คนเร่ร่อนหลายคนจึงเลือกทิ้งอาณานิคมตนและเข้าร่วมหกประเทศ เมื่อหกประเทศฟื้นตัวได้ ซึ่งอีกไม่นาน พวกเขาย่อมทำการกวาดล้างเรา แม้เราจะเคยอยู่ฝ่ายหกประเทศก็ตาม…”
“เว้นแต่นายจะหาคนมาปกป้องได้”หานเซี่ยวลูบคาง
เสี่ยวจินพยักหน้า เขาอยากวางแผนสำหรับอนาคต พึ่งพาหานเซี่ยวและตาข่ายมืด
หานเซี่ยวเปลี่ยนเรื่องและกล่าว“มันถึงเวลาใช้หนี้แล้ว คงรู้สินะว่าอะไรที่ทำให้พวกนายมีจนถึงทุกวันนี้?”
เสี่ยวจินพูดไม่ออก เขาอยากแสดงไพ่ดราม่า แต่หานเซี่ยวแค่อยากคุยธุรกิจ เหมือนกับตอนที่เขารู้จักในฐานะปีศาจทมิฬเท่านั้น
“..นายอยากได้อะไร?”
“เงิน กำลังคน และย้ายคนของนายมาเขตอนุรักษ์ มันไม่ง่ายที่จะไล่ทวงหนี้หากอยู่ไกลนัก”
สีหน้าผู้มาเยือนเปลี่ยนไป
นี่หมายความว่าพวกเขาต้องทิ้งสิ่งที่ตัวเองสร้างมา พวกเขามองเสี่ยวจินและรอการตัดสินใจ
เสี่ยวจินเงียบไปสักพักและตัดสินใจยอม“ตกลง”
ดวงตาเขากำลังมองอนาคต สงครามนำพาความวุ่นวายมา แต่มันก็ยังนำมาซึ่งคำสั่ง จะมีคนเร่ร่อนน้อยลง เมื่อหกประเทศมีเวลา ความคิดของขุนพลและอาณานิคมก็จะหายไป เทียบกับการรอ มันดีกว่าที่จะหาทางออกและเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจของตระกูล
เขตอนุรักษ์ของตาข่ายมืดถือเป็นอาณานิคมเช่นกัน แต่แตกต่างจากพวกเขา หกประเทศยอมให้มีเขตอนุรักษ์ เสี่ยวจินไตร่ตรองและรู้สึกว่านี่อาจเป็นโอกาส
หลังให้คนอื่นออกไป มันก็เหลือแค่หานเซี่ยวและเสี่ยวจิน พวกเขาคุยถึงข้อตกลง และเสี่ยวจินก็ยอมความ ผลลัพธ์สุดท้ายคืออลูเมร่าต้องออกทุนก่อสร้างเครือข่ายขนส่งและค่อยๆอพยพคนมาปักหลักในนี้ รวมถึงผู้ลี้ภัยและคนเร่ร่อนภายใต้การคุ้มครองพวกเขา เพื่อเพิ่มประชากรของเขตอนุรักษ์
อลูเมร่าคือพวกที่หานเซี่ยวมองหา หานเซี่ยวไม่มีเจตนาสืบทอดความคิดของเจ้าของเดิม แต่นี่สามารถเป็นชิปเพื่อใช้อลูเมร่า ยังไงคนเหล่านี้ก็ไม่ใช่พวกดีเด่อะไร
“ได้ยินว่าเขตทางทวีปใต้นายยังมีปัญหากับลู่เฉิน…เขาเป็นเพื่อนฉัน”
เสี่ยวจินถอนหายใจ“ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง”
นอกจากอลูเมร่า หานเซี่ยวยังวางแผนดึงลู่เฉินด้วย เขาไม่คิดปล่อยอลูเมร่าให้ขยายใหญ่เพียงลำพัง ตาข่ายมืดย่อมสนับสนุนปฏิบัติการเขา
เมื่อคิดเช่นนั้น เขาก็นึกว่ายังมีพิมพ์เขียวบางอันที่เขายังไม่ได้รับจากเฒ่าหมานลู่