ตอนที่แล้ว103 ปลอบโยนจิตใจและลดความเจ็บปวด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป105 รากโป๊ยกั๊ก

104 มากับลม จากไปกับฝน


104 มากับลม จากไปกับฝน

 

“เราจะต้องได้ทานอาหารด้วยกันหลังจากที่อาการของคังดีขึ้นแน่นอนครับ” หวังเย้ายิ้มอย่างอ่อนโยน

 

“ขอบคุณครับ!” โจวฉงแสดงความซาบซึ้งใจออกมา

 

หวังเย้าขับรถกลับไปที่บ้าน เขาหาของทานอย่างง่ายๆและกลับขึ้นไปบนเนินเขา เขามีความสุขไปกับชาที่มีกลิ่นหอมโดยไม่รีบร้อน

 

เขาได้จดบันทึกรายละเอียดของแผนการวินิจฉัยโรคที่เหลียนชาน และแก้ไขปรับเปลี่ยนแผนการรักษาที่มีแต่เดิม เขาตรวจดูอีกครั้งอย่างละเอียดและทำให้มั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไร ก่อนที่จะเก็บบันทึกของเขาไป

 

เขาจดจ่ออยู่กับงานจนลืมเวลา จนกระทั่งบ่ายสี่โมง เขานำคัมภีร์จื้อหรานออกมาและท่องเสียงดังกังวาน จากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงสุนัขเห่า

 

มีคนขึ้นมาบนเนินเขาเหรอ? จะเป็นใครกัน?

 

“เฮ้ นายอยู่แต่บนนี้ทั้งวัน นายไม่เบื่อบ้างหรือยังไง?” หวังหมิงเปาล้อเมื่อเขาเดินเข้ามาในกระท่อมแล้ว

 

“ฮะฮะ ฉันชินแล้วล่ะ” หวังเย้ายิ้มและเทชา

 

“ถ้าหากว่าฉันเกิดเบื่อที่จะทำธุรกิจขึ้นมาเมื่อไหร่ ฉันจะหาซื้อเนินเขาสักลูก แล้วปลูกบ้านเอาไว้บนนั้น พร้อมกับมีสนามหญ้า สวนผักและสวนผลไม้ แล้วก็จะเลี้ยงไก่, เป็ด, วัว, แพะ และใช่ชีวิตอย่างอิสระอยู่ในชนบท” หวังหมิงเปาดื่มชาและพูด

 

“ดีสิ นายสามารถเช่าเนินเขาในหมู่บ้านแล้วอยู่เป็นเพื่อนฉันไง” หวังเย้าหัวเราะ

 

“ฉันทำแน่ แต่แค่มันยังไม่ถึงเวลาก็เท่านั้น ชีวิตข้างนอกนั้นน่าตื่นเต้นเร้าใจ และฉันก็ยังไม่เบื่อกับมัน บางทีอีกสามสิบหรือห้าสิบปี ฉันอาจจะพิจารณาเรื่องนี้” หวังหมิงเปาพูด

 

“แล้วนายต้องการอะไรรึเปล่า?”

 

“มีสิ” หวังหมิงเปาวางถ้วยชาของเขาลงและพูด “ฉันอยากจะรู้ว่าคนไข้แบบไหนที่นายสามารถรักษาได้และนายคิดค่ารักษาเท่าไหร่?”

 

“ทำไมนายถึงถามแบบนี้ล่ะ?” หวังเย้าประหลาดใจเมื่อได้ยินเขาพูด

 

“ฉันมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เขาป่วยเป็นโรคประหลาดแล้วดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถรักษาให้หายได้ ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากจะให้นายไปเจอเขาหน่อยน่ะ” หวังหมิงเปาตอบ

 

“นายได้บอกเรื่องฉันกับเขาไปรึเปล่า?”

 

“แน่นอนอยู่แล้วว่าไม่ได้บอก ฉันได้ยินเขาพูดเรื่องอาการป่วยของเขาตอนที่เรากำลังทานอาหารด้วยกัน ฉันไม่เคยพูดเรื่องของนายเลย แม้แต่กับพ่อแม่ฉันก็ไม่เคยพูด ฉันจะพูดก็ต่อเมื่อนายอนุญาตเท่านั้น ถ้านายไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ลืมมันไปเถอะ” หวังหมิงเปาพูด

 

ความจริงแล้ว หวังหมิงเปาได้ยินเรื่องนี้มาจากหุ้นส่วนทางธุรกิจในระหว่างที่ทานข้าวด้วยกัน คนคนนี่ป่วยเป็นโรคที่แปลกประหลาดและมันก็ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับเขาอย่างมาก เขาได้ไปพบหมอมาสองสามคนแต่ก็ไม่ได้ผล เขาอยากจะฉวยโอกาสนี้เอาไว้เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ ดังนั้นเขาจึงได้พูดเสียงเบา

 

“ฉันไม่สามารถรับรองได้ว่าฉันจะสามารถรักษาเขาได้รึเปล่า มันจะดีที่สุดถ้าหากนายสามารถเอาเอกสารการรักษาของเขามาให้ฉันได้” หวังเย้าพูด

 

“ฉันเข้าใจ ฉันจะขอให้เขาเอาเอกสารการแพทย์ของเขามาให้นายดูนะ” หวังหมิงเปาตอบ

 

“ได้ แต่ขอเตือนเอาไว้ก่อนว่า ฉันอาจจะรักษาเขาไม่ได้ก็ได้”

 

“ฉันเข้าใจ”

 

บางทีอาจจะเป็นเพราะอากาศที่อุ่นขึ้น จึงทำให้หวังหมิงเปาไม่รู้สึกหนาวเมื่ออยู่ภายในกระท่อมของหวังเย้า ดังนั้นในครั้งนี้เขาจึงอยู่นานกว่าทุกที

 

“มากินข้าวที่บ้านปู่ของฉันสิ ตาแก่คิดถึงนายนะ” หวังหมิงเปาพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“อย่าลำบากเลย ฉันกลับไปกินข้าวที่บ้านได้”

 

“มันไม่ใช่ปัญหาเลย แล้วฉันก็ไม่ค่อยได้กลับมาที่หมู่บ้านสักเท่าไหร่ นายก็ไม่ค่อยจะได้เข้าเมืองด้วย”

 

“ก็ได้ บอกปู่กับย่าของนายว่าไม่ต้องทำอะไรเป็นพิเศษนะ ฉันกินได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”

 

“โอเค เป็นอันว่าตกลง” เพราะแบบนั้น หวังหมิงเปาเลยลงจากเขาไปก่อน

 

เมื่อถึงช่วงเย็น หวังเย้าก็ได้ลงไปจากเนินเขาไป เขากลับไปที่บ้านเพื่อบอกพ่อกับแม่ว่าจะไม่ทานมื้อเย็นกับพวกเขา แล้วจึงนำไวน์สองขวดและนมหนึ่งกล่องไปที่บ้านของหวังหมิงเปา ของพวกนี้เขาได้มาจากญาติที่มาเยี่ยมในช่วงปีใหม่จีน

 

ผู้อาวุโสทั้งสองต่างก็ยินดีที่ได้เห็นหวังเย้า

 

หวังเย้าได้เข้าไปในห้องครัว และเห็นอาหารดีดีหลายจาน และยังมีที่ทำไม่เสร็จอยู่อีกด้วย เขาจึงรีบบอกพวกเขาว่าไม่ต้องทำเพิ่ม เพราะหกจานที่ทำไว้ก็มากพอแล้ว

 

“อีกหน่อยผมคงไม่กล้ามาที่นี่แล้ว” หวังเย้าพูด

 

“เราดีใจทุกครั้งที่เธอมา” ทั้งสองยิ้ม

 

ในตอนกลางคืน หวังเย้าก็ได้ดื่มไวน์กับพวกเขา ผู้อาวุโสทั้งสองนั้นมีความสุขมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีอายุมากกว่าเจ็ดสิบปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีเยี่ยม

 

“เย้า คราวนี้ต้องขอบคุณเธอมากเลยนะ!” ชายชรากล่าว

 

“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ หมิงเปากับผมก็เหมือนพี่น้อง คุณปู่ก็เหมือนปู่ของผม แล้วมันก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ผมไม่ได้ทำอะไรมากเลย” หวังเย้าตอบ

 

“ย่าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเธอจะมีความสามารถแบบนี้อยู่นะเย้า” หญิงชราชื่นชมเขา

 

“ก็แค่โชคดีน่ะครับ” หวังเย้าตอบ

 

มันเป็นโชคดีของเขาที่ได้รับระบบแพทย์ปรุงยามาและมันก็ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไป

 

ได้อยู่กับเพื่อนของเขา ทานอาหารและดื่มด้วยกัน พูดคุยไปเรื่อยๆและทำให้คนแก่ทั้งสองมีความสุข มันดีมากจริงๆ

 

หลังจากมื้ออาหาร คนแก่ทั้งสองก็ยืนส่งหวังเย้าและหวังหมิงเปาก็ได้เดินไปเป็นเพื่อนเขา

 

“มันดึกมาแล้ว นายยังจะกลับขึ้นไปบนเนินเขาอยู่อีกเหรอ?”

 

“ใช่ ฉันชินกับมันแล้วล่ะ นายกลับบ้านไปเถอะ ไม่ต้องมายืนส่งฉันแบบนี้หรอก”

 

“โอเค ฉันจะยืนส่งนายตรงนี้แหละ ระวังตัวล่ะ”

 

“ไม่มีปัญหา”

 

ในสามปีที่ผ่านมา หวังเย้าเดินจากหมู่บ้านไปเนินเขาหนานชานมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ในตอนกลางวัน ฝนตก หิมะตก หรือมีลมพัดแรง เขาก็คุ้นเคยกับถนนเส้นนี้เป็นอย่างดี เขาสามารถหลับตาเดินได้เลย

 

เมื่อขึ้นมาถึงบนเนินเขาแล้ว หวังเย้าก็ยังไม่ได้เข้านอนในทันที เขาได้เทน้ำอุ่น ท่องคัมภีร์แล้วจึงเข้านอน

 

วันต่อมา ท้องฟ้ามีเมฆมากและพระอาทิตย์ได้ส่องลอดผ่านชั้นเมฆลงมา อากาศเริ่มอุ่นขึ้น

 

ตังกุย, ฟู่หลิง, สมุนไพรราก...

 

หวังเย้าได้เตรียมสมุนไพรอยู่ภายในกระท่อม เขาตั้งใจที่จะทำอันเฉินซานสำหรับเด็กชาย เพื่อดูว่ามันจะช่วยเขาได้ไหม สำหรับสมุนไพรที่ใช้ต้มยาตัวนี้ เขาก็ได้เตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว

 

ในช่วงบ่ายของวัน ภายในกระท่อมก็มีกลิ่นของสมุนไพรลอยไปทั่ว

 

ฟืนกำลังเผาไหม้และด้านบนของไฟก็มีน้ำแร่โบราณที่กำลังเดือดอยู่ภายในหม้อ สมุนไพรหลายตัวอยู่ภายในหม้อกำลังค่อยๆผสมเข้ากับน้ำแร่โบราณอย่างช้าๆ

 

เขาคุ้นเคยกับยาสูตรนี้ดี

 

เมื่อเห็นน้ำในหม้อกำลังเปลี่ยนสี ได้กลิ่นของสมุนไพรลอยออกมา คำนวนเวลาการต้ม ใส่สมุนไพรตัวสุดท้ายลงไป และรอให้สมุนไพรละลายในน้ำเดือด ยาก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย!

 

ยาสมุนไพรตัวนี้จะช่วยให้จิตใจสงบได้ ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้การรักษาโรคของเด็กชายเป็นไปในทางที่ถูกต้อง หลังจากนั้น เขาก็ต้องหาวิธีบรรเทาความเจ็บปวดของอวัยวะภายใน โดยเฉพาะลำไส้ เพื่อทำให้เด็กชายสามารถนอนหลับได้ดีขึ้นในตอนกลางคืน

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด