ตอนที่ 285 จุดจบ 2
“เทียบกับมลภาวะที่เกิดในอดีต...และจะเกิดในอนาคต ฉันรู้สึกว่ามันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าที่จะตัดต้นไม้แกลง”หานเซี่ยวกล่าวเยาะ
ในชีวิตก่อนหน้าเขา ไม่มีผู้เล่นที่สามารถขุดต้นกำเนิดของผู้นำได้ มันยากที่จะค้นหาตัวตนจริงของคนธรรมดาในยุคสงครามได้ หลังหานเซี่ยวได้ยินคำอธิบายของผู้นำ เขาเข้าใจได้ชัดเจนขึ้น
ผู้นำคือผู้รักชาติ หนึ่งในพลเมืองกอลลัมที่รอดพ้นจากการรุกรานของเรย์เร็น เขาซ่อนในความมืด ต่อสู้เฉียดตายเพื่อทะลวงผ่านและไขว่คว้าพลัง หนึ่งในยอดมนุษย์ที่ริเริ่มด้วยการเป็นคนปกติและไปถึงจุดสูงสุดของดาว
ตอนนี้เขาพบกับจุดจบ เขาตัดสินใจยอมตายดีกว่าประนีประนอม เห็นได้ชัดว่าความเกลียดชังฝังลึกในกระดูกเขา
ประสบการณ์ของตัวละครหลักดาวน่าสนใจจริงๆ ตัวละครหลักทุกตัวมีประวัติที่สามารถขุดลึกได้ หานเซี่ยวคิดด้วยความรู้สึกหลากหลาย
เมื่อเขายังอ่อนแอมาก ผู้นำเหมือนกับขุนเขา และเขาก็ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังและแข็งแกร่งขึ้น ท้ายที่สุด เขาก็ได้รับพลังพอจะเผชิญหน้าและต่อสู้กับองค์กรต้นกำเนิด
องค์กรต้นกำเนิดคือศัตรูหลักของดาวเคราะห์อความารีนเวอร์ชั่น1.0 หานเซี่ยวยังมีส่วนร่วมในเรื่องราวนี้ในฐานะผู้เล่น ตอนนี้เขาเป็นตัวตนอื่น ผลกระทบเขาย่อมมากกว่า และมันก็แตกต่างออกไป แม้หานเซี่ยวจะดูสงบมาก มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขายินดีกับชัยชนะ ยังมีความสำนึกอยู่ในใจเขา
ผู้นำส่ายหัวและกล่าว“ฉันไม่คิดเลยว่าวัตถุทดลองที่หลบหนีไปจะตายเป็นศัตรูตัวฉกาจฉัน เมื่อแกขโมยความลับและทำลายการซุ่มโจมตีฉัน ฉันก็รู้แล้วว่าองค์กรต้นกำเนิดย่อมแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย ฉันไม่คิดยอมแพ้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ มันทำได้แค่ดิ้นรนก่อนตาย”
เพราะเขาทำนายไว้นานแล้ว ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน เขาก็ไม่แปลกใจ เมื่อเห็นองค์กรที่เขาสร้างค่อยๆดิ่งลงเหว เขาก็ยังสงบ
“สำหรับฉัน ความพ่ายแพ้หมายถึงความตาย หกประเทศอยากเห็นฉันยอมแพ้เพื่อที่พวกเขาจะได้รับความรู้ทั้งหมดขององค์กรต้นกำเนิด ฉันจะไม่มีทางมอบให้พวกมัน”
หานเซี่ยวเลิกคิ้ว“เกี่ยวกับเรื่องนั้น ฉันได้ยินว่าแกจับตัวประกันไว้ หากแกระเบิดตัว ทั้งหมดก็จะต้องตาย และนิวเคลียร์ก็จะส่งผลถึงสภาพอากาศ ทำให้สภาพแวดล้อมทั้งดาวย่ำแย่ เป็นอันตรายต่ออนาคตทุกคนบนดาว แกแน่ใจนะว่าต้องการมัน?”
ผู้นำเงียบ เสียงลมหายใจคือเสียงเดียวจากลำโพง หานเซี่ยวไม่รีบ เขามองอย่างใจเย็น
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้นำก็พูดด้วยเสียงเบา
“แกกำลังเกลี้ยกล่อมให้ฉันยอมจำนน?”
หานเซี่ยวยักไหล่และกล่าว“ฉันไม่คิดทำอยู่แล้ว เพราะแกดูไม่เหมือนคนที่เกลี้ยกล่อมได้ แต่คนที่อยู่ตรงข้ามฉันต้องการให้ทำ..”
เขาอยู่ในห้องประชุมของเขตอนุรักษ์หนึ่ง ถือแล็บท็อปและนั่งบนโซฟา เบนเน็ตนั่งตรงข้ามเขาและฟังการสนทนาทั้งหมด เขาใช้สัญญาณมือเพื่อบอกให้หานเซี่ยวเกลี้ยกล่อมอยู่ตลอด ความสูญเสียของทั้งสองฝ่ายเป็นสิ่งที่เบนเน็ตไม่อยากเห็น
หานเซี่ยวรู้สึกว่าเบนเน็ตกำลังฝันกลางวัน สำหรับเขา การโน้มน้าวใจมันหมายถึงการเติมเชื้อเพลิง แม้ผู้นำจะคิดยอมแพ้แต่แรก เขาก็อาจเปลี่ยนใจหลังเห็นหน้าหานเซี่ยว โชคดี ผู้นำมักแน่วแน่ หรือเขาค่อนข้างกังวล..รอเดี๋ยว ตรรกะนั่นแปลกๆ
เบนเน็ตยังให้สัญญาณเขา หานเซี่ยวไม่มีทางเลือกนอกจากลองดู หรือเบนเน็ตจะดุด่าเขาเหมือนแม่
“ฉันอยากเอาทุกคนไปกับฉันด้วย”ผู้นำกล่าวด้วยความมุ่งร้าย“โลกนี้ควรรับรู้ความเจ็บปวด!”
ปากของหานเซี่ยวเปิดกว้าง
เพน?![คำพ้องเสียง อ้างอิงถึงเพนในนารุโต๊ะ]
ผู้นำหรี่ตา“ฉันเกลียดโลกนี้-ทำไมฉันถึงต้องสนใจ?ต่อให้หกประเทศชนะ ก็อย่าคิดฝันว่าจะไม่เสียอะไร!หกประเทศคือฆาตกรเหมือนกัน มายืนอยู่บนจุดนีได้หลังทำลายประเทศนับไม่ถ้วน พวกเขายืนบนเศษซากและยกย่องการกระทำตนเอง ผู้ชนะมักเป็นความยุติธรรม และหนี้เลือดเหล่านี้ล้วนถูกกลบฝังในประวัติศาสตร์ ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครพบ และไม่มีใครจะสู้เพื่อความยุติธรรมของยุคเก่า รัฐบาลกลางเหล่านี้เสพสุขมานานเกินไป และมันถึงเวลาต้องจ่ายหนี้แล้ว!”
ผู้นำไม่สนว่าโลกจะเกิดอะไรขึ้นหลังเขาตาย เขาอยากทรยศต่อผู้อื่นมากกว่าถูกหักหลัง แม้คนธรรมดาก็อาจรู้สึกเหมือนกัน ไม่ต้องกล่าวถึงความมุ่งร้าย ทะเยอทะยาน
หานเซี่ยวไม่แสดงความคิดเห็น ผลลัพธ์ของนิวเคลียร์แทบไม่มีผลต่อเขา เพราะเขากำลังจะออกจากดาวไป นอกจากนี้ เวอร์ชั่นต่อไปก็คือมหันตภัยกลายพันธ์ และเทียบกันแล้ว ภัยพิบัติทางอากาศนี้ไม่นับว่าเป็นอะไร
องค์กรต้นกำเนิดได้อยู่รอดในชีวิตก่อนหน้าเขา และยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการที่พวกเขากลับมาอีกครั้ง ตอนนี้องค์กรต้นกำเนิดถูกทำลายไปแล้ว แต่มันก็ยังนำมาซึ่งผลกระทบทางลบระยะยาว สำหรับคนอื่น หานเซี่ยวไม่รู้ แต่สำหรับเขา ภารกิจ[การล่มสลายขององค์กรต้นกำเนิด]เขาย่อมลุลวง
สำหรับคนอื่นบนอความารีนที่ไม่รู้เรื่องนี้ ผลลัพธ์ของนิวเคลียร์น่ากลัวมาก สภาพอากาศเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับชีวิตพวกเขา และไม่มีใครต้องการให้สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม
เมี่อนั่งตรงข้าม เบนเน็ตก็วิตก เขาหวังว่าตัวเองจะบินไปสำนักงานใหญ่องค์กรต้นกำเนิดได้และฆ่าผู้นำก่อนเขาจะกดปุ่ม
หานเซี่ยวมองนาฬิกาและกล่าวช้าๆ’ยังมีเวลาจนกว่าจะถึงเส้นตายที่หกประเทศมอบไว้ แกไม่คิดรออีกหน่อยหรอ?”
“ฉันชอบตัดสินเวลาตายด้วยตัวเอง”ดวงตาผู้นำหนักแน่น เขาเอื้อมมือออกไป จับกุญแจยิงนิวเคลียร์และเริ่มบิดช้าๆ
แรงกดดันกลับออกมาจากหน้าจอ และการเคลื่อนไหวของผู้นำก็ดูเชื่องช้า เบนเน็ตจับแขนโซฟาแน่นจนหนังฉีก
ทุกๆองศาที่เขาหมุน หนึ่งวินาทีจะลดลงไปจากนาฬิกานับถอยหลัง
เข็มวินาทีทค่อยๆชี้ไปยังผลลัพธ์สุดท้าย
หานเซี่ยวมองใบหน้าผู้นำอย่างใจเย็นและถาม“ฉันไม่เคยได้ยินชื่อแกมาก่อนเลย”
“ชื่อของฉัน?”ผู้นำยกมุมปากและยิ้มดุร้าย“ไม่สำคัญหรอก”
“แกพูดถูก...งั้นก็ลาก่อน”หานเซี่ยวถอนหายใจและโบกมือ
กุญแจหมุนครบ180องศา
เสียงแผ่นดดินไหวดังออกจากหน้าจอ นั่นคือเสียงของขีปนาวุธที่กำลังยิงขึ้นฟ้า
ผู้นำถอนมือและนั่งบนเก้าอี้เหมือนรูปปั้น ในเวลานั้น น้ำเสียงเขาไม่มีความเกลียดชัง เสียใจ หรืออะไรทั้งนั้น ไม่มีแม้กระทั่งอารมณ์รุนแรง เหมือนเพื่อนบ้านเก่าที่เจอหน้ากัน เขาพยักหน้าให้หานเซี่ยว
“ลาก่อน”
…
“คำเตือน!คำเตือน!มีวัตถุกำลังพุ่งขึ้นสูงจากสำนักงานใหญ่องค์กรต้นกำเนิด!”
เจ้าหน้าที่ทหารทั้งหมดในห้องประชุมยืนขึ้นด้วยความตกใจ นี่คือสถานการณ์ที่เลวร้ายสุด แม้ผู้คนจะเตรียมความพร้อมไว้แล้ว แต่เมื่อมาถึงช่วงเวลานี้ พวกเขาก็ยังยากจะยอมรับ
ระเบิดนิวเคลียร์ได้ฆ่าตัวประกัน ทำให้เกิดมลภาวะ แผดเผาสำนักงานใหญ่องค์กรต้นกำเนิดเป็นจุล เทคโนโลยีนับไม่ถ้วนสูญหายไปตลอดกาล...มันไม่อาจถือได้ว่าเป็นชัยชนะของฝ่ายไหน
“เปิดระบบต่อต้านรึยัง?”ผู้ช่วยพูดเสียงสั่น
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดไม่มีทางเลือก คำตอบพวกเขาเหมือนกัน“เปิดเดี๋ยวนี้!”
ในสำนักงานใหญ่องค์กรต้นกำเนิด พื้นและอาคารสั่นเล็กน้อย ทหารองค์กรต้นกำเนิดแหงนมองฟ้าผ่านหน้าต่างและเห็นขีปนาวุธพุ่งขึ้นไปทีละลูก
บรรยากาศของความเงียบและความตายแพร่กระจายออกไป ทุกคนรู้การตัดสินของผู้นำและสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
น้ำตา ความสิ้นหวัง ความบ้าคลั่ง เสียงกรีดร้อง เฉยเมย...
อารมณ์ต่างๆนับไม่ถ้วนผุดขึ้นก่อนตาย
ในท้องฟ้าไกลออกไป วัตถุสีดำจำนวนมากเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว บางอันปะทะกับขีปนาวุธที่พุ่งสูง และบางออันก็ทิ้งใส่สำนักงานใหญ่
ฮืม-
เสียงแรกคือเสียงระเบิดแรงสูงที่ดับหูมนุษย์ คนส่วนใหญ่ในค่ายหกประเทศปิดหูตัวเอง แต่เลือดยังคงไหลออกมา
เสาไฟเส้นผ่าศูนย์กลางสิบกิโลเมตรยิงขึ้นฟ้า กลุ่มฐานสลายตัวทันที ฝุ่นดำทะลักออกจากแสงไฟเบาบางและค่อยๆกลายเป็นเห็ดดำควบแน่น
ในค่ายหกประเทศ ผู้คนมองเห็นแค่แสงสขาว แสงมีอุณหภูมิทำให้ตาบอดชั่วคราว และแม้กระทั่งยอดมนุษย์ก็ต้องหลับตา ไม่มีใครสามารถคงความเป็นธรรมชาติไว้ได้ต่อพลังนี้ ทุกคนรู้สึกเล็กด้อยและไม่สำคัญ เหมือนพวกเขากลายเป็นทราย ไม่อาจควบคุมชะตากรรมตัวเองได้ พวกเขาสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม
แม้แต่ในพื้นที่อื่นๆ ไฟก็ยังสามารถเห็นได้ผ่านเมฆเหนือองค์กรต้นกำเนิดบนขอบฟ้า และเมฆก็ก่อตัวเป็นวงกลม
หลังจากนั้น แสงไฟก็ส่องเป็นครั้งที่สอง เปล่งคลื่นความร้อนสีเหลืองผสมฝุ่นและขี้เถ้า ทุกสิ่งที่มันพัดผ่าน พื้นจะแตกและอาคารจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เศษโลหะปลิวว่อนเหมือนขนนก ตกลงบนถิ่นทุรกันดารเหมือนสายฝน
ท้ายที่สุดคลื่นก็มาถึงค่าย เหมือนลมหายใจของเทพสายลม เต็นท์ปลิว หมุนเหมือนเมล็ด ยานพาหนะกลิ้งเหมือนลูกบอล สำหรับคนที่นั่น กระดูกหักเป็นแค่การบาดเจ็บเล็กน้อย ผู้เล่นที่กำลังมองตกใจและตื่นเต้น พวกเขาบันทึกช่วงเวลาและไม่อยากพลาดอะไร
ด้วยคลื่นที่กำลังขยายตัว และความถี่ที่สามารถระเบิดหูมนุษย์
บูม!
เสียงฟังดูเหมือนท้องฟ้าถล่ม!
ค่ายด้านหลังล้มและผู้บัญชาการก็สั่งให้ทหารถอย
ไฟส่องสว่างอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในถิ่นทุรกันดาร ภาพนี้เป็นเหมือนการลงโทษจากพระเจ้าและเมฆเห็ดที่ร่วงหล่นก็เปลี่ยนเป็นรูปร่างเหมือนรอยยิ้มปีศาจ
ผู้นำไม่เชื่อและองค์กรทที่เขาสร้างก็เปลี่ยนเป็นพลุสว่างไสวซึ่งส่องไปทั่วฟ้า
องค์กรต้นกำเนิดจบลงแล้ว
ระเบิดนิวเคลียร์ได้เผาสำนักงานใหญ่เป็นจุดจบของสงครามอความารีน
...
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหกประเทศเป็นเจ้าภาพการประชุมฉุกเฉิน ศัตรูพ่ายไปแล้ว แต่ผลกระทบที่ตามมาไม่ได้มองในแง่ดี
“ตามขนาดของการระเบิด ภูมิอากาศได้สร้างแบบจำลองขึ้น ฝุ่นรังสีชุดแรกจะเข้าสู่วงจรบรรยากาศในอีก3-6ชั่วโมงข้างหน้า ภายในเดือนหน้า แอนเดรียจะกลายเป็นเหมือนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในช่วงเวลานั้น ดินจะไม่เหมาะกับสิ่งมีชีวิตใด พืชและสัตว์จะตาย และดดินจะกลายเป็นเขตแห่งความตาย รังสีจะไปถึงบริเวณทะเลใกล้แอนเดรีย ซึ่งอาจทำให้ห่วงโซ่อาหารทะเลพังลง สิ่งมีชีวิตทะเลบางตัวอาจผ่านการกลายพันธ์
“รังสีความหนาแน่นสูงและมลภาวะจะเข้าสู่วัฏจักรของทะเล จากนั้นก็กระจายไปทั่วโลกผ่านฝน กระบวนการนี้จะกินเวลาประมาณ3-5ร้อยวัน จากนั้น สภาพภูมิอากาศของโลกจะเริ่มแย่ลง พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมีขนาดใหญ่มากกว่าการเสื่อมสภาพ มันไม่รุนแรงมากนักในช่วงแรก แต่มันจะสร้างความเสียหายอย่างแรกต่อบรรยากาศและมีผลกระทบด้านลบ มันอาจยาวนานเป็นสิบปี ครานี้ เทคโนโลยีของดาวทั้งหมดอาจก้าวหน้าไม่ได้อีกและอาจด้อยลง”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหกประเทศมีสีหน้าจริงจัง นี่ไม่ใช่เกี่ยวกับประเทศเท่านั้น แต่มันพูดถึงโลกทั้งใบ
เจ้าหน้าที่ต่อต้านสงครามทุบโต๊ะและกล่าวอย่างโกรธแค้น“ดูสิ!ดูสิ่งที่พวกคุณทำ!กองทัพเราประสบความสูญเสีย ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรหลังชนะ มันยังนำไปสู่ผลลัพธ์เลวร้าย เราไม่ควรเริ่มสงครามตั้งแต่ต้น!เราควรปล่อยให้องค์กรต้นกำเนิดซ่อนในแอนเดรียและหยุดหลังเราทำลายฐานย่อย!”
ย้อนกลับไป เมื่อสงครามกวาดล้างถูกตัดสิน นักการเมืองบางคนต่อต้านสงครามเพราะเมื่อสงครามเริ่ม ทรัพยากรและอำนาจจะขึ้นอยู่กับกองทัพ แน่นอน เจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนไม่มีความสุข แต่ทว่า เสียงข้างมากได้กลบเสียงพวกเขา ตอนนี้พวกเขามีข้อแก้ตัวแล้ว พวกเขาตัดสินใจยืนหยัดเพื่อตัวเอง
“เรามาถึงจุดนี้แล้ว อย่าพูดอะไรที่ไร้ประโยชน์อีก”
อย่างน้อยผลลัพธ์ก็ยังบันทึกได้
“เราควรปิดข่าวและไม่บอกให้พลเรือนรู้?”
“มีคนจำนวนมากรู้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นหรอก ประกาศมันเถอะ”
“ผู้คนจะประท้วงและตำหนิเราอย่างแน่นอน”
“ไม่สำคัญ สงครามจบลงแล้ว สิ่งที่เราต้องเผชิญตอนนี้คือหายนะที่จะเกิดขึ้นตามมา ปล่อยให้ทุกคนรู้ว่าเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว และพวกเขาก็ควรทิ้งอดีตไว้ เราต้องจับมือกันไป”
“งั้น...”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศต่างๆได้พูดคุยกับถึงข้อเสนอ
...
เบนเน็ตเดินกลับมาในห้องด้วยสีหน้าโกรธเคือง หานเซี่ยวนั่งบนโซฟา เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าสีฟ้านอกหน้าต่างและส่ายหัว
ผู้นำได้ทิ้งหายนะไว้
องค์กรต้นกำเนิดถือว่าเป็นบอสตนแรกที่เขาเผชิญและเนื้อเรื่องหลักบนดาวก็ถูกทำลายโดยเขา เขาเริ่มชอบความรู้สึกนี้
ไม่ว่าอดีตของผู้นำจะเป็นยังไง เขาก็เป็นศัตรู หานเซี่ยวไม่ค่อยแสดงความเมตตาต่อศัตรู ชัยชนะหมายถึงชัยชนะ และไม่จำเป็นที่ผู้ชนะต้องมาเสียใจและสำนึกผิด
หานเซี่ยวตื่นเต้นมาก เขาเปิดหน้าต่างสถานะและเรียกดูการแจ้งเตือน
ท่านได้รับแต้มตำนานดาว-[ผู้สังหารองค์กรต้นกำเนิด]
ภารกิจเนื้อเรื่องหลักเกรดA[การล่มสลายขององค์กรต้นกำเนิด]
เกรด : ไม่น่าเชื่อ
ท่ทานได้รับรางวัลภารกิจสำหรับเกรดไม่น่าเชื่อ
กำลังคำนวณรางวัล...
กำลังคำนวณรางวัล...
โปรดรอสักครู่...