102 ร้อนราวกับไฟ
102 ร้อนราวกับไฟ
สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือภาวนา ให้ชายหนุ่มที่เพื่อนของเขาแนะนำคนนี้สามารถรักษาลูกชายของเขาได้ หรืออย่างน้อยก็ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลูกชายของเขาก็ยังดี
ในเช้าของวันต่อมา พระอาทิตย์ส่องสว่างมอบความอบอุ่น ดูเหมือนว่าวันนี้เป็นวันที่ดีวันหนึ่ง
หวังเย้าเตรียมสมุนไพร เก็บฟืน และจุดไฟ สมุนไพรถูกใส่ลงไปในหม้อและน้ำก็เริ่มเดือดขึ้นเรื่อยๆ แล้วกลิ่นของสมุนไพรก็ลอยไปทั่วกระท่อม ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การต้มยาครั้งแรก แต่หวังเย้าก็ยังคงระมัดระวังและทำตามขั้นตอนอย่างละเอียดรอบคอบ
ในที่สุด ซุปเป่ยหยวนก็ต้มเสร็จแล้ว เขารู้สึกได้ถึงความสำเร็จทุกครั้งที่เขาได้ต้มยาเสมอ โดยเฉพาะยาที่ทำจากสูตรของระบบ
ในขณะที่หวังเย้ากำลังต้มซุปเป่ยหยวนอยู่นั้น ในเหลียนชาน ภายในโรงแรมแห่งหนึ่งที่โจวฉงและลูกชายพักอยู่ ก็ได้มีแขกมาเยี่ยมพวกเขา
“ฉีเชิง นายมีเวลามาหาฉันได้แล้วเหรอ?”
“ฉันทำงานที่ทางนั้นให้มาเสร็จแล้ว และไหนๆฉันก็มีเรื่องต้องมาทำที่นี่อยู่แล้ว ฉันก็เลยคิดว่าควรจะมาเยี่ยมนายสักหน่อยน่ะ แล้วคังเป็นยังไงบ้าง?” ฉีเชิงได้มาหาพวกเขา เขาและโจวฉงนั้นเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันมานานและเป็นหนี้บุญคุณกัน นั้นจึงทำให้เขายอมเสี่ยงที่จะทำในเรื่องที่อาจจะทำให้หวังเย้าไม่พอใจได้ นั้นก็คือการบอกเรื่องของหวังเย้ากับโจวฉง
“เหมือนเดิม” โจวฉงตอบ
“แล้วเขายอมไหม?” ฉีเชิงถาม
“ยอม และได้วางแผนการรักษาเอาไว้แล้ว”
โจวฉงบอกเพื่อนของเขาเกี่ยวกับรายละเอียดการรักษาที่หวังเย้าได้วางเอาไว้
“โอเค ดีแล้วที่เขายอม” เหอฉีเชิงสบายใจขึ้น
“เขาจะเก่งอย่างที่นายบอกจริงๆเหรอ?” โจวฉงถาม
“เขาเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ ไม่อย่างนั้นฉันไม่แนะนำเขาให้นายหรอก แล้วเขาจะรักษาคังได้หรือไม่ เราก็ต้องลองและรอดูกันต่อไป” ฉีเชิงพูด
“โอเค” โจวฉงพยักหน้าและจุดบุหรี่
“ฉันจำได้ว่านายไม่สูบหรือดื่มนี่ ครั้งก่อนที่ฉันเจอนาย นายก็เพิ่งเริ่มดื่ม แล้วมาตอนนี้นายก็เริ่มสูบอีกเหรอ?” เหอฉีเชิงถาม
“ใช่ แต่ไม่บ่อยหรอก”
โจวฉงนั้นเป็นกังวลเกี่ยวกับลูกชายของเขา และนิสัยพวกนี้ก็เกิดจากความกังวลเหล่านี้
“ทักษะเมื่อก่อนที่นายมี ตอนนี้เหลืออยู่เท่าไหร่?”
“เอ่อ” โจวฉงลังเลอยู่สักพัก “มันก็ไม่เต็มสิบแต่ก็ยังพอเหลืออยู่”
จากนั้นเขาก็ปล่อยพลังกระจายออกมาจากร่าง มันร้อนแรงราวกับไฟ
“ดีที่นายยังมีทักษะนั้นอยู่ แล้วพ่อแม่ของนายเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ดี แต่พวกเขาก็เอาแต่กังวลเรื่องของคังนั้นแหละ”
เหอฉีเชิงเงียบไปสักพัก ก่อนที่จะพูด “เขาจะค่อยกลับมาดีขึ้น แต่นายก็อย่าเพิ่งล้มไปก่อนล่ะ”
“ฉันจะพยายาม”
...
อีกวันหลังจากที่ยาทำเสร็จแล้ว หวังเย้าได้โทรหาโจวฉงเพื่อนัดเวลาเจอกัน ในตอนกลางวัน เขาก็ได้นำยาเข้าไปที่เหลียนชาน ภายในห้องโรงแรมที่โจวฉงและลูกชายของเขาอยู่นั้น เขาก็ต้องประหลาดใจที่ได้พบว่าเหอฉีเชิงก็อยู่ที่นั้นด้วย
“สวัสดีครับ” เหอฉีเชิงยิ้ม
“ไฮ คุณก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ผมมาทำธุระที่นี่และพอดีมีเวลาเลยแวะมาเยี่ยมพวกเขาน่ะ”
ทั้งสามคนนั่งลงและคุยกัน หัวข้อหลักก็คือเรื่องสุขภาพของคัง เหอฉีเชิงอยู่ราวยี่สิบนาทีแล้วจึงได้จากไป หลังจากที่เขาไปแล้ว หวังเย้าก็ได้นำซุปเป่ยหยวนออกมาและมอบมันให้กับโจวฉง
“ผมทำยาตัวนี้มาให้ลูกชายของคุณ ภายในสองวัน ให้เขาดื่มตอนอุ่น หกครั้งต่อวัน”
“ได้ครับ” โจวฉงรับขวดกระเบื้องที่บรรจุยาเอาไว้ไป
ในซุปเป่ยหยวนตัวนี้ หวังเย้าได้ทำออกมาเป็นพิเศษ โดยคำนึงถึงคังที่ยังเป็นเด็กอยู่ เขาจึงได้ลดปริมาณของตัวยาให้เหลือเพียงครึ่งเดียวและให้เพิ่มจำนวนครั้งในการดื่มยาต่อวันแทน ด้วยการคำนึงถึงว่าร่างกายของคังนั้นไม่ได้แข็งแรงเหมือนคนทั่วไปและอาจจะไม่สามารถทนฤทธิ์ของตัวยาได้ ถึงแม้ว่ายาตัวนี้จะมีฤทธิ์ที่เบาบางแค่ไหนก็ตาม
“มาคัง มาดื่มยา”
โจวฉงเอาซุปที่อุ่นแล้วให้กับลูกชายดื่มหนึ่งถ้วย
หวังเย้ายังไม่ได้จากไปไหน เขายังอยู่ที่โรงแรมต่อ หลังจากที่เด็กชายได้ดื่มยาไปหนึ่งชั่วโมง หวังเย้าก็ได้จับชีพจรของเด็กชาย
“ดี ยาตัวนี้ได้ผล”
ในเวลาหนึ่งชั่วโมง เขาสามารถรับรู้ได้จากเส้นชีพจรว่าร่างกายของเด็กชายนั้นมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น นี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าสูตรยาของระบบตัวนี้มีประสิทธิภาพและแผนการรักษาของเขานั้นไปถูกทางแล้ว
“อีกสามวันผมจะมาที่นี่อีก แล้วอีกอย่าง ในตอนกลางคืนเขาหลับสนิทรึเปล่า?” หวังเย้าถาม เมื่อมองท่าทางที่เซื่องซึมและถุงใต้ตา หวังเย้าก็เดาได้ว่าเด็กชายคงไม่อาจจะหลับได้สนิทเพราะความทรมานจากอาการป่วยของเขา
“ใช่ครับ เพราะอาการป่วยและแขนที่เย็นเฉียบของเขา หลายปีที่เข้ารับการรักษาและกินยามากมาย ทำให้เกิดการระคายเคืองที่ลำไส้และเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาปวดท้อง มันเลยทำให้เขาหลับไปสนิทน่ะครับ” โจวฉงตอบ
หวังเย้าไม่ได้พูดอะไร เขากำลังคิดว่า แผนการรักษาของเขานั้นยังไม่ครอบคลุมพอและจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงเพิ่ม
“ฉันจะหาทางแก้ไขเรื่องนี้ นี้คือเรื่องที่ควรปฏิบัติ มันเป็นการปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตในแต่ละวันของเขา ลองเอาไปดู” หวังเย้าส่งรายการการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันให้กับโจวฉง นี้คือสิ่งที่เขาได้คิดขึ้นมาในสามวันที่ผ่านมา มันจะช่วยป้องกันไม่ให้อาการแย่ลง มีทั้งเรื่องของอาหาร การออกกำลังกายและอีกหลายๆอย่าง มันยังเป็นการช่วยเสริมแผนการรักษาของเขาอีกด้วย
“โอเค ขอบคุณครับ”
หลังจากที่จ่ายยาและให้คำแนะนำเรียบร้อยแล้ว หวังเย้าก็จากไป
“คัง รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” โจวฉงถามลูกชายของเขาหลังจากที่หวังเย้าไปแล้ว
เขายังคงไม่ค่อยเชื่อในความสามารถของหวังเย้าสักเท่าไร เพราะถึงยังไงเขาก็ยังอายุน้อย ทักษะทางการแพทย์ของเขามันจะสูงขนาดไหนเชียว? ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงที่ลูกชายของเขาป่วย เขาได้เคยเสาะหาหมอในทุกที่และพบกับสถานการณ์ที่หลากหลาย ในบางที่ที่เขาไป ใบสั่งยาของหมอที่ได้มานอกจากจะไม่ช่วยเรื่องอาการป่วยแล้ว มันยังเพิ่มความเสียหายให้กับร่างกายของลูกชายเขาและทำให้มีโรคแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นมา
“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ แต่ร่างกายของผมรู้สึกอุ่นขึ้น”
“โอเค ถ้าลูกรู้สึกไม่สบายขึ้นมา จำเอาไว้ว่าต้องรีบบอกพ่อให้เร็วที่สุด”
“ผมรู้ครับพ่อ” โจวหวูคังยิ้มบาง แม้แต่รอยยิ้มของเขาก็ยังดูสิ้นหวังและไร้พลัง
“โอเค” โจวฉงขยี้ผมที่แห้งของลูกชายและฝืนยิ้มออกมา เขาจะต้องแสดงความมั่นใจและความหวังให้กับลูกชายของเขาได้เห็น เพื่อให้เขาเชื่อมั่นที่จะอดทนและไม่ยอมแพ้