101 โรคทีถูกมัดเป็นปม
101 โรคทีถูกมัดเป็นปม
“หลายวันมานี้ลูกคิดอะไรอยู่?” คืนนั้น ในขณะที่กำลังทานอาหารกันอยู่ แม่ของหวังเย้าก็ถามขึ้นมา เธอสังเกตุได้ว่า หวังเย้านั้นดูเหม่อลอย แม้กระทั่งตอนที่กำลังทานข้าวอยู่
“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่กำลังคิดถึงอาการป่วยของคนไข้คนหนึ่งอยู่” หวังเย้ายิ้ม
“คนไข้? คนไข้แบบไหนกัน?”
“เด็กคนหนึ่งครับ” หวังเย้าตอบสั้นๆ
“อาการหนักไหม?”
“ไม่หนักหรอกครับ โถ่ อย่ากังวลไปเลยครับแม่!” หวังเย้ายิ้มให้แม่ของเขา
“โอเค อย่าลืมว่าลูกยังไม่มีใบรับรองล่ะ อย่าให้คนอื่นมาเอาเปรียบลูกได้” แม่เตือนเขาด้วยความเป็นห่วง
“ผมรู้ครับ”
ในเมื่อแผนการรักษาได้ถูกวางเอาไว้คร่าวๆแล้ว หวังเย้าจึงได้นัดกับโจวฉงเพื่อปรึกษากัน เมื่อได้รู้ถึงแผนการรักษาแล้ว โจวฉงก็เห็นด้วย นอกจากเรื่องของแผนการรักษาแล้ว หวังเย้ายังได้บอกกับโจวฉงเกี่ยวกับกฎของเขา เรื่องสำคัญที่สุดก็คือห้ามเปิดเผยเรื่องของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต หวังเย้าให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ
“เรื่องนี้...” โจวฉงรู้สึกเสียใจ
“หืม?” หวังเย้าเห็นท่าทางของเขา ก็สงสัยขึ้นมา
“ผมได้บอกครอบครัว ก่อนที่จะมาที่เหลียนชาน ดังนั้นพ่อแม่ของผมจึงรู้เรื่องนี้แล้ว แต่ผมไม่ได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับตัวคุณนะครับ” โจวฉงพูด
“ช่วยบอกพวกเขาว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับคนอื่นด้วยนะครับ”
“ได้แน่นอนครับ”
จากสิ่งที่หวังเย้าขอเขา โจวฉงพร้อมที่จะเห็นด้วยและรู้สึกว่ามันมีเหตุผล
“ด้วยอาการป่วยของลูกชายคุณ ขอให้ทำใจเอาไว้ด้วยนะครับ ผมไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย และไม่สามารถรักษาได้ในเวลาสั้นๆ” หวังเย้าบอกเพิ่มเติม
“ผมรู้ครับ” โจวฉงตอบ
ด้วยอาการป่วยของลูกชายในหลายปีมานี้ เขาได้ผ่านเหตุการณ์มากมายเกินกว่าที่จะจินตนาการได้ และมันก็ได้ช่วยฝึกฝนจิตใจของเขาให้เข้มแข็งขึ้น แม้จะเป็นเพียงความหวังเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม เขาสามารถเฝ้ารออย่างอดทนและจ่ายเงินอย่างเต็มใจ
“คุณจะอยู่ที่นี่อีกนานไหม?”
“นั้นขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะครับ” โจวฉงพูด “เราจะให้ความร่วมมืออย่างดีที่สุดครับ”
“โอเค ช่วยรอสักสามวันนะครับ” หวังเย้าคิดก่อนที่จะตอบออกไป
“ได้ครับ แล้ว...”
“พูดสิ่งที่คุณต้องการออกมาได้เลยครับ” หวังเย้าสังเกตุว่าโจวฉงนั้นลังเลอยู่
โจวฉงเคยถามผ่านมือถือมาก่อน แต่หวังเย้าตอบว่าเขาจำเป็นต้องพบคนไข้ก่อน หากไม่ได้พบคนไข้ก่อน เขาก็ไม่รู้ว่าต้องใช้ยาอะไร ต้องรักษาแบบไหน และต้องคิดเงินเท่าไหร่ แม้ว่าตอนนี้เขาพอจะคิดราคาค่ารักษาโดยประมาณได้แล้ว และมันจะต้องแพงมากแน่นอน เพราะเด็กชายจำเป็นจะต้องใช้สูตรยาอย่างน้อยสองสูตรจากสูตรยาของระบบ
ซุปเป่ยหยวน : เสริมความแข็งแรงให้กระดูกและผสานร่างกายให้เป็นหนึ่งเดียว
ผงละลายลิ่มเลือด : กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและทำความสะอาดของเสียภายในเส้นเลือด
จุดประสงค์ในการใช้ซุปเป่ยหยวนนั้นก็เพื่อช่วยรักษาในระยะสั้นเท่านั้น และใช้รักษาความเจ็บป่วยที่ได้จากโรคและผลข้างเคียงจากยาหลายชนิดที่เคยใช้รักษา เขาค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับสูตรยาตัวนี้มากและมีประสบการณ์ในการทำยาตัวนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่สำหรับผงละลายลิ่มเลือดนั้น ตั้งแต่ที่ได้รับสูตรยามา เขาก็ไม่เคยได้นำออกมาทำยาเลยสักครั้ง เพราะมันจำเป็นต้องใช้สมุนไพรรากสองชนิด นั้นก็คือ จื้อหยูและหวูเถิง
ถึงแม้ว่าเขาจะปลูกสมุนไพรสองชนิดนี้ไว้แล้ว แต่ความเร็วในการเจริญเติบโตของพวกมันนั้นช้ามากและยังอีกนานกว่าที่พวกมันจะพร้อมสำหรับการนำมาทำยา
ซุปเป่ยหยวนหนึ่งโดสนั้นมีราคาแสนหยวน เมื่อต้องใช้สมุนไพรรากสองชนิดในการทำยา ส่วนผงละลายลิ่มเลือดนั้นควรจะมีราคาที่สูงยิ่งกว่านั้น
“ผมยังไม่สามารถบอกราคาได้ แต่ว่ามันไม่ได้ถูกๆแน่นอน” หวังเย้าพูด
“ตกลง ผมจะเตรียมเอาไว้ให้พร้อมครับ”
ก่อนที่จากไป หวังเย้าได้มองไปที่เด็กชายที่นั่งเงียบและมีลักษณะของความขี้อายและหวาดกลัวผสมกันอยู่
การใช้สิทธิ์ให้ยาฟรีได้ทุกสามวันมันอาจคุ้มที่จะใช้ เขาคิด
จากกฎที่ระบบตั้งไว้ เขาสามารถที่จะให้ยาที่ทำมาจากสูตรยาของระบบกับคนอื่นโดยไม่คิดเงินได้ทุกๆสามวัน และจากกฎนี้เขาก็เคยใช้ไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น สาเหตุก็เพราะคนส่วนใหญ่ที่เขาติดต่อด้วยนั้นรวยมากจนเงินที่พวกเขาต้องจ่ายเป็นค่ายานั้น ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แต่ครั้งนี้ไม่ใช่
“แขนของเขานั้นต้องให้อุ่นอยู่เสมอ เวลาขยับต้องค่อยๆและไม่ควรได้รับบาดเจ็บ”
“ได้ครับ”
เมื่อบอกลากับโจวฉงและลูกชายของเขาแล้ว หวังเย้าก็ขับรถกลับบ้าน ในครั้งนี้เขาตั้งใจที่จะลงรายละเอียดในขั้นตอนการรักษาที่ได้วางแผนคร่าวๆเอาไว้ก่อนหน้านั้น
อีกด้านหนึ่ง โจวฉงพาลูกชายของเขาย้ายจากโรงแรมเฉิงฮวาไปยังโรงแรมที่มีราคาถูกกว่า หลายปีมานี้ ด้วยอาการป่วยของลูกชาย เขาได้ใช้จ่ายเงินไปจำนวนมาก ไม่กี่วันก่อนหน้านั้น เขาเลือกที่จะอยู่ที่โรงแรมเฉิงฮวาเพราะต้องการรอฟังคำยืนยันที่จะให้การรักษาจากหวังเย้าก่อน และกลัวหวังเย้าจะคิดว่า เขาไม่สามารถจ่ายเงินค่ารักษาลูกชายของเขาได้ เพื่อนของเขาเคยบอกไว้ว่า ค่ารักษาและยาของชายหนุ่มคนนี้นั้นมีราคาที่แพงมากและระยะเวลาที่ต้องใช้ก็นานเช่นกัน เมื่อดูจากท่าทางและการพูดของชายหนุ่มคนนี้ เขาพอจะดูออกว่า ชายหนุ่มเป็นคนที่จิตใจดีคนหนึ่ง ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะย้ายโรงแรมเพื่อประหยัดเงินเอาไว้
เมื่อกลับไปถึงบ้านแล้ว หวังเย้าก็เริ่มคิดเกี่ยวกับรายละเอียดสำหรับการรักษา
ตามขั้นตอนที่เขาคิด การรักษาเด็กกชายนั้นจะเป็นไปตามสเต็บ แต่ละสเต็บนั้นระยะเวลาสั้นยาวไม่เท่ากัน ระยะเวลาที่ต้องใช้นั้น เขาต้องดูตามการรักษาแต่ละสเต็บเพื่อตัดสินใจและดูการปรับตัวของคนไข้ด้วย
เรื่องแรก คือร่างกายที่อ่อนแอของเด็กชายจำเป็นที่จะต้องถูกแก้ไข สภาพของเขาตอนนี้ไม่ได้มีแค่แขนที่ลีบแห้งเท่านั้น แต่ยังมีอาการแทรกซ้อนในส่วนอื่นๆของร่างกายด้วย นี้คือปัญหาที่จะต้องได้รับการแก้ไขเป็นสิ่งแรก ไม่อย่างนั้น มันอาจจะมีผลกระทบต่อการรักษาแขนของเขาและอาจทำให้อาการป่วยแย่ลง
ด้วยความสามารถทางตัวยาของซุปเป่ยหวนที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของกระดูกนั้น จะทำให้ร่างกายของเขาถูกปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นและแข็งแรงขึ้น
เขายังเหลือสมุนไพรจากครั้งก่อนที่ซื้อมาจากร้านขายสมุนไพรอยู่ สำหรับตัวสมุนไพรหลักอย่างชานจิงและกุยหยวนนั้น เขาต้องแลกมันจากร้านขายยาของระบบ
เมื่อกลับขึ้นมาบนเนินเขาหนานชานแล้ว หวังเย้าก็ได้จัดเตรียมสมุนไพรเอาไว้และวางแผนที่จะทำยาในวันพรุ่งนี้
...
กลางดึก ในโรงแรมแห่งหนึ่งของเหลียนชาน
ชายคนหนึ่งนั่งเช็ดเหงื่อให้กับเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียง คิ้วของเด็กชายขมวดเป็นปม เขานอนงอตัวด้วยความทรมานอยู่บนเตียง
“คัง ทนไหวไหม?”
“ไม่เป็นไรครับพ่อ ผมทนได้” เด็กชายกัดฟันพูด
โจวฉงไม่ได้พูดอะไร แต่เขายืนมือออกไปลูบและนวดร่างกายของเด็กชาย ด้วยหวังเย้าว่ามันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์ก็ตาม
“พ่อก็นอนด้วยกันเถอะครับ”
“ได้”
โจวฉงรู้สึกหมดหนทางและกลุ้มใจ ถ้าทำได้เขาก็อยากจะเป็นคนที่เจ็บเองมากกว่า