ตอนที่ 53 อันดับหนึ่งคนใหม่ของผยองแห่งนภา [อ่านฟรี]
ตอนที่ 53 อันดับหนึ่งคนใหม่ของผยองแห่งนภา
พลังกดดันน่ากลัวมาก!
ในตอนนี้หลินหานดูตกใจมาก แต่เขาตอบสนองได้ในทันที ถ้าการโจมตีนี้เขาทำลายไม่ได้ เขาจะพ่ายแพ้อย่างน่าอดสูแน่นอน
ปลดปล่อยกายาจักรพรรดิมังกร เพิ่มพลังต่อสู้สามเท่า!
"วิชาดาบถอดฝัก!"
รูปแบบทะลวงนภา ... รูปแบบแหวกนภา ...
ดาบที่สาม รูปแบบขยี้นภา!
ในตอนนี้ หลินหานเพ่งความสนใจ เบิกเนตรนภาแห่งนักพรตวิญญาณเพื่อรีบวิเคราะห์จุดอ่อนของฝ่ามือที่กำลังโจมตีมา
"วูม"
ทันใดนั้นหลินหานตวัดดาบโจมตีไปทางซู่เหอซูโดยตรง ในเวลาจวนตัวนี้ ทำให้ทั้งตำหนักตกลงสู่ความเงียบงัน
ฉึบ!
พายุเฮอร์ริเคนผ่านไป ร่างสองร่างคนเข้าปะทะกัน ไม่มีใครมองเห็นว่าในพริบตาที่ทั้งสองปะทะกันเกิดอะไรขึ้น ในสายตาของฝูงชน เห็นเพียงตอนสุดท้ายที่ทั้งสองคนต่างก็หยุด ยืนกันคนละฝั่งหันหลังให้กัน
ใครชนะ?
ผู้คนนับไม่ถ้วนเต็มไปด้วยความสงสัย
“เจ้าชนะแล้ว” ซูเหอกล่าวออกมาในทันใด เขาไม่อยากให้เห็นร่องรอยจึงหดแขนขวาไว้ในแขนเสื้อ เพราะมีรอยเลือดบนฝ่ามือข้างขวานั้น
“ไม่ เจ้าต่างหากที่ชนะแล้ว” หลินหานหันหน้ามาทันที ใบหน้าซีดขาว ทรวงอกของเขาถูกกระแทกด้วยฝ่ามือ เลือดลมในร่างกายหมุนตลบ แทบจะล้มลงไป
อะไรนะ?
ทำไมต่างฝ่ายต่างบอกว่าอีกฝ่ายชนะ?
กลุ่มคนที่อยู่ด้านล่างสังเวียนส่งเสียงตะโกน
"เขาถึงกับทำให้ซู่เหอยอมรับความพ่ายแพ้เลยเหรอ?" ไม่ไกลนัก หลินกู่เทียนมีสีหน้าที่ดูน่าเกลียดมาก
อย่างที่ทราบ เมื่อครู่เขาไม่สามารถต้านรับฝ่ามือนั้นของซู่เหอได้ มันจึงแตกต่างจากกรณีของหลินหานอย่างใหญ่หลวง สิ่งนี้ทำให้หดหู่จนแทบจะกระอักเลือด หลินหานต้านรับฝ่ามือนั้นของซู่เหอได้ อีกอย่าง ซู่เหอดูท่าจะหวาดหวั่นต่อหลินหาน ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่เป็นฝ่ายขอยอมแพ้เอง
จากการที่หลินหานยอมรับความพ่ายแพ้ทำให้ซู่เหอดวงตาเป็นประกาย เขาหัวเราะดังลั่นในทันใด “เอาหล่ะ คราวนี้ถือว่าเสมอกัน แต่ครั้งต่อไปข้าจะเอาชนะเจ้าให้ได้!”
"ดี ข้าจะรอ!" หลินหานก็หัวเราะเสียงดังเช่นกัน
ไม่ว่าในกรณีใด หลินหานก็ต้านรับการโจมตีของซู่เหอได้
ศิษย์วัยเยาว์นับไม่ถ้วนในตำหนักต่างลุกฮือเสียงดัง ตำนานของซู่เหอในหัวใจของพวกเขาในที่สุดก็ถูกทำลายโดยหลินหาน ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างน่าตกตะลึง
เหตุการณ์นี้ได้ทำให้วันห้าผยองคนที่เหลือสื่อสายตาตะลึงงันด้วยเช่นกัน หลินหานซึ่งเป็นดาวรุ่งของตระกูลหลินผู้นี้ก้าวข้ามพวกเขาไปแล้วหรือ?
ตั้งแต่บัดนี้ไป หลินหานและซู่เหอจะอันดับหนึ่งของห้าผยองเเห่งเมืองต้วนเทียน
“หลินหาน เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลยจริงๆ!” หลินหรูเยียนที่อยู่ด้านล่างสังเวียนส่งเสียงเชียร์อยู่ด้านล่างสังเวียน ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ในเวลานี้ หลินยู่ หลินฉาย และคนอื่นๆที่มาด้วยกันกับหลินหานต่างอึ้งเป็นไก่ตาแตก พวกเขารู้ว่าหลินหานเป็นม้ามืด แต่ไม่คาดคิดว่าม้ามืดคนนี้จู่ๆก็ทะยานสู่ตำแหน่งอันดับหนึ่งของผยองนภา ทิ้งพวกเขาไว้เบื้องหลังอย่างไม่อาจไล่ตามทัน
"ข้าสัมผัสได้อย่างลางลางว่าเจ้ายังมีวิชาหนึ่งที่ลึกลับและทรงพลังในตัว แต่เจ้ากลับไม่ใช้มัน" ซู่เหอเอ่ยปากในทันใด
หลินหานตะลึง ซู่เหอคนนี้ไม่ธรรมดาเลนจริงๆ
คำพูดนี้ของซู่เหอทำให้ทุกคนก็ตกใจอีกครั้ง
อะไรนะ?
หลินหานยังมีวิชาทรงพลังที่ยังไม่ได้ร่ายออกมาเหรอ ถ้าใช้วิชานั้น เขาจะเอาชนะซู่เหอได้หรือเปล่า?
ในขณะนี้แม้แต่หลินกู่เทียนยังจ้องมองหลินหานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา
"ครั้งหน้า หากได้ต่อสู้อีกครั้ง ข้าหวังว่าจะสามารถทำให้เจ้าใช้วิชาบทนั้นได้" ซู่เหอมองหลินหานอย่างลึกซึ้ง จากนั้นเขาก็หันหลังแล้วเดินออนอกตำหนัก
"ที่นี่ไม่ใช่ของข้าอีกต่อไป หวังว่าจะได้พบเจ้าอีกครั้ง ฮ่าฮ่าฮ่า ... " ท่ามกลางเสียงหัวเราะเสียงดังสนั่น ซู่เหอก้าวออกไปด้านนอกโดยไม่หลงเหลือเยื่อใยอะไรเลย
เมื่อเห็นชายหนุ่มชุดผ้าฝ้ายจากไปแล้ว หลินหานพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดพึมพำ "ข้ารอคอยที่จะได้พบเจ้าอีก เมื่อถึงตอนนั้นหวังจะได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้า"
อย่างไรก็ตาม หลินหานไม่อาจรู้ได้ว่าจากจากลาคราวนี้ กว่าที่เขาได้พบกับชายหนุ่มชุดผ้าฝ้ายผู้ลึกลับผู้ซึ่งทำให้ตัวเองสนใจก็อีกนานนม
......
ซู่เหอจากไปแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน แต่หลินหานได้กลายเป็นอันดับหนึ่งแห่งผยองนภาคนใหม่ในรุ่นเยาว์ของเมืองต้วนเทียนอย่างไม่มีอะไรเคลือบแคลง
ลั่วเทียนหย่าง เฉินอู๋เสีย ลั่วชิงเฉิว ต่างร่วมแสดงความยินดี
หลังจากนั้นไม่นาน หลินหานกลับไปยังที่นั่งของลูกศิษย์ของหลิน เขามองดูหลินกู่เทียนที่มีสีหน้าหมองมัว จึวแบมือออกไป ยิ้มหยันแล้วพูดว่า "พี่กู่เทียน ของเดิมพันของเจ้าควรจะมอบให้ข้าได้แล้ว"
"หึ!" หลินกู่เทียนส่งเสียงหึอย่างเย็นชา แล้วโยนศิลาวิญญาณระดับสูงสุดในมือของเขาไปให้หลินหานด้วยสีหน้าปวดใจ จากนั้นก็หันหน้าเดินออกจากตำหนักทันที
คราวนี้เขาตกหลุมพลางของหลินหานอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงหรือของเดิมพัน ล้วนเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
หลินหานเก็บศิลาวิญญาณระดับสูงสุดก้อนนั้นไว้ในแหวนมิติ แล้วลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไปพร้อมกับหลินหรูเยียน หลินหยู่และคนอื่นๆ
ในงานชุมนุมชาวยุทย์ครั้งนี้ เขาไม่เพียงคว้าชัยชนะจนได้รับศิลาวิญญาณระดับสูงสุดเท่านั้น แต่ยัง "แอบเรียน" วิชายุทย์ของกองกำลังต่างได้นับร้อยบท โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาที่ไม่อาจบรรยายได้ของซู่เหออย่าง "รังสรรค์พลัง"
เมื่อมาถึงจุดนี้ หลินหานพึ่งค้นพบความท้าทายสวรรค์ของเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง มันสามารถช่วยให้เขาขโมยวิชาที่ทรงพลังของคนอื่นๆได้ เช่น "ดวงตาพิฆาต" และ "รังสรรค์พลัง"
บางทีนี่อาจเป็นส่วนชดเชยที่เคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรไท่กู่ยังขาดอยู่
......
นอกตำหนัก ทุกคนต่างทยอยออกไป หลินหานและพรรคของเขากำลังเตรียมที่จะกลับไปที่ตระกูลหลิน แต่ในเวลานี้ ลั่วชิงเฉิง ลูกสาวของท่านเจ้าเมืองได้เดินเยื้องย่างเข้ามาด้วยท่าทางที่สง่างาม
"ไม่ทราบว่าหญิงสาวตัวเล็กๆเช่นข้า สามารถเชิญอันดับหนึ่งของผยองนภาเเห่งของเมืองต้วนเทียนคนใหม่ ให้อยู่พูดคุยกันซักพักหนึ่งได้หรือไม่?" ลั่วชิงเฉิงกล่าวด้วยท่าทางเสแสร้งว่าไม่รู้จักหลินหาน
"เอ่อ ... " หลินหานลังเลสักพัก แล้วพูดกับคนที่อยู่ข้างหลังเขาในทันที "พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าจะตามไปทีหลัง"
"หลินหาน ผู้หญิงคนนี้เป็นสาวงามมีพิษ เจ้าต้องระวัง" หลินหรูเยียนเผยความกังวลในดวงตา แล้วเดินเข้าไปกระซิบข้างหูหลินหาน
"วางใจ" หลินหานพยักหน้า
จากนั้น หลินหรูเยียน หลินยู่ หลินฉาย หลินเจียวและคนอื่นๆก็เดินหายไปในความมืดภายนอก
"พี่หลิน เชิญ" ลั่วชิงเฉิงชี้นิ้วไปยังทิศทางด้านในของหมู่บ้านภูเขาแห่งเมืองต้วนเทียน
ดวงตาของหลินหานเป็นประกายเล็กน้อยแล้วเดินตามหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองต้วนเทียนไป
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ทั้งสองมานั่งตรงข้ามกันในศาลาแห่งหนึ่ง
ลั่วชิงเฉิงมองไปทางหลินหานแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเริงร่าว่า "พี่หลิน ตั้งแต่ลาจากกันที่ป่าหม่างแห่งเมืองต้วนเทียนในครั้งนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย"
“คิดไม่ถึงว่าคุณหนูใหญ่ลั่วชิง ยังจดจำคนไร้ชื่อเสียงเรียงนามคนนี้ได้” หลินหานไม่เปลี่ยนอารมณ์ แต่ยิ้มให้เล็กน้อย
"เรียกข้าว่าลั่วชิงก็ได้" ลั่วชิงเฉิงติติงเล็กน้อย จากนั้นใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติเปล่งประกาย กล่าวว่า "ตอนนี้พี่หลินไม่ใช่คนไร้ชื่อเสียงเรียงนามอีกต่อไป ข้าคิดว่าหลังจากงานชุมนุมชาวยุทย์ครั้งนี้ คงไม่มีใครรู้จักราชาอย่างเจ้า" ลั่วชิงเฉิงพูด ดวงตาคู่งามที่เต็มไปด้วยสีสันกำลังจ้องมองหลินหาน บรรยากาศผันผ่าน
"แค่กๆ" หลินหานไอเสียงดัง "คุณหนูชิงเฉิง แค่อยากจะพูดเรื่องเก่าๆเหรอ?"
"ไม่ใช่" ดวงตาคู่งามของลั่วชิงเฉิงเป็นประกายแวววาว ท่าทีเปลี่ยนเป็นจริงจัง พูดเบาๆว่า "ในนามของตระกูลผู้นำเมือง ข้าต้องการเชิญพี่หลินเข้าร่วมกับตระกูลลั่วของเรา ข้าได้ยินมาว่า พี่หลินเหมือนจะไม่ได้รับความสำคัญในตระกูลหลินเท่าที่ควร ... "