หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.52 - ปลุกความทรงจำ
หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.52 - ปลุกความทรงจำ
“นี่คุณก็เป็นนักสู้หวูเต๋าด้วยอย่างงั้นหรือ?”
เหลิงเทียนสิงมองไปยังชุดเกราะหนามบนไหล่เขา จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา
กู่ฉิงซานไม่สนใจที่จะตอบ เขาชี้ไปยังทิศทางหนึ่งและเอ่ยถาม “สถานที่ๆพวกเรากำลังจะไป คือทางนั้นใช่ไหม?”
เหลิงเทียนสิงเบนสายตาไปตามทิศทางดังกล่าว “ถูกต้อง”
ในทิศทางนั้น อัดแน่นไปด้วยเผ่ามารที่แทบจะยืนเบียดเสียดกัน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฝ่าไป เปรียบคล้ายปลาตัวเล็กที่คิดว่ายทวนกระแสน้ำ
หากต้องพุ่งทะลวงฝ่าไปยังทิศทางดังกล่าว แน่นอนว่าจะต้องเกิดการต่อสู้ขั้นนองเลือดขึ้น
กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว
ด้วยตัวเขาและเหลิงเทียนสิงที่ทั้งสองต่างก็มีพลังทำลายล้างที่ดีในการโจมตีระยะไกล แต่หากไม่มีนักสู้หวูเต๋าคอยนำทางในแนวหน้าแล้วล่ะก็ ไม่กี่ลมหายใจทั้งสองคงจมอยู่ท่ามกลางเผ่ามาร
การต่อสู้ครั้งต่อไปจำเป็นต้องมีนักสู้หวูเต๋าระยะประชิดไว้หนึ่งคนเพื่อคอยสกัดกั้น
ในความเป็นจริงผู้ฝึกดาบก็ยังสามารถเป็นแนวหน้าไว้ต้านทานเผ่ามารจำนวนมากได้เช่นกัน
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ทันใดนั้นมือของกู่ฉิงซานก็ล้วงลงไปในถุงสัมภาระ และคว้าดาบยาวออกมา
นี่คือดาบของหวังเฉิงที่พึ่งตายไป กู่ฉิงซานต้องใช้ความพยายามอย่างหนักถึงสามารถเก็บมันมาได้
กู่ฉิงซานถือดาบยาวและสำรวจมันอย่างใกล้ชิด
ดูจากภายนอกมันเป็นเพียงดาบยาวธรรมดา ธรรมดามากๆ แต่สิ่งที่พิเศษเพียงอย่างเดียวของมันก็คือตัวอักษรสองคำ ‘เชี่ยนฉี’ สลักเอาไว้
หลังจากที่สำรวจมันอย่างใกล้ชิด เขาก็พบร่องรอยของกระแสไอเย็นเล็กน้อยกระพืออยู่รอบตัวดาบ
กู่ฉิงซานวาดดาบยาวออกไปเบาๆ ก่อนที่กระแสเย็นจะแพร่กระจายไปในอากาศอย่างไร้สรรพเสียง
ผู้ฝึกดาบหวังเฉิงดูจะใช้ ‘เชี่ยนฉี’ เล่มนี้มานานและรักษามันเป็นอย่างดี ดาบยาวของเขาดูเหมือนเสริมวัสดุที่มีค่าอย่างจิตวิญญาณเหล็กเย็นเอาไว้เล็กน้อยอีกด้วย
ด้วยจิตวิญญาณเหล็กเย็นนี้ มันสามารถทำให้ความคมของดาบยาวเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า
สิ่งที่เลวร้ายเพียงอย่างเดียวของมันก็คือ ในยามที่ตีดาบเล่มนี้ขึ้นมา ช่างตีดาบมีความตั้งใจที่จะให้มันคมมากที่สุด จึงทำให้ตัวดาบนั้นบางกว่าปกติถึงหนึ่งนิ้ว และมีโอกาสที่จะงอหรือหักได้หากเจ้าของนำไปใช้ในการต่อสู้ขั้นรุนแรง
“นี่คุณรู้จักวิธีใช้ดาบอย่างงั้นหรอ?”
เหลิงเทียนสิงเห็นเขาจดจ้องดาบยาวอย่างใกล้ชิด จึงเอ่ยถาม
ตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะดูถูกสถานะของปรมาจารย์ค่ายกลเลยแม้แต่น้อย แม้กู่ฉิงซานจะมีระดับวรยุทธไม่สูงส่ง แต่เขากลับเลือกที่จะแสดงท่าทางและวิธีการพูดจาราวกับทั้งสองเท่าเทียมกัน
สีหน้าของกู่ฉิงซานสงบเงียบ เขาเอ่ย “ฉันก็พอจะรู้วิธีใช้งานมันอยู่บ้าง”
ในวิสัยทัศน์ของกู่ฉิงซาน ข้อมูลบนหน้าต่างระบบเทพสงครามกำลังปรากฏขึ้นมาบรรทัดแล้วบรรทัดเล่าอย่างบ้าคลั่ง
“ค้นพบดาบ”
“ระบบตรวจพบว่าผู้เล่นมีความเข้าใจเกี่บกับเทคนิคดาบถึง 1753 กระบวนท่า”
“ตรวจพบว่าผู้เล่นมีหน้าต่างระบบเทพสงคราม และขณะเดียวกันก็ครอบครองวิชายุทธเทพสงครามอีกด้วย”
“ไม่อาจตรวจพบร่องรอยของ ‘เทพมาร’ สภาพแวดล้อมโดยรอบมีความเสถียรและปลอดภัย”
“เริ่มต้นทำการลบมาตรการป้องกันและเริ่มต้นกระบวนการย้อนคืนหน่วยความจำ”
“จงตื่นขึ้น!”
“นับจากนี้ไปผู้เล่นสามารถใช้แต้มพลังวิญญาณในการปลุกสกิลดาบที่เคยเรียนรู้มาในอดีตได้”
กู่ฉิงซานยืนขึ้น และกวัดแกว่งดาบออกไปเบาๆ
ติ๊ง!
เสียงของระบบก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ตามหน่วยความจำของผู้เล่นและพื้นฐานวรยุทธในปัจจุบันของผู้เล่น ระบบได้พิจารณาถึงสกิลดาบและจิตวิญญาณเทวะที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้เล่น มีดังนี้”
บนหน้าต่างระบบเทพสงครามปรากฏหลายตัวเลือกโผล่ขึ้นมาเบื้องหน้าของกู่ฉิงซาน
“เทคนิคดาบ : ตัดสายลม”
“เทคนิคดาบ : สู่สันติ”
“เทคนิคดาบ : เมฆาหลาก”
“เทคนิคดาบ : เผยขุนเขา”
“เทคนิคดาบ : สี่ห้วงสมุทร”
“เทคนิคลับ : ฝ่าวารีเชี่ยว”
“ด้วยมุมมองที่ว่า ในอดีตตัวผู้เล่นได้เคยมีความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคดาบอย่างลึกซึ้ง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการปลุกพื้นฐานดาบแห่งเต๋าลดน้อยลง”
“การปลุกเทคนิคดาบดังที่กล่าวเอาไว้ข้างบนจะต้องจ่าย 5 แต้มพลังวิญญาณ การปลุกเทคนิคลับจะต้องจ่าย 10 แต้มพลังวิญญาณ”
สิ่งที่เรียกว่าเทคนิคลับ มันคือเทคนิคดาบอันทรงประสิทธิภาพไม่อาจเทียบเปรียบได้กับเทคนิคดาบธรรมดา จะกล่าวว่ามันเป็นราชาในหมู่มวลเทคนิคดาบก็ว่าได้
จากมุมมองของผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ เทคนิคลับนี้อาจเรียกได้ว่าเทียบเคียงกับพลังศักดิ์สิทธิ!
กู่ฉิงซานกวาดสายตาผ่านและทำการเลือกอย่างรวดเร็ว
“ปลุกเทคนิคดาบ ตัดสายลมกับเผยขุนเขา และสุดท้าย ปลุกเทคนิคลับ ฝ่าวารีเชี่ยว”
ติ๊ง!
“ทำการปลุก เทคนิคดาบตัดสายลม เทคนิคดาบเผยขุนเขา และเทคนิคลับฝ่าวารีเชี่ยว หักค่าใช้จ่าย 20 แต้มพลังวิญญาณ”
“แต้มพลังวิญญาณปัจจุบัน 1/7”
จากการจ่ายออกด้วยแต้มพลังวิญญาณของกู่ฉิงซาน ส่งผลให้เขารู้สึกราวกับว่ามีภาพมากมายผุดขึ้นมาจากหน่วยความจำที่ถูกหลงลืม”
ภาพความทรงจำเหล่านั้นถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นผง จู่ๆก็พลันเปล่งประกายสดใสราวกับพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันวาน
……
ณ ภายในค่ายทหารแนวหน้า
กลุ่มทหารหลายคนต่างพากันกระซิบกระซาบกันอย่างแผ่วเบา
“ฮ่าฮ่านั่นเขากำลังคิดจะเรียนรู้ตัดสายลมเทคนิคที่ติดอันดับหนึ่งสามใช่ไหม”
“เจ้าขยะเอ้ย เกมนี้มันเปิดมาได้มากกว่าครึ่งปีแล้ว ดันเพิ่งจะมาสนใจฝึกฝนเทคนิคดาบ”
“เอาเถอะหน่า ถ้าเทคนิคดาบของมันพัฒนาขึ้น พัฒนาขึ้นเรื่อยๆมันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอ ถ้ามันอยากฝึกฝนนักก็ส่งมันไปแนวหน้า ให้ไปเป็นเหยื่อล่อพวกเผ่ามารซะก็สิ้นเรื่อง
“ใช่ๆ ไว้หลังจากเสร็จภารกิจแล้ว ก็ส่งเขาไปต้านรับพวกมารในแนวหน้าดีกว่า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
เสียงเหล่านั้นค่อยๆจางหายไป และภาพก็ถูกเปลี่ยน
ณ ช่วงเวลาที่ดวงจันทร์แขวนเด่นอยู่กลางท้องฟ้า บริเวณโดยรอบไร้ซึ้งผู้คนใดๆ
ชายหนุ่มคนหนึ่ง เฝ้าฝึกฝนเทคนิคดาบอยู่อย่างเดียวดายในสถานที่อันห่างไกล
หนังบนมือขวาของเขาหลุดลอกออกอย่างสมบูรณ์ ทว่ามันก็ถูกห่อเอาไว้ด้วยผ้ากอซหลายๆชั้น และพันซ้อนๆกันกับด้ามดาบเพื่อไม่ให้มันหลุดมือในยามที่เขาเจ็บปวดจากการกวัดแกว่ง
‘ไม่ แบบนี้ไม่ดี ฉันจะต้องไม่ยอมแพ้ นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตของฉัน!’
กู่ฉิงซานกัดฟันกรอดและภายในห้วงจิตใจของเขาได้ตัดสินใจออกมาอย่างแน่วแน่แล้ว
ดาบยาวถูกโบกสะบัดออกไปอีกครั้ง
ตามมาด้วยชั้นละอองเลือดจางๆที่สาดกระเซ็นเร็ดลอดออกมาจากผ้ากอซ
เหงื่ออาบท่วมทั้งตัวราวกับว่าทั้งตัวเขากำลังหลอมละลายไปกับเทคนิคดาบ
ฉากนี้ค่อยๆจางหายไปแล้วภาพใหม่ก็ปรากฏขึ้นมา
“กู่ฉิงซานแห่งกองพันทหารม้าแนวหน้า ได้แสดงความกล้าหาญโดยฆ่าสังหารเผ่ามารที่ทรงพลัง การกระทำนี้สมควรยิ่งที่จะได้รับรางวัลตอบแทนเป็นการได้เรียนรู้เทคนิคดาบตัดสายลมที่แท้จริง!”
“ฮือฮา--”
ภาพดังกล่าวค่อยๆจางหายไปและปรากฏภาพอื่นขึ้นมาแทนที่
เหนือขึ้นไปบนแท่นสูง กู่ฉิงซานกำลังใช้ดาบตัดผ่านหมอกธารน้ำตก เพื่อที่จะพยายามฝึกฝนให้ใช้ออกด้วยตัดสายลมได้อย่างสมบูรณ์แบบ
…….
“อืม ..ความจริงแล้วฝีมือเจ้าก็น่าสนใจดีนะ แต่น่าเสียดายที่อายุมากเกินไปหน่อย”
“อายุขนาดนี้แล้ว ศักยภาพย่อมมีขีดจำกัด เสียใจด้วยพวกเราไม่ต้องการ”
“ใช่ อายุเกือบจะยี่สิบปี แต่กลับมีเพียงแค่เทคนิคดาบตัดสายลมที่ดูเหมือนว่าจะเข้าใจมันแค่ครึ่งๆกลางๆ พวกเราไม่ต้องการมันหรอก”
“ฉะนั้น ผลตัดสินเป็นเอกฉันท์แล้วสินะ … นิกายของพวกเราไม่ต้อนรับเจ้า”
“ผมเข้าใจแล้ว”
“นำผู้ทดสอบคนต่อไปขึ้นมาบนเวที”
ภาพได้ถูกเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ณ บนเนินเขาสูง กู่ฉิงซานยืนนิ่ง ทั่วทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธสองคนก็เดินผ่านมาพร้อมกระซิบกระซาบ
“ที่หอประมูลมีเทคนิคดาบนำออกมาวางขายมากมาย ฉันเห็นด้วยนะว่าหนึ่งในนั้นเป็นถึงเทคนิคลับ แต่ราคาของมันสูงเกินไป คงต้องย้อนกลับไปเตรียมศิลาวิญญาณมามากกว่านี้”
“อยากให้ข้าช่วยไหมล่ะ ถ้าเจ้าต้องการ”
“หากช่วยได้ก็คงต้องขอบพระคุณพี่ใหญ่เป็นอย่างยิ่ง”
บทสนทนานี้ลอยผ่านหูของกู่ฉิงซาน เขาจึงหันไปเอ่ยถามว่า
“สหายเต๋า ที่เอ่ยมาเมื่อครู่นี้คือเรื่องจริงงั้นหรือ?”
“สหายเต๋าปู่เจ้า จะจริงไม่จริงแล้วเจ้าเกี่ยวอะไรด้วย?”
“เป็นแค่ไอ้ขยะปราณปรับแต่ง ไม่ต้องมาพูดกับพวกข้า ไสหัวไปเสีย!”
……...
“นี่คุณเรียกว่ากู่ฉิงซาน? คุณคิดดีแล้วจริงๆหรือที่จะแอบลอบเข้าไปเก็บสมุนไพรที่ใช้ในการทำเม็ดยา ในส่วนที่ลึกเข้าไปในอาณาเขตของเผ่ามาร?”
“ตราบใดที่คุณจ่ายค่าตอบแทน สัญญาก็จะคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”
“ทางเราจะไม่ผิดสัญญาอย่างแน่นอน ขอรับประกันด้วยชื่อเสียงสั่งสมมาอย่างยาวนาน”
“งั้นก็ไม่มีปัญหา”
“น้องชาย ฉันอยากจะเตือนคุณสักหน่อยนะ ว่าทางเราจะไม่รับผิดชอบในการเก็บศพของคุณกลับมา ถ้าคุณตายลงด้วยน้ำมือเผ่ามาร ..”
“มันไม่สำคัญหรอก เพราะไม่มีใครต้องการจะฝังศพฉันอยู่แล้ว”
“เฮ้อ … ช่างเป็นคนยากจนที่น่าสงสารโดยแท้”
ภาพจางหายไป
และก็ปรากฏภาพต่อๆมานับไม่ถ้วน และแต่ละภาพก็บ่งบอกถึงที่มาของเทคนิคดาบ จนมันก่อตัวชัดเจนขึ้น ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆในจิตใจของกู่ฉิงซาน
ความทรงจำทั้งหมดได้ตื่นขึ้นมา
กู่ฉิงซานถอนหายใจและชูดาบยาวขึ้น
“ในที่สุดความทรงจำของฉันก็กลับมาแล้ว!”
“ฉันคือนักดาบนิรันดร์ กู่ฉิงซาน”
เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
ในตอนนั้นเอง เหลิงเทียนสิงก็บังเอิญไปได้ยินคำพูดของกู่ฉิงซานเข้า เขาอดไม่ได้ที่จะตื่นตัวและเริ่มระมัดระวังมากขึ้น
ผู้ชายคนนี้เป็นบ้าอะไร หรือว่ามารสวรรค์จะมาอีกแล้ว?
กู่ฉิงซานก้าวเดินอย่างช้าๆ ร่ายรำไปพร้อมกับดาบยาวในมือ เตรียมที่จะปรับตัวให้พร้อมรับกับเทคนิคดาบ
เทคนิคดาบทั้งหมดพลันปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม พวกมันล้วนเป็นสกิลที่เขาเคยใช้งานและมีประสิทธิภาพสูง
เหตุผลที่กู่ฉิงซานเลือกสามเทคนิคดาบนี้ เนื่องเพราะเขาได้พิจารณามาอย่างดีแล้ว
ตัดสายลมนั้นรวดเร็วมาก ส่วนเผยภูผาก็มีความรุนแรงสูง
ส่วนฝ่าวารีเชี่ยวเป็นเทคนิคลับกระบวนท่าแรกของดาบแห่งเต๋าที่เขาเคยได้เรียนรู้ และในปัจจุบันมันก็ได้กลับมาอยู่ในมือเขาแล้วอีกครั้ง … กระบวนท่าสังหารได้ตกอยู่ในมือเขาเพิ่มขึ้นมาแล้วอีกหนึ่ง!