99 แขกพิเศษ
99 แขกพิเศษ
หวังเย้าอ่านคัมภีร์อยู่ภายในกระท่อม
ฝนได้ตกลงมากระทบกับหน้าต่าง
ซานเซียนนอนอยู่ภายในบ้านสุนัขของมัน และมองออกไปไกลๆราวกับว่ากำลังจมลึกอยู่ในห้วงของความคิดอยู่ ต้าเซี่ยอยู่บนต้นไม้และขยับปีกของมันเป็นบางครั้ง
ฝนฤดูใบไม้ผลินั้นล้ำค่าราวกับน้ำมัน มันไม่ได้ตกนานมากนัก แล้วมันก็หยุดลงในตอนเย็นของวัน
หวังเย้าไม่อยากกลับบ้านเท่าไหร่ เพราะทางเดินบนเนินเขานั้นกลายเป็นบ่อโคลนหลังจากที่ฝนได้ตกลงมา แต่เขาได้รับสายจากที่บ้านให้เขากลับไป เพราะมีแขกมาหาเขา
หวังเย้ากลับไปที่บ้านและเห็นคนแปลกหน้าสองคน เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ผู้หญิงนั้นอยู่ในช่วงอายุราวสามสิบและมีผิวพรรณที่ดี ส่วนผู้ชายนั้นดูหยาบกระด้างเล็กน้อย เขานั่งตัวตรงอยู่บนโซฟา หวังเย้าไม่เคยเจอคนทั้งสองมาก่อนเลย
“เย้า ไม่เจอกันนานเลยนะ!” ผู้หญิงพูด ดูเหมือนว่าเธอจะรู้จักหวังเย้า
“สวัสดีครับ คุณคือ...” หวังเย้าถาม
“นี่คือลูกพี่ลูกน้องของแม่เอง เป็นน้าของลูกและนี่ก็คือสามีของเธอ” จางซิวหยิงพูดด้วยรอยยิ้ม
จางซิวหยิงแนะนำลูกพี่ลูกน้องของเธอให้กับลูกชายของเธอ
หวังเย้าจำได้ว่าแม่ของเขาเคยพูดถึงลูกพี่ลูกน้องและครอบครัวของเธอมาก่อน แม่เคยบอกกับเขาว่าลูกพี่ลูกน้องของแม่สนิทกันดีกับพี่น้องคนอื่นๆ เมื่อก่อนเธอเป็นเพียงนักศึกษาธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น เธอเป็นคนเรียนเก่งเหมือนกับพี่ชายอีกสองคนของเธอ หนึ่งในพี่ชายของเธอนั้นมีตำแหน่งหน้าที่ในระดับสูงของบริษัทต่างชาติ ส่วนอีกคนนั้นทำธุรกิจด้านอสังหาในห่ายชิว พวกเขายุ่งและร่ำรวยมาก และมาเจอกับครอบครัวของหวังเย้าน้อยมาก
คนรวยมักจะไม่สังสรรค์กับคนจน ถึงแม้จะเป็นครอบครัวเดียวกันก็ตาม คำพูดอาจจะฟังดูไม่ดีแต่ก็มักจะเป็นความจริงเสมอ
ลูกพี่ลูกน้องของจางซิวหยิงและสามีของเธออยู่ทานมื้อค่ำที่บ้านของหวังเย้า หวังเฟิงฮวานำไวน์เหมาไทออกมาเสริฟพวกเขา
“โอ้โห้ เหมาไท! นั้นมันไวน์อย่างดีเลยไม่ใช่เหรอ!” ลูกพี่ลูกน้องของจางซิวหยิงยิ้ม
“เย้าซื้อมาให้น่ะ” หวังเฟิงฮวาพูด “เติมแก้วน้าของลูกสิ”
“ได้ครับ” หวังเย้าพูด
หวังเย้าเติมไวน์ลงไปในแก้วของน้าของเขา แล้วก็เติมให้พ่อของเขาด้วย
“ลูกอยากจะดื่มด้วยกันไหม?” หวังเฟิงฮวาถาม
“ไม่ดื่มครับ” หวังเย้าพูดและส่ายหัว เขาไม่อยากดื่มไวน์วันนี้
“เหมาไทนั้นเป็นของดี ปกติไม่ใช่จะได้ดื่มกันง่ายๆ” น้าของหวังเย้าพูด
น้าของเขาแทบจะไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่มาถึงที่บ้านของหวังเย้า เขาดูเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดมากสักเท่าไหร่
หวังเย้าตัดสินใจนอนอยู่ที่บ้านหลังจากที่แขกกลับไปแล้ว เพราะมันดึกเกินกว่าที่จะกลับขึ้นไปบนเนินเขา เขาไม่เป็นห่วงแปลงสมุนไพรมากนัก เพราะมีซานเซียนและต้าเซี่ยเฝ้าอยู่บนนั้น พวกมันถึงกับสามารถฆ่าสุนัขทิเบตันได้เมื่อไม่กี่วันก่อน
จางซิวหยิงเริ่มพูดเกี่ยวกับคนทั้งสองที่เพิ่งจะกลับออกไป
ลูกพี่ลูกน้องของเธอนั้นเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก เธอพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและเยอรมัน เธอเคยทำงานอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศอยู่หลายปี ก่อนที่เธอจะออกมาทำธุรกิจของตัวเอง สามีของเธอนั้นมีตำแหน่งสูงอยู่ในกองทัพ และพ่อของเขาก็ยังเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการระดับสูงด้วย พวกเขานั้นต่างก็ไม่ใช่คนธรรมดากันสักคนเลย
ลูกพี่ลูกน้องของจางซิวหยิงและสามีของเธอนั้นตั้งใจที่จะกลับมาที่หมู่บ้านก่อนปีใหม่ แต่กลับต้องเลื่อนออกไปเพราะติดปัญหาเล็กน้อยที่ปักกิ่ง พวกเขาได้ไปเยี่ยมญาติทุกคนก่อนที่จะกลับไป
“ทำไมผมถึงไม่เคยเจอพวกเขามาก่อนล่ะครับ?” หวังเย้าถามด้วยความสงสัย เขาจำไม่เคยได้ว่าเขาเคยเจอทั้งสองมาก่อน
“แม่ก็ไม่รู้ แต่ลูกควรจะดีใจนะ การที่พวกเขามาที่นี่ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขายังคงคิดถึงพวกเราอยู่” จางซิวหยิงพูด
“แน่นอนอยู่แล้วครับ” หวังเย้าพูด
แต่หวังเย้าก็ไม่ได้เชื่อแม่ของเขาไปซะทั้งหมด เขารู้ว่าพวกเขาไม่มีทางที่จะมาที่บ้านของเขาโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ แล้วพ่อกับแม่ของเขาก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกับพวกเขาเลยในสิบปีที่ผ่านมา แล้วฐานะเงินทองของลูกพี่ลูกน้องของแม่นั้นก็ต่างจากครอบครัวของเขามาก และเธอยังมีฐานะทางสังคมที่ดีกว่าด้วยเช่นกัน หวังเย้าหวังว่าเธอจะแค่บังเอิญคิดถึงครอบครัวของเขาขึ้นมาเท่านั้น
วันต่อมา หวังเย้าตื่นแต่เช้าและตรงกลับไปที่เนินเขาหนานชานหลังจากทานมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว
อากาศชื้นเพราะฝนตกลงมา
เขาทำงานในแปลงสมุนไพรเป็นทุกวัน เน้นดูแลสมุนไพรรากเป็นพิเศษ และเปลี่ยนน้ำให้กับซานเซียนและต้าเซี่ย แล้วเขาก็ขึ้นไปบนยอดเขาและเริ่มฝึกฝนการหายใจ
ลมบนยอดเขายังคงพัดแรง แต่ทิศทางที่พัดมานั้นเปลี่ยนไป มันจึงไม่หนาวจนทนไม่ไหวเหมือนเดิม บนเขานั้นอุ่นขึ้นหลังจากที่ฝนฤดูใบไม้ผลิตกลงมา
หวังเย้านั่งนิ่งอยู่บนก้อนหินบนยอดเขา หน้าอกของเขาขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ พระอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นก้อนเมฆออกมา และท้องฟ้าก็สว่างและสดใสขึ้นมา ร่างของหวังเย้าสั่นขึ้นมาและกลับไปเป็นปกติ เขาลุกออกจากก้อนหินพร้อมกับรอยยิ้ม
เรื่องดีดีในครั้งนี้ของเขาก็คือการที่หนึ่งในเส้นเลือดของเขาได้เปิดออก พลังฉีเคลื่อนไปตามร่างกายของเขาอย่างไหลลื่นและไม่มีสิ่งปิดกั้น เขารู้สึกสบาย แข็งแรงและผ่อนคลายมากขึ้น ตอนนี้เขารู้สึกตื่นตัวอย่างเต็มที่
ฉันไม่แน่ใจว่าสภาพร่างกายของฉันนั้นพัฒนาขึ้นบ้างรึเปล่า
หวังเย้าเปิดหน้าต่างระบบขึ้นมาเพื่อดูค่าสถานะของเขา
‘ข้อมูลปัจจุบันของคุณ :
ร่างกาย 2.5
กำลัง 1.7
สติปัญญา 2.1
ความว่องไว 1.8
ความตั้งใจ 1.9
ค่าสถานะของหวังเย้านั้นเพิ่มขึ้นมา เขาเริ่มจะกลายเป็นคนที่แตกต่างไปจากคนทั่วไปแล้ว
แต่บนเนินเขาเริ่มมีคนมากขึ้นเพราะฤดูใบไม่ผลิที่มาถึง มันคงจะไม่สะดวกถ้าจะทำอะไร หวังเย้าคิด
บนเนินเขาหนานชานนั้นจะวุ่นวายเฉพาะในช่วงฤดูการเพาะปลูกเท่านั้น เมื่อชาวนาเริ่มปลูกข้าวบนเนินเขาใกล้ๆ หวังเย้าไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นรู้ได้ว่าเขามีระบบเวทมนต์ที่ทำให้เขาร่ำรวยขึ้นมาได้อยู่ เมื่อมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยว มันมักจะมีคนที่โลภอยากได้อยู่เสมอ
สุมนไพรรากนั้นเป็นของล้ำค่า และหวังเย้าก็ไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นมัน เขาต้องการวิธีที่จะปกป้องสมุนไพรราก รวมถึงช่องว่างมิติด้วย
หวังเย้ายืนอยู่บนยอดของเนินเขาหนานชาน และมองลงไปที่หมู่บ้าน เขาต้องใช้ความคิดเยอะมาก
เขาหวังว่าเขาจะได้มีชีวิตที่สงบสุขบนเนินเขาหนานชานตลอดไป