97 กลายเป็นหมอที่สามารถพบเจอได้ในช่วงเวลาฉุกเฉิน
97 กลายเป็นหมอที่สามารถพบเจอได้ในช่วงเวลาฉุกเฉิน
หวังเย้าคาดเดาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากการดูรอยเลือดบนพื้นดิน สุนัขทิเบตันน่าจะออกมาจากหมู่บ้านแล้วขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง มันพยายามที่จะเข้าไปยังแปลงสมุนไพรที่ซานเซียนนั้นเฝ้าอยู่ ด้วยการช่วยเหลือจากต้าเซี่ย ซานเซียนจึงสามารถสร้างบาดแผลจำนวนมากให้กับสุนัขทิเบตัน มันจึงหนีออกมาจากแปลงสมุนไพร มันเจ็บหนักและไม่สามารถหนีต่อไปได้ สุดท้ายมันจึงตายอยู่ตรงตีนเขา
“ทำได้ดีมาก! คืนนี้ฉันจะให้รางวัลพวกนาย!” หวังเย้าพูดอย่างยินดี
หวังเย้าย้ายร่างของสุนัขทิเบตันไปไว้บนถนนและโทรเรียกหัวหน้ารักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านมานำร่างของมันไป ที่นั้น เขาได้เห็นกลุ่มของชาวบ้านลงมือทำร้ายร่างของสุนัขทิเบตันเพื่อระบายความโกรธแค้นของพวกเขา ก่อนที่จะนำร่างของมันกลับไปที่หมู่บ้าน
“รู้รึเปล่าว่าอะไรที่ฆ่าสุนัขทิเบตันตัวนี้?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม
“ใครจะไปรู้ล่ะ? แน่นอนว่าต้องไม่ใช่มนุษย์แน่” ชาวบ้านอีกคนพูด
“แน่นอนสิ เวลาแบบนี้ใครจะขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานกัน? บางทีอาจจะเป็นหมาป่าที่ฆ่ามันก็ได้” ชาวบ้านที่มีร่างสูงผอมพูด
“มันไม่มีหมาป่าบนเนินเขาหนานชานหรอก แต่ว่า ใครที่เป็นคนโทรบอกหัวหน้าเหรอ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระกันได้แล้ว!” หัวหน้ากลุ่มที่นำชาวบ้านมาตะโกนและทุกคนก็เงียบไป
“หมาป่าเหรอ?” เขามองกลับไปที่เนินเขา
ถ้ามีหมาป่าอยู่บนเนินเขาจริง หวังเย้าจะต้องรู้ แล้วก็คงไม่กล้านอนอยู่บนนั้นทุกคืนหรอก เขาคิด
หวังเย้าอยู่ภายในกระท่อมบนเนินเขาหนานชาน เขานั่งอยู่ข้างหน้าต่างและอ่านคัมภีร์
เทศกาลต้อนรับปีใหม่ได้ผ่านไป และทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ปีใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว
หวังเย้าตรวจดูแปลงสมุนไพรของเขาในตอนบ่ายและเอาอาหารให้ซานเซียนก่อนที่จะลงจากเขาไป
หวังเย้าขับรถไปส่งพี่สาวของเขาในเมืองเพื่อกลับไปเริ่มทำงานในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่เขาจะกลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน เขาได้บอกแม่ของเขาเอาไว้ว่าจะไม่กลับไปทานมื้อกลางวันที่บ้านเพราะมีงานที่ต้องทำอีกหลายอย่าง เขากำลังจะต้มยาสมุนไพร
ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้วและอากาศก็เริ่มอุ่นขึ้น
หวังเย้าก่อกองไฟขึ้นภายในกระท่อม เขาวางหม้ออเนกประสงค์ลงบนเตาและเทน้ำแร่โบราณลงไป น้ำเริ่มเดือด เขาจึงใส่สมุนไพรลงไป ภายในกระท่อมอบอวลไปด้วยกลิ่นของสมุนไพร สีของน้ำภายในหม้อนั้นเริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆ สุดท้าย หวังเย้าจึงใส่กุยหยวนลงไปเพื่อรวมสมุนไพรทั้งหมดให้เข้ากัน
เรียบร้อย!
หวังเย้าเทยาสมุนไพรลงไปในขวดกระเบื้อง และโทรหาเทียนหยวนถูให้มารับในวันพรุ่งนี้
ในตอนเย็น หลังจากที่หวังเย้าทานมื้อค่ำที่บ้านเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้รับสายในตอนที่กำลังขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน เบอร์นั้นดูคุ้นตา
“ฮัลโหล!” หวังเย้ารับสาย
“ฮัลโหล! ผมคือโจวฉงครับ” โจวฉงพูดผ่านมือถือ
โจวฉง? หวังเย้าจำเขาได้ โจวฉงคือชายวัยกลางคนที่มาขอร้องให้เขาช่วยรักษาลูกชายเมื่อหลายวันก่อน เขาเคยโทรหาหวังเย้าในช่วงปีใหม่ แต่หวังเย้าลืมบันทึกเอาไว้
โจวฉงบอกกับหวังเย้าว่า เขาพร้อมที่จะพาลูกชายของเขามาที่เนินเขาหนานชานแล้ว และถามหวังเย้าว่าเขาควรจะไปตอนไหนดี
“อาจจะช่วงเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ” หวังเย้าพูด
หวังเย้าไม่ได้สนใจว่าโจวฉงจะพาลูกชายของเขามาที่เนินเขาเมื่อไหร่ เขาอยู่บนเนินเขาแห่งนี้ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ที่เขาอยากให้เด็กชายมาหาเขาในช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ เป็นเพราะว่าในเวลานี้อากาศยังหนาวอยู่ เขากังวลว่าเด็กชายจะอ่อนแอเกินกว่าที่จะเดินทางไปช่วงที่อากาศหนาวแบบนี้ได้
โจวฉงเห็นด้วยและถามหวังเย้าถึงค่ารักษา เพื่อที่เขาจะได้เตรียมเงินเอาไว้ให้พร้อม
ในเวลานี้หวังเย้ายังไม่สามารถบอกอะไรได้ เพราะเขายังไม่ได้เจอตัวเด็ก
เขารู้สึกสิ้นหวัง ที่ตัวเขาในตอนนี้กลายเป็นหมอที่หาได้ไปไปแล้ว หวังเย้าคืดหลังจากที่วางสายไป
มีคนไม่มากนักที่รู้ว่าหวังเย้านั้นสามารถรักษาผู้ป่วยได้ แม้แต่ในหมู่บ้าน ก็สามารถนับได้ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เหอฉีเชิงเป็นคนแนะนำโจวฉงให้กับหวังเย้า และโจวฉงนั้นก็กระตือรือร้นที่จะรักษาลูกชายของเขาโดยไม่สนว่าหวังเย้าจะมีใบรับรองการเป็นแพทย์หรือไม่
เช้าของอีกวัน หวังเย้าได้เจอคนคนหนึ่งระหว่างทางที่เขากำลังจะกลับบ้าน คนคนนั้นก็คือเทียนหยวนถูที่มารับยานั้นเอง เขายังได้นำของขวัญมาให้หวังเย้าด้วย
“ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าเอาของขวัญอะไรมากอีก!” หวังเย้าพูด เทียนหยวนถูและเหอฉีเชิงนั้นมักจะนำของขวัญมาด้วยในทุกครั้งที่พวกเขามาเยี่ยมหวังเย้า หวังเย้าคิดว่ามันไม่จำเป็นเลย
“แค่ของเล็กๆน้อยๆเท่านั้น” เทียนหยวนถูพูดด้วยรอยยิ้มและวางของขวัญไว้บนโต๊ะ
“เชิญนั่งก่อน เดี๋ยวผมจะชงชาให้” หวังเย้าพูด
หวังเย้าชงชาเขียวให้กับเขา มันมีกลิ่นที่หอมมาก
“ชาเยี่ยม! มันคือชาหลงเจียใช่ไหม?” เทียนหยวนถูสามารถบอกได้ทันที แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ดื่มก็ตาม
หวังเย้ามีชาหลงเจียที่ได้จากเหอฉีเชิงและชาดำฉีเหมินที่ได้จากเทียนหยวนถู มันคงไม่ดีสักเท่าไหร่ถ้าต้องให้เทียนหยวนถูดื่มชาที่ตัวเองเอามาให้เขา
“คุณรู้เกี่ยวกับชาเยอะมากเลยนะ!” หวังเย้าหัวเราะ
ใบชาที่ได้จากทะเลสาบหลงเจียนั้นมีสีที่สดใสและกลิ่นที่นุ่มนวล มันมีรสชาติที่ดีและหวาน มันถือว่าเป็นชาชั้นดี
แต่หวังเย้านั้นไม่สามารถบอกชนิดของชาได้จากการดมเพียงอย่างเดียว ความจริงแล้ว เขาได้เคยดื่มชามาไม่กี่ชนิดเท่านั้น เขาเคยแต่ดื่มชาเขียวธรรมดาๆเท่านั้นและก็คิดว่ามันอร่อยดี
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ แต่เพราะผมได้ดื่มชาหลงเจียบ่อยๆเลยจำกลิ่นของมันได้ดีน่ะ” เทียนหยวนถูพูดด้วยรอยยิ้ม
“แม่ของเพื่อนคุณเป็นยังไงบ้าง?” หวังเย้าถาม
“ดูเหมือนว่าอาการของเธอจะดีขึ้นในตอนนี้ แต่...” เทียนหยวนถูลังเลว่าเขาควรจะพูดต่อดีหรือไม่ เขาดูฝืนใจที่จะพูดบางอย่างกับหวังเย้า
ความจริงแล้ว แม่ของเพื่อนเขานั้นอาการดีขึ้นมากในตอนที่เขาได้ไปเยี่ยมเธอเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา หวังเย้านั้นได้รับความชื่นชมจากเพื่อนของเขาเป็นอย่างมาก เพราะเพื่อนของเขานั้นเป็นกังวลเรื่องแม่ของเขามาก เขาได้พาแม่ของเขาไปพบหมอและผู้เชี่ยวชาญมาหลายคน แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงอยากจะพบหวังเย้ามากและต้องการเชิญหวังเย้าร่วมทานมื้อค่ำด้วยกัน
เทียนหยวนถูรู้จักเพื่อนของเขาเป็นอย่างดี เพื่อนของเขานั้นมีสถานะที่สูงอยู่ในสังคม มันไม่ใช่เรื่องปกติเลยที่เขาจะชวนคนธรรมดาคนหนึ่งมาทานมื้อเย็นที่บ้านของเขา คนส่วนใหญ่จะต้องรู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับคำเชิญเช่นนี้ แต่หวังเย้านั้นไม่ใช่พวกเขา เทียนหยวนถูรู้ว่าหวังเย้านั้นไม่เคยไปบ้านของคนไข้คนไหนมาก่อนเลย