ตอนที่แล้วตอนที่ 50 ความตกใจของหลินหาน [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 52 ของเดิมพัน [อ่านฟรี]

ตอนที่ 51 เงาลึกลับ [อ่านฟรี]


ตอนที่ 51 เงาลึกลับ

ขณะที่หลินหานกำลังดีอกดีใจที่ตัวเองได้แอบวิเคราะห์ "รังสรรค์”ของซู่เหอ....

บนสังเวียน พลังต่อสู้ของทั้งสองได้เดือดถึงจุดสูงสุด โดยเฉพาะหลินกู่เทียนในเวลานี้ ภายนอกร่างกายของเขาดั่งมีเสียงร้องคำรามของมังกรดังขึ้น

หากมองอย่างละเอียดจะเห็นได้ว่า ในเวลานี้สสารถ่องแท้ในร่างกายของหลินกู่เทียนนั้นโปร่งแสงเล็กน้อย ส่วนร่างกายภายนอกมีออร่าก่อตัวควบรวมแน่นเป็นร่างมังกรและร่างเสือ

ตบะของเขากำลังจะก้าวเข้าสู่ปรมาจารย์ยุทย์อย่างแท้จริง!

ผู้คนนับไม่ถ้วนมีสีหน้าตกใจ หลินกู่เทียนเป็นหนึ่งในห้าผยองมานาน แน่นอนว่าตบะย่อมแกร่งกล้าอย่างน่ากลัว

แต่ทางด้านขอซู่เหอในเวลานี้.....

ชายหนุ่มผู้สวมชุดผ้าฝ้าย ทั่วร่างกายตั้งแต่บนลงล่างดูเป็นธรรมดาสุดสุด ท่าทางสงบเยือกเย็น ไม่มีความอวดโอ้พลังเหมือนของหลินหานและไม่มีความกำแหงอย่างหลินกู่เทียน

เขาทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความลึกลับที่คาดเดาไม่ได้

พลังต่อสู้ของระดับห้าผยองเข้าปะทะกัน ทำให้ในขณะนี้บรรยากาศเดือดจนถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง อาจกล่าวได้ว่ามันสร้างความตื่นตาตื่นใจต่อผู้คนอย่างมาก

ซู่เหอก้าวเดินขึ้นสู่สังเวียน เขามองหลินกู่เทียนซึ่งเหงื่อไหลโชกอยู่ฝั่งตรงข้าม ใบหน้าของเขายังสงบเยือกเย็น แล้วพูดช้าๆ "หนึ่งการโจมตี"

หนึ่งการโจมตี!

คำนี้อีกแล้วเหรอ?

เมื่อผู้คนที่อยู่ด้านล่างสังเวียนต่างย้อนนึกถึงภาพคุ้นเคยที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ในดวงตาของพวกจึงสื่ออารมณ์ตกตะลึงทันที่

"หนึ่งการโจมตี?"  หลินหานที่อยู่ด้านล่างสังเวียนก็เปลี่ยนอารมณ์เช่นกัน

ซู่เหอและหลินกู่เทียนล้วนมีขอบเขตปรมาจารย์ยุทย์ครึ่งก้าวเหมือนกัน แต่เขามั่นใจขนาดนี้เชียวเหรอ ว่าตัวเองสามารถเอาชนะหลินกู่เทียนได้ในหนึ่งการโจมตี?

" ปีที่แล้วก็เป็นแบบนี้ แม้ว่าคนทั้งสองอยู่ในระดับพลังเดียวกัน แต่ซู่เหอยังสามารถเอาชนะพี่กู่เทียนได้ " หลินฉายที่อยู่ด้านข้างพูดเสียงดังด้วยสายตาที่เคร่งเครียด

เอาชนะหลินกู่เทียนด้วยหนึ่งการโจมตี?

ในที่สุดการสายตาของหลินหานก็สื่อความประหลาดใจ

ซู่เหอ ทรงพลังขนาดนั้นเชียว?

"ที่จริงแล้วไม่ใช่แค่พี่กู่เทียนเท่านั้น" หลินยู่สตรีอันดับสองของทำเนียบภายในได้เอ่ยปากพูดออกมาเช่นกัน "ปีที่แล้ว ซู่เหอประกาศศักดา ไม่ว่าจะเป็นพี่กู่เทียน หรือเฉินอู๋เสีย ลั่วเทียนหย่าง ต่างพ่ายแพ้เขาในหนึ่งการโจมตี ไม่มีใครสามารถรับหนึ่งการโจมตีของเขาได้เลย ... "

ไม่มีใครสามารถรับหนึ่งการโจมตีของซู่เหอได้!

สิ่งนี้ได้กลายเป็นสิ่งตายตัวในคนรุ่นเยาว์แห่งเมืองต้วนเทียนไปแล้ว

ในเวลานี้ ซู่เหอจะเอาชนะหลินกู่เทียนด้วย "หนึ่งโจมตี"อย่างเช่นปีที่แล้วอีกเหรอ? คำกล่าวนี้ทำให้บรรยากาศของผู้ชมร้อนแรงขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

"ซู่เหอ!"

"ซู่เหอ!"

คนนับไม่ถ้วนต่างตะโกนเสียงดังลั่น

เมื่อหลินหานเห็นเช่นนี้เขาก็ได้แต่แอบพยักหน้า ดูเหมือนว่าในบรรดาคนรุ่นเยาว์แห่งเมืองต้วนเทียน ซู่เหอจะมีพลังที่ไม่มีใครสามารภต่อกรได้

" หนึ่งการโจมตี... "

ครานี้ สีหน้าหลินกู่เทียนดูน่าเกลียดนัก แต่เขารีบเช็ดเหงื่อเย็นๆบนหน้าผาก พร้อมปลดปล่อยรังสีแห่งการต่อสู้ที่รุนแรงจากร่างกาย เขาพูดว่า "ซู่เหอ เวลาตั้งหนึ่งปีสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆได้มากมาย ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะรับหนึ่งการโจมตีของเจ้าไมได้! "

"บูม"

พลังงานที่ทรงพลังและไม่มีใครเทียบได้ได้ปะทุจากร่างของหลินกู่เทียน ประหนึ่งได้ยินเสียงมังกรคำรามเสียงเสือกู่ก้องดังไม่หยุด

ตุบ!

หลินกู่เทียนพุ่งตัวไปทางซู่เหอ มือทั้งสองข้างของเขาประสานกัน ร่างมังกรและเสือปรากฏขึ้นในอากาศด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัวมาก ดั่งสามารถทำลายทุกอย่างได้

หลินกู่เทียนในตอนนี้เป็นเสมือนนักรบเกราะเหล็กโชกเลือดในสนามรบ พลังงานเพิ่มขึ้น พร้อมระเบิดพลังออกมาทั้งหมด ก่อเกิดเป็นเกลียวคลื่นม้วนถึงสวรรค์เฉกเช่นพายุคลั่งที่ดังเกรียวกราว

ตราวิญญาณมังกรและพยัคฆ์!

บัดนี้ หลินกู่เทียนโจมตีด้วยไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเอง - เป็นวิชายุทย์ระดับตำนานที่ไม่สมบูรณ์

"ปัง"

แต่ในวินาทีต่อมา ทุกคนเห็นเพียงซู่เหอยื่นมือขวา แล้วฟาดฝ่ามือเบาๆ

เวิง!

อากาศเงียบสงบ

พลังอันแกร่งกล้าของหลินกู่เทียนที่จู่โจมมาปาพายุคลั่ง ดูเหมือนจะถูกบล็อกในระยะหนึ่งร้อยจ้วง แล้วสลายทันที

วินาทีต่อไป

ฝ่ามือมือกดลงบนหน้าอกของหลินกู่เทียน พลังที่แกร่งกล้าอย่างยากจะอธิบายปะทุออกมา แล้วร่างของหลินกู่เทียนกระเด็นลอยไปทันที

"อั๊ก!" หลินกู่เทียนกระอักเลือดขณะที่กระเด็นไปในอากาศ ในพริบตานั้น พลังของเขาลดฮวบลงทั้งหมดใบหน้าขาวซีดอย่างยิ่ง

"นั่นคือ?!

ไม่ไกลนัก หลินหานมองภาพนี้อย่างตกตะลึง เขารีบสื่ออสารกับเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองทันที เพื่อคัดลอกวิถีการโคจรจากฝ่ามือของซู่เหอ

ในเสี้ยววินาทีนั้น คนอื่นอาจไม่ทันสังเกต ทว่า หลินหานผู้มีพลังตรวจจับที่น่ากลัวสามารถมองออกว่าฝ่ามือที่ดูเบาๆของซู่เหอ มี"พลัง"ที่คนธรรมดาไม่อาจเข้าใจ คล้ายคลึงกับจังหวะการก้าวเดินของซู่เหอเมื่อครู่ ที่สามารถดึงดูดพลังแห่งผืนโลกมาปรับใช้

หนึ่งกระบวนท่า หนึ่งการโจมตี สามารถดึงดูดพลังแห่งผืนโลก แล้วนำมา“รังสรรค์พลัง”เพื่อให้ตัวเองใช้ต่อสู้!

การค้นพบนี้ทำให้หัวใจของหลินหานตกตะลึง สิ่งที่ซู่เหอแสดงออกมาให้เห็น มันเกินกว่าความเข้าใจพื้นฐานที่หลินหานมีต่อวิชายุทย์ ดังนั้นหลินหานจึงรีบรวมจิตวิญญาณทั้งหมด แล้วใช้เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองคัดลอกรายละเอียดถี่ยิบของฝ่ามือนั้นเอาไว้ในจิต ถ้าเขาสามารถเรียนรู้สิ่งนี้ได้ มันจะกลายเป็นไพ่ตายใบใหญ่ในอนคตได้อย่างแน่นอน

บัดนี้ ผู้คนที่รับชมกำลังเดือดเดือดพล่าน

หนึ่งการโจมตี!

เป็นหนึ่งการโจมตีอีกตามเคย!

ฉากนี้ คล้ายกับเมื่อปีที่แล้ว

หนึ่งปีที่แล้ว ซู่เหอเอาชนะทุกคนทีละคนทีละคน จนไปยืนอยู่จุดสูงสุดของห้าผยอง ไม่มีใครสามารถต้านทานได้..

บนสังเวียน ซู่เหอในชุดผ้าฝ้ายยืนตรงสองมือไขว้หลัง แต่กลับเจิดจ้าในสายตาผู้คน ประหนึ่งเทพยุทย์ลงมาเยือน

ทว่า ในเวลานี้ยังไม่มีใครค้นพบเลยว่า บนท้องฟ้าเหนือโดมโค้งของตำหนัก มีร่างเงาลึกลับสองเงากำลังซ่อนอยู่ในความมืด พวกเขากำลังรับชมการประลองของอัจฉริยะที่อยู่ด้านล่างอย่างเงียบๆ

ชายสองคนแต่งตัวด้วยชุดเกราะสีเพลิง ออร่าหนาแน่น ยากจะคาดเดาได้ เฉกเช่นผีสีแดงเพลิงสองกลุ่มในยามค่ำคืนที่มืดมิด

"เจ้าหนุ่มซู่เหอคนนี้ ทั้งที่มีขอบเขตพลังปรมาจารย์ยุทย์ครึ่งก้าว แต่กลับรู้วิธีดึงพลังแห่งผืนโลกมาปรับใช้ โดยเฉพาะจังหวะที่อยู่แฝงในฝ่ามือของเขา แม้แต่ข้ายังไม่อาจมองทะลุความลึกลับนั้นได้ พรสวรรค์ระดับนี้ หากเทียบกับอัจฉริยะวัยเยาว์ในเมืองสือซาน สามารถจัดอันดับแถวหน้าได้อย่างแน่นอน!" ชายคนหนึ่งพูดออกมาด้วยความตกใจเล็กน้อย

"ซู่เหอคนนี้มีค่าควรแก่การให้ความสนใจ ทว่า เจ้าหนุ่มที่ถูกเรียกว่าหลินหานก็มีพรสวรรค์ใช่ย่อย เจ้าไม่ได้ตระหนักเลยหรือว่าวิชายุทย์ทั้งหมดที่เขาแสดงออกมา ล้วนอยู่ในระดับสูงสุด? แถมในขอบเขตยุทย์ฉะสวรรค์กลับสามาถทะยานบนท้องฟ้าได้ ทักษะเช่นนี้ควรเป็นข้าและเจ้าที่อยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ยุทย์จึงจะทำได้ มันน่าเหลือเชื่อ"  ชายอีกคนหนึ่งซึ่งสวมชุดเกราะสีเพลิงได้เปล่งเสียงออกมา น้ำเสียงสื่อความแปลกใจ

"ไม่คาดคิดว่าเมืองเล็กๆอย่างเมืองต้วนเทียนจะมีอัจฉริยะที่มีความสามารถพิเศษได้ถึงสองคน พวกเราต้องรีบไปรายงานต่อราชาซื่อหยางทันที องค์ราชาชื่นชอบอัจฉริยะเช่นนี้เป็นที่สุด ... "

น้ำเสียงค่อยๆจางหายไป พร้อมกับร่างของทั้งสองคนได้หายไปในความมืดอย่างเงียบๆ

......

รอบสังเวียน ตรงส่วนที่นั่งของตระกูลของหลิน

"มีอะไรเหรอ?" หลินหรูเยียนหันไปมองหลินหานที่กำลังเงยหน้ามองด้านบนสุดของตำหนัก นางอดไม่ได้ที่จะถาม

"ไม่มีอะไร".

หลินหานส่ายหัวแล้วละสายตา แต่หัวใจของเขาครุ่นคิดอย่างลับๆ "ดูเหมือนจะมีออร่าแปลกๆวูบวาบด้านบน หรือข้าจะคิดไปเอง ... "

......

ข้างนอกเมืองต้วนเทียน ในป่ารกชัฏ ชายสองคนที่ชุดเกราะสีเพลิงได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆ

“เกือบไปแล้ว พลังตรวจจับของเจ้าหนุ่มนั่นน่ากลัวมาก เกือบจะถูกเขาพบเข้า” ชายคนหนึ่งพูดออกมา พลางถอนหายใจ

"ที่จริง ดูเหมือนว่าพวกเราประเมินเด็กคนนั้นต่ำไป" ชายอีกคนยิ้มอ่อน และพูดทันทีว่า "ไปกันเถอะ เจ้าหนุ่มสองคนนี้ต่างเป็นอัจฉริยะอันดับต้นๆ พวกเราต้องรีบไปรายงานราชาซื่อหยาง"

เมื่อพูดจบ ชายทั้งสองพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเสมือนนกอินทรีที่พึ่งแรงลมบินลอยหายไปในท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด

สองคนนี้คือปรมาจารย์ยุทย์!

......

ในตำหนักของหมู่บ้านกลางเขาแห่งเมืองต้วนเทียน

บนสังเวียน หลินกู่เทียนในตอนนี้มีเหงื่อไหลโชกท่วมตัว

ตัวเอง!

ตัวเองพ่ายแพ้ซู่เหอในหนึ่งการโจมตีอีกแล้ว?

สีหน้าของเขามืดมนสุดขั้ว

แต่ในวินาทีต่อมา สายตาของเขาได้สื่อความชั่วร้ายวูบวาบขึ้น เขาจึงลุกขึ้นยืนทันมี แล้วมองไปทางชายหนุ่มชุดผ้าฝ้ายที่อยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา "ซู่เหอ เจ้าพูดไม่ใช่เหรอว่ามีเพียงหลินหานแห่งตระกูลหลินเท่านั้นที่จะเป็นคู่ต่อสู้แก่เจ้าได้? "

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหลินกู่เทียนดูหดหู่ลง เขาหันไปมองหลินหานทันทีแล้วพูดว่า "หลินหาน ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะมีพลังนั้น เจ้ากล้าขึ้นสังเวียนไปประลองกับซู่เหอหรือเปล่ส!"

เมื่อคำพูดของหลินกู่เทียนจบลง บรรดาอัจฉริยะของขุมอำนาจต่างๆที่อยู่ด้านล่างต่างมีแสงเป็นประกายในดวงตา

หลินกูเตียคนนี้ ตัวเองพ่ายแพ้แล้วอยากจะดึงหลินหานคนในตระกูลเดียวกันให้ตกที่นั่งลำบากแบบตัวเอง?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด