ตอนที่ 51 เงาลึกลับ [อ่านฟรี]
ตอนที่ 51 เงาลึกลับ
ขณะที่หลินหานกำลังดีอกดีใจที่ตัวเองได้แอบวิเคราะห์ "รังสรรค์”ของซู่เหอ....
บนสังเวียน พลังต่อสู้ของทั้งสองได้เดือดถึงจุดสูงสุด โดยเฉพาะหลินกู่เทียนในเวลานี้ ภายนอกร่างกายของเขาดั่งมีเสียงร้องคำรามของมังกรดังขึ้น
หากมองอย่างละเอียดจะเห็นได้ว่า ในเวลานี้สสารถ่องแท้ในร่างกายของหลินกู่เทียนนั้นโปร่งแสงเล็กน้อย ส่วนร่างกายภายนอกมีออร่าก่อตัวควบรวมแน่นเป็นร่างมังกรและร่างเสือ
ตบะของเขากำลังจะก้าวเข้าสู่ปรมาจารย์ยุทย์อย่างแท้จริง!
ผู้คนนับไม่ถ้วนมีสีหน้าตกใจ หลินกู่เทียนเป็นหนึ่งในห้าผยองมานาน แน่นอนว่าตบะย่อมแกร่งกล้าอย่างน่ากลัว
แต่ทางด้านขอซู่เหอในเวลานี้.....
ชายหนุ่มผู้สวมชุดผ้าฝ้าย ทั่วร่างกายตั้งแต่บนลงล่างดูเป็นธรรมดาสุดสุด ท่าทางสงบเยือกเย็น ไม่มีความอวดโอ้พลังเหมือนของหลินหานและไม่มีความกำแหงอย่างหลินกู่เทียน
เขาทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความลึกลับที่คาดเดาไม่ได้
พลังต่อสู้ของระดับห้าผยองเข้าปะทะกัน ทำให้ในขณะนี้บรรยากาศเดือดจนถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง อาจกล่าวได้ว่ามันสร้างความตื่นตาตื่นใจต่อผู้คนอย่างมาก
ซู่เหอก้าวเดินขึ้นสู่สังเวียน เขามองหลินกู่เทียนซึ่งเหงื่อไหลโชกอยู่ฝั่งตรงข้าม ใบหน้าของเขายังสงบเยือกเย็น แล้วพูดช้าๆ "หนึ่งการโจมตี"
หนึ่งการโจมตี!
คำนี้อีกแล้วเหรอ?
เมื่อผู้คนที่อยู่ด้านล่างสังเวียนต่างย้อนนึกถึงภาพคุ้นเคยที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ในดวงตาของพวกจึงสื่ออารมณ์ตกตะลึงทันที่
"หนึ่งการโจมตี?" หลินหานที่อยู่ด้านล่างสังเวียนก็เปลี่ยนอารมณ์เช่นกัน
ซู่เหอและหลินกู่เทียนล้วนมีขอบเขตปรมาจารย์ยุทย์ครึ่งก้าวเหมือนกัน แต่เขามั่นใจขนาดนี้เชียวเหรอ ว่าตัวเองสามารถเอาชนะหลินกู่เทียนได้ในหนึ่งการโจมตี?
" ปีที่แล้วก็เป็นแบบนี้ แม้ว่าคนทั้งสองอยู่ในระดับพลังเดียวกัน แต่ซู่เหอยังสามารถเอาชนะพี่กู่เทียนได้ " หลินฉายที่อยู่ด้านข้างพูดเสียงดังด้วยสายตาที่เคร่งเครียด
เอาชนะหลินกู่เทียนด้วยหนึ่งการโจมตี?
ในที่สุดการสายตาของหลินหานก็สื่อความประหลาดใจ
ซู่เหอ ทรงพลังขนาดนั้นเชียว?
"ที่จริงแล้วไม่ใช่แค่พี่กู่เทียนเท่านั้น" หลินยู่สตรีอันดับสองของทำเนียบภายในได้เอ่ยปากพูดออกมาเช่นกัน "ปีที่แล้ว ซู่เหอประกาศศักดา ไม่ว่าจะเป็นพี่กู่เทียน หรือเฉินอู๋เสีย ลั่วเทียนหย่าง ต่างพ่ายแพ้เขาในหนึ่งการโจมตี ไม่มีใครสามารถรับหนึ่งการโจมตีของเขาได้เลย ... "
ไม่มีใครสามารถรับหนึ่งการโจมตีของซู่เหอได้!
สิ่งนี้ได้กลายเป็นสิ่งตายตัวในคนรุ่นเยาว์แห่งเมืองต้วนเทียนไปแล้ว
ในเวลานี้ ซู่เหอจะเอาชนะหลินกู่เทียนด้วย "หนึ่งโจมตี"อย่างเช่นปีที่แล้วอีกเหรอ? คำกล่าวนี้ทำให้บรรยากาศของผู้ชมร้อนแรงขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
"ซู่เหอ!"
"ซู่เหอ!"
คนนับไม่ถ้วนต่างตะโกนเสียงดังลั่น
เมื่อหลินหานเห็นเช่นนี้เขาก็ได้แต่แอบพยักหน้า ดูเหมือนว่าในบรรดาคนรุ่นเยาว์แห่งเมืองต้วนเทียน ซู่เหอจะมีพลังที่ไม่มีใครสามารภต่อกรได้
" หนึ่งการโจมตี... "
ครานี้ สีหน้าหลินกู่เทียนดูน่าเกลียดนัก แต่เขารีบเช็ดเหงื่อเย็นๆบนหน้าผาก พร้อมปลดปล่อยรังสีแห่งการต่อสู้ที่รุนแรงจากร่างกาย เขาพูดว่า "ซู่เหอ เวลาตั้งหนึ่งปีสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆได้มากมาย ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะรับหนึ่งการโจมตีของเจ้าไมได้! "
"บูม"
พลังงานที่ทรงพลังและไม่มีใครเทียบได้ได้ปะทุจากร่างของหลินกู่เทียน ประหนึ่งได้ยินเสียงมังกรคำรามเสียงเสือกู่ก้องดังไม่หยุด
ตุบ!
หลินกู่เทียนพุ่งตัวไปทางซู่เหอ มือทั้งสองข้างของเขาประสานกัน ร่างมังกรและเสือปรากฏขึ้นในอากาศด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัวมาก ดั่งสามารถทำลายทุกอย่างได้
หลินกู่เทียนในตอนนี้เป็นเสมือนนักรบเกราะเหล็กโชกเลือดในสนามรบ พลังงานเพิ่มขึ้น พร้อมระเบิดพลังออกมาทั้งหมด ก่อเกิดเป็นเกลียวคลื่นม้วนถึงสวรรค์เฉกเช่นพายุคลั่งที่ดังเกรียวกราว
ตราวิญญาณมังกรและพยัคฆ์!
บัดนี้ หลินกู่เทียนโจมตีด้วยไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเอง - เป็นวิชายุทย์ระดับตำนานที่ไม่สมบูรณ์
"ปัง"
แต่ในวินาทีต่อมา ทุกคนเห็นเพียงซู่เหอยื่นมือขวา แล้วฟาดฝ่ามือเบาๆ
เวิง!
อากาศเงียบสงบ
พลังอันแกร่งกล้าของหลินกู่เทียนที่จู่โจมมาปาพายุคลั่ง ดูเหมือนจะถูกบล็อกในระยะหนึ่งร้อยจ้วง แล้วสลายทันที
วินาทีต่อไป
ฝ่ามือมือกดลงบนหน้าอกของหลินกู่เทียน พลังที่แกร่งกล้าอย่างยากจะอธิบายปะทุออกมา แล้วร่างของหลินกู่เทียนกระเด็นลอยไปทันที
"อั๊ก!" หลินกู่เทียนกระอักเลือดขณะที่กระเด็นไปในอากาศ ในพริบตานั้น พลังของเขาลดฮวบลงทั้งหมดใบหน้าขาวซีดอย่างยิ่ง
"นั่นคือ?!
ไม่ไกลนัก หลินหานมองภาพนี้อย่างตกตะลึง เขารีบสื่ออสารกับเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองทันที เพื่อคัดลอกวิถีการโคจรจากฝ่ามือของซู่เหอ
ในเสี้ยววินาทีนั้น คนอื่นอาจไม่ทันสังเกต ทว่า หลินหานผู้มีพลังตรวจจับที่น่ากลัวสามารถมองออกว่าฝ่ามือที่ดูเบาๆของซู่เหอ มี"พลัง"ที่คนธรรมดาไม่อาจเข้าใจ คล้ายคลึงกับจังหวะการก้าวเดินของซู่เหอเมื่อครู่ ที่สามารถดึงดูดพลังแห่งผืนโลกมาปรับใช้
หนึ่งกระบวนท่า หนึ่งการโจมตี สามารถดึงดูดพลังแห่งผืนโลก แล้วนำมา“รังสรรค์พลัง”เพื่อให้ตัวเองใช้ต่อสู้!
การค้นพบนี้ทำให้หัวใจของหลินหานตกตะลึง สิ่งที่ซู่เหอแสดงออกมาให้เห็น มันเกินกว่าความเข้าใจพื้นฐานที่หลินหานมีต่อวิชายุทย์ ดังนั้นหลินหานจึงรีบรวมจิตวิญญาณทั้งหมด แล้วใช้เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองคัดลอกรายละเอียดถี่ยิบของฝ่ามือนั้นเอาไว้ในจิต ถ้าเขาสามารถเรียนรู้สิ่งนี้ได้ มันจะกลายเป็นไพ่ตายใบใหญ่ในอนคตได้อย่างแน่นอน
บัดนี้ ผู้คนที่รับชมกำลังเดือดเดือดพล่าน
หนึ่งการโจมตี!
เป็นหนึ่งการโจมตีอีกตามเคย!
ฉากนี้ คล้ายกับเมื่อปีที่แล้ว
หนึ่งปีที่แล้ว ซู่เหอเอาชนะทุกคนทีละคนทีละคน จนไปยืนอยู่จุดสูงสุดของห้าผยอง ไม่มีใครสามารถต้านทานได้..
บนสังเวียน ซู่เหอในชุดผ้าฝ้ายยืนตรงสองมือไขว้หลัง แต่กลับเจิดจ้าในสายตาผู้คน ประหนึ่งเทพยุทย์ลงมาเยือน
ทว่า ในเวลานี้ยังไม่มีใครค้นพบเลยว่า บนท้องฟ้าเหนือโดมโค้งของตำหนัก มีร่างเงาลึกลับสองเงากำลังซ่อนอยู่ในความมืด พวกเขากำลังรับชมการประลองของอัจฉริยะที่อยู่ด้านล่างอย่างเงียบๆ
ชายสองคนแต่งตัวด้วยชุดเกราะสีเพลิง ออร่าหนาแน่น ยากจะคาดเดาได้ เฉกเช่นผีสีแดงเพลิงสองกลุ่มในยามค่ำคืนที่มืดมิด
"เจ้าหนุ่มซู่เหอคนนี้ ทั้งที่มีขอบเขตพลังปรมาจารย์ยุทย์ครึ่งก้าว แต่กลับรู้วิธีดึงพลังแห่งผืนโลกมาปรับใช้ โดยเฉพาะจังหวะที่อยู่แฝงในฝ่ามือของเขา แม้แต่ข้ายังไม่อาจมองทะลุความลึกลับนั้นได้ พรสวรรค์ระดับนี้ หากเทียบกับอัจฉริยะวัยเยาว์ในเมืองสือซาน สามารถจัดอันดับแถวหน้าได้อย่างแน่นอน!" ชายคนหนึ่งพูดออกมาด้วยความตกใจเล็กน้อย
"ซู่เหอคนนี้มีค่าควรแก่การให้ความสนใจ ทว่า เจ้าหนุ่มที่ถูกเรียกว่าหลินหานก็มีพรสวรรค์ใช่ย่อย เจ้าไม่ได้ตระหนักเลยหรือว่าวิชายุทย์ทั้งหมดที่เขาแสดงออกมา ล้วนอยู่ในระดับสูงสุด? แถมในขอบเขตยุทย์ฉะสวรรค์กลับสามาถทะยานบนท้องฟ้าได้ ทักษะเช่นนี้ควรเป็นข้าและเจ้าที่อยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ยุทย์จึงจะทำได้ มันน่าเหลือเชื่อ" ชายอีกคนหนึ่งซึ่งสวมชุดเกราะสีเพลิงได้เปล่งเสียงออกมา น้ำเสียงสื่อความแปลกใจ
"ไม่คาดคิดว่าเมืองเล็กๆอย่างเมืองต้วนเทียนจะมีอัจฉริยะที่มีความสามารถพิเศษได้ถึงสองคน พวกเราต้องรีบไปรายงานต่อราชาซื่อหยางทันที องค์ราชาชื่นชอบอัจฉริยะเช่นนี้เป็นที่สุด ... "
น้ำเสียงค่อยๆจางหายไป พร้อมกับร่างของทั้งสองคนได้หายไปในความมืดอย่างเงียบๆ
......
รอบสังเวียน ตรงส่วนที่นั่งของตระกูลของหลิน
"มีอะไรเหรอ?" หลินหรูเยียนหันไปมองหลินหานที่กำลังเงยหน้ามองด้านบนสุดของตำหนัก นางอดไม่ได้ที่จะถาม
"ไม่มีอะไร".
หลินหานส่ายหัวแล้วละสายตา แต่หัวใจของเขาครุ่นคิดอย่างลับๆ "ดูเหมือนจะมีออร่าแปลกๆวูบวาบด้านบน หรือข้าจะคิดไปเอง ... "
......
ข้างนอกเมืองต้วนเทียน ในป่ารกชัฏ ชายสองคนที่ชุดเกราะสีเพลิงได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆ
“เกือบไปแล้ว พลังตรวจจับของเจ้าหนุ่มนั่นน่ากลัวมาก เกือบจะถูกเขาพบเข้า” ชายคนหนึ่งพูดออกมา พลางถอนหายใจ
"ที่จริง ดูเหมือนว่าพวกเราประเมินเด็กคนนั้นต่ำไป" ชายอีกคนยิ้มอ่อน และพูดทันทีว่า "ไปกันเถอะ เจ้าหนุ่มสองคนนี้ต่างเป็นอัจฉริยะอันดับต้นๆ พวกเราต้องรีบไปรายงานราชาซื่อหยาง"
เมื่อพูดจบ ชายทั้งสองพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเสมือนนกอินทรีที่พึ่งแรงลมบินลอยหายไปในท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด
สองคนนี้คือปรมาจารย์ยุทย์!
......
ในตำหนักของหมู่บ้านกลางเขาแห่งเมืองต้วนเทียน
บนสังเวียน หลินกู่เทียนในตอนนี้มีเหงื่อไหลโชกท่วมตัว
ตัวเอง!
ตัวเองพ่ายแพ้ซู่เหอในหนึ่งการโจมตีอีกแล้ว?
สีหน้าของเขามืดมนสุดขั้ว
แต่ในวินาทีต่อมา สายตาของเขาได้สื่อความชั่วร้ายวูบวาบขึ้น เขาจึงลุกขึ้นยืนทันมี แล้วมองไปทางชายหนุ่มชุดผ้าฝ้ายที่อยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา "ซู่เหอ เจ้าพูดไม่ใช่เหรอว่ามีเพียงหลินหานแห่งตระกูลหลินเท่านั้นที่จะเป็นคู่ต่อสู้แก่เจ้าได้? "
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหลินกู่เทียนดูหดหู่ลง เขาหันไปมองหลินหานทันทีแล้วพูดว่า "หลินหาน ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะมีพลังนั้น เจ้ากล้าขึ้นสังเวียนไปประลองกับซู่เหอหรือเปล่ส!"
เมื่อคำพูดของหลินกู่เทียนจบลง บรรดาอัจฉริยะของขุมอำนาจต่างๆที่อยู่ด้านล่างต่างมีแสงเป็นประกายในดวงตา
หลินกูเตียคนนี้ ตัวเองพ่ายแพ้แล้วอยากจะดึงหลินหานคนในตระกูลเดียวกันให้ตกที่นั่งลำบากแบบตัวเอง?