ตอนที่แล้วตอนที่ 49 หนึ่งการโจมตีที่ทรงพลัง (2) [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 51 เงาลึกลับ [อ่านฟรี]

ตอนที่ 50 ความตกใจของหลินหาน [อ่านฟรี]


ตอนที่ 50 ความตกใจของหลินหาน

เป็นไปไม่ได้!

เมื่อเห็นหลินหานที่แต่งชุดสีเขียวกำลังย่างก้าวอยู่บนท้องฟ้าอากาศ ความคิดแรกของทุกคนคือเป็นไปไม่ได้ แต่หลังจากนั้น พวกเขาสังเกตเห็นว่าใต้ฝ่าเท้าของหลินหานมีไอลมแห่งสสารถ่องแท้สองกลุ่มที่ล้อมรอบ ช่วยพยุงให้เขาเดิน

คือวิชายุทย์!

อย่างน้อยน่าจะเป็นวิชายุทย์ระดับสูงสุด!

อัจฉริยะของขุมอำนาจต่างๆที่อยู่ที่นี่ต่างก็ไม่ธรรมดา พวกเขาจึงค้นพบสาเหตุในพริบตา

แต่สิ่งนี้ได้ทำให้ทุกคนตกใจ เแม้แต่ห้าผยองยังเปลี่ยนอารมณ์

หลินหานคนนี้ฝึกฝนวิชาท่าร่างที่น่าทึ่งได้ถึงขนาดนี้เชียว

ขอบเขตที่ต่ำว่าปรมาจารย์ยุทย์ สามารถเดินอย่างภาคภูมิใจในอากาศได้ด้วยเหรอ?

"ทะยานเหินเวหา"เป็นวิชายุทย์ระดับสูงสุดของตระกูลหลิน เคยมีผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลินคนหนึ่งใช้วิชานี้ แต่เขารู้แจ้งได้แค่ไม่กี่บท จึงสามารถทะยานบนท้องฟ้าได้แค่15นาที ทว่าเจ้าสามารถอยู่บนท้องฟ้าได้นานขนาดนี้ หลินหาน เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลย!" ซู่เหอยืนขึ้นอย่างอย่างฉับพลัน จิตใจที่อยากจะต่อสู้เพิ่มพูนขึ้น เขากล่าวอีกว่า "วิชายุทน์ขั้นสูงสุดบทนี้ เจ้าน่าจะตระหนักรู้ถึงขั้นที่เหนือกว่าบริบูรณ์แล้ว!"

ขั้นที่เหนือกว่าบริบูรณ์!

เมื่อซู่เหอพูดจบ สีหน้าทุกคนดูเหมือนจะเปลี่ยนจากตกใจและกลายเป็นตื่นตระหนก

วิชายุทย์ขั้นสูงสุดมีระดับของความเข้าใจในตำนานที่เรียกว่า ขั้นที่เหนือกว่าบริบูรณ์ หลายคนต่างพากันสงสัย เพราะขั้นที่เหนือกว่าบริบูรณ์เป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น

แต่วันนี้ เมื่อเห็นหลินหานที่เดินย่ำกรายเข้าจากบนท้องฟ้า อัจฉริยะอันนับไม่ถ้วนของเมืองต้วนเทียนจึงรู้สึกเหลือเชื่ออยู่ลึกๆ

วันนี้พวกเขาได้เห็น "ตำนาน" ด้วยตาของตัวเอง

ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้เห็นดาวรุ่งอีกหนึ่งคน...

เวลานี้ ผู้คนจำนวนมากต่างมองหลินหานด้วยอารมณ์ที่เร่าร้อน ปีนี้เขาอาจจะเปลี่ยนรูปแบบของห้าผยอง แล้วกลายเป็นผยองแห่งนภาคนที่หก!

เป็นม้ามืดตัวตัวฉกาจจริง ๆ !

แม้แต่ลั่วชิงเฉิง บัดนี้ใบหน้าเลอโฉมของนางยังเผยความเคร่งขรึม ก่อนหน้านี้ตอนที่พบกับหลินหานในป่าหม่างเเห่งเมืองต้วนเทียน ลั่วชิงเฉิงเพียงชื่นชมหลินหานเท่านั้น ทว่า ตอนนี้ในใจของลั่วชิงเฉิงเริ่มให้ความสำคัญ จนถึงขั้นที่นางจุดประกายความคิดที่จะดึงหลินหานเข้ามาร่วมกับตระกูลลั่ว เพราะอัจฉริยะวัยเยาว์เช่นนี้ ขุมมขุมนาจต่างๆล้วนก็เป็นอยากได้มาเป็นพวก และจะพยายามชักชวนโดยไม่สนว่าจะต้องจ่ายด้วยมูลค่าเท่าไหร่

"ข้าแพ้แล้ว" บนสังเวียน ลั่วหงจวิ้นมองหลินหานที่ลอยอยู่บนอากาศ เขายิ้มอย่างขมขื่นแล้วยกมือขึ้นคำนับ ในด้านวิชายุทย์ท่าร่าง เขาพ่ายแพ้หลินหานอย่างสมบูรณ์ จึงยอมรับทั้งกายและใจ

ในไม่ช้าผู้คนนับไม่ถ้วนหันไปมองหลินหานอีกครั้ง บัดนี้พวกเขาไม่สามารถหาข้อด้อยและจุดอ่อนของหลินหานได้เลย เขาเป็นดั่งอัจฉริยะที่เก่งกาจในทุกๆด้าน ไม่มีจุดอ่อนในตัวเขา

นี่คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด

จอมยุทย์ที่ทรงพลังเพียงด้านเดียวนั้นไม่น่ากลัว แต่ถ้าพบกับผู้ที่เก่งรอบด้าน จึงจะเป็นเรื่องที่ปวดหัวมากที่สุดและน่าหวาดหวั่นมากที่สุด

เห็นได้ชัดว่าหลินหานกลายเป็นตัวตนเช่นนั้นในหัวใจของทุกคน บัดนี้ ในหัวใจของอัจฉริยะหลายคน ได้มองหลินหานว่าเป็นตัวตนที่เทียบเท่ากับห้าผยองไปแล้ว

เป็นอีกครั้งที่หลินหานได้ผลักบรรยากาศของงานชุมนุมชาวยุทย์ให้กลายเป็นคลื่นใหม่ที่ถาโถมขึ้น

ทว่า คนที่น่าหดหู่ที่สุดในเวลานี้คือหลินกู่เทียน

เขาเป็นผู้นำทีมของตระกูลหลิน แต่ผลลัพธ์ได้กลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างถูกหลินหานคนเดียวแย่งชิงไปทั้งหมด ทำให้หัวใจของเขาเศร้าสลดจนแทบจะอาเจียนเป็นเลือด

หลินกู่เทียนกัดฟันเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืนทันที สายตาจ้องมองไปยังพื้นที่ของตระกูลซู่ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก แล้วตะโกน "ซูเหอ ข้าต้องการต่อสู้กับเจ้า!"

ในที่สุดหลินกู่เทียนก็ไม่สามารถระงับได้อีกต่อไป เขาต้องการจะต่อสู้ เพราะเขาไม่อนุญาตให้ดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างหลินหาน เเย่งชิงชื่อเสียงของตัวเองไปจนหมด

ในฐานะที่เป็นบุคคลระดับห้าผยองเมื่อหลินกู่เทียนยืนขึ้น จึงทำให้ได้รับความสนใจจากผู้คนนับไม่ถ้วนทันที สิ่งนี้ทำให้หัวใจของหลินกู่เทียนรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

และแล้วในเวลานี้ หลินหานกลับไปถึงที่นั่งของตัวเอง และพูดคุยกับหลินหรูเยียน

หลินกู่เทียนชำเลืองมองมาเล็กน้อย เขาพบว่าจิตใจของหลินหรุเยียนอยู่ในร่างของหลินหานอยู่เสมอ แม้ว่าเขาจะท้าประลองซู่เหอ แต่นางไม่ชายตาหันมามอง ความแตกต่างกันเช่นนี้ ทำให้จิตใจของหลินกู่เทียนกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง เพลิงริษยากำลังจะแผดเผาร่างของเขา

"ข้าจะต่อสู้กับเจ้าเอง ใช่ว่าใครก็ตามที่สามาถรท้าประลองพี่ซู่เหอได้!" ทันใดนั้นศิษย์ของของตระกูลซู่คนหนึ่งซึ่งมีพลังของยุทย์ฉะสวรรค์ได้เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเยาะเย้ย เขาจ้องมองหลินกู่เทยน

"พลังขาร่างมังกร!" ศิษย์ตระกูลซูคนนี้ก็มีพลังแข็งแกร่งมาก อาจกล่าวได้ว่าเป็นอันดับสองรองจากห้าผยองเท่านั้น เมื่อเขาเตะฝ่าเท้าออกไป ประหนึ่งเขากำลังฟาดด้วยแส้เหล็ก เตะออกไปจนอากาศส่งเสียงดังเกรียวกลาว

"อย่างเจ้าคงมิได้!" หลินกู่เทียนยิ้มอย่างเย็นชา เขาโบกมือ ออร่าจำนวนมากควบแน่นขึ้นในอากาศ กลายเป็นฝ่ามืออากาศที่ไร้รูปร่าง ฟาดจนศิษย์แห่งตระกูลซู่คนนั้นกระเด็นลอยไป

เพียงหนึ่งฝ่ามือก็สามารถฟาดจอมยุทย์แห่งยุทย์ฉะสวรรค์ขั้นสูงสุดจนกระเด็นลอยออกไป?

ในขณะนี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยเปลี่ยนสีหน้า พลังต่อสู้ในระดับห้าผยองแห่งเมืองต้วนเทียนน่ากลัวโดยเเท้จริง ใช่ว่าคนธรรมดาจะต่อกรได้

พื้นที่ทางฝั่งตระกูลหลิน หลินหานมองการโจมตีแบบขอไปทีของหลินกู่เทียนซึ่งเปี่ยมพลังอันน่ากลัวได้เช่นนี้ ดวงตาของเขาจึงเผยให้เห็นความตึงเครียดเล็กน้อย

หลินกู่เทียนแข็งแกร่งจริงๆ ไม่ได้มีดีแต่ชื่อ ออร่าที่เขาปลดปล่อยออกมาเมื่อครู่มีพลังในระดับของปรมาจารย์ยุทย์ครึ่งก้าว

หลินหานลองเปรียบเทียบอย่างเงียบๆ ก็พบว่าหลินกู่เทียนอาจจะแข็งแกร่งกว่าตอนที่ผู้อาวุโสไป๋เหมยกดดันเขาในงานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทย์ เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินหานจึงลดความคิดดูแคลนตู่ต่อสู้ลง แล้วเริ่มทำความเข้าใจวิชายุทย์หลายร้อยชิ้นที่เพิ่งถูกคัดลอกไว้ในเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ไฟสีทอง ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อยในการพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม แม้หลินหานจะหวั่นเกรงต่อพลังการต่อสู้อันทรงพลังของหลินกู่เทียน แต่หลินหานไม่ได้หวาดกลัว

เมื่อเทียบเขาตอนนี้กันตอนงานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทย์ หลินหานย่อมรู้ว่าตัวเขาก็ก้าวหน้าไปมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการครอบครองวิชายุทย์ระดับสูงสุด หรือทักษะของนักพรตวิญญาณอย่าง "ดวงตาพิฆาต" ต่างก็มีพลังเพิ่มมากขึ้น สิ่งนี้ได้เพิ่มความมั่นใจที่กล้าแกร่งแก่หลินหาน

เขามั่นใจว่าเขาสามารถต่อสู้กับห้าผยองแห่งเมืองต้วนเทียนได้ ทว่าตอนนี้ใบหน้าหลินหานยังไร้อารมณ์อยู่ เขาสังเกตการเปลี่ยนแปลงบนสังเวียนอย่างเงียบๆ เพราะต้องการสังเกตทักษะของหลินกู่เทียนและซู่เหอ

มีเนตรนภาแห่งนักพรตวิญญาณ ทำให้หลินหานสามารถตรวจสอบข้อมูลที่คนธรรมดาไม่สามารถตรวจสอบได้  และข้อมูลนี้จะช่วยให้หลินหานคว้าชัยชนะได้

บนสังเวียนในเวลานี้ หลินกู่เทียนซึ่งโจมตีศิษย์ตระกูลซู่ผู้แข็งแกร่งจนแพ้พ่ายไป ทว่าสายตาของยังไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงจ้องเขม็งชายหนุ่มชุดผ้าฝ้ายที่นั่งอยู่ตรงนั้น

"ได้ ข้ายอมรับการท้าดวลของเจ้า" ซู่เหอกล่าวแล้วยืนขึ้น ย่างก้าวอย่างมั่นคง ค่อยๆเดินขึ้นไปบนสังเวียน

ตุบ ~ ตุบ ~ ตุบ ...

เสียงฝีเท้าก้าวเดินทีละก้าวทีละก้าว แต่ดูเหมือนจะมีพลังเวทย์มนตร์แปลกๆที่ทำให้หลินกู่เทียนที่อยู่ตรงกันข้ามมีเหงื่อผุดบนหน้าผาก

เป็นความรู้สึกนี้อีกแล้ว!

หลินกู่เทียนจ้องมองชายหนุ่มชุดผ้าฝ้ายที่เข้ามาอย่างเฉยชา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ในเวลานี้ หลินหานที่อยู่ด้านล่างสังเวียนสื่อความตกใจเล็กน้อยในดวงตา

เสียงก้าวเดินเมื่อครู่ของซู่เหอ ราวกับกำลังรวบรวมพลังงานอย่างไม่อาจอธิบายได้ในทุกย่างก้าวที่เขาเดิน พลังไร้รูปร่างอันทรงพลังค่อยๆควบแน่นบนร่างกายของซู่เหอ ในที่สุดก็ก่อให้เกิดพลังกดดันอย่างถาโถมแก่ร่างกายและวิญญาณของหลินกู่เทียน

"รังสรรค์พลัง! นี่คือการควบคุมพลังแห่งผืนโลก!" ดวงตาของหลินหานเป็นประกายทันที จากพลังที่ซู่เหอแสดงออกมาให้เห็นในเวลานี้ ทำให้เขาจำได้ว่ามีเขียนบันทึกในหนังสือโบราณ

ว่ากันว่า เมื่อจอมยุทย์แข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่ง คำพูดและการกระทำของเขาสามารถทำให้เกิดพลังกดดันที่มองไม่เห็นต่อคู่ต่อสู้ เป็นพลังที่กดดันทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ

อาจกล่าวได้ว่า"ดวงตาพิฆาต"ของหลินหานมีผลเช่นเดียวกัน ทว่า พลังกดดันนี้ยังไม่มีผลที่ลึกถึงระดับดวงวิญญาณ จำกัดอยู่ที่ร่างกายและจิตใจเท่านั้น แต่นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หลินหานตกตะลึง

ซู่เหอคนนี้ยังอายุน้อย ทั้งที่อยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ยุทย์ครึ่งก้าว แต่เข้าใจการรังสรรค์พลังแล้ว?

มันถูกบันทึกไว้ในหนังสือโบราณว่า ต่อให้เป็นถึงปรมาจารย์ยุทย์สูงสุดในขอบเขตนวสวรรค์ ก็ใช่ว่าจะมีหนทางในการควบคุมพลังงานของแห่งผืนโลกรอบๆ

ตอนนี้ หลินหานเริ่มเกิดความรู้สึกระรังตัวต่อซู่เหอผู้เป็นอันดับหนึ่งแห่งห้าผยอง

ชายหนุ่มในชุดผ้าฝ้ายที่ดูเหมือนจะธรรมดา ทว่าเขากลับซ่อนความลับที่ไม่มีใครรู้

ในเวลาเดียวกัน ในใจของหลินหานก็เกิดความยินดี เขาสื่อสารกับเปลวไฟสีทองในใจ การเคลื่อนไหว การแสดงออกและแม้แต่ความถี่การหายใจของซู่เหอ หลินหานได้เเกะรอยออกมาอย่างเงียบๆแล้วเริ่มทำความเข้าใจ

ในใจของหลินหานแอบรู้สึกตื่นเต้น บางทีเขาอาจจะสามารถ“ขโมย” เรียนวิชายุทย์ที่เหลือเชื่อบทนี้ได้

.......................................................................................................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด