เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0095
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ ข้าคือผู้ยิ่งใหญ่ [เรื่องใหม่]
••••••••••••••••••••
ตอนที่ 95 : แผนที่หลุมฝังเซียน
ฉินหยุนตามฉินหย่งเหอไปยังพื้นที่ต้องห้ามด้านหลังสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง
บริเวณนี้ใกล้เคียงกับภูเขาใหญ่ในเทือกเขาเมฆมังกร
ที่เชิงเขาลูกใหญ่ยักษ์ มีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง
ฉินหย่งเหอพาฉินหยุนเข้าสู่ถ้ำดังกล่าว ภายในเป็นห้องหินที่เต็มไปด้วยตำรามากมาย
“ผู้อำนวยการขอรับ ท่านจะมอบอะไรให้ข้าหรือ?” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะถามออกด้วยความสงสัย
ฉินหย่งเหอนำแผ่นหนังสัตว์ชิ้นสี่เหลี่ยม และดูค่อนข้างโบราณออกมาวางบนโต๊ะและเอ่ยคำ “ดูนี่ คิดว่ามันเหมือนอะไร?”
มันเป็นแผ่นหนังสัตว์ขาวราวหิมะ คล้ายผ่านกาลเวลามานานยิ่ง ความยาวก็เกือบหนึ่งเมตรเห็นจะได้ แม้พื้นผิวจะเก่าแก่ แต่มันกลับมีสัมผัสที่นุ่มยามมือจับโดน สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้คือมันค่อนข้างหนาผ่านการบีบรุนแรง
“หนังสัตว์ผืนนี้มาจากสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งยิ่ง... หนังสัตว์นี้ยังถูกขัดเกลาด้วยกระบวนการพิเศษ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะกระทำ มันทนทานต่อดาบหรือหอก กระทั่งน้ำหรือไฟก็ด้วย” ฉินหยุนสำรวจมันและเริ่มอุทานด้วยความประหลาดใจขึ้นเรื่อย ๆ
ฉินหย่งเหอไม่คิดว่าฉินหยุนจะพบเห็นได้หลายสิ่งเพียงนี้ เขาลอบตระหนักขณะเอ่ยถาม “แล้วอะไรอีก?”
“ตรงนี้มีรอยตัด... นี่คงเป็นการตัดออกจากแผ่นหนังสัตว์ผืนใหญ่” ฉินหยุนพิจารณาใกล้ชิดขณะมองรอยบากและขมวดคิ้ว “ตรงนี้ มันซ่อนเอาไว้อย่างแนบเนียนมาก เป็นร่องรอยของผังวิญญาณที่แกะสลักไว้... แต่มันคืออะไรกันละ? หนังสัตว์ผืนนี้ระดับก็สูงยิ่ง ข้ายังไม่อาจแกะสลักมันได้ด้วยมีดแกะสลักที่มีด้วยซ้ำ”
หลังจากฉินหย่งเหออุทานออก เขาจึงยิ้ม “สมแล้วที่เป็นอัจฉริยะของวิถีจารึกแห่งเต๋า ขอบอกความจริงต่อเจ้า นี่คือชิ้นส่วนแผนที่!”
“แผนที่? แผนที่อะไรหรือขอรับ? ถึงกับถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุหายากและราคาแพงล้ำขนาดนี้ พื้นผิวของมันยังขาวราวหิมะจนแทบไม่เห็นร่องรอยของการวาดเขียน ดังนั้นนี่สมควรต้องใช้วิธีการพิเศษเพื่อเก็บซ่อนความลับ” ฉินหยุนสำรวจมองตระหนก หากนี่เป็นแผนที่ ก็ต้องมีระดับเหนือล้ำยิ่งแล้ว
“แผนที่ผืนนี้สลักเอาไว้ด้วยเส้นมืด ข้ายังไขความลับของมันไม่ได้!” ฉินหย่งเหอถอนหายใจ “ข้าได้รับแผนที่ผืนนี้เมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว มันเป็นของที่บิดาเจ้ามอบแก่ข้า!”
“บิดาข้ามอบแก่ท่าน?” ฉินหยุนตื่นตะหนกทั้งยังเร่งร้อนเอ่ยถาม “เช่นนั้นแล้วความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบิดาของข้าคืออะไรกัน?”
ฉินหย่งเหอยิ้ม ดวงตาเผยความอ่อนโยน เขาถอนหายใจ “ข้านับได้ว่าเป็นปู่ของบิดาเจ้า เท่ากับว่าข้าเป็นทวดของเจ้า”
“เรื่องนี้... เป็นไปได้?” ใบหน้าฉินหยุนฉายชัดซึ่งความตื่นตะลึงขณะพบว่านี่ยากจะเชื่อ
อีกฝ่ายค่อนข้างคุ้นหน้า ราวกับเป็นบรรพบุรุษของเขาจริง
โดยเฉพาะกับทวดของเขา ผู้ที่นามว่าฉินชิงเสิน เขาเป็นหนึ่งในจักรพรรดิช่วงแรกของจักรวรรดิเทียนฉิน แต่ก็เสียชีวิตไปด้วยวัยสามสิบเจ็ด
ฉินหย่งเหอกล่าว “ข้าเสี่ยงลองเข้าสู่เทือกเขาเมฆมังกรตั้งแต่เยาว์วัย และครั้งนั้นก็ทำข้าเกือบสิ้นชีพ เป็นข้าติดอยู่ในนั้นเป็นเวลาหลายสิบปี ในภายหลังข้าค่อยถูกอดีตผู้อำนวยการของสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงช่วยเหลือเอาไว้ ใครกันจะคิด ว่าเขาจะให้ข้าเป็นผู้อำนวยการคนใหม่ เพราะเรื่องตอนนั้น ข้าจึงก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ความคิดยึดติดต่ออำนาจของจักรพรรดิมลายหาย ข้าเพียงฝึกฝนอย่างสงบและไม่คิดกลับวังหลวง เพราะแบบนั้นข้าจึงเปลี่ยนชื่อ”
“บิดาของเจ้าจดจำข้าได้ครั้งที่เขาเข้าเรียนในสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง เขายังสัญญากับข้าว่าจะไม่บอกต่อผู้ใด” ฉินหย่งเหอถอนหายใจ
“ครั้งนั้นเขาพยายามก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เพราะได้รับบาดเจ็บจากพลังปราณย้อนกลับ เขาไม่อาจรักษาตัวเอง เขาจึงมาขอให้ข้าช่วยเหลือ อาการบาดเจ็บทางจิตของเขารุนแรง พลังจิตแทบแตกกระจาย แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว”
“ไม่แปลกเลยที่เขาไม่อาจดูแลข้า เพราะลำพังตัวเขายังเอาไม่รอด...” ฉินหยุนเอ่ยถาม “เช่นนั้นบิดาข้าเล่า? เขาดีขึ้นหรือยังขอรับ?”
ฉินหย่งเหอส่ายศีรษะกล่าวตอบ “ตอนนี้เขาเก็บตัวฝึกฝนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ข้าไม่มั่นใจนักว่าจะรักษาได้หรือไม่ แต่ก็นับเป็นเรื่องดีที่เจ้าอภัยแก่เขา ย้อนกลับไปตอนนั้น เรื่องที่เจ้าโดนทำให้พิกลพิการ เขาเจ็บปวดไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว และนั่นก็ยิ่งทำให้อาการบาดเจ็บของเขาแย่ลง”
ฉินหยุนพยักหน้ารับและมองที่แผ่นหนังสัตว์ “ท่านทวด ท่านต้องการมอบชิ้นส่วนแผนที่นี้แก่ข้าหรือขอรับ?”
“มันเป็นของเจ้าแต่แรกแล้ว! มันล้ำค่าก็เพราะหนังสัตว์ผืนนี้ทำให้มารดาและบิดาของเจ้าพบกันและตายจาก” ฉินหย่งเหอเอ่ยคำด้วยสีหน้าโศกไม่ใช่น้อย
ฉินหยุนสูดลมหายใจลึก สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความตายของมารดาเขา!
เขามองฉินหย่งเหอที่เหม่อลอย เขาคิดอยากถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ฉินหย่งเหอกล่าวเชื่องช้า “แผนที่นี้เรียกว่า ‘แผนที่หลุมฝังเซียน’ ด้วยอุกกาบาตที่ร่วงหล่นลงมา มันตกลงที่หมู่บ้านชายเขาเล็กจ้อยแห่งหนึ่ง และกระจายออกเป็นสี่ส่วน มารดาของเจ้าและหญิงอีกสามนางในวันนั้นไปซักเสื้อผ้าที่ริมแม่น้ำ”
“หลังอุกกาบาตร่วงหล่น มันดึงดูดความสนใจของสามจักรวรรดิเป็นอย่างยิ่ง โดยทันที พวกเขาได้เข้าจัดการกับผู้คนในหมู่บ้านชายเขาแห่งนั้น! มารดาเจ้าได้พบกับบิดาเจ้าก็ตอนนั้นเอง พวกเขาตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบเห็น ในตอนนั้น บิดาเจ้ายังเป็นเพียงแค่องค์ชายรัชทายาท”
ฉินหยุนเองก็ทราบ ว่ามารดาของตนเป็นสามัญชน เพราะแบบนั้นนางสนมในวังหลายคนถึงริษยานางอย่างรุนแรง
ฉินหย่งเหอกล่าวต่อ “ผู้หญิงอีกสองคนนั้นต่างได้รับชิ้นส่วนแผนที่หลุมฝังเซียน และถูกนำตัวไปโดยองค์ชายรัชทายาทแห่งเทียนชี่และเทียนเชี่ยว พวกเขาเหล่านั้นตอนนี้เป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิทั้งสอง”
“พวกนาง คนที่ไปยังเทียนชี่โชคไม่ดีนัก นางได้กลายเป็นข้ารับใช้ในพระราชวัง และไม่นานก็ให้กำเนิดลูกก่อนเสียชีวิตจากไป!”
“สำหรับอีกนางที่ไปยังจักรวรรดิเทียนเชี่ยว โชคของนางดีล้ำ นางได้กลายเป็นพระชายา แต่โชคของนางอยู่ได้ไม่นาน หลังให้กำเนิดลูกคนที่สอง ไม่กี่ปีนางก็ตายจาก เหมือนอย่างมารดาของเจ้าและอีกคน”
ฉินหยุนพลันนึกขึ้นได้จึงถามออก “แล้วผู้หญิงอีกหนึ่งคนละขอรับ?”
“เป็นมหาอุปราชของเจ้ายังไงละ!” คำกล่าวนี้ของฉินหย่งเหอเป็นผลให้ทั้งร่างฉินหยุนสะท้าน
“มหาอุปราช นาง... นางก็ตายเพราะคำสาปหรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงสั่น
ฉินหย่งเหอส่ายหน้า “นั่นไม่ใช่ นางเป็นเผ่าสัตว์ และไม่ได้รับผลจากคำสาป แต่นางก็ยังโดนผลข้างเคียงเป็นวิชาปีศาจ กลุ่มคนที่เห็นโอกาสจึงคิดใช้โอกาสดังกล่าวปักปรำนางว่าฝึกฝนวิชาปีศาจ”
ฉินหยุนกำหมัดเอาไว้แน่น เขาโกรธขึ้งแต่ก็ไม่ได้โวยวายออก “เป็นเช่นนี้!”
ฉินหย่งเหอตบที่ไหล่ของเขาและยิ้มให้ “นางยังสบายดี อย่างไรแล้วนางหลบหนีพ้นจากคำสาปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้นางคงซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งเพื่อรอฟื้นฟูกำลัง!”
“ท่านทวด ข้าควรไปตามหาหนังสัตว์ที่เหลืออีกสามหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
ฉินหย่งเหอกล่าวต่อ “เท่าที่ข้าทราบ หญิงที่ไปยังจักรวรรดิเทียนชี่ได้กลายเป็นข้ารับใช้ แต่เพราะนางมีรูปลักษณ์เหนือล้ำ จึงดึงดูดความสนใจจักรพรรดิเทียนเชี่ยว ภายหลังจึงให้กำเนิดเด็กสาวนามชี่เม่ยเหลียน ส่วนทางด้านหญิงที่ไปยังเทียนเชี่ยว นางคือมารดาของเชี่ยวเย่ว์หลานและเชี่ยวเย่ว์เหม่ย”
หญิงทั้งสอง แท้จริงแล้วเป็นมารดาของชี่เม่ยเหลียนและเชี่ยวเย่ว์หลาน! เรื่องนี้ทำเอาฉินหยุนแตกตื่นอีกครั้ง
ถึงตอนนี้เขาจึงเข้าใจ ว่าทำไมเขาถึงถูกหมั้นหมายกับเชี่ยวเย่ว์หลาน ก็เพราะแม่ของเขากับแม่ของเชี่ยวเย่ว์หลานต่างรู้จักกันดี ความสัมพันธ์ระหว่างกันก็ดีเช่นกัน
ฉินหยุนนึกย้อนถึงความจริงที่ทั้งแม่ของเขาและนางเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออก “พวกนางที่เป็นบุตรสาวทราบเรื่องหรือไม่ขอรับ?”
ฉินหย่งเหอส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าไม่มั่นใจแล้ว ดังนั้นข้าจึงอยากให้เจ้าไปค้นหาด้วยตัวเอง ความสัมพันธ์ของเจ้ากับชี่เม่ยเหลียนไม่เลว แต่ทางด้านของเชี่ยวเย่ว์หลาน... ออกจะยากไปบ้าง ครั้งเจ้าทำเชี่ยวหลางพิการก่อนหน้า ทางเทียนเชี่ยวก็มองเจ้าเป็นศัตรูตัวฉกาจไปแล้ว ทั้งยังห้ามไม่ให้เจ้าเข้าจักรวรรดิเทียนเชี่ยวด้วย”
ฉินหยุนวางแผ่นหนังสัตว์ด้วยอารมณ์หลายอย่างปนเป
“สถาบันยุทธ์ฮัวหลัง ในทางลับถูกตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามหยิบฉวยไปแล้ว ข้าแทบไม่ต่างอะไรกับอากาศธาตุ นี่ก็นับว่าดีเช่นกัน” ฉินหย่งเหอลูบศีรษะฉินหยุน เขายิ้มกล่าว “ได้มีเหลนเช่นเจ้า ข้าก็สบายใจได้แล้ว นับจากนี้ข้าจะออกสำรวจเทือกเขาเมฆมังกร”
“ท่านทวด ท่านคิดไปแล้ว?” ฉินหยุนพลันรู้สึกใจหาย ทั้งที่เขาเพิ่งจะได้รู้จักเครือญาติที่ยังห่วงหาต่อเขาซึ่งเหลือเพียงน้อยนิดได้เพียงไม่นานเอง
“แดนยุทธ์อ้างว้างทั้งเก้าใหญ่โตมหาศาลนัก ข้าคิดอยากไปเห็นด้วยตาตนเอง” ฉินหย่งเหอถอนหายใจและหัวเราะเบา “ไว้เมื่อเจ้ามีพลังอย่างข้าในภายหน้า เมื่อนั้นเจ้าก็จะคิดเช่นเดียวกัน”