ตอนที่ 4 ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น
ยีนลิงหิน!
มันคือยีนลิงหิน!
สำหรับเฟิงหลิน นี่ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ แต่เป็นเรื่องน่าตกใจซะมากกว่า
สมการทางพันธุกรรมได้ลดศักยภาพยีนไปมากเพื่อให้ได้มาซึ่งสูตรนี้ นี่หมายความว่ายีนลิงหินเป็นแค่ยีนวิวัฒนาการเดียวจากยีนลิงและยีนหิน
ยีนลิงหิน : ลิงหินไร้พ่อแม่ เกิดจากสวรรค์และโลก มันมีกายหินและกระดูกแข็งเหมือนเหล็ก มันยังมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ...
ด้วยยีนลิงหินใหม่ที่สว่างขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับมันจึงปรากฏ
เฟิงหลินรู้เกี่ยวกับความสามารถของยีนลิงหินนี้
หลังยีนลิงหินตื่นขึ้น ไม่เพียงแต่ผู้บ่มเพาจะครอบครองความเร็วและพละกำลังของลิง แต่เขาหรือเธอยังมีร่างกายไร้เทียมทานเหมือนเหล็ก ไปถึงระดับที่อาวุธไม่อาจทำอันตรายได้
ยีนลิงหินทำให้ความคิดมากมายวิ่งแล่นในหัวเขา
ในตำนานฮั่วเซียบนโลก ลิงนั่นโด่งดังมาก ทุกคนล้วนรู้จักชื่อมัน
มหาปราชญ์เทียมฟ้าแห่งภูเขาผลไม้ ซุนหงอคง!
มันคือลิงหินที่หล่อหลอมด้วยสวรรค์และพื้นปฐพี
อย่างไรก็ตาม ตัวตนจริงมันคือลิงหินวิญญาณ แม้จะมีคำว่าวิญญาณ ลิงหินก็ยังเป็นลิงหิน!
ด้วยความเข้าใจของเฟิงหลินต่อตำนาน มันจึงเป็นไปได้ว่ายีนลิงหินวิญญาณอาจเป็นทิศทางในอนาคตการวิวัฒนาการของยีนลิงหิน
เขาสามารถใช้สิ่งนี้เป็นรากฐานได้
จากยีนลิงหินไปยีนลิงหินวิญญาณ จากนั้นก็เป็นยีนราชาลิงและอื่นๆ....
ทุกๆตำนานคือเส้นทางสู่การเป็นเทพ!
ตำนานเต็มไปด้วยเส้นทางสู่การเป็นเทพ ทุกตำนานหรือทุกตัวละครในตำนาน การถอดรหัสพวกมันแล้วพัฒนาคือแก่นแท้ของการบ่มเพาะพันธุกรรม
เป็นไปได้ไหมว่าฉันกำลังเดินบนเส้นทางของมหาปราชญ์เทียมฟ้า ซุนหงอคง?
งั้น...ฉันจะไม่กลายเป็นลิงงั้นหรอ?
…
เฟิงหลินไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้
คนอื่นจะคิดยังไงหากต้องกลายเป็นลิง?
แต่ทว่า เพื่อประโยชน์ของการบ่มเพาะ เขาต้องยอม!
เพื่อความแข็งแกร่ง เฟิงหลิงไม่คิดถูกรั้งด้วยศีลธรรม
ลิงนั่นถือเป็นตัวตนที่ไม่มีใครเทียบได้ในตำนาน หากเขาเดินบนเส้นทางนั้นจริงๆ มันก็จะมีความเป็นไปได้ไร้ขีดจำกัด
ตราบเท่าที่เขารู้ทิศทาง นอกจากการมีอยู่ของสมการพันธุกรรม ทุกอย่างล้วนเต็มไปด้วยความเป็นไปได้
เฟิงหลินมั่นใจและเมื่อเขาสงบสติ เขาก็เห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
หากต้องการคิดว่าสมการของยีนลิงหินต้องการทั้งยีนลิงและยีนหินเพื่อทำให้มันมีค่าความแข็งแกร่งสิบหน่วย
นี่เป็นไปไม่ได้!
ในเวลานั้น มีความคิดเดียวอยู่ในหัวเขา
แม้ยีนจะทรงพลัง มันก็ยังมีข้อจำกัดด้านพลัง
ยีนระดับเดียวกันจะแบ่งออกเป็นหลายขั้น ขั้นต่ำ กลาง สูง ขั้นแปรปรวนและสมบูรณ์
ยิ่งขึ้นต่ำ มันก็ยิ่งยากจะทำให้แข็งแกร่งขึ้น
สำหรับยีนลิงซึ่งเป็นยีนขั้นต่ำสุด ไม่มีใครได้ยินว่ามันจะเสริมกับอะไรที่เหนือกว่าสามหน่วยได้
ไม่มีใครเคยทำเช่นเดียวกับยีนหิน อีกหนึ่งยีนชั้นต่ำ
ตามเหตุผล มันเป็นไปได้ที่จะเสริมความแข็งแกร่งยีนสิบหน่วยหรือสูงกว่านั้นหากยีนมีขั้นสูงกว่านี้
แต่ทว่า สมการนี้จำต้องมีการเสริมทั้งยีนลิงและยีนหิน ซึ่งเป็นยีนทั่วไปทั้งคู่ให้เป็นสิบหน่วย นี่คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
หากสมการเป็นจริง มันก็อาจเป็นเพราะข้อกำหนดนี้ไม่มีใครสามารถพบ
เฟิงหลินคิดอย่างจริงจัง
เป็นเวลาหลายปี แม้จะมีอัจฉริยะมากมาย แต่ก็ไม่มีใครบรรลุเป้าหมายนี้ได้
เฟิงหลินรู้ข้อจำกัดเขา เขาเป็นแค่เด็กน้อยและยังไม่ถือเป็นผู้บ่มเพาะ ดังนั้น มันจึงยากสำหรับเขาที่จะทำตามข้อกำหนดนี้
เนื่องจากสูตรพันธุกรรมที่เป็นไปไม่ได้นี้มาจากสมการทางพันธุกรรม งั้นเขาก็อาจต้องหาคำตอบจากมัน
เหนือสิ่งอื่นใด การอยู่ของสมการพันธุกรรมคือการทำลายสามัญสำนึกตั้งแต่ต้น
เขาทำการทดลองต่อไปและพบว่าเขาดูเหมือนจะควบคุมบอลแสงสีทองสองลูกได้
ด้วยความคิดนั้น ศักยภาพยีนเขาจึงเริ่มสั่นคลอนและกลุ่มดาวก็กำลังเดือดดาล ราวกับว่าพวกมันกำลังจะเข้าไปในบอลแสง
เฟิงหลินรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่าง ยีนเขาประสบการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
ชื่อ : เฟิงหลิน
พลัง : 0.5
ยีนลิง : 3
ยีนหิน : 1
ศักยภาพยีน : 1008%
โดยไม่รู้ ความแข็งแกร่งยีนเขาเปลี่ยนจาก2เป็น3 ทุกอย่างเกิดขึ้นตามธรรชาติในชั่วพริบตา
นี่สุดยอดมาก!
เฟิงหลินเต็มไปด้วยอารมณ์ ยีนเขาได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นจุดหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ามันไม่มีเหตุผลเลย
มันเป็นการเสริมพลังที่สุดยอดมาก
หลังยีนได้รับการเสริมพลัง เฟิงหลินก็เห็นว่าพลังเขาเพิ่มขึ้นจาก0.4เป็น0.5
ยีนเป็นแหล่งพลัง และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ยีนก็หมายถึงพลังที่เพิ่มขึ้น
แต่ทว่า ในเวลาเดียวกัน ศักยภาพยีนก็เปลี่ยนจาก1108%เป็น1008% ลดลงถึง100%
เฟิงหลินให้ความคิดและจากนั้นก็เข้าใจจุดแข็ง
นอกเหนือจากศักยภาพยีนที่ลดลงเพื่อให้ได้มาซึ่งสูตรพันธุกรรม ศักยภาพยีน100%ของแต่ละอันยังสามารถใช้เพื่อปรับแต่งแต้มยีนเพื่อเลือก
นี่ก็เหมือนกับต้นไม้ทักษะในเกม แต่ละกลุ่มดาวคือหนึ่งในแต้มพันธุกรรม และแต้มก็จะเพิ่มส่วนที่จำเป็น!
เขาต้องการพวกมันเพิ่ม!
หลังยืนยันเส้นทางวิวัฒนาการของยีนเขา เฟิงหลินก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดกับการใช้ศักยภาพยีนอีก
เขาต้องเสริมความแข็งแกร่งให้ยีนพื้นฐานทั้งสองและจากนั้นก็พัฒนาพวกมันเป็นยีนลิงหิน นี่จะช่วยให้เขาก้าวสู่การเป็นผู้บ่มเพาะ
สำหรับสมการพันธุกรรมเหล่านั้น แม้จะมีค่ามาก พวกมันก็ยังไร้ประโยชน์ต่อเขา ดังนั้น เขาจึงไม่จำเป็นต้องไปเสียศักยภาพยีนอันล้ำค่ากับพวกมัน
ตอนนี้เขาอ่อนแอเกินไป ในยุคระหว่างดวงดาวที่การแข่งขันรุนแรง เขาไม่มีอะไรสำรองเพื่อความอยู่รอดเขา และเขายังต้องดูแลครอบครัวเขา
สิ่งที่เขาต้องการมากสุดตอนนี้คือพลัง
เมื่อพัฒนาเป็นยีนลิงหิน เขาก็จะสามารถกลายเป็นผู้บ่มเพาะได้ โยนโซ่ตรวนที่รั้งเขาไว้และได้รับอิสรภาพมากขึ้น
แม้ศักยภาพยีนจะล้ำค่ามาก และเขาก็ไม่อาจเข้าใจว่าจะหาพวกมันยังไง การแข็งแกร่งขึ้นก็เป็นเรื่องดี เขาสามารถหาวิธีได้รับศักยภาพยีนมากขึ้นได้ในอนาคต
เฟิงหลินนำความคิดเขาไปสู่การปฏิบัติ เพิ่มแต้มลงยีนเขาอย่างต่อเนื่อง
สิ่งแรกที่เขาเพิ่มความแข็งแกร่งคือยีนลิง
ตามการอนุมานของนักวิทยาศาสตร์ บรรพบุรุษของมนุษย์โลกวิวัฒนาการจากลิง หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้รับสติปัญญาจากการวิวัฒนาการและแยกตัวเองออกจากสัตว์ ทำให้แตกต่างจากพวกลิง
ลิงล้วนมีโครงสร้างร่างกายคล้ายมนุษย์ แต่พลังและความว่องไวพวกมันเหนือกว่ามนุษย์
การสร้างความแข็งแกร่งให้ยีนนี้จะช่วยให้สภาพร่างกายของเฟิงหลินดีขึ้น
ด้วยความคิดนั้น ศักยภาพยีนเขาจึงลดลงทันที100%
กลุ่มดาวถูกส่งไปยังยีนลิง เพิ่มความแข็งแกร่งจาก3เป็น4 และพลังเขาก็เพิ่มอีก0.1
เฟิงหลินไม่หยุดและยังคงเพิ่มต่อไป
ยีนลิงไม่หยุดกระพริบ มันเพิ่มทันที4หน่วย ทำลายขีดจำกัดทางทฤษฏีของยีน
ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่น