ตอนที่แล้วตอนที่ 273 ความเชื่อของเราคือ...การสร้างปัญหา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 275 สังคม

ตอนที่ 274 การต่อสู้


“พวกนายก็ยอมรับภารกิจนี้เหมือนกันงั้นหรอ?”ในที่สุดจูปิเตอร์ก็เข้าใจว่าทำไมหุ่นยนต์ถึงฆ่าง่ายนัก พวกเขาได้ขโมยการฆ่านี่เอง

แทนที่จะขอโทษ จูปิเตอร์กลับไม่สนใจ กิลด์เทพเจ้าไม่มีทางถอยหลังให้กิลด์อื่น นอกจากนี้ มันยังเป็นถึงคู่แข่งเก่าพวกเขา เขตแดนนภา

“ถ้าเราขโมยแล้วจะทำไมละ?”

การโต้เถียงกลายเป็นความขัดแย้งในไม่ช้า หลังการต่อสู้ เขตแดนนภาซึ่งอยูในสภาพน่าสงสารก็ถูกฆ่าล้าง

“จูปิเตอร์ ไอระยำ!......ฝากไว้ก่อนเถอะ!”กบฏควรปกครองส่งข้อความส่วนตัวหาจูปิเตอร์

จูปิเตอร์ปิดหน้าต่างแชททันที

ล้อเล่นรึไง?ทำไมฉันถึงต้องเล่นเกมหากไม่คิดแย่งของใคร?

พวกเขามีของภารกิจ ดังนั้นคนของกิลด์เทพเจ้าจึงกลับมายืนยันภารกิจทันที และตราบเท่าที่พวกเขาทำภารกิจเสร็จ เขตแดนนภาก็จะไม่มีวันแย่งชิงไปได้

อย่างไรก็ตาม จูปิเตอร์และพวกที่มาถึงเขตระดับสูงกลับถูกหยุด

“เราทำสิ่งที่คุณหานเซี่ยวบอกกับเราแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมให้เราเข้าไป?”

“เราได้รับคำสั่งมาว่าห้ามคนนอกเข้าไปเด็ดขาด”

ไม่ว่าพวกเขาจะพูดยังไง ทหารก็ไม่ถอยไปแม้แต่ก้าวเดียว คนของกิลด์เทพเจ้าทำได้แค่ถอยออกไป

พวกเขาทำได้แค่รอให้หานเซี่ยวปรากฏตัวอีกครั้งเพื่อทำภารกิจให้เสร็จ

เมื่อทีมจากไป และเดินสักพัก สายตาพวกเขาก็ถูกปิดกั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ปิดล้อมพวกเขา นำโดยนภาหยกเขียว พวกเขานำคนของเขตแดนนภามาขอคำอธิบาย

“จูปิเตอร์ คนของเราได้ภารกิจก่อน และเป้าหมายก็ถูกเราทำความเสียหายไปมาก แต่แกก็ยังทำตัวเหมือนพวกแร้ง แกต้องให้คำอธิบายดีๆกับเรา”นภาหยกเขียวกล่าว

“แกทำเกินไปแล้ว หากมีอะไร แกก็ควรตำหนิตัวเองที่โชคไม่ดี”จูปิเตอร์ไม่กลัว เขตอนุรักษ์เป็นเขตปลอดภัย ไม่มีใครสามารถโจมตีได้ และพวกเขาก็ไม่กลัวที่จะถูกห้อมล้อม

สายตาทั้งสองปะทะกัน

ผู้นำกิลด์ใหญ่ในจีนรู้จักกันดี นภาหยกเขียวและจูปิเตอร์ไม่เคยถูกกัน และมีเหตุผลในเรื่องนี้อยู่ ความขัดแย้งพวกเขาเริ่มในโปรลีก หลี่เกอคือเสาหลักของสโมสรวิหารเทพเจ้า ห่าวเทียนคือตัวแทนของเขตแดนนภา และห่าวเทียนก็แพ้หลี่เกอมากกว่า เขาแพ้ให้หลี่เกอหลายครั้งในช่วงการต่อสู้สำคัญ

ดังนั้น ความขัดแย้งจึงรุนแรงมาก พวกเขาไม่ชอบหน้ากัน

ภารกิจที่ถูกขโมยการเป็นชนวน แม้มันจะเป็นแค่ความขัดแย้งเล็กๆ แต่มันก็จะนำไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่

ผู้เล่นเห็นและเฝ้าดูสถานการณ์ มันมีชีวิตชีวากว่าตลาดและกลางถนนก็ถูกบดบังจนมืด

พวกเขาโต้เถียงกันสักพักก่อนจูปิเตอร์จะกล่าวอย่างหงุดหงิด“แล้วแกต้องการอะไร?”

“ส่งของภารกิจคืนมาให้เราซะ”

“ฝันไปเถอะ”จูปิเตอร์ปฏิเสธทันที

ทำไมพวกเขาถึงตอบส่งคืนให้เมื่อขโมยมา?นอกจากนี้ เขาเป็นตัวแทนของกิลด์ หากเขาถอย คนอื่นจะไม่พากันพูดว่าพวกเขากลัวเขตแดนนภางั้นหรอ?

แน่นอน นภาหยกเขียวไม่คิดถอยเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องการถอย ดังนั้น พวกเขาจึงพูดกันด้วยกำลัง อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ต้องการสู้ในที่สาธารณะ ผลการแพ้จะทำให้กิลด์อื่นๆดูถูก

นภาหยกเขียวไตร่ตรองและทันใดนั้น เขาก็นึกได้ว่ามีระบบพนันของลานประลองอยู่ ไม่ใช่ว่ามันเหมาะสมสุดสำหรับการกำจัดความขัดแย้งงั้นหรอ?

“ได้ ในเมื่อแกไม่เต็มใจคืนมันมา งั้นเราก็จะไปลานประลองและสู้แบบเดิมพันกัน”

“ว่าไงนะ ทำไมฉันถึงต้องสู้กับแก?ถ้าฉันชนะแล้วจะได้อะไร?หากแกแพ้ แกก็แค่ต้องล้มเลิกสิ่งที่ฉันมีอยู่แล้ว”

“ฮึม เราจะพนันด้วยเงิน อุปกรณ์ ของทุกอย่าง”นภาหยกเขียวกล่าว“ฉันขอเชิญแกต่อสู้อย่างเป็นทางการ ยอมรับซะหากแกมีความกล้าพอ”

เขาอยากได้ภารกิจต่อเนื่องนี้ของปีศาจทมิฬมาก มันให้ทั้งค่าประสบการณ์มากโขและยังได้รับแต้มความสัมพันธ์

แต่ทว่า จูปิเตอร์กลับไม่เล่นด้วย เขาผลักคนของเขตแดนนภาออกไป

ยังไงก็ตาม เขามีของอยู่แล้ว และทันทีที่เขาทำภารกิจเสร็จ เขาก็จะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ทั้งหมด ไม่มีอะไรให้ต้องไปเสี่ยง

คนของเขตแดนนภาโกรธ กบฏเรียกร้องอย่างรุนแรง“หัวหน้า เราจะปล่อยพวกมันไปอย่างนี้งั้นหรอ?”

“การยั่วยุ!บังคับให้พวกมันยอมรับซะ”นภาหยกเขียวกล่าว“ฉันจะไม่ให้มันเป็นแบบนี้ บอกให้สมาชิกทุกคนโพสต์บนฟอรั่ม กระตุ้นพวกมันให้ได้มากที่สุด!”

...

เมื่อเขตแดนนภาเริ่มโจมตีด้วยคำพูด โพสต์เกี่ยวกับกิลด์เทพเจ้าก็ผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว ภาพไร้ศีลธรรมของกิลด์เทพเจ้ากระจายไปทั่ว บ้างก็ว่าพวกเขาไม่กล้ายอมรับคำท้าทาย เลือกแต่คนอ่อนแอและกลัวผู้แข็งแกร่ง เนื่องจากมีแค่คนใช้แคปซูลถึงโพสต์และแสดงความคิดบนฟอรั่มได้ มันจึงมีคนไม่มาก แต่ครั้งนี้ เขตแดนนภามาพร้อมหลักฐานและเหตุผล พวกเขาทำให้สมาชิกทั้งหมดเผยแพร่

ข่าวลือกระจายไปทั่ว แต่กิลด์เทพเจ้ากลับไม่ตื่นตัว

วิธีที่จูปิเตอร์เห็น เขาแค่ต้องรอให้หานเซี่ยวปรากฏและส่งภารกิจ จากนั้น เขตแดนนภาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ไม่ว่าจะส่งเสียงดังแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม หลายวันผ่านไป และหานเซี่ยวก็ยังไม่ปรากฏ

จูปิเตอร์เริ่มกระวนกระวาย เขาถามเจ้าหน้าที่ลหายครั้งแต่ก็ไม่ได้ข้อมูลถึงหานเซี่ยวเลย

หานเซี่ยวสามารถเห็นฟอรั่มได้เหมือนกัน เขาไม่ปรากฏตัวโดยมีจุดประสงค์ และมันก็เหมือนกับการวางกิลด์เทพเจ้าลงบนกองไฟ ตราบเท่าที่กิลด์เทพเจ้าทำภารกิจไม่สำเร็จ ของภารกิจก็มีแต่จะนำปัญหามาให้

ก่อนเริ่มภารกิจ เขาได้เตรียมแผนบังคับให้สองกิลด์เดิมพันกันในลานประลอง ดึงดูดความสนใจสาธารณะ และทำให้ผู้เล่นรู้ประโยชน์ของการใช้สนามประลองมากขึ้น

ตราบเท่าที่มีคนทำมันก่อนและแสดงให้เห็นถึงจุดประสงค์ของการเดิมพัน ผู้เล่นก็จะตระหนักถึงมัน

กิลด์เทพเจ้าและเขตแดนนภาถือว่ามันเป็นอุบัติเหตุหรือความบังเอิญ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะคิดว่ามันคือหานเซี่ยวผู้ออกภารกิจเองที่สร้างเรื่องทั้งหมด

เมื่อเห็นว่าข่าวลือกำลังแย่ จูปิเตอร์ก็เริ่มเครียด

ท้ายที่สุด หลังผ่านไปอีกวัน จูปิเตอร์ก็ไม่อาจอดทนได้ เขายอมรับการต่อสู้บนฟอรั่มในนามของกิลด์เทพเจ้า

“ในนามของกิลด์เทพเจ้า ฉันยอมรับการต่อสู้กับเขตแดนนภา ชิปเราคือของภารกิจ[ชิปของเรนเจอร์ที่หลุดการควบคุม] และเขตแดนนภาก็ต้องจัดเตรียมของมูลค่าเท่ากันมา สถานที่จะเป็นลานประลอง ใครได้5แต้มก่อนชนะ ผู้ชนะอยู่ ผู้แพ้ออกไป  ชนะหรือแพ้ ทั้งสองฝ่ายจะต้องยอมรับผลการแข่งขันและไม่มาสร้างปัญหาอีก”

นภาหยกเขียวตอบกลับทันที

“ตกลง!”

การต่อสู้ระหว่างสองกิลด์ใหญ่ทำให้ผู้เล่นทุกคนตื่นเต้น

...

ความยุติธรรมของบริการเดิมพันในลานประลองได้รับการรองรับจากเขตอนุรักษ์ ชิปเดิมพันถูกรวบรวมก่อนการต่อสู้และรับประกันว่าจะมอบให้ผู้ชนะ เพื่อจะได้รับความยุติธรรมนี้ มันต้องเช่าเวทีประลอง

การเช่าเวทีทำให้เกิดการหมุนเวียนของลานประลอง

สองกิลด์ใหญ่ร่ำรวย เมื่อพวกเขาต้องการให้ผู้เล่นอื่นตัดสินความยุติธรรม พวกเขาจะเช่าเวทีที่ใหญ่สุด

ในวันของการต่อสู้ ผู้เล่นในเขตอนุรักษ์ได้มารวมกันที่ลานประลอง และในไม่ช้ามันก็เต็มไปด้วยผู้คน

“นายคิดว่าใครจะชนะ?”

“กิลด์เทพเจ้าสิ เขตแดนนภาไม่คู่ควรกับพวกเขาหรอก”

“กิลด์เทพเจ้าทำตัวหน้าด้านมาก”

“ล้อเล่นรึไง?การแย่งฆ่าในเกมมันผิดตรงไหน?”

“มีเจ้ามือเปิดโต๊ะเดิมพันด้วย ฉันจะไปแทงข้างกิลด์เทพเจ้า”

“เดิมพันงั้นหรอ?!ไปกัน!”

มันวุ่นวาย เกือบเหมือนคอนเสิร์ต ผู้ชมรอจนกระทั่งทั้งสองฝ่ายปรากฏตัว เมื่อผู้ชมเห็นชื่อของทั้งสองฝ่ายชัดเจน พวกเขาก็ตกตะลึง

ผู้เข้าแข่งไม่ใช่แค่สมาชิกกิลด์ พวกเขายังเป็นมืออาชีพของทั้งสองสโมสร!

ผู้เล่นหลายคนตื่นเต้น ความหลงใหลพวกเขาพุ่งสูงเสียดฟ้า

เดิมที ผู้ชมส่วนใหญ่แค่มาเพื่อตรวจสอบ แต่เมื่อผู้เล่นมืออาชีพปรากฏ ผู้ชมทั้งหมดก็เริ่มให้ความสนใจ

โปรลีกยังไม่เริ่ม ดังนั้นผู้เล่นปกติจึงไม่มีทางได้เห็นว่ามืออาชีพเก่งกาจแค่ไหน ดังนั้น พวกเขาจึงตื่นเต้นมาก

“วิหารเทพเจ้ามีรากฐานแข็งแกร่งจริงๆ ทุกคนที่มาล้วนเป็นแนวหน้า น่าเสียดาย หลี่เกอไม่อยู่ด้วย ได้ยินว่าเขามีส่วนร่วมในสงครามด้วยนะ”

“ลองเทียบกันแล้ว นภาใคร่อยู่หลังเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นชั้นสอง ผู้เล่นชั้นแรกคือฤดูหนาวขี้เซาและข้าวผัดเองก็ไปร่วมสงครามเหมือกัน..รอเดี๋ยว นั่นฉันตาฝาดรึเปล่า?เทพห่าวเทียน?!”

ห่าวเทียนยืนอยู่ในกลุ่มนภาใคร่(ชื่อสโมสรของเขตแดนนภา) มันเหมือนกับว่าเขาไร้เทียมทาน

ทุกที่ที่เขาผ่าน ผู้ชมจะลดเสียงลง

ในฐานะเสาหลักของสโมสร ห่าวเทียนจึงได้รับการร้องขอโดยนภาหยกเขียว ชื่อและทักษะเขาสูงกว่าผู้เล่นชั้นแรก ดังนั้นเขาจึงถือเป็นมืออาชีพที่ได้รับความสนใจมากสุด ผู้เข้าแข่งรู้สึกกดดันเมื่อเห็นเขา

สโมสรที่สองกิลด์ใหญ่อยู่ได้ขอให้ผู้เล่นมืออาชีพฝ่ายตัวเองเข้าร่วมการต่อสู้โดยไม่มีข้อตกลงใดๆ

เมื่อเห็นสมาชิกของฝ่ายอื่น นภาหยกเขียวและจูปิเตอร์ก็ปาดเหงื่อเย็น พวกเขาคิดเหมือนกัน โชคดี ฉันให้ผู้เล่นมืออาชีพมาด้วย บ้าจริง เกือบเสียรู้แล้ว

เวทีตรงกลางหกเหลี่ยมกว้างมาก จตุรัสตรงกลามคือสมรภูมิและสามเหลี่ยมด้านข้างเป็นจุดรอ คนของทั้งสองฝ่ายมารออยู่ในพื้นที่เวที

ผู้ชมพูดคุยกันเองและรอด้วยความหวัง

ผู้เล่นบางคนคิดต่างกัน

การต่อสู้เดิมพันในเวทีดูเหมือนจะสามารถเพิ่มการเปิดเผยได้...บางกิลด์คิด

หากฉันทำการท้าทาย จะมีโอกาสประลองกับผู้เล่นทุกรูปแบบ และในเวลาเดียวกัน ฉันก็สามารถทำกำไรจากการพนัน ผู้เล่นบางคนคิด

ผู้เล่นมืออาชีพพยักหน้าเหมือนกัน ความท้าทายไม่เพียงแต่จะให้กำไร มันยังได้รับการฝึกฝนอีกด้วย มันเป็นคุณสมบัติที่ดี

เมื่อเห็นผลกระทบและความนิยมของลานประลอง ผู้เล่นหลายคนก็เห็นถึงผลประโยชน์ เหตุผลที่หานเซี่ยวกระตุ้นการต่อสู้ระหว่างสองกิลด์ใหญ่ก็เพื่อทำให้ผู้เล่นตระหนักถึงเรื่องนี้ จากนั้นก็ใช้ความคิดสร้างสรรค์ของผู้เล่นเพื่อปรับปรุงและขยายด้านต่างๆ

ค่าเช่าที่ได้รับไม่ได้สำคัญสุด สิ่งสำคัญสุดในสายตาผู้เล่นคือความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้เล่นและการใช้งานลานประลอง ด้วยวิธีนั้น แผนเมืองหลักก็จะยิ่งหนักแน่นขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด