เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0094
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
สารบัญ ข้าคือผู้ยิ่งใหญ่ [เรื่องใหม่]
••••••••••••••••••••
ตอนที่ 94 : ฉินหย่งเหอ
จ้าวเต๋อยังอยู่ห่างจากประตูหลักกว่าร้อยเมตร แต่แล้วอย่างกะทันหัน เขารู้สึกได้ถึงลมร้อนที่แผ่จากด้านหลัง โดยทันที เขาหันควับมองไปจึงพบว่าเป็นฉินหยุนที่กำลังวิ่งผ่านอากาศมาด้วยฝีเท้ารวดเร็วยิ่ง!
“เร็วเข้า!” จ้าวกวงเหว่ยตะโกนอย่างแตกตื่นเป็นการเตือนสติจ้าวเต๋อ
เพียงไม่กี่วินาทีที่จ้าวเต๋อชะงัก ฉินหยุนก็เคลื่อนกายผ่านมาแล้วกว่าสองร้อยเมตร และตอนนี้ก็ใกล้ถึงประตูแล้วด้วย!
จ้าวเต๋อยังคงซวนเซในอากาศ หลังบินมาได้หลายสิบเมตร ฉินหยุนพลันโผล่พรวดจากด้านหลัง อีกฝ่ายผ่านกายเขาสู่ประตูใหญ่ของสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงและเป็นบุคคลแรกที่ไปถึงที่หมาย
มุมปากของจ้าวกวงเหว่ยกระตุก กระทั่งอยู่ในนรก เขายังไม่ต้องปวดหัวมากถึงเพียงนี้!
“ก้าวอัคคีเมฆาระดับสมบูรณ์ ทลายอัคคีเมฆา!” ผู้อำนวยการจางร้องอุทาน ดวงตาชราภาพนั้นเบิกออกกว้าง
บรรดาอาจารย์ของสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงล้วนรู้ถึงก้าวอัคคีเมฆาเป็นอย่างดี เพราะมันคือวิชาตัวเบาของฉินหย่งเหอ เป็นเขาที่ฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์ได้เช่นกัน
แต่แล้ว ฉินหยุนที่อายุเพียงสิบห้า ถึงกับสามารถฝึกก้าวอัคคีเมฆาได้ถึงขั้นสมบูรณ์! เขากระทั่งสามารถยืนกลางอากาศราวโบยบินด้วยซ้ำ
จ้าวเต๋อผ่านมาถึงประตูจนได้ เมื่อเห็นฉินหยุนที่มาถึงก่อนหน้า ความโกรธในใจแทบทะลักจนไม่อาจสะกดไว้
ฉินหยุนได้รับอันดับหนึ่งในการแข่งขันรอบล่าสังหารสัตว์ปีศาจ เขาคิดว่านั่นก็แค่ชัยชนะเล็กน้อย แต่แล้วใครกันจะคิดว่ากระทั่งตอนนี้ ฉินหยุนจะมาคว้าเอาอันดับหนึ่งไปครองอีกครั้ง
บรรดานักเรียนคนอื่นแตกตื่นเมื่อเริ่มมาถึง
ก่อนหน้าพวกเขาเห็นฉินหยุนกำลังวิ่งผ่านอากาศ หลังมาถึง พวกเขาจึงค่อยได้ยินว่าฉินหยุนฝึกฝนก้าวอัคคีเมฆาจนถึงขั้นสมบูรณ์ ถึงตอนนี้พวกเขาค่อยทราบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใช้รองเท้าบินได้เหมือนอย่างจ้าวเต๋อแต่อย่างใด
ครั้งนี้ จ้าวเต๋อพ่ายแพ้อย่างไม่อาจกล่าวคำใดได้อีก ทั้งที่ใช้รองเท้าบินได้ไปแล้วแท้ ๆ ตอนนี้กลับโดนวิชาตัวเบาของผู้อื่นสะกดข่ม เขาเสียหน้าอย่างที่ไม่มีอะไรจะเสียได้อีกต่อไปแล้วจริง ๆ
เขาทำได้เพียงมองฉินหยุนรับเอาวิชายุทธ์ระดับลึกล้ำขั้นสูงไปอย่างไม่อาจทำอะไรได้!
“นี่คือวิชาคลื่นยักษ์ จำเป็นต้องใช้กำลังภายในเพื่อแปรเปลี่ยนเป็นพลังสั่นไหว หากกำลังภายในแข็งแกร่งพอและฝึกฝนได้ถึงขั้นสมบูรณ์ เจ้าจะสามารถสร้างคลื่นยักษ์กลางทะเลได้” ผู้อำนวยการจางนำตำราออกมาและส่งมอบแก่ฉินหยุน
ฉินหยุนรับมันไว้ขณะถอนหายใจอยู่ภายใน
โดยไม่มีการชี้แนะจากหยางฉีเย่ว์ การฝึกฝนของเขาต้องยิ่งยากลำบากมากขึ้นไม่น้อย ทว่าวิชายุทธ์นี้ก็เหมาะสมกับเขายิ่ง โดยเฉพาะกับการที่มันสามารถผสานรวมกับพลังภายในสั่นไหวได้
“มีการประลองเป็นรอบสามหรือไม่ขอรับ? เริ่มกันเมื่อไหร่ดี? นี่สมควรมีการแข่งวิชายุทธ์กันบ้างใช่ไหมขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามหลังได้รับเคล็ดวิชาคลื่นยักษ์มาครอง
ผู้อำนวยการจางหัวเราะ “ไม่เลย โดยส่วนใหญ่ก็เพราะมีนักเรียนจำนวนมากเสียชีวิตในภาคเรียนที่แล้วระหว่างการประลองยุทธ์ ดังนั้นในภาคเรียนนี้จึงไม่มีการประลองยุทธ์อีกต่อไป ถึงตอนนี้ก็จบการแข่งขันของภาคเรียนใหม่แล้ว”
บรรดานักเรียนลอบยินดีที่ไม่มีรอบสาม ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงได้อิจฉาฉินหยุนกันอีกรอบที่จะได้รับรางวัลไปครอง
“ฉินหยุน ห้องเรียนเจ้ามีคนเพียงหนึ่ง ในเมื่ออาจารย์หยางไม่อยู่สอนแล้ว เจ้าควรย้ายมาห้องเรียนข้าที่อยู่ข้างเคียงแทน” ใบหน้าของจ้าวกวงเหว่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้มเผยความชั่วร้ายไม่คิดปิดบัง
“ข้าย่อมมีสิทธิ์เลือกห้องเรียนด้วยตัวเองใช่หรือไม่?” ฉินหยุนไม่คิดเป็นนักเรียนของจ้าวกวงเหว่ยอย่างออกหน้า
“เคยเป็น แต่ไม่ใช่อีกต่อไป นี่คือกฎใหม่ที่เพิ่งมีในภาคเรียนนี้ เจ้าต้องมาเป็นนักเรียนในห้องเรียนข้า หรือไม่เช่นนั้นก็จงไสหัวออกไปให้พ้นจากสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง” จ้าวกวงเหว่ยคล้ายเกลียดฉินหยุนเข้ากระดูกดำแล้ว ตอนนี้เขาต้องการเอาฉินหยุนเข้าห้องเรียนตนเอง ชัดเจนว่ามีเจตนาไม่ดี
เมื่อฉินหยุนเห็นผู้อำนวยการจางเงียบและเผยสีหน้าช่วยไม่ได้ออกมา เขาจึงทราบว่าไม่มีสิ่งใดที่ตนสามารถทำได้แล้ว
“บิดาข้าต้องการเจ้าให้เข้าร่วมห้องเรียนของเราเพราะคาดหวังในตัวเจ้า” จ้าวเต๋อหัวเราะออก “อย่าได้ห่วง ถึงตอนนั้น ข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี!”
“ฉินหยุนจะไม่เข้าร่วมห้องแปด!”
อย่างกะทันหัน น้ำเสียงของฉินหย่งเหอพลันดังขึ้น ผู้อำนวยการใหญ่ของสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงปรากฏกายด้วยตัวเอง!
เมื่อฉินหยุนออกจากหอคอยทัณฑ์สวรรค์มาได้ ฉินหย่งเหอยังแทบไม่เชื่อ เป็นเขาไปสำรวจรูดังกล่าวด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นเขาค่อยมั่นใจว่าฉินหยุนหลบหนีออกมาด้วยตัวเอง
“ผู้อำนวยการฉิน ข้าเกรงว่าแม้แต่ท่านก็ไม่อาจตัดสินใจในเรื่องนี้ กฎนี้มีเพื่อให้อาจารย์ได้คัดเลือกนักเรียนผู้ที่พวกเขาหามา นี่ก็เพื่อผลประโยชน์ของนักเรียนเอง และนี่ยังเป็นวิธีการที่ตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามของเราใช้ฝึกฝนและหล่อเลี้ยงเหล่าศิษย์” จ้าวกวงเหว่ยยิ้มน่าเกลียดขณะมองชายชราในชุดสีเทาที่บินเข้ามาใกล้
ฉินหย่งเหอเป็นชายชรา ทว่าเส้นผมไม่ได้ขาวไปทั้งหมด ยังคงเป็นครึ่งขาวครึ่งดำ มีเพียงริ้วรอยที่ใบหน้าจึงบ่งบอกอายุ ทว่า มันก็เปี่ยมด้วยพลังชีวิตแรงกล้า
เขามีเคราเล็กน้อยบริเวณคาง ทั้งยังมีดวงตาลึก คมกริบ และเต็มไปด้วยอำนาจขณะมองที่ฉินหยุน
ครั้งก่อนฉินหยุนเพียงได้ยินเสียงของฉินหย่งเหอ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอตัวบุคคล
“ฉินหยุนก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องอยู่ที่สถาบันยุทธ์ฮัวหลิงอีกต่อไป ข้าจะแนะนำเขาให้เข้าร่วมสถาบันซานเสวียนเอง” ฉินหย่งเหอเผยสีหน้าจริงจังขณะเหยียดรอยยิ้มออก
ฉินหยุนก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกแล้ว!
เมื่อทุกคนที่นี่ต่างได้ยิน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากแตกตื่น เชี่ยวเย่ว์หลานตอนนี้ก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด!
นั่นคือสิ่งที่พวกเขาทราบมานานกว่าครึ่งปีแล้ว ตอนนั้นฉินหยุนเพียงอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่เท่านั้นเอง!
“ข้า... ข้าไม่เชื่อ!” จ้าวกวงเหว่ยคล้ายโดนกระทำรุนแรง ปฏิเสธไม่ยอมรับความจริง
ภายในใจ บุตรชายของเขา จ้าวเต๋อคือผู้มีพรสวรรค์เหลือล้น เขาครอบครองชีพจรวิญญาณถึงห้าตะวัน ทั้งยังแก่กว่าฉินหยุนราวครึ่งปีได้ แต่แล้วเขากลับยังอยู่เพียงแค่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า
เขาไม่อาจยอมรับความจริงว่าบุตรชายตนเองไม่อาจสำเร็จได้อย่างที่ฉินหยุนกระทำ
“ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกโดยหลักแล้วคือการฝึกฝนกำลังภายใน เมื่อครู่ เขาเพิ่งปลดปล่อยกำลังภายในออกมาให้เห็นกันอยู่” หลังฉินหย่งเหอได้เห็นฉินหยุนกับตา เขาจึงค่อยมั่นใจว่าเป็นความจริง
“ข้าไม่เชื่อ! เช่นนั้นจงใช้กำลังภายในของเจ้าทะลวงการป้องกันข้า!” จ้าวกวงเหว่ยยังไม่เชื่อ เขาเรียกใช้วิชายุทธ์ปลดปล่อยโล่หินออกต่อหน้า
“ย่อมได้!” ฉินหยุนก้าวเดินเข้าหาหลายก้าวก่อนหยุดตรงหน้าโล่ดังกล่าวที่สร้างขึ้นจากโคลนและหิน อย่างกะทันหัน เขาปลดปล่อยกำลังภายในพร้อมเปลวเพลิงดุดัน หมัดนั้นปะทะเข้าที่โล่หิน
ตึง!
โล่แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพราะกำลังภายในเพลิงพิโรธ พลังอำนาจของกำลังภายในนี้คล้ายไม่หดตัวกลับ มันแปรเปลี่ยนเป็นลูกไฟก่อนพุ่งเข้าใส่จ้าวกวงเหว่ย!
จ้าวกวงเหว่ยไม่คิดว่ากำลังภายในอัคคีของฉินหยุนจะน่าสะพรึงได้เพียงนี้ เขาคิดว่าโล่หินของตนสมควรสกัดไว้ได้อย่างหมดจด แต่แล้วเมื่อกำลังภายในอัคคีปะทะร่าง เขารู้ตัวก็สายเกินไป
ตู้ม!
เปลวเพลิงระเบิดออกจากลูกไฟสีทองม่วง มันเผาไหม้จ้าวกวงเหว่ย
ฉินหย่งเหอรีบไหวมือปล่อยหมอกสีขาวออก ปกคลุมร่างจ้าวกวงเหว่ยและดับไฟลง
จ้าวกวงเหว่ยได้รับบาดเจ็บไม่ใช่น้อย ทั้งยังมีเลือดกระอักออกจากปาก นี่เป็นเขาโดนเผาไหม้จนสภาพดูไม่ได้!
เขาคือผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด แต่แล้วกลับไม่อาจทนการโจมตีเพียงครั้งเดียวของฉินหยุน!
อาจารย์หลายท่านถึงกับแตกตื่นเกินกว่าจะเชื่อได้ลง!
ครั้งฉินหยุนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า พละกำลังของเขาก็ปะทะกับขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกได้แล้ว คราวนี้เขาก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก หากเขาต่อสู้จริงจัง ไม่ใช่ว่าเขาสามารถทำร้ายขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดจนสาหัสได้เลยหรือ
“ผู้อำนวยการขอรับ ข้าจำได้ว่าท่านเคยบอกต่อข้า ว่าหากออกมาจากหอคอยทัณฑ์สวรรค์ได้ ท่านจะมอบสิ่งตอบแทนให้” ฉินหยุนยิ้มเอ่ยถาม “หลายคนล้วนได้ยิน ท่านคงไม่คืนคำพูดหรอกนะ!”
“ข้าย่อมทำในสิ่งที่พูด ตามข้ามา!” ฉินหย่งเหอยิ้มขณะทะยานตัวขึ้นฟ้าโดยมีสองมือไขว้ที่ด้านหลัง เปลวเพลิงพวยพุ่งออกจากเบื้องล่างเท้าของเขา นี่คือก้าวอัคคีเมฆาขั้นสมบูรณ์ อัคคีโชติช่วง
ฉินหยุนเองก็ใช้ก้าวอัคคีเมฆาไล่ตามหลังไป เขาตอนนี้กำลังคาดหวัง ว่าสิ่งตอบแทนใดที่ฉินหย่งเหอจะมอบให้
ผู้คนของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามและพระราชวังหลวงเทียนฉินล้วนเปี่ยมด้วยความริษยา นี่เป็นเพราะพละกำลังของฉินหยุนกำลังจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลอีกครั้งแล้ว
ฉินหย่งเหอทั้งแข็งแกร่งและลึกลับ ไม่มีผู้ใดทราบตัวตนของเขา ทุกคนล้วนเชื่อว่าสิ่งตอบแทนที่เขาจะมอบให้แก่ฉินหยุน ย่อมต้องเป็นสิ่งที่ดีเลิศเกินคาดคิดอย่างแน่นอน