บทที่ 215 - ฉันก็ด้วย (7) [12-10-2019]
บทที่ 215 - ฉันก็ด้วย (7)”
สำรับเด็กๆที่ต่อสู้กับปีศาจที่ป่าเถื่อนโหดร้ายแล้ว หากว่าพวกเด็กๆไม่ได้มีการช่วยเหลือจากยูอิลฮาน พวกเด็กๆก็คงจะตายไปตั้งแต่การต่อสู้แรกแล้ว ไม่ว่าเด็กๆจะมีพรสวรรค์ยังไงก็ตาม พวกเด็กๆก็ยังคงเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีอายุน้อยกว่าห้าขวบและมีเลเวลไม่เกิน 100 อยู่ดี นี่เป็นกำแพงที่ขว้างกั้นระหว่างเด็กๆกับปีศาจเอาไว้
แต่ถึงแบบนั้นพวกเด็กๆก็ได้รับชัยชนะในครั้งแรกของการต่อสู้ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมียูอิลหนุนหลังเอาไว้อยู่
"แฮ่ก ๆ..."
"หัวหน้า เจ้ามอนสเตอร์นั่นตายแล้วหรอ?"
"ใช่ มันตายแล้ว พวกนายได้ค่าประสบการณ์แล้วใช่ไหมล่ะ?"
"ก็ใช่ แต่ว่า..."
"นั่นมันคือข้อพิสูจน์ที่ชัดที่สุดแล้ว พ่อฉันบอกแบบนั้น"
ยูมิลได้ตอบกลับไปในระหว่างที่มองดูปีศาจที่ไม่ขยับอีกแล้ว จากนั้นเขาก็มองไปที่กองทัพที่ไร้ซึ่งผู้บาดเจ็บจากการสู้เมื่อตะกี้
"ฟู่ ฟู่ววว..."
"ผมรู้สึกเหมือนผมกำลังจะตายเลย ขาฉันเจ็บเหลือเกิน"
"ฮือ หนูเจ็บท้องอะ"
เด็กๆทุกคนได้ทิ้งตัวลงไปบ่นกันบนพื้นทุกคน ใบหน้าของพวกเด็กๆต่างก็เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความเจ็บปวด
ยังไงก็ตามยูมิลก็คิดว่านี่เป็นความสำเร็จครั้งใหญ่แล้ว ถึงแม้ว่าหากไม่ได้มีการช่วยเหลือจากยูมิลจะต้องมีการสูญเสียเกิดขึ้นก็ตาม แต่สำหรับในตอนนี้ทุกๆคนก็รอดมาได้ เด็กๆทุกๆคนต่างเอาตัวรอดมาจนได้รับเศษเสี้ยวบันทึกและค่าประสบการณ์จากปีศาจมากันแล้ว
"พวกนายทุกคนเลเวลอัพกันใช่ไหม?"
"ใช่เลย"
"ถึงจะไม่แกร่งเท่าฮีโร่... แต่เราก็แกร่งขึ้นมานิดหนึ่งแล้ว"
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ยูอิลฮานไม่ได้จัดการปิดฉากมอนสเตอร์ แม้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะยากลำบาก แต่เด็กๆพอใจกับมัน การเพิ่มเลเวลโดยตรงผ่านการต่อสู้แบบนี้ทำให้ความรู้สึกที่เลเวลอัพตอนกินเนื้อเทียบไม่ได้เลย
"แต่ว่าพวกนายต้องทำให้ดีขึ้นอีก"
ระหว่างที่เด็กๆกำลังดื่มด่ำไปกับชัยชนะจากการต่อสู้ น้ำเสียงที่เย็นชาของยูมิลก็ได้ดังขึ้นมา
"พวกนายต้องรอด ต้องรอดให้ได้โดยที่ไม่มีฉันอยู่ สำหรับในตอนนี้แล้วพวกนายยังทำดีไม่พอ"
"ฮีโร่จะไปไหนหรอ?"
"ฉันจะต้องอยู่กับพ่อ อีกไม่นานพ่อจะต้องมาหาฉันแน่ จนกว่าจะถึงตอนนั้นฉันจะต้องแกร่งขึ้น"
"พวกเราอยากจะติดตามหัวหน้าไป!"
เด็กๆทุกคนที่ยังเจ็บกันอยู่บนพื้นได้กระโดดเด้งตัวขึ้นมาในทันทีที่ได้ยินคำพูดของยูมิล ยังไงก็ตามยูมิลได้ส่ายหัวออกมา
"พวกนายอ่อนแอเกินไป ไม่ว่าฉันจะฝึกพวกนายมากแค่ไหน พวกนายก็ยังอ่อนแอ"
ยูมิลคิดว่าไม่ว่าใครหากมีเวลาสัก 2 ปีก็สามารถจะแกร่งได้อย่างเอลฟ์ทั้งสี่คนที่เป็นลูกน้องของยูอิลฮาน แต่ว่ายูมิลหวังมากเกินไป ถึงแม้การพัฒนาของเด็กๆจะเร็วมากแล้ว แต่จากการตัดสินของยูมิลนี่มันช้ามากๆ
การที่เด็กๆเลเวลขึ้นเร็วและสามารถใช้พลังที่แข็งแกร่งได้น่ะดีแล้ว แต่ว่ายังไงก็ตามเจตจำนงในการต่อสู้ของเด็กๆน้อยกว่าความสามารถของเธอเอง และความเด็ดขาด ความชำนาญในการใช้สกิลก็ยังน้อยอยู่เมื่อเทียบกับเลเวลที่เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
"เอ๋"
คำพูดของยูมิลดูจะทำร้ายจิตใจของเด็กๆมาก ในมุมมองของเด็กๆแล้วการต่อสู้นี้เสี่ยงเป็นเสี่่ยงตายอย่างมาก แต่แล้วก็ยังได้เสียงตอบรับกลับมาอย่างเย็นชา!
ยังไงก็ตาม
"พวกเราจะแกร่งขึ้น!"
"พวกเราจะแกร่งขึ้นแล้วก็ตามฮีโร่ไป!"
"หัวหน้าจะทิ้งเราไปไม่ได้นะ!"
เด็กรุ่นใหม่พวกนี้ต่างก็แตกต่างกันไป แต่ทุกๆคนก็มีมาตราฐานในระดับเดียวกันกับที่ยูมิลมีจากการที่ได้ใช้ชีวิตรวมกัน! แน่นอนว่าผลจากสกิลปกครองก็มีส่วนอย่างมากเช่นกัน แต่อิทธิพลหลักต่อจิตใจจริงๆแล้วมาจากเพราะความสามารถและบุคลิกภาพของยูมิล รวมไปถึงสภาพแวดล้อมที่นี่อีกด้วย
"...พวกนายอยากจะแกร่งขึ้นอีกงั้นหรอ?"
"ครับ!"
"แกร่งขึ้น!"
บางทีไฟแห่งการต่อสู้ที่ลุกโชนขึ้นมาก็ยังไม่หายไปทำให้น้ำเสียงของเด็กแต่ละคนต่างก็เต็มไปด้วยพลัง ทุกๆคนได้จ้องมาที่ยูมิล ในตอนนี้สายตาของพวกเขาไม่มีความเข็บปวดอีกแล้ว พวกเขาต่างจ้องมาที่ยูมิลอย่างแน่วแน่
ยังไงก็ตามยูมิลกำลังขาดทุน เหตุผลที่เขาเลือกดููแลเด็กพวกนี้ก็เพื่อที่จะทำตามพ่อของเขาและทำให้เด็กพวกนี้มีชีวิตอยู่ด้วยตัวเองได้ ดังนั้นการที่พวกเด็กๆอยากจะติดตามเขาเป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงเลยสักนิด
"โอเค"
แต่ไม่ว่ายังไงหากเขาปฏิเสธคนที่อยากติดตามเขา เขาก็คงเป็นมังกรที่ขาดคุณสมบัติของมังกรแล้ว ยูมิลได้หยักหน้าลงมาตามสิ่งที่เด็กๆต้องการ
"จากนี่ไปมันจะยิ่งยากยิ่งขึ้นอีก ตอนนี้พวกเราจะไปกันให้เร็วขึ้นอีก"
"โอเค!"
"พวกเราจะพยายามหัวหน้า"
"ได้เลย!"
เสียงตอบรับของเด็กๆได้ดังไปทั่ว ยูอิลฮานก็ยังหยักหน้าและพูดออกมา
"แต่ก็ห้ามตายนะ การตายเป็นเรื่องที่น่าเศร้า"
"เข้าใจแล้ว!"
ยูมิลก็ยังพอใจกับเสียงตะโกนรับของเด็กๆพวกนี้ กองทัพของเขาได้มีเวลาพัก 30 นาทีและหลังจากที่ฟื้นแรงกลับมาแล้วก็เริ่มเคลื่อนพลต่อ
นับตั้งแต่ที่เด็กๆได้เริ่มการล่าจริงๆ พวกเด็กๆไม่มีโอกาสได้มีเวลานอนเลย หากว่าไม่มีการเลเวลอัพขึ้นมาเด็กๆทุกคนก็คนจะเหนื่อยล้าตายไปก่อนแน่นอน
แต่ถึงการเลเวลอัพจะทำให้อาการล้าทางร่างกายหายไป แต่ความล้าทางจิตใจก็ยังคงมีอยู่ แต่ว่าทั้งกองทัพก็ได้อดทนกันเอาไว้ด้วยจิตใจที่อยากจะอยูกับยูมิล
เด็กๆที่เลเวลเกือบจะเกิน 100 ไปแล้วทำการฝึกบ้าๆแบบนี้ได้ยังไงกัน? แน่นอนว่านั่นก็เป็นเพราะว่าค่าประสบการณ์มหาศาลที่ได้จากศัตรูของพวกเขา ปีศาจประหลาดยังไงล่ะ
ยูมิลได้ทดสอบในพรสวรรค์ ความพยายาม ความดื้นดึงของพวกเด็กๆ และเด็กๆทุกคนต่างก็ยังคงติดตามเขามาถึงแม้ว่าจะร้องไห้ออกมาแล้วก็ตาม นี่สามารถพูดไปเลยว่าเป็นการฝึกที่โหดร้ายมากๆ แต่มันก็น่าทึ่งมากที่ไม่มีใครถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลัง
พอเวลาได้ผ่านไปหลายต่อหลายเดือน เด็กที่มีเลเวลต่ำที่สุดก็มีเลเวลอยู่ที่ 120 แล้ว ส่วนคนที่มีเลเวลสูงที่สุดก็ไปจนถึงเลเวล 144 แล้วด้วย
"ฉันจะต้องได้ไปกับฮีโร่แน่นอน!"
และใครกันที่มีเลเวล 144? คนๆนั้นคือหญิงสาวที่พยายามจะเกาะติดกับยูมิลเสมอ สิ่งที่เธอมีกับยูมิลแทนที่จะเป็นความภักดีแล้ว มันกลับดูเหมือนกับความสนใจในเรื่องโรแมนติกซะมากกว่า เธอคนนี้มีความรักที่มุ่งมั่นและตรงไปตรงมามากแม้ว่าเธอจะมีอายุแค่ 5 ขวบก็ตาม
"ใช่แล้ว เธอน่าจะได้ไปกันฉัน แต่ต้องพยายามให้มากขึ้นอีก"
"โอเค!"
แน่นอนว่ายูมิลไม่ได้รู้เรื่องความรักระหว่างชายหญิงเลย เขาก็แค่ให้กำลังใจเด็กคนนั้นด้วยความคิดที่ว่าเธอมีศักยภาพและความพยายามดี แต่การกระทำนี้กลับเป็นการเติมเชื้อไฟเข้าไปเหมือนเดิม ตัวเธอในตอนนี้ดูเหมือนกับเธอจะฆ่าปีศาจทุกๆตัวที่เห็นแล้ว
ยังไงก็ตามเป็นเรื่องโชคร้ายสำหรับเธอและโชคดีสำหรับยูมิลที่จะไม่ต้องมีเด็กๆอยู่ในอันตรายอีกต่อไปก็เพราะว่า...
ดันเจี้ยนได้ถูกปล่อยออกมาบนโลกในเวลา 30 นาที
"หืม"
แน่นอนว่าคนแรกที่รู้ถึงการเปลื่ยนแปลงเลยก็คือยูมิล นี่มันก็เพราะว่าโลกทั้งโลกที่เขาอยู่กำลังสั่นสะเทือนและมานาที่มีอยู่เต็มไปหมดก็สั่นไหวขึ้นพร้อมกัน
"ทุกคนอย่าขยับ"
เด็กทั้ง 9,300 คนที่ทำธุระส่วนตัวกันอยู่ได้หยุดนิ่งกับที่ในทันที ยูมิลได้รวมเด็กๆเข้ามาด้วยกันและเปลื่ยนร่างเป็นมังกรเพื่อความปลอดภัยเอาไว้ ที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะว่าในร่างมังกรของเขาแข็งแกร่งกว่าร่างมนุษย์
[ไม่... เดี๋ยวสิ]
ในตอนที่เขาเปลื่ยนร่างเป็นมังกร ประสาทสัมผัสของเขาจะละเอียดอ่อนมากยิงขึ้นและเขาก็สามารถจะวิเคราะห์ถึงรายละเอียดที่ทำให้เกิดการสั่นไหวของมานา และเพราะแบบนี้ทำให้ยูมิลรู้ได้ถึงสิ่งหนึ่ง
[มันกำลังผสานกันอยู่]
"ผสานอะไรหรอหัวหน้า?"
"ฮีโร่ เราต้องยืนนิ่งแบบนี้อีกนานแค่ไหนอะ?"
เด็กๆทุกคนต่างกเรียกเขาว่าฮีโร่ไม่ก็หัวหน้า ยังไงก็ตามยูมิลได้สับสนอยู่กับสถานการณ์ที่เปลื่ยนไปอย่างฉับพลัน และเขาก็ยังยินดีด้วยจนทำให้ไม่ได้ฟังคำพูดของเด็กๆเลย
ในที่สุดแล้วยูมิลก็ยกเลิกการแปลงร่างกลับมาสู่ร่างมนุษย์ ระหว่างที่เด็กๆกำลังมองดูเขาอย่างสับสน ยูมิลก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กำลังเปลื่ยนแปลงไป
ไม่สิ แม้กระทั่งท้องฟ้าก็ยังผสานเข้าด้วยกัน ท้องฟ้านรกสีแดงฉากและท้องฟ้ากระจ่างใสสีน้ำเงินภายนอกกำลังผสานเข้าด้วยกัน
ยูมิลได้พูดขึ้นมาเบาๆ และเสียงของเขาก็ดังขึ้นในทันที
"พวกเราได้ออกมาแล้ว!"
"ออกไปหรอฮีโร่?"
"ที่โลกไงล่ะ!"
มานา ท้องฟ้า ผืนดิน ทุกๆอย่างนี้กำลังผสานเข้ากับโลก! ขอบเจตพื้นที่ของดันเจี้ยนกำลังพังทลายลงไปเหมือนกับไม่เคยมีมาก่อนและกำลังผสานเข้ากับตัวโลก
ยูมิลมั่นใจว่ายูอิลฮานเป็นคนที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ พ่อของเขากำลังจะมาหาเขาแล้ว เรื่องนี้ไม่มีทางพลาดไปแน่นอน
และความเชื่อมั่นนี้ของเขาก็ได้รับการตอบรับกลับมา
"นั่นอะไรน่ะ?"
"ฮีโร่ มีอะไรไม่รู้ใหญ่มากกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า!"
"ว้าว เท่จัง ดูกระจกพวกนั้นสิ!"
มันดูเหมือนกับปราสาทลอยฟ้า นอกไปจากนี้กระจกที่หมุนอยู่ก็ราวกับกำลังป้องกันคฤหาสน์เอาไว้ และในบางครั้งกระจกก็มารวมอยู่ในจุดเดียวกันยิงลำแสงที่ทรงพลังออกมา ทุกๆคนที่เรื่องนี้เกิดขึ้น เขาจะรู้สึกได้ว่าปีศาจที่ถูกปล่อยออกมาจากดันเจี้ยนได้หายไป
"นั่นมันอะไร น่ากลัวจัง"
"มันจะไม่โจมตีเราด้วยหรอ?"
"ฮะ ฮีโร่~"
ขบวนแถวของเด็กๆได้หายไปต่อหน้าพลังที่ยิ่งใหญ่ แต่ยูมิลก็ไม่ได้คิดอะไร เขารู้ว่าคนๆที่เขากำลังมองหาอยู่อยู่ภายในคฤหาสน์นั่น
"พ่อ!"
ยูมิลได้ตะโกนขึ้นมาลั่น ยูอิลฮานยังยุ่งกับการกวาดล้างปีศาจจากดันเจี้ยนได้เงยหน้าในทันทีที่ได้ยินเสียงนี้
"มิล!"
ในเวลาเดียวกันบาเรียที่้ล้อมรอบปราสาทเอาไว้ก็ได้หายไป ยูมิลได้บินเข้าไปในคฤหาสน์ เขาได้รีบเข้าบินเข้าไปกอดยูอิลฮานในทันที
"พ่อ!"
"ดี ดี"
"ฮืออออออออออ"
ไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้บัญชาการกองทัพเด็กที่กวาดล้างดันเจี้ยนเกือบจะสามปีแล้วอย่างยูมิลจะร้องไห้ออกมาเสียงดังมาก
ยูอิลฮานที่หดหู่มากๆที่ยูมิลได้แข็งแกร่งขึ้นมากในตอนที่เขาไม่อยู่ด้วย แต่การได้มาเห็นยูมิลร้องไห้ในอ้อมแขนนี้ทำให้เขาไม่สนอะไรแล้ว
"ไม่มีพ่ออยู่ด้วยมันลำบากมากเลย"
"พ่อขอโทษ พ่อน่าจะรีบไปหาลูก"
"แต่ถึงแบบนั้นผมก็แกร่งขึ้้นแล้ว"
"ใช่ ทำได้ดีมาก ลูกถึงขนาดไปถึงคลาส 4 แล้วนี่"
"แต่ว่าพ่อก็ยังแกร่งกว่า"
"แน่นอนสิ เรื่องนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว"
การสนทนาที่ไม่มีเนื้อหาสำคัญได้ผ่านไปเรื่อยๆ แต่ว่านี่คือสิ่งที่จำเป็นมากๆสำหรับพ่อและลูกชาย
[นั่นใครอะ? ดูเหมือนจะเป็นนายท่านจิ๋วเลย... แล้วก็เขาน่ะสเป็คฉันเลยนะ]
[ใจเย็นนะ ไม่มีใครมีความรู้สึกกับสิ่งก่อสร้างหรอกนะ]
[เกราะอย่างนายก็เหมือนกันน่ะแหละ!]
มิสทิคกับโอโรจิก็ยังคงทะเลาะกันเหมือนอย่างเคย แต่ก็ไม่มีใครสนพวกเขา นี่มันดูเหมือนกับเป็นฉากหลังซะมากกว่า
"พ่อ"
"อืม พ่ออยู่นี่แหละ"
"อึก ทำไมพ่อถึงมาเอาจนป่านนี้?"
"พ่อผิดเอง พ่อขอโทษ"
ยูอิลฮานได้โอบกอดยูมิลจนพอใจ และเลียร่าก็ได้แต่ดูฉากนี้อยู่ข้างๆ แน่นอนว่าเธอได้ใส่เสื้อผ้ามาแล้ว
"หัวหน้าาาา!"
"พวกเราจะทำยังไงดี ฮีโร่ไม่กลับมาแล้ว!"
"ฮืออออออออ!"
ต้องใช้เวลากว่า 5 นาทีถึงพวกยูอิลฮานจะรู้ถึงการมีอยู่ของกองทัพมังกรที่กำลังมองขึ้นมาที่ปราสาทลอยฟ้าด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น