94 ทองคำในผืนทราย พระจันทร์ในเมฆหมอก
94 ทองคำในผืนทราย พระจันทร์ในเมฆหมอก
“มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถามเมื่อเห็นว่าเทียนหยวนถูนั้นมีอาการลังเล
“เธอนั้นมีสุขภาพที่แย่มาก ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เธอเดินทาง ร่างกายของเธออ่อนไหวกับอากาศที่หนาวเย็นอย่างมาก ด้วยสภาพร่างกายแบบนี้ ผมไม่คิดว่าเธอจะออกจากบ้านมาได้” เทียนหยวนถูพูด
“ผมเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องรอไปก่อน” หวังเย้าพูด
การรักษาผู้ป่วยคนนี้ไม่ได้เป็นหนึ่งในภารกิจของระบบ ดังนั้นหวังเย้าจึงสามารถไปเยี่ยมเธอที่บ้านได้ แต่หวังเย้านั้นยังไม่ได้ให้สัญญาอะไรจนกว่าจะรู้สถานะทางสังคมของคนไข้นั้นเป็นยังไง อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะทำให้คนอย่างเทียนหยวนถูต้องเทียวไปเทียวมาหาเขาหลายครั้งแบบนี้ได้ หวังเย้านั้นไม่ต้องการให้มีปัญหาเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง
“ตกลง แต่คุณจะทำยาสมุนไพรเพิ่มให้เธอได้ไหม?” เทียนหยวนถูถาม
“ขอเวลาผมเจ็ดวัน แต่ว่าสมุนไพรนั้น...” หวังเย้าไม่ได้พูดมันออกไป เขาไม่ได้ได้สมุนไพรมาแบบฟรีๆ ดังนั้นคนที่ต้องการยาจากเขาจำเป็นที่จะต้องจ่ายตามราคาที่ตั้งเอาไว้
“ผมเข้าใจ ไม่เป็นไร” เทียนหยวนถูพูด เขาเข้าใจสิ่งที่หวังเย้าต้องการจะบอกได้ทันที
แล้วเทียนหยวนถูก็กลับไป
เยี่ยมบ้านคนไข้? หวังเย้าพิจารณาเกี่ยวกับมัน
แพทย์ปรุงยานั้นไม่ได้เป็นฤษี หวังเย้ายังคงมีส่วนร่วมในสังคมอยู่ในบางครั้ง ในปัจจุบัน ขนาดพระและนักพรตเต๋ายังออกเดินทางไปทั่วโลก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหวังเย้าเลย
แต่หวังเย้านั้นจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังคนที่เขาจะติดต่อด้วยและสิ่งที่เขาควรทำหรือไม่ควรทำ
แปลงสมุนไพรของเขานั้นเป็นเหมือนกับทองคำที่อยู่ในผืนทรายและพระจันทร์ที่อยู่ในเมฆหมอกเป็นแสงบาดตาบาดใจ หวังเย้ากังวลว่าเขาจะไม่มีความสามารถมากพอที่จะปกป้องแปลงสมุนไพรของเขาได้ ถ้าหากว่าคนที่มีอำนาจและเจ้าแผนการรู้เกี่ยวกับมันขึ้นมา มันอาจจะนำปัญหาใหญ่มาให้กับเขาได้
หวังเย้าไม่ต้องการที่จะรู้ถึงความดำมืดของโลกใบนี้
เขาต้องการที่จะทำตัวให้ไม่เป็นจุดเด่นจนเกินไป จนกว่าเขาจะมีความสามารถมากพอที่จะปกป้องแปลงสมุนไพรของเขาได้
ตอนนี้เขานั้นราวกับเด็กน้อยอายุสามขวบที่กำลังถือเงินก้อนใหญ่เอาไว้ในมือ
ถึงแม้ว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องที่เร่งด่วนสำหรับเขาในการที่จะสร้างอำนาจเพื่อปกป้องแปลงสมุนไพรในทันที แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยไว้นานจนเกินไปเช่นกัน เขาต้องใช้ประโยชน์จากทุกโอกาสที่เขาได้รับให้ดีที่สุด
หวังเย้าต้องเข้าเมืองอีกครั้งเพื่อทำยาตามที่เทียนหยวนถูขอมา เขาได้ไปที่ร้านขายสมุนไพรที่ไปเป็นประจำ
ผู้จัดการหลี่ต้อนรับหวังเย้าที่ห้องพักสำหรับแขก ผู้จัดการหลี่นั้นยินดีมากที่ได้เจอหวังเย้าอีกครั้งและเขาได้ชงชาให้กับหวังเย้าด้วยตัวเอง ผู้จัดการหลี่นั้นรู้ว่าหวังเย้าเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรและเป็นลูกค้าประจำของร้าน ดังนั้นเขาจึงใส่ใจคำขอของหวังเย้าเป็นพิเศษ
“ขอบคุณสำหรับชาครับ ความจริงผมมาที่นี่เพราะมีเรื่องให้ช่วยหน่อยน่ะครับ” หวังเย้ายิ้ม
“ไม่มีปัญหา มีเรื่องอะไรให้ช่วยอย่างนั้นเหรอครับ?” ผู้จัดการหลี่ถาม
“ผมต้องการที่จะซื้อสมุนไพรเหมือนครั้งก่อนทั้งหมด แต่ขอเป็นสองเท่านะครับ” หวังเย้าพูด
“คุณต้องการเมื่อไหร่ครับ?” ผู้จัดการหลี่ถาม
“ดีที่สุดคือภายในหนึ่งอาทิตย์ ความจริงแล้ว...อยากจะขอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้น่ะครับ” หวังเย้าพูด
“ไม่มีปัญหาครับ” ผู้จัดการหลี่รับปาก
“คุณต้องการให้ผมวางมัดจำไว้ก่อนไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“ดีครับ แต่ดื่มชาของคุณให้หมดก่อนค่อยจ่ายก็ได้ครับ” ผู้จัดการหลี่ยิ้ม
หวังเย้าออกจากร้านขายสมุนไพรมาหลังจากที่เขาได้วางมัดจำเอาไว้แล้ว เขาขับรถไปรอบเมืองและแวะซื้ออาหารสุนัขมาด้วย
เมื่อหวังเย้ามาถึงบ้าน เขาก็พบว่ามีแขกกำลังนั่งคุยอยู่กับแม่ของเขา แขกคนนี้อายุราวสี่สิบและผอมแห้ง เขาอยู่ในชุดลำลองและดูเหนื่อยล้าพร้อมกับผมที่ไม่ค่อยเป็นทรง
“เย้า มีคนมาหาลูกน่ะ” จางซิวหยิงพูดทันทีที่เธอเห็นหวังเย้า
“ผมเหรอ?” หวังเย้าพูดด้วยความประหลาดใจ เพราะเขาไม่เคยเจอชายคนนี้มาก่อนเลย
“สวัสดีครับ ผมชื่อโจวฉง” โจวฉงลุกขึ้นเมื่อเขาเห็นหวังเย้า
“สวัสดีครับ ผมคิดว่าเราไม่เคยเจอกันมาก่อนนะครับ” หวังเย้าพูด
“ผมมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากคุณน่ะครับ” โจวฉงพูด
“ช่วย?”
“ผมต้องการให้คุณช่วยดูลูกชายที่ป่วยอยู่ของผมน่ะครับ” โจวฉงพูด
“ผมเข้าใจแล้ว” หวังเย้าขมวดคิ้ว
เขาเริ่มสงสัยว่าโจวฉงรู้เรื่องของเขาได้ยังไง ใครบอกเขากันว่าฉันสามารถรักษาโรคได้?
“ผมขอโทษ ผมทำไม่ได้ครับ” หวังเย้าปฏิเสธคำขอจากโจวฉง เพราะเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนคนนี้เลย
“เอ่อ...” โจวฉงตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้จากหวังเย้า “เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาเลยนะครับ”
“มันไม่ใช่เรื่องเงินครับ ผม...” หวังเย้ากำลังจะบอกว่าเขาไม่สามารถรักษาโรคได้ แต่เขาก็คิดถึงคำพูดของระบบขึ้นมาได้ เขาถูกห้ามไม่ให้ปฏิเสธความสามารถของตัวเองในฐานะแพทย์ปรุงยา
ฉันควรจะปฏิเสธเขายังไงดี? หวังเย้าคิด
“ตอนนี้ผมยุ่งมาก ขอโทษด้วย” หวังเย้าให้ข้ออ้างแบบส่งๆไป
“ผมสามารถพาลูกของผมมาที่นี่ได้ ได้โปรดช่วยลูกของผมด้วย” โจวฉงอ้อนวอน
“ให้ผมถามคุณก่อน แล้วคุณก็ต้องตอบตามความจริงด้วย” หวังเย้าพูด
“ตกลงครับ” โจวฉงพูด
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมสามารถรักษาโรคได้?” หวังเย้าถาม
“เอ่อ...” โจวฉงลังเล
“มันไม่เป็นไรถ้าคุณไม่อยากบอกผมจริงๆ” หวังเย้าพูด
“คุณหมอเหอบอกผมมาครับ” โจวฉงพูด
“เหอฉีเชิงเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ใช่” โจวฉงตอบ
“คุณไม่ใช่คนเมืองนี้ใช่ไหม?” หวังเย้าถาม เขาสามารถรู้ได้จากสำเนียงของโจวฉง ว่าโจวฉงจะต้องเป็นคนที่มาจากเมืองอื่นแน่นอน
“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ใช่คนเมืองนี้ ผมมาจากฉางโจว” โจวฉงตอบ
“ฉางโจว? มันไกลจากที่นี่มากเลยนะ!” หวังเย้าตกใจ
“ใช่ครับ ดังนั้นได้โปรดช่วยลูกของผมด้วยครับ!” โจวฉงอ้อนวอนอีกครั้ง
“โอเค ช่วยเอาหมายเลขติดต่อของคุณมาให้ผม แล้วอีกสามวันผมจะติดต่อกลับไป” หวังเย้าพูด เขาไม่สามารถปฏิเสธโจวฉงที่เดินทางไกลมาจนถึงที่นี่ได้ และเขาก็บอกอย่างตรงไปตรงมาถึงสาเหตุที่เขามาที่นี่
“ยอดไปเลย!” โจวฉงตื่นเต้น
โจวฉงไม่ได้อยู่นานนัก หลังจากที่หวังเย้ารับปากว่าจะลองคิดดูแล้ว
“ลูกควรจะช่วยเขานะ” จางซิวหยิงพูดหลังจากที่โจวฉงจากไปแล้ว
“ทำไมเหรอครับ?” หวังเย้าพูด
“เพราะเห็นได้ชัดว่า เขานั้นกำลังอยู่ในความสิ้นหวังและต้องการความช่วยเหลือจากลูกจริงๆ” จางซิวหยิงพูด
“แม่ครับ ข้างนอกนั้นยังมีคนอีกเป็นล้านที่ต้องการความช่วยเหลือ ผมไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับโจวฉงเลย ผมไม่อยากให้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองและพ่อกับแม่นะครับ” หวังเย้าพูด
ถึงแม้ว่าหวังเย้าตัดสินใจที่จะช่วยโจวฉงแล้ว แต่เขาก็ต้องทำความเข้าใจกับแม่ของเขาเอาไว้ก่อน ว่าเขาไม่ได้ช่วยทุกคนที่มาขอให้ช่วย และไม่สามารถให้สัญญาอะไรกับใครได้
“เข้าใจแล้วจ๊ะ แม่คงใจอ่อนเกินไป” จางซิวหยิงพูด
หวังเย้ากลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ แล้วเขาก็ได้รับสายจากเหอฉีเชิงทันทีที่เข้ามาภายในกระท่อม เหอฉีเชิงโทรมาขอโทษหวังเย้าเกี่ยวกับเรื่องของโจวฉง