บทที่ 213 - ฉันก็ด้วย (5) [08-10-2019]
บทที่ 213 - ฉันก็ด้วย (5)”
เขาได้เริ่มจากขาของเธอ...
[โอ้ยยยย]
"ถึงจะเจ็บแต่ก็ทนเอาไว้นะ"
[โอเค...]
ขาของเธออยู่ในสภาพที่ร้ายแรงอย่างมาก เนื้อได้ปริแตกยับเยิน กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกบิดเบี้ยวแตกออกมาจนแม้แต่ไขกระดูกก็ยังไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ความเสียหายที่เธอได้รับมันทำให้การที่เธอยังรอดมาได้นั้นมันน่าอัศจรรย์มาก และยังทำให้ยูอิลฮานเจ็บปวด เขาไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่าเธอได้รับความเจ็บปวดมากขนาดไหน
ยังไงก็ตามเมื่อชุดเกราะของเธอได้ละลายลงไปในข้าของเธอ กระดูกของเธอได้แข็งยิ่งขึ้นและได้รับการรักษากลับมาราวกับเวลาได้ไหลย้อนกลับไป กล้ามเนื้อใหม่ก็งอกขึ้นมาพร้อมทั้งมีเลือดสีแดงไหลอยู่ภายใน เนื้อของเธอก็กลับคืนมาหุ้นส่วนนั้นและหนังก็เกิดขึ้นมาใหม่ที่ชั้นบนสุดของเนื้อเธอ
[นี้มัน... ได้ยังไง?]
"ฉันคิดไว้แล้วว่าเธออาจจะทำอะไรไม่คิด นี่เป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้ทำเพื่อไว้เสริมพลังให้กับเธอ แต่เป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้ฟื้นฟูเธอหลังจากการเก็บบันทึกเธอไว้ ออฟชั่นที่ห้าก็คือเป้าหมายหลักและจุดประสงค์ของเกราะนี้แหละ"
[...]
เรื่องแบบนี้มันเป็นไม่ได้ด้วยหรอ? เดี๋ยวนะ ยิ่งกว่านั้นการฟื้นฟูตัวตนสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่มีคลาส 6 แบบเธอมันง่ายแบบนี้เลยหรอ? เธอมีหลายสิ่งที่อยากจะถามออกไป แต่ว่าความเจ็บปวดจากการรักษาเธอได้ทำให้เธอต้องปิดปากเขาไว้
และนี่ก็คือทางเลือกหนึ่งที่เธอคิดถูกเพราะการที่ทำแบบนี้ได้หากจะให้อธิบายจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยก็ 6 ชั่วโมงแล้ว วิทยาการนี้เกิดขึ้นมาจากวิชาช่างตีเหล็กที่เขาได้ร่ำเรียนรวมถึงวิศวกรรมเวทย์และภาษาเวทย์ต่างๆที่เขาได้เรียนมา
"พูดให้ชัดนี่มันไม่ใช่การทำให้เธอกลับไปสู่สภาพเดิม แต่นี่จะเป็นการช่วยให้เธอยังมีชีวิตได้ในฐานะของสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำหลังจากที่ต้องสูญเสียบันทึกของเธอในฐานะสิ่งมีชีวิตชั้นสูงโดยไม่ต้องเจ็บปวดมากนะ"
[นายรู้ว่า... ฉันจะทำแบบนี้?]
"แน่นอนสิ"
[ถ้างั้นนายก็รู้ความรู้สึกของฉันด้วย...]
"ไม่ ไม่ใช่เรื่องนั้น..."
ยูอิลฮานได้เงียบลงไปหลังจากพูดขึ้นสั้นๆ จริงๆแล้วเขาคิดว่ามันจะมีความเป็นไปได้แบบนี้อยู่ 50% แต่ยังไงก็ตามความขี้ขลาดของยูอิลฮานก็ทำให้เขาไม่อาจจะลบความคิดที่ว่า 'ถ้าเธอไม่ทำล่ะ?' ออกไปจากหัวได้
ดังนั้นเขาจึงหลอกตัวเองด้วยความคิดที่ว่าทูตสวรรค์คลาส 6 จากสวรรค์คนนี้น่าจะสนิทกับเขาแต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับเขา และเธอก็ปฏิบัติกับเขาเพียงแค่เหมือนกับพี่ชายน้องสาวในสายเลือดเท่านั้น
ยิ่งมีเรื่องของนายูนาเข้ามาอีกทำให้เขาคิดว่ามันไม่มีทางบังเอิญเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นสองครั้งแน่ เรื่องนี้ได้ทำให้เขาคิดว่ามันไม่มีทางที่เลียร่าจะชอบเขา กระบวนการคิดแปลกๆนี้ของเขาได้ทำให้เขาค่อนข้างจะหัวแข็งและหัวช้าไปในด้านความรัก
[...งี่เง่า แย่ที่สุด]
"ฉันผิดเอง..."
ยูอิลฮานไม่อาจจะเงยหน้ามองเลียร่าได้เลย ถ้าหากหลังจากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วแต่เขายังไม่รู้ตัว เขาก็เป็นแค่เห็บหมัด คงไม่ใช่มนุษย์แล้ว
บางทีเลียร่าก็รู้สึกว่าเขาน่าจะรู้ตัวพอแล้วทำให้เธอหัวเราะออกมาทั้งๆที่ยังเจ็บอยู่ ในขณะเดียวกันเลือดของยูอิลฮานก็ได้ไหลย้อมเกราะและทำให้เกราะละลายลงเพื่อทำการรักษาส่วนอื่นๆของเลียร่าด้วยไม่ใช่แค่เกราะ
[นายฆ่ามันเรียบร้อยแล้วสินะ?]
"ใช่ ฉันฆ่ามันแล้ว แล้วก็เก็บศพมันมาแล้วด้วย"
[ชู่วว นายนี่โลภจริงๆเลยนะ...]
ไม่ว่าเจ้าสารเลวนั่นจะเป็นตัวอะไร แต่มันก็ยังคงเป็นคลาส 6 อยู่ดี หากเขาไม่เก็บศพมันมาก็คงจะแปลกมาๆ เลียร่าได้แต่ยิ้มออกมาแห้งๆกับความไร้ยางอายของยูอิลฮาน ทัศนคติที่ไม่ยอมเปลื่ยนแปลงของเขาก็เป็นข้อเสียของเขาและในเวลาเดียวกันก็เป็นข้อดีอีกด้วย ซึ่งเธอก็ชอบในด้านนี้ของเขาเช่นกัน
ในตอนนี้ขาทั้งสองข้าง เขาและต้นขาของเธอได้ถูกฟื้นฟูกลับมาแล้ว ส่วนเอวของเธอกำลังฟื้นฟูกลับมาอย่างช้าๆ จริงๆแล้วก็ยังมีความเปลื่ยนแปลงพื้นฐานและกลายเปลื่ยนแปลงใหญ่ๆเกิดขึ้นกับร่างกายเธอด้วย
เลือดสีขาวที่เป็นตัวบ่งบอกถึงทูตสวรรค์ของเธอได้หมดไปจากร่างของเธอ และถูกเลือดสีแดงเข้ามาแทนที่แล้ว หัวใจดวงใหม่ของเธอก็ได้ยอมรับเลือดนี้และสูบฉีดไปทั่วร่างของเธอซึ่งจากนั้นก็ผสานเขากันกับเลือดของยูอิลฮานและช่วยสนับสนุนการสร้างร่างใหม่ขึ้นอีก
ร่องรอยของเกราะสีชมพูอ่อนก็ได้หายไปหมดแล้วเช่นเดียวกัน เลียร่าได้สัมผัสที่ผิวหนังที่เพิงจะงอกขึ้นมาใหม่ของเธอและรู้สึกได้ว่าเกราะหายไปแล้ว
[แย่มาก นี่เป็นเกราะที่อิลฮานทำให้ฉันนะ]
"เดี๋ยวฉันทำอันที่ดีกว่านี้ให้นะ"
เมื่อการฟื้นฟูได้ดำเนินไปถึงจุดหนึ่งแล้วพรของเทพแห่งความรักก็ยังประทุออกมา มันได้มากยิ่งกว่าการแค่ยื้อชีวิตของเธอแล้ว พรนี่ได้แทรกแซงเข้าไปในร่างกายของเธออย่างอิสระมากยิ่งขึ้นและพัฒนาร่างกายของเธอด้วยพลังที่ถูกเรียกกันว่าพลังศักดิ์สิทธิ์
ก่อนหน้านี้เนื่องจากตัวเธอเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอยู่แล้วทำให้มีการแทรกแซงน้อย แต่ในตอนนี้ที่เธอถดถอยกลับมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำทำให้เรื่องมันต่างไปจากเดิม พรนี้กำลังทำให้เธอเหมาะสำหรับพรของเทพแห่งความรักมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
แม้ว่ากระบวนการนี้จะเจ็บอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ด้วยพรของเทพแห่งความรักและพลังของยูอิลฮานก็ทำให้เธอได้เข้าสู่ขอบเขตใหม่อย่างสิ้นเชิง
"อ่า... อ๊า..."
นับจากตอนนี้ไปน้ำเสียงของเธอก็ยังต่างไปจากเดิม ก่อนหน้านี้เสียงของเธอจะเหมือนดังขึ้นมากจากเบื้องบนไม่ว่าเขาจะมองหน้าเธออยู่ก็ตาม แต่ในตอนนี้เสียงของเธอดูเหมือนกับเป็นเสียงกระซิบข้างหู
ยูอิลฮานชอบแบบนี้มาก แต่เลียร่าก็ไม่ได้ดูเหมือนจะมีความสุขกับเรื่องนี้มากนัก เธอได้ลูบคอของเธออย่างตื่นตระหนก
"ว้าว... ความรู้สึกนี้ มันนานมากแล้วนะ ฉันได้กลับมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำแล้วจริงๆ"
"รู้สึกยังไงมั้งล่ะ!?"
"ร่างกายฉันรู้สึกหนักมาก~"
"ก็นี่เธอเพียงจะฟื้นตัวกลับมา..."
จากคลาส 6 เธอได้ตกมาจนคลาส 4 หากจะบอกว่าเธอมีแต่ความรู้สึกยินดีก็คงจะเป็นการโกหก เธอได้เตรียมที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อยูอิลฮานอยู่แล้ว แต่พอมาได้เจอกับการอยู่คลาส 4 ด้วยตัวเองหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เธอสับสนจริงๆ นี่มันเป็นเรื่องที่เขาใจได้ ความเป็นจริงมักจะต่างจากสิ่งที่คิดไว้เสมอ
"หนาวจัง"
"อยากได้ผ้าห่ม?"
"ไม่ล่ะ ฉันอยากจะอยู่แบบนี้สักเดี๋ยว"
ทุกๆอย่างที่คลุมร่างกายของเธอได้หายไปแล้วรวมไปถึงเกราะของเธอด้วย ตัวเธอในตอนนี้ชัดเจนเลยว่ากำลังเปลือยอยู่ ร่างกายที่มีแผลเป็นที่เกิดจากการต่อสู้เมื่อนานมาแล้วได้หายไปจนหมดจดอย่างเดิม
ไม่สิ บางทีเธออาจจะยิ่งน่าดึงดูดยิ่งกว่าเก่าอีก แม้ว่ามันจะน่าอายที่จะมองไปในส่วนนั้น แต่ยูอิลฮานคิดว่าหน้าอกของเธอใหญ่ขึ้นด้วย และนั่นก็ยังเป็นเรื่องจริงด้วย
นี่คือพลังที่ยิ่งใหญ่จากเทพแห่งความรัก เธอจะได้รับในทุกๆอย่างที่จะเพิ่มความรักจากเพศตรงข้ามที่เธอหลงรักอยู่!
"ฟู่ววว"
ยังไงก็ตามบนหน้าของเธอยังมีเศษผิวหนังที่ตายแล้วลอกออกมาติดอยู่ ในตอนที่ยูอิลฮานได้ลูบแก้มของเธอทำให้เศษสกปรกนั้นหล่นลงไป ผิวหนังขาวนวลใสของเธอก็ปรากฏออกมา เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ใสสะอาดของเลียร่าได้ทำให้ยูอิลฮานยิ้มออกมาเล็กๆ
"นี่ไงเธอกลับมาสวยแล้ว ตอนนี้ฉันคิดว่าเธอสวยกว่าเดิมอีกนะ"
"คำพูดน่าอายนี่..."
แก้มของเลียร่าได้แดงขึ้นจนแดงกว่าลูกมะเขือไปแล้ว แต่ยูอิลฮานก็ยังแสดงสีหน้าสบายอารมณ์อยู่
"วันนี้ฉันจะไม่สะทกสะท้านอะไรแล้ว ในระหว่างดูเธอสู้ ในระหว่างฟื้นฟูเธอกลับมา แล้วก็ในสถานการณ์อื่นๆด้วยฉันได้พูดคำน่าอายไปตั้งเยอะ ดังนั้นถ้าจะพูดเพิ่มสักประโยคสองประโยคก็ไม่มีอะไรต่าง ถึงแม้ว่าฉันจะต้องไปดิ้นตายระหว่างตอนนอนก็ตามเถอะ..."
"ฟุฟุ..."
เพราะอะไรบางอย่างทำให้เลียร่าไม่ได้หยุดยิ้มเลย สำหรับเธอแล้วเธอมีความสุขมากที่ยูอิลฮานยังมีชีวิตอยู่ และเธอก็ยังมีชีวิตอยู่ด้วย เธอชอบสถานการณ์แบบนี้มาก
ยูอิลฮานก็ยังอยากจะลงโทษกับรอยยิ้มแบบนี้ของเธอ แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจห้ามตัวเองเอาไว้ นี่มันไม่น่าแปลกใจเลยในเมื่อเขาก็ชอบในสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้เหมือนกัน
"แล้วก็..."
มันคงจะดีที่สุดหากว่าเธอยิ้มแบบนี้ต่อไป แต่ทันใดนั้นเองคิ้วของเธอก็ได้ขมวดขึ้นมา
"คำตอบล่ะ?"
"หา...?"
จากคำพูดที่คมกริบนี้ของเธอได้ทำให้เหงื่อไหลลงมาจากหลังของยูอิลฮานในทันที เขาได้คิดคำตอบที่เขาตอบไปก็พอแล้ว แต่ดูเหมือนเขาจะคิดผิด!
"คำตอบ"
"อ่า ก็อย่างที่ฉันพูดไป..."
"ฉันอยากได้คำตอบชัดๆ ชัดเจนน่ะชัดเจน ไม่ผิดเพี้ยน ไม่เข้าใจผิดแล้วก็มาจากใจจริง!"
"...เธอมั่นใจอะไรขนาดนั้น? ถ้าฉันตอบว่าไม่ล่ะ?"
"ฟุฟุ"
เลียร่าได้ยิ้มออกมาอย่างน่ารักจนทำให้เขาอยากจะกินเธอ และคำพูดต่อมาของเธอก็ยิ่งน่ากลัวกว่าเดิม
"ถ้างั้นฉันจะใช้กำลังแล้วนะ"
"นี่มันคือการข่มขืน! มีคนกำลังจะโดนข่มขืนที่นี่ครับ!"
"ไม่เป็นไรหรอกนะ บนโลกในตอนนี้ไม่มีใครอยู่อีกแล้วนอกจากเรา ถ้าหากไม่ถูกเจอก็ไม่นับว่าเป็นอาชญากรรม"
"มีฉันอยู่นี่ไง ฉันไงล่ะ! แล้วก็เลิกพูดเรื่องถูกเจอไม่ถูกเจอไปเลย อาชญากรรมยังไงก็คืออาชญากรรมนั่นแหละ!"
ยิ่งดวงตาของเธอที่แสดงความจริงจังออกมาก็ยิ่งน่ากลัว ยูอิลฮานได้มองลงมาที่ใบหน้าของเลียร่า เมื่อเธอได้จับมือของเขาเอาไว้เมื่อไม่ให้เขาหนี ทั้งสองคนก็ได้หัวเราะกันออกมา
"แต่..."
จากนั้นเขาก็พูดออกมา ในตอนนี้เองได้มีใบหน้าของผู้หญิงอีกคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาในใจของเขา แต่ความรู้สึกที่มีต่อคนๆนั้นก็ไม่ได้เทียบเท่ากับความรู้สึกของเขาที่มีต่อเลียร่า
"ฉันดีใจนะที่นายไม่ยอมรับอาชญากรรมนั่น"
"...หา?"
พันปีที่อยู่ด้วยกันมากกว่าการแค่ทำให้คนสองคนใกล้ชิดกันเฉยๆแล้ว พวกเขาทั้งสองคนได้แบ่งปันทุกๆอย่างด้วยกันและเริ่มเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง รวมไปถึงสองสามปีที่ทั้งสองคนอดทนนอยู่ด้วยกันด้วยความเชื่อใจทั้งๆที่อยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้
ในตอนนี้ความรู้สึกของพวกเขาอยู่มากกว่าความรู้สึกที่ตื้นเขินอย่างความแปลกใหม่ ความหึงหวง ความเบื่อหหน่าย และความคุ้นเคยนี้เป็นสายสัมพันธ์เชื่อมต่อเขากับเลียร่า
"ฉันก็ชอบเธอมากๆ ดังนั้น... ฉัน... รัก... เธอ"
ความขี้ขลาด ความงี่เง่า ความอาย และความโง่เง่าที่เกิดขึ้นมาได้ทำให้ยูอิลฮานทำอะไรอย่างการเข้าไปหาเธอไม่ได้... แต่หากว่าเลียร่ากำลังมองมาที่เขา เขาก็คิดว่าเขาก็ควรที่จะทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับเธอกลับไป ในจุดๆนี้แล้วเขาไม่อาจจะหนีไปได้
"..."
แต่แล้วในตอนนี้ที่เขากล้าที่จะสารภาพรักออกไป เขากลับไม่ได้ยินคำตอบกลับมา นี่มันไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลังจากที่ได้ยินคำสารภาพตรงๆนี้ไปแล้วเลียร่าก็คงจะทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
ความรู้สึกของเธอในตอนนี้คงจะคล้ายกับสาวชาวบ้านธรรมดาที่บังเอิญถูกหวยรางวัลที่ 1
"อ๊าาาาาาาาาา"
เธอได้บิดตัวพยายามหลบหน้าเอาไว้ แต่ว่ามือของเธอที่จับเขาเอาไว้ก่อนหน้าได้ทำให้เธอไม่อาจจะหลบไปได้
"ไอ๊ย๊าาาาา"
"ช่วยพูดอะไรที่ฉันเข้าใจได้หน่อยสิ"
"ความอายกับความสุขนี่มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย"
"อย่าตายไปอีกนะ ฉันเพิ่งจะช่วยเธอกลับมาเอง นอกไปจากนี้ใครกันล่ะที่บอกให้ฉันพูดมันออกมา?"
"ก็ฉันไม่รู้ว่านายจะตรงแบบนี้นี่!"
เขาคิดว่าในวันนี้เขาจะไม่สะทกสะท้านแล้ว แต่ว่ายูอิลฮานไม่ชินกับเรื่องนี้เลยจริงๆ ตัวเขาก็ยังคงอายอย่างมาก เขาอย่างจะลงไปดิ้นกับพื้นแล้วในตอนนี้ แต่ยังไงก็ตามลียร่าก็ยังคงไม่ปล่อยมือของเธอออกไปถึงแม้เธอจะยังอายอยู่ทำให้เขาทำอะไรไม่ได้
[จูบเลย จูบเลย]
ได้มีคนเร่งพวกเขาขึข้นมาในสถานการณ์แบบนี้ คนๆนั้นก็คือป้อมปราการลอยฟ้าที่กำลังลอยอยู่บนหัวพวกเขา
"เธอหมายความว่ายังไงที่ว่าจูบ..."
[มันเป็นฉากที่เหมาะกับสถานการณ์นี้ที่สุด!]
น้ำเสียงของมิสทิคฟังดูไม่พอใจมากๆและดูเหมือนกับเธอจะไม่ชอบความที่ว่าเธอได้แต่ดูโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย ไม่สิบางทีเธออาจจะแค่รู้สึกรำคาญที่เห็นยูอิลฮานกับเลียร่าทำตัวเหมือนพระเอกนางเอกละครน้ำเน่า
[จูบเธอเลยนายท่าน ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะทิ้งดิ่งป้อมปราการลอยฟ้าลงไปบนตัวนายท่านนะ]
"ทั้งๆที่เธอไม่ได้มีรร่างกายแต่เธอกล้ามาล้อฉันได้ยังไงกัน"
[แล้วนั่นมันเพราะใครกันล่ะ? หา!!!]
เขาได้เมินมิสทิค จากนั้นก็มองลงไปที่เลียร่าที่กำลังบิดตัวอายอยู่ เขาได้ปรับลมหายใจสูดลึกเข้าสั้นๆ
"ใช่แล้ว ฉันจะอยู่เฉยไปตลอดแบบนี้ไม่ได้"
[หา? หาาาาา?]
เมื่อได้ยินเสียงพึมพัมนี้น้ำเสียงของเลียร่าได้สูงขึ้นมาทันที ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้เริ่มก้าวต่อไปโดยไม่ลังเล เขาได้จับมือของเลียร่าเอาไว้แน่น และใช้มืออีกข้างหนึ่งเชยค้างของเธอขึ้นมา จากนั้นก็ลดหัวลงไปเพื่อ...
"อิ อิลฮาน?"
"ชู่ววว"
เลียร่าที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะเป็นฝ่ายรุกเข้ามาได้ถูกยูอิลฮานลอบขโมยริมฝีปากของเธอไปแล้ว เพราะแบบนี้เองทำให้เธอไม่อาจจะพูดอะไรได้อีกต่อไป
[...อ่า พระเจ้า นี่มันน่ารำคาญสุดๆ]
[ฉันไม่น่าบอกว่าจูบเลย!]
มิสทิคที่ล้อเลียนอยู่ข้างบนได้ขยับป้อมปราการลอยฟ้าไปมาเหมือนกับเต้นอยู่บนท้องฟ้า ในขณะเดียวกันโอโรจิดูทุกๆอย่างอยู่ได้พึมพัมออกมาภายในเกราะร่างมังกรเพลิงนรก
[นี่มันก็เป็นภาพที่ดีทีเดียว] (โอโรจิ)