ตอนที่แล้วตอนที่ 46 งานชุมนุมชาวยุทย์ [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 48 “ขโมยวิชา” อย่างบ้าคลั่ง [อ่านฟรี]

ตอนที่ 47 ซู่เหอ ที่หนึ่งของห้าผยอง [อ่านฟรี]


ตอนที่ 47 ซู่เหอ ที่หนึ่งของห้าผยอง

ระหว่างเดินทางไปยังใจกลางเมืองต้วนเทียน หลินกู่เทียนได้อธิบายกฎบางอย่างเกี่ยวกับงานชุมนุมชาวยุทย์สำหรับทุกคน เพราะยังไงซะ เขาเองก็เป็นหนึ่งในห้าผยองแห่งเมืองต้วนเทียน เขาจึงรู้ดีกว่าคนอื่นมาก

หลินหานฟังอย่างเงียบๆ จึงได้รู้ข้อมูลเพิ่มเติมไม่น้อย

เมืองต้วนเทียน มีสามขุมอำนาจที่ตั้งมั่นอยู่ นั่นคือ: ตระกูลหลิน ตระกูลเฉิน และตระกูลลั่ว

ในระหว่างที่หลินกูเทียนกำลังพูดอธิบาย พลันหลินหานนึกถึงลั่วชิงเฉิง สาวงามที่เคยพบกันในป่าหม่างแห่งเมืองต้วนเทียนในวันนั้น

"พี่กู่เทียน ไม่ทราบว่าห้าผยองอีกสี่คนที่เหลือคือใคร?" หลินหรูเยียนถามในทันใด

เมื่อได้ยินคำพูด ดวงตาของหลินหานก็หันไปมองหลินกู่เทียน อย่างฉงนใจเล็กน้อยเช่นกัน

หลินยู่ หลินฉาย และหลิยเจียวมองทั้งสองคนด้วยสายตาแปลกๆ แต่พอคิดขึ้นได้ว่าหลินหรูเยียนและ หลินหานเคยเป็นศิษย์ทำเนียบภายนอก จึงเข้าใจทันที

หลินกู่เทียนยิ้มแล้วกล่าวว่า "น้องหรูเยียนคงยังไม่ทราบ ห้าผยองแห่งเมืองตวนเทียนมี ข้า เฉินอู๋เสียแห่งตระกูลเฉิน ลั่วเทียนหย่างและลั่วชิงเฉินแห่งตระกูลลั่ว และยังมีอีกคน ... "

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของหลินกู่เทียนเผยให้เห็นถึงความหวั่นกลัว "ยังมีอีกคนหนึ่ง เป็นดั่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของห้าผยอง แม้แต่ข้ายังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาชื่อซู่เหอ ไมใช่คนของสามขุมอำนาจ แต่เป็ความภูมิใจจากตระกูลเล็กๆในเมืองต้วนเทียน "

ซู่เหอ?

หลินหานพูดพึมพำ

สามารถทำให้หลินกู่เทียนรู้สึกหวั่นเกรงไเด้ และยังทำให้ห้าผยองอีกสี่คนที่เหลือคิดว่าเขาเป็นหัวโจกอันดับหนึ่ง คนๆนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!

ครานี้ ในหัวใจของหลินหานเกิดความสนใจต่อซู่เหอคนนี้อย่างมาก

"ซูเหอเป็นคนลึกลับมาก เขามาจากครอบครัวเล็กๆ เป็นทายาทของทาสในตระกูลเล็กๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงแข็งแกร่งได้ขนาดนั้น"

"ได้ยินมาว่าความสามารถในวิชายุทย์ของซูเหอน่ากลัวมาก ไม่ว่าจะเป็นวิชายุทย์เช่นไรเขาก็สามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว"

ในเวลานี้หลินยู่และหลินฉายและคนอื่นๆต่างพูดคุยกัน

"คราวนี้และ ข้าจะต้องเอาชนะเขาให้จงได้!" หลินกู่เทียนพลันเผยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่เข้มแข็ง ดวงตาของเขาประกาศศักดาอย่างน่ากลัว

เมื่อเห็นอย่างนี้ หลินหานก็ไม่พูดอะไรอีก ทว่า เขามีความสนใจยิ่งขึ้นต่อผู้เป็นอันดับหนึ่งของห้าผยองซึ่งมาจากตระกูลเล็กๆคนนั้น

เพราะประสบการณ์ของเขาและซู่เหอคนนั้นคล้ายกันมาก พวกเขาต่างมาจากพื้นเพล่างๆแล้วค่อยๆไต่เต้าขึ้นไปเหมือนกัน แต่ความแตกต่างกันก็คือ เขาเจิดจรัสช้าเกินไป ส่วนซู่เหอได้ผงาดในเมืองต้วนเทียนแล้ว

บัดนี้ หลินหานเพิ่มความคาดหวังต่องานชุมนุมชาวยุทย์ยิ่งขึ้น

“จริงสิ ทำไมลั่วชิงเฉิงถึงจะกลายเป็นหนึ่งในห้าผยองหล่ะ ได้ยินมาว่าตบะของคุณหนูใหญ่คนนี้ไม่สูงมากนัก” หลินหานกล่าวเสียงดัง

เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าตอนที่พบกับลั่วชิงเฉินในป่าหม่างแห่งเมืองต้วนเทียน พลังของนางอยู่ที่ยุทย์ปัญจสวรรค์เท่านั้น

“เพราะนางเป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองต้วนเทียน ทั้งยังเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลผู้นำเมืองที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้น ห้าผยองแห่งนภาจึงต้องนับรวมนางด้วย” หลินยู่กล่าวด้วยน้ำเสียงอิจฉา

"เอิ่ม แบบนี้ก็นับด้วยเหรอ ... " หลินหานพูดไม่ออก

......

กลุ่มคนล้วนเป็นอัจฉริยะแห่งทำเนียบภายใน ความเร็วจึงว่องไวถึงขีดสุด พวกเขาจึงไปถึงหมู่บ้านบนภูเขาแห่งหนึ่งของเมืองต้วนเทียนในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม

หมู่บ้านบนภูเขาแห่งนี้คือสถานที่ที่มีเกียรติที่สุดในเมืองต้วนเทียน

บัดนี้ เมื่อลองเพ่งมองออกไป จะเห็นผู้คนจำนวนไม่น้อยมถึงแล้ว มีทั้งคนจากสามขุมอำนาจ และมีคนจากตระกูลเล็กๆโดยรอบ หลินกู่เทียนนำทางกลุ่มคนไปถึงด้านหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปด้านใน

ภายในตำหนัก หลินหานกวาดสายตามองรอบๆ แล้วเขาก็ตรวจจับถึงคลื่นพลังที่แข็งแกร่งได้จำนวนมาก

บรรดาคนรุ่นเยาว์เหล่านี้ คนที่มีตบะที่ต่ำที่สุดยังอยู่ที่ยุทย์ปัญจสวรรค์ แต่สิ่งที่ทำให้หลินหานผิดหวังเล็กน้อยคือ เขาตรวจจับคลื่นพลังของนักพรตวิญญาณไม่ได้เลย

คนวัเยาว์กลุ่มนี้ถือเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่เเข็งแกร่งที่สุดในเมืองต้วนเทียนและพื้นที่โดยรอบ ก็หมายความว่ารุ่นเยาว์ของเมืองต้วนเทียนไม่มีนักพรตวิญญาณคนที่สอง

ในตำหนักซึ่งมีพื้นที่มีกว้างขวางใหญ่โต ตรงกลางมีสังเวียนขนาดใหญ่เพื่อใช้สำหรับการประลองฝีมือ

ตระกูลหลิน ตระกูลเฉิน ตระกูลลั่ว เป็นสามขุมอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองต้วนเทียน จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญที่สุด ส่วนรอบๆหรือที่กระจัดกระจายกัน หรือจะเป็นศิษย์จากตระกูลเล็กๆ ล้วนมาเพื่อรับชม

จากฝูงชนที่มาร่วมรับชม หลินหานมองเห็นใบหน้าคนคุ้นเคยอย่างหลินเทียนและหลินเหยียน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาถึงนานแล้ว เพราะต้องการมาสังเกตงานที่จัดอย่างยิ่งใหญ่สำหรับคนรุ่นใหม่ของเมืองต้วนเทียน

หลินกู่เทียนพาทุกคนไปที่นั่ง โดยหลินหรูเยียนเลือกที่จะนั่งด้านข้างหลินหาน ภาพนี้ทำให้หลินกู่เทียนถึงกับขมวดดคิ้ว ดวงตาของเขาเปล่งประกายความดุร้ายเล็กน้อย จ้องเขม็งหลินหานคล้ายกับจะเป็นการเตือน

ทว่าหลินหานยังนั่งด้วยใบหน้าเฉยเมย เลือกที่จะเพิกเฉย เพราะตอนนี้เขาก้าวสู่ยุทย์ฉะสวรรค์ขั้นกลางเเล้ว ด้วยวิธีการอันทรงพลังของเขา แม้ว่าหลินกู่เทียนจะมีตบะของปรมาจารย์ยุทย์ครึ่งก้าว แต่หลินหานก็ไม่กลัว

“ดูสิ นั่นเฉินอู๋เสีย อัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลเฉิน อีกทั้ง เขายังเป็นหนึ่งในห้าผยองแห่งเมืองต้วนเทียน ถูกขนานนามว่า”คุณชายอู๋เสีย“มีตบะของปรมาจารย์ยุทย์ครึ่งก้าว!” รอบๆมีบางคนเปล่งเสียงออกมา น้ำเสียงสื่อความเคารพ

หลินหานหันไปมองตามสายตาฝูงชน เขาก็เห็นว่าที่นั่งของตระกูลเฉินมีบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์มานั่งอยู่เต็ม  แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตามากที่สุดเห็นจะเป็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาว ดวงตาของเขาสงบและอ่อนโยน มือส่ายใบพัด

“ดูสิ ลั่วชิงเฉิง สาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองต้วนเทียนมาถึงแล้วนี้” มีคนอุทาน

หลินหานหันไปมองอีกครั้ง ก็เห็นรูปร่างสวยสง่าของลั่วชิงเฉิงเดินเข้ามาจากด้านนอกของตำหนัก

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ลั่วชิงเฉิงจะได้รับการยกย่องว่าสวยสดงดงาม แต่พอหลินหานมองไปที่หลินหรูเยียนซึ่งอยู่ข้าง เขากลับรู้สึกว่าความงามของหลินหรูเยียนก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน

คนหนึ่งเลอโฉมอย่างน่าทึ่งและอีกคนงดงามสดใส แต่ละคนมีข้อดีของตัวเอง

"หลินหาน ข้ากับลั่วชิงเฉิง ใครสวย?" เสียงของหลินหรูเยียนพลันดังขึ้นในหูของเขา

มุมปากหลินหานแสยะเล็กน้อย ตามที่คาดเอาไว้ หลินหรูเยียนถามคำถามนี้จริงๆ

"แน่นอนว่า ... สวยทั้งคู่" หลินหานหัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดัง

เมื่อพูดจบ หลินหานหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ

"ถ้าเลือกได้หนึ่งคน เจ้าจะเลือกคนไหน" เสียงของหลินหรูเยียนดังขึ้นอีกครั้ง

วินาทีต่อจากนั้น

"พรวด"

ชาในปากของหลินหานถูกพ่นออกมาทันที

......

เมื่อผู้คนมาถึงมากขึ้น บรรยากาศก็เริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ

มีใครหลายคนคาดการณ์ว่าอันดับของห้าผยองในปีนี้จะไม่เปลี่ยนมือ หรือจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันดับใดใด

ในเวลานี้ หลินหานได้รู้จักตัวตนของใครหลายคนจากบทสนทนาของคนทั้งหลาย

ลั่วเที่ยนหย่าง อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งตระกูลลั่ว เขาสวมเสื้อสีดำและมีใบหน้าที่เย็นชา

เมื่อหลินหานเห็นสายตาของลั่วชิงเฉิงที่จ้องมองมาอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งยังมีรอยยิ้มที่ซ่อนเร้น ทำให้เขาเข้าใจทันทีว่าเขาถูกลั่วชิงเฉิงพบตัวซะแล้ว

ทว่า ดูเหมือนตระกูลผู้นำเมืองไม่รู้ว่าหลินหานสังหารอัจฉริยะสองของตระกูลลั่ว อย่างลั่วเฟยหยู่และลั่วเฟยหยุน ไม่เช่นนั้น เกรงว่าเขาคงถูกคนของตระกูลผู้นำเมืองมาจับตัวไปนานแล้ว

“วิธีแปลกๆของนักพรตวิญญาณเหมาะกับการเป็นอาวุธลอบสังหารจริงๆ” หลินหานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างลับๆ

ลั่วเฟยหยุนถูกสังหารในตอนที่เขาปลดปล่อยสถานะวิญญาณ เกรงว่าทั้งชีวิตของตระกูลผู้นำเมืองคงไม่สามารถหาฆาตกรตัวจริงเจอ

และในเวลานี้

ตุบตุบ!

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากข้างนอกตำหนัก

เสียงฝีเท้าไม่ดังมาก แต่สิ่งที่แปลกคือ ในเวลานี้มันดังก้องอย่างชัดเจนในหูของทุกคน

ดวงตาของหลินหานเป็นประกาย เขาสังเกตเห็นถึงความพิเศษของผู้มาเยือน

"ซู่เหอ!"

พลัน ฝูงชนส่งเสียงดังอย่างรู้สึกนับถือ

เมื่อพูดจบ มีร่างคนๆหนึ่งเดินเข้ามาอย่างช้าๆจากด้านนอกตำหนัก

เป็นชายหนุ่มที่แต่งตัวชุดผ้าฝ้าย ใบหน้าของเขาธรรมดาอย่างยิ่ง ลมปราณก็ธรรมดาถึงขีดสุด ไม่มีอะไรที่โดดเด่นกว่าคนอื่น เขาทำให้ผู้อื่นเกิดความรู้สึกเหมือนเป็นคนธรรมดาจนไม่สามารถหาเอกลักษณ์ได้

แต่ความรู้สึกธรรมดาอย่างสุดขั้วนี้ กลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันไม่ธรมดาอย่างมาก

ซู่เหอ!

อันดับหนึ่งของห้าผยองแห่งนภา เป็นบุคคลที่ถูกกล่าวขานในรุ่นเยาว์ของเมืองต้วนเทียน

ในที่สุดเขาก็มาถึงแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด