ตอนที่ 45 รู้สึกถึงอันตราย [อ่านฟรี]
ตอนที่ 45 รู้สึกถึงอันตราย
ในจดหมายนั้น มีคำศัพท์ที่สวยงามสะท้อนอยู่ในดวงตาของหลินฮัน
"หลินหาน อย่าลืมไปเลือกวิชายุทย์ขั้นสูงสุดที่ตำหนักวิชายุทย์"
หมึกปากกายังมีกลิ่นหอมจาง ๆ
หลินหานอึ้งจนถึงกับตบหน้าผาก
ใช่แล้ว!
เขาติดอันดับหนึ่งในสาม ยังไม่ได้รับรางวัลสุดท้าย "วิชายุทย์ขั้นสูงสุด" เลย
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลินหานใจจดใจจ่อกับการทลายขอบเขตพลัง จนเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท
เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินหานเก็บโน้ตเข้าไปในวงแหวนวิญญาณ แล้วหันไปเดินไปในทิศทางของตำหนักวิชายุทย์
เมื่อมองดูด้านหลังของหลินหานที่เดินออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ข้าทาสเสี่ยวหนู่กัดริมฝีปากสีแดง "นับวันนายน้อยดูจะยุ่งวุ่นวายขึ้น ... "
......
หลินหานไปตำหนักวิชายุทย์ เขาเคยมาที่นี่เป็นครั้งที่สาม แต่ทุกครั้งที่มาที่นี่ ต่างมาด้วยสภาพจิตใจแตกต่างกันมาก
เมื่อดูวิวทิวทัศน์ที่คุ้นเคย หลินหานทอดถอนใจใจเล็กน้อย
นี่ผ่านมาแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น แต่กลับทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ประตูทางเข้าตำหนักวิชายุทย์
"พี่หลินหาน!"
"พี่หลินหาน!"
เสียงสองเสียงที่แฝงความนับถือได้ดังขึ้น
มันเป็นเสียงของศิษย์ตระกูลหลินสองคนที่คอยคุ้มกันตำหนักในวันนั้น ไม่รู้ว่าอายุพวกเขาแก่กว่าหลินหานมากเท่าไหร่ แต่พวกเขาเรียกขานหลินหานว่า "พี่"
นี่เป็นสิ่งที่แสดงถึงความเคารพ!
หลินหานมาที่นี่ในคราวนี้ ต่อให้พวกเขามีความกล้าหาญแค่ไหนก็ไม่กล้าขวาง
ตอนนี้ หลินหานคืออันดับสามของทำเนียบภายใน เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในทำเนียบชในที่ค่อยๆสูงยิ่งขึ้น ทั้งยังมีสถานะที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับหลินกู่เทียน
ศิษย์ผู้เฝ้าตำหนักทั้งสองคนนี้ พอเห็นเห็นหลินหานก็เกิดความรู้สึกทั้งจริงใจและหวาดกลัว
อย่างไรก็ตามหลินหานเพียงพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อถือเป็นการทักทาย จากนั้นเขาจะก้าวไปในตำหนัก
ส่วนศิษย์ทั้งสองคนยังกระซิบกระซิบนินทากันอยู่ที่เดิม
"ครั้งก่อนที่ข้าขวางพี่หลินหาน ไม่รู้ว่าเขาจะจำฝังใจหรือเปล่า"
"ตอนนี้สถานะของพี่หลินหานอยู่ระดับไหนไปแล้ว ยังจะมาจำคนต่ำต้อยเช่นเจ้าอีกเหรอ?"
"ก็ใช่ ถ้าเจ้าพูดแบบนี้ ข้าก็โล่งใจ ... "
เสียงของทั้งสองค่อยๆหายไป
ในเวลานี้ หลินหานได้เข้ามาในห้ตำหนัก
"ในที่สุดเจ้าก็มา" มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
หลินหานหันไปมอง เขาคือผู้อาวุโสผู้คุ้มครองตำหนักคนนั้น
"ผู้อาวุโส ข้ามารับวิชายุทย์ขั้นสูงสุด" หลินหานยกมือคำนับ
"รอเจ้ามานานแล้ว ตามข้ามา"
ทุกวันนี้สถานะของหลินหานแตกต่างไปแล้ว มีเกียรติยศอย่างยิ่ง แม้แต่ผู้อาวุโสที่คุ้มครองตำหนักคนนี้มานานยังต้องพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพและเปี่ยมรอยยิ้มบนใบหน้า
ผู้อาวุโสคนนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เขารู้ดีว่าด้วยพรสวรรค์และคุณสมบัติที่น่ากลัวของหลินหาน จะสามารถเติบโตเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่สามารถค้ำจุนตระกูลหลินได้โดยใช้เวลาไม่กี่ปี
อย่างไรก็ตาม หากหลินหานรู้ความคิดของผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ตำหนัก เกรงว่าคงจะยิ้มหน้าบาน
เป้าหมายและความทะเยอทะยานของเขา หรือความปราถนาอันแรงกล้าของเขาไม่ได้จำกัดเฉพาะสิ่งนี้
ณ ชั้นสามของตำหนักวิชายุทย์
ตึงตึง ......
ผู้เฒ่าแห่งวิหารผลักประตูให้เปิดออกกอย่างช้าๆ เสมือนเป็นประตูใหญ่ที่ทำด้วยหยก
หลินหานมองตาไม่กระพริบ แล้วเดินตามผู้อาวุโสเข้าไปข้างใน
เมื่อมองออกไป มีชั้นวางหนังสือเพียงชั้นเดียวอยู่ในชั้นสามที่ว่างเปล่า ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากชั้นที่ชั้นหนึ่งและชั้นที่สองที่มีชั้นวางหนังสือหลายร้อยชั้น
"วิชายุทย์ขั้นสูงสุดช่างล้ำค่าและหาได้ยากมาก?"
หลินหานเดินเข้าไป เขาพบว่าบนชั้นหนังสือมีป้ายหยกหลายสิบป้าย
ในเวลานี้ ผู้อาวุโสเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า "ป้ายหยกทุกใบ แสดงถึงวิชายุทย์ขั้นสูงสุด บนป้ายหยกจะมีการแนะนำรายละเอียดเกี่ยวกับวิชายุทย์นั้นๆ เจ้าเลือกมาหนึ่งอัน แล้วข้าจะพาเจ้าเข้าไปในส่วนลึกของตำหนักยุทย์ เพื่อหยิบวิชายุทย์ให้เจ้า "
"ขอรับ" หลินหานพยักหน้า
เขาไม่คาดคิดว่าป้ายหยกเหล่านี้จะเทียบเท่ากับเครื่องหมายเท่านั้น ส่วนวิชายุทย์ขั้นสูงสุดที่แท้จริงจะถูกผนึกไว้ในส่วนลึกของตำหนักยุทย์
สิ่งนี้ทำให้หลินหานผิดหวังเล็กน้อย
ดูเหมือนว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะ "ขโมย" วิชายุทย์ขั้นสูงสุดหลายๆบทโดยผ่านทางเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง
แต่โชคดีที่เขาได้รับเคล็ดวิชาปลิดชีพสังหารและกรงเล็บมังกรครามมาก่อนหน้านี้แล้ว
"เคล็ดวิชาปลิดชีพสังหารและกรงเล็บมังกรครามล้วนเป็นวิชาการโจมตี ทั้งยังไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ สิ่งที่ข้าต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือวิชาการป้องกันตัว" หลินหานวิเคราะห์ตัวเองและเริ่มเลือกอย่างรอบคอบ
เป็นเวลาครึ่งชั่วยามเต็มๆ ในที่สุดหลินหานได้เลือกวิชากายาที่เรียกว่า "ทะยานห้วงเวหา"
หากอ้างอิงตามการแนะนำของผู้อาวุโสพิทักษ์ตำหนัก เมื่อใดที่เข้าใจวิชากายาชุดนี้จนถึงขั้นบริบูรณ์ ก็มีความสามารถของปรมาจารย์ยุทย์ – นั่นคือการพึ่งแรงลมในการบินไปในอากาศ
บิน
นี่คือความสามารถที่จอมยุทย์นับไม่ถ้วนปรารถนา
หลินหานก็เช่นกัน
"ทะยานผ่านห้วงเวหา" นี้ จะช่วยเสริมสร้างด้านความเร็วของเขา
ส่วนวิชาสำหรับการป้องกันตัว หลินหานมีกายเนื้อที่แข็งแกร่งมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากกระตุ้นกายาจักรพรรดิมังกร กระดูก เลือดเนื้อและผิวหนังของเขาจะแข็งเหมือนเหล็ก และยังมีการเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพได้สามเท่า นี่ก็เทียบวิชาป้องกันขั้นสูงสุดได้
ดังนั้น วิชากายา "ทะยานห้วงเวหา" นี้ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับหลินหานในเวลานี้
ก่อนจะเดินไปถึง ที่ประตูทางเข้าตำหนัก หลินหานมองผู้อาวุโสผู้พิทักษ์แล้วถามว่า "ขอบังอาจถามผู้อาวุโส ชั้นสี่ของตำหนักวิชายุทย์ มีวิชายุทย์ในตำนานหรือไม่?"
"มี" สีหน้าของผู้อาวุโสผู้พิทักษ์เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลงในพริบตา จากนั้นก็ฝืนยิ้มออกมา "อย่างไรก็ตาม มันเป็นวิชายุทย์ระดับตำนานที่ไม่สมบูรณ์ ส่วนวิชายุทย์ระดับตำนานที่สมบูรณ์นะเหรอ ไม่ว่าจะเป็นตระกุลหลิน ทั้งเมืองต้วนเทียน หรือทั้งรัฐเยียน อาจจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ"
“ต้องทำเช่นไรจึงจะมีสิทธิ์เข้าชั้นสี่” หลินหานถามต่อ
"ต้องเป็นลูกศิษย์อันดับหนึ่งของภายในติต่อกันเป็นเวลาห้าปี จึงจะมีสิทธิ์เข้าไปในชั้นสี่เพื่อไปทำความเข้าใจวิชายุทย์ระดับตำนาน แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์แต่ก็มีค่ายิ่งกว่าวิชายุทย์ขั้นสูงสุด"
ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์พูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม "หลินกู่เทียนเป็นศิษย์เพียงคนเดียวที่ได้เข้าไปในชั้นสี่"
"เขาเคยเข้าไปในชั้นสี่แล้วได้รับวิชายุทย์ระดับตำนานมาแล้วเหรอ?" หลินหานประหลาดใจ
ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆในหัวใจของเขาเกิดความรู้สึกถึงอันตราย
“ใช่แล้ว หลินกู่เทียนเป็นคนที่น่ากลัวมาก ผู้แข็งแกร่งในตระกูลระดับผู้อาวุโสหลายคนได้พ่ายแพ้ในเงื้อมมือของเขา ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ห้ามดูถูกหลินกู่เทียนผู้นี้เป็นอันขาด” ดูเหมือนผู้อาวุโสผู้พิทักษ์จะเตือน ทั้งยังพูดออกมาอย่างทอดถอนใจ
"ขอบคุณที่สอนสั่ง"
หัวใจของหลินหานตื่นตัวขึ้นเล็กน้อย ยกมือคำนับผู้อาวุโสผู้พิทักษ์อย่างเคร่งขรึม
หลินกู่เทียน?
ครอบครองวิชายุทย์ระดับตำนาน?
ในวันเดียวกันนั้น หลินหานกลับไปที่จวนของเขา แล้วปิดประตูไม่ยอมออกมาอีก
เมื่อรู้ถึงความแข็งแกร่งและความลึกลับของหลินกู่เทียนแล้ว ความภาคภูมิใจดั้งเดิมของหลินหาานก็หายไปเช่นกัน
เขารู้ว่าตัวเองยังอยู่ห่างไกลเกินกว่าจ้ะเอื้อมระดับ "ห้าผยอง" ของหลินกู่เทียนได้
ตามที่ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์กล่าวเอาไว้ว่า ผู้แข็งแกร่งระดับผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินกู่เทียน นี่แสดงให้เห็นว่า ต่อให้หลินกู่เทียนยังไม่ก้าวสู่ขอบเขตปรมาจารย์ยุทย์ เขาก็ใกล้เคียงแล้ว
หลินหานยังคงพยายามทำความเข้าใจวิชายุทย์อยู่ในจวนของตัวเอง
"เคล็ดวิชากระบี่ปลิดชีพสังหาร", "ฝ่ามือมังกรครา" และวิชายุทย์ระดับสูงสุดที่พึ่งได้มาใหม่ "ทะยานผ่านเวหา" ภายใต้ความเข้าใจดุจดั่งปีศาจของหลินหาน ทำให้เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
หลินหานราวกับเป็นฟองน้ำ ซึมซับความสำคัญและความเร้นลับของวิชายุทย์บทนี้เพื่อตัวของเขาเอง
ตลอดสามวันเต็มๆที่หลินหานใช้เวลาทำความเข้าใจวิชายุทย์นี้
วิชายุทย์ระดับสูงสุดนั้นมีความเร้นลับซับซ้อนอย่างหาใดเปรียบ เวลาสามวันกับวิชายุทย์สามบท ถึงแม้หลินหานจะมีความคืบหน้า แต่ความคืบหน้าก็ไม่มากนัก
ต่อจากนั้น วิสัยทัศน์การมองของหลินหานเพ่งอยู่ที่ตบะของตัวเอง
เขาหยิบดอกบัวหิมะพันปีออกมาและกลืนลงไปทันที
"บูม"
ภายในร่างกาย พลังของกายาจักรพรรดิมังกรเพิ่มขึ้นทันที
เตาหลอมโบราณในสภาวะเงาที่อยู่ในจุดตันเถียนได้ดูดกลืนฤทธิ์ยาของดอกบัวหิมะพันปีอย่างบ้าคลั่ง
สสารถ่องแท้ในร่างกายของหลินหานมีพลังเพิ่มขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ
ยุทย์ฉะสวรรค์เป็นดั่งสันน้ำ ขั้นต่อไปคือยุทย์สัตตะสวรรค์ และนั่นคือขอบเขตของปรมาจารย์ยุทย์
ดังนั้น การก้าวกระโดดของขั้นตอนนี้จึงเป็นเรื่องยากมาก
แม้จะมีเคล็ดวิชาสะท้านโลกอย่างเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่ หลินหานก็ยังรู้สึกว่ามันยากมาก
"สรรพคุณอันทรงพลังของดอกบัวหิมะนับพันปีได้ผลักดันตบะของข้า จากยุทย์ฉะสวรรค์ขั้นก่อตัวเป็นขั้นกลาง" หลินหานลืมตาขึ้นแล้วพูดพึมพำ
นี่ยังช้าเกินไป
ดูเหมือนว่าการเก็บตัวฝึกตนอยู่แต่ในห้องยังไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา การต่อสู้จริงต่างหากจึงจะทำให้ทลายขอบเขตพลัง
ยิ่งกว่านั้น ยิ่งคู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่าตัวเขาเท่าไหร่ จะทำให้กระตุ้นศักยภาพของตนเองได้มากขึ้น และสามารถทลายระดับพลังได้อย่างไม่หยุดหย่อน
จู่ๆหลินหานพบหนทาง
"บางที ข้าลองขอให้ลุงกุ่ยเป็นคู่มือให้ ให้เขาปลดปล่อยแรงกดดันจากพลังอันแข็งแกร่งเพื่อกระตุ้นศักยภาพของข้า" ทันใดนั้นดวงตาของหลินหานก็เปล่งประกาย
......
ในเวลาเดียวกัน
สถานที่ที่หลินหรูเยียนอาศัยอยู่ ด้านนอกประตู มีชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีดำ ร่างกายสูงใหญ่ ท่าทางสง่างาม กำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“น้องหรูเยียน ข้าขอเข้าไปได้หรือไม่ มีเรื่องอยากจะเจรจา” เสียงหนักแน่นของหลินกู่เทียนดังขึ้นทันที
ชายหนุ่มหล่อเหลาคนนี้คือหลินกู่เทียน
"พี่หลินกู่เทียน?"
หลินหรูเยียนเดินออกมาอย่างดงามอรชร
นางมองหลินกู่เทียนด้านนอกประตู ด้วยใบหน้าที่เผยความสงสัย
ศิษย์อันดับหนึ่งของทำเนียบภายในมาทำอะไรที่นี่
………………………………………………………….