เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0082
ตอนที่ 82 : ศิษย์ของตำหนักดวงดาว
หยางฉีเย่ว์เพียงรับชมอยู่ด้านข้าง นางไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้ นอกจากนี้นางยังต้องการเห็นว่าฉินหยุนจะสอนมารยาทแก่ตู้หย้าหยวนอย่างไร
ตู้หย้าหยวนไม่คาดคิด ว่าบุคคลตรงหน้าเขา ผู้ซึ่งมีเพียงสายเลือดชั้นต่ำ จะกล้าเหยียดหยันต่อเขาเพียงนี้ นี่เพราะอยู่ต่อหน้ายอดฝีมือหลายคนที่นี่ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องดีที่จะลงมือ อย่างไรแล้วเขาก็ยังไม่ทราบว่าผู้หนุนหลังของฉินหยุนคือใคร
เขาเพียงแต่แค่นเสียงกล่าวเหยียด “กับคนอย่างเจ้า แม้แต่บรรพบุรุษก็ควรถูกกำจัดจนสิ้นซากแต่แรก! เจ้าคิดหรือว่าเจ้าลำบากลำบนฝึกฝนได้จนถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า แต่เจ้านั้นไม่รู้อะไรเลย ว่าพื้นฐานของเจ้านั้นอ่อนด้อยเพียงใด ข้ารังเกียจบุคคลเช่นเจ้านักที่ยอมรับต่อโชคชะตา แต่แล้วกลับภูมิอกภูมิใจกับมัน!”
“ว่ายังไงละ? โกรธงั้นหรือ? ข้าจะให้เวลาเจ้าสิบปี หลังผ่านไปสิบปีเจ้าค่อยท้าทายข้า หากข้าแพ้จะยอมเป็นทาสของเจ้าก็ยังได้ ฮ่าฮ่าฮ่า...”
ฉินหยุนถอนหายใจเสียงเบาแล้วกล่าว “ไม่ต้องรอถึงสิบปี ที่นี่และตรงนี้ก็เข้ามา!”
ต้วนเฉียนเร่งรีบเข้ามากระซิบกล่าว “ฉินหยุน พวกเขาคือศิษย์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม พละกำลังของพวกเขาไม่ใช่ธรรมดา!”
ตู้หย้าหยวนยิ้มกล่าว “เด็กหนุ่ม จงฟังคำชี้แนะของผู้อาวุโสเจ้า ข้าจะรอสิบปี!”
ฉินหยุนส่ายศีรษะและกล่าว “สิบปีมันมากเกินไป กับคนที่ปากไร้ยางอายเช่นเจ้าเพียงอีกสองปีก็สมควรตายตกแล้ว ข้ากลัวว่าจะเป็นเจ้าที่รอถึงวันนั้นไม่ไหว เอามันตอนนี้นี่แหละ ข้าไม่อยากรอที่จะตบปากเน่าเฟะของเจ้าอีกต่อไปแล้ว!”
บรรดาศิษย์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามพลันระเบิดเสียงหัวเราะ เพราะในสายตาของเขา เส้นวิญญาณเพียงหนึ่งตะวันอย่างฉินหยุนคงไม่แม้แต่จะยืนหยัดได้แม้เพียงการโจมตีเดียว แต่แล้วกลับหาญกล้าพูดกล่าวอย่างจองหองออกมา
ทุกคนตอนนี้ลอบคาดหวังว่าจะได้เห็นศึกระหว่างฉินหยุนและตู้หย้าหยวน
หากเป็นในสถานการณ์ปกติ พวกเขาล้วนเชื่อมั่นว่าฉินหยุนสมควรได้รับชัยชนะ
แต่ตอนนี้ เขากำลังเผชิญหน้ากับศิษย์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ผู้ซึ่งได้รับสืบทอดวิชายุทธ์แท้จริงอันเป็นมรดกจากหลันเซียว พรสวรรค์ที่พวกเขามีย่อมไม่ใช่ธรรมดา อาจกระทั่งทัดเทียมได้กับขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด
ชายวัยกลางคนจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามหัวเราะคิกคักและกล่าวคำ “เด็กหนุ่มก็เป็นกันเช่นนี้ ให้พวกเขาประมือกันตั้งแต่ยังเยาว์ก็ไม่เสียหาย เอาเช่นนี้ ถือว่าได้เป็นการแสดงพละกำลังของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามของพวกเราด้วย!”
“อย่าหาว่าข้าเสียมารยาทแล้วกัน!” ตู้หย้าหยวนแค่นเสียงอหังการขณะพุ่งตรงเข้าใส่ฉินหยุน
หมอกประกายสีทองเรืองรองจากรอบแขน มันควบแน่นเกิดขึ้นเป็นคมดาบสีทองสองเล่ม มองเพียงครั้งเดียวก็ทราบว่าอีกฝ่ายครอบครองวิญญาณยุทธ์คมดาบระดับทอง
วิญญาณยุทธ์เช่นนี้ไม่ใช่อ่อนด้อย นอกจากนี้พลังภายในยังแข็งแกร่งกระทั่งเหนือล้ำ เป็นผลให้เหล่าผู้ชราที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดและแปดล้วนลอบถอนหายใจด้วยความนับถือ
ตู้หย้าหยวนพุ่งเข้ามาพร้อมสับฝ่ามือที่คล้ายคมมีดลงมา เพียงพริบตา เขาสับมันลงด้วยความเร็วเหนือล้ำจนเป็นผลให้ผู้คนสั่นกลัว ทั้งที่อีกฝ่ายมีระดับพลังเพียงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก!
สิ่งที่น่าประหลาดใจคือความเร็วของฉินหยุนไม่ได้ช้ายิ่งหย่อนไปกว่ากัน นอกจากนี้เขายังใช้มือเป็นคมดาบสกัดคมดาบคู่ของตู้หย้าหยวนเอาไว้ได้!
การสวนกลับอันทรงพลังระดับนี้กระทั่งปรมาจารย์เว่ยกับพระยาเยี่ยนยังต้องลอบอุทานภายใน
ตู้หย้าหยวนไม่เคยคิด ว่าคนที่มีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่งตรงหน้าจะถึงกับมีวิชายุทธ์น่าประทับใจเพียงนี้ได้ เขาถึงขั้นสามารถสกัดการโจมตีด้วยสีหน้ามั่นใจไม่ยิ่งหย่อน
โดยไม่รอให้ตู้หย้าหยวนโจมตีครั้งที่สอง ฝ่ามือของฉินหยุนยื่นออก พลังภายในของเขาทะลักออกมาพร้อมจ้วงแทงเข้าไป ด้วยเสียง ‘ฉัวะ’ ดังขึ้น พลังคมมีดพลันแตกกระจาย
ฉึบ!
เสื้อสีน้ำเงินของตู้หย้าหยวนฉีกขาดเพราะวิชาวายุสังหารของฉินหยุน มันกระทั่งทิ้งรอยแผลยาวที่หน้าอก เป็นเขาถูกโจมตีก่อนจริง!
ตู้ม!
ในชั่วขณะนี้ ตู้หย้าหยวนตระหนก ฉินหยุนปล่อยหมัดเปลวเพลิงออกมา!
หมัดเปลวเพลิงพลันหวดเข้าที่ปากของตู้หย้าหยวน ส่งผลให้เปลวเพลิงระเบิดลุกท่วม ฟันนั้นแตกกระจายพร้อมกระอักเลือดออก ใบหน้าของเขาโดนเผาอย่างรุนแรง!
ทุกคนล้วนอดไม่ได้ที่จะแตกตื่นตกใจ ฉินหยุนใช้เพียงมือเดียวตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งจบการโจมตี ทั้งยังทำให้ศิษย์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามได้รับบาดเจ็บ จากที่เห็น ก็บ่งบอกได้ว่าพละกำลังของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล
ชายวัยกลางคนชุดน้ำเงินเข้มเองก็แตกตื่นตกใจ ก่อนหน้าเป็นเขามองต่ำแก่ผู้ฝึกตนในพื้นที่ชายขอบของดินแดนอ้างว้างทั้งเก้า ทั้งยังคิดว่าก็แค่พวกชั้นต่ำสามัญ แต่แล้วตอนนี้ ศิษย์ของเขากลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แก่คนที่พวกตนดูถูก
“โอหัง! นี่เพียงแค่การประมือ แต่แล้วกลับลงมือรุนแรงโหดเหี้ยม!” เพื่อรักษาหน้ากลับคืน ชายวัยกลางคนเร่งร้อนพุ่งเข้าใส่ฉินหยุนรวดเร็วทั้งยังคิดปล่อยหมัดออก
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ว่าในฐานะผู้อาวุโส อีกฝ่ายจะถึงขั้นลงมือต่อผู้เยาว์!
ฉินหยุนรู้สึกถึงพลังอำนาจรุนแรงสะกดข่มโถมเข้ามา ด้วยความตื่นตกใจ หมัดของเขาจึงต่อยออก
หมัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นหมัดเหล็กร้อนแรงสีแดงเผาไหม้ มันระเบิดแสงออกมาวูบราวลูกธนูยามเมื่อหมัดปล่อยออกเข้าหาชายวัยกลางคนในชุดน้ำเงินเข้ม!
“เป็นหมัดอ่อนเปลวเพลิงขั้นสมบูรณ์! หมัดน้ำหนักกว่าพันจิน ทั้งยังระเบิดแสงพุ่งออกได้เหมือนลูกธนู!” ผู้อำนวยการจางร้องอุทาน
ฉินหยุนเพียงเพิ่งได้รับหมัดอ่อนเปลวเพลิงเมื่อชั่วระยะหนึ่งเอง แต่แล้วกลับเรียนรู้ถึงขั้นสมบูรณ์
ผู้อื่นล้วนแตกตื่น แม้หมัดอ่อนเปลวเพลิงจะเป็นเพียงวิชายุทธ์ระดับสูง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์!
หมัดเหล็กร้อนแรงสีแดงเพลิงของฉินหยุนชวนให้ผู้คนสะพรึง ยามเมื่อมันปะทะกับชายวัยกลางคนในชุดน้ำเงินเข้ม ใบหน้าของอีกฝ่ายเปี่ยมด้วยอาการแตกตื่น!
ตู้ม!
หมัดทั้งสองปะทะกัน เสียงดังสนั่นบังเกิด คลื่นกระแทกรุนแรงพวยพุ่งขึ้นสูงในอากาศ!
แขนเสื้อของฉินหยุนและชายวัยกลางคนในชุดน้ำเงินเข้มล้วนฉีกขาด เนื้อหนังบริเวณแขนคล้ายมีอาการฉีกขาดระดับหนึ่ง
เป็นชายวัยกลางคนที่ได้รับบาดเจ็บที่แขนมากกว่า ไม่ว่าใครต่างก็เห็นว่ากระดูกนั้นโดนระเบิดจนแตกหัก!
ภาพฉากนี้ล้วนทำทุกผู้คนแข็งทื่อ
โดยเฉพาะเมื่อเส้นใยสีทองคำปรากฏที่แขนของฉินหยุนซึ่งเผยออกให้เห็นพ้นจากแขนเสื้อ มันทำเอาพวกเขาแตกตื่น!
คนหนึ่งร้องอุทานขึ้น “เป็นเส้นโคจรเหลืองดำ หญ้าหัวใจลึกล้ำทำให้เขาสามารถฝึกฝนวิถีหัวใจเหลืองดำ ทั้งยังแปรเปลี่ยนเส้นโคจรเป็นเหลืองดำ!”
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหญ้าหัวใจลึกล้ำถึงมูลค่าสูงล้ำ เพราะมันจะช่วยให้บุคคลหนึ่งได้ฝึกฝนวิถีหัวใจเหลืองดำที่ลึกลับได้
ต่อให้กล้ามเนื้อของเขาบาดเจ็บร้ายแรง แต่เส้นโคจรในร่างจะไม่มีทางแตกสลายเพราะเรื่องนี้
แม้แขนของฉินหยุนบาดเจ็บรุนแรง แต่เส้นโคจรของเขาไม่แตกหัก เขายังสามารถโคจรพลังภายในเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็วได้ ไม่ช้ากล้ามเนื้อจึงค่อยฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนี้ เขาได้สะกดอาการเจ็บปวดและห้ามเลือดไว้เรียบร้อย
หยางฉีเย่ว์เดินมาเคียงข้างฉินหยุนขณะจ้องมองชายวัยกลางคนอย่างโกรธเคือง นางกล่าวเสียงยะเยือก “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้ากล้าสังหารเจ้า?”
ตู้หย้าหยวนนั่งลงแข็งทื่อกับพื้น ใบหน้าเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว เผ่าพันธุ์ที่พวกเขามองว่าต่ำต้อยกว่ากลับน่ากลัวถึงเพียงนี้
“ทุกท่านขอให้เจรจากันอย่างสงบ! ไม่มีเหตุจำเป็นใดที่ต้องสร้างเรื่องราวยุ่งยากเพียงเพราะเหล่าศิษย์นอกคอกพวกนี้ พวกเขาก็แค่ผู้รับหน้าที่กวาดล้างทั่วไปเท่านั้น”
ชายชราท่าทางสง่าในชุดขาวลอยตัวออกจากประตูหลัก ใบหน้านี้เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ท่าทีทั้งดูมีเมตตาและน่านับถือ
เมื่อชายชราปรากฏกาย ผู้อำนวยการจางและหยางฉีเย่ว์พลันขมวดคิ้ว ชัดเจนว่าชายชราตรงหน้าแข็งแกร่งยิ่ง
“ข้าคือผู้อาวุโสที่สามของตำหนักตะวันออก ฉ่วยอี้ฮวยแห่งตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม!”
เขาโค้งกายแก่ทุกคนด้วยท่าทีสุภาพยิ่ง จากนั้นจึงหันมองตู้หย้าหยวนและกลุ่มคนพร้อมกล่าว “พวกเขาเหล่านี้มาจากตำหนักตะวันตก! เป็นเพราะอยู่ใกล้ประตูที่สุดจึงเสนอหน้าออกมาเป็นกลุ่มแรก”
“โห ก็แค่สุนัขเฝ้าประตูงั้นสิ ไม่แปลกใจที่ทำข่มพวกเราเสียยกใหญ่!” หยางฉีเย่ว์แค่นเสียง คำกล่าวของนางเป็นผลให้หลายคนรู้สึกโกรธเคือง
ฉ่วยอี้ฮวยมองที่ฉินหยุนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สหายน้อย เจ้านั้นแข็งแกร่งนัก วิชายุทธ์ของเจ้ายังน่าประทับใจ เข้ามาเข้ามา นี่คือสิ่งที่เจ้าควรได้รับ!”
เขานำเอาตำราจากเด็กหนุ่มในชุดสีน้ำเงิน และขณะที่กำลังจะส่งมอบแก่ฉินหยุนนั้นเอง
“ไม่จำเป็นขอรับ พวกมันมอบวิชายุทธ์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามแก่ข้าแล้ว” ฉินหยุนหยิบก้อนกระดาษในมือขึ้นมากางออก ทั้งสิ้นมีสองแผ่น แต่ละแผ่นคล้ายเต็มไปด้วยคาถาประหลาดเขียนเอาไว้
ฉ่วยอี้ฮวยส่ายศีรษะหัวเราะกล่าว “นั่นเป็นผลงานเหลวไหลของปรมาจารย์หลันเซียว เป็นนายท่านใช้มันหยอกล้อต่อพวกเรา นายท่านกล่าวเอาไว้ว่าได้สร้างวิชายุทธ์ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดขึ้นมาและส่งมอบให้พวกเรา ทำเอาพวกเราเสียเวลาไปหลายพันปีกว่าจะรู้ว่าโดนหลอกเข้าให้”
ฉินหยุนเก็บก้อนกระดาษนั้นกลับและหันมองหยางฉีเย่ว์ เขากล่าว “อาจารย์ขอรับ พวกเราควรรีบกลับก่อน พวกเรายังมีเรื่องสำคัญให้ต้องทำ!”
ก่อนหน้านี้เขาได้รับผลไม้ไร้สีจากเว่ยเสวียนคุน ดังนั้นเขาจึงคิดเร่งรีบนำกลับไปรักษาติงเทียนฉวนและบุตรชาย