ตอนที่แล้วตอนที่ 129 กลับสู่แคว้นเทียนหยาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 131 สามพี่น้องตระกูลซู

ตอนที่ 130 ภายในสวรรค์อมตะ


นักรบทั้งสามยังคุยกันอย่างต่อเนื่อง และเจียงวู่เฉิงก็ยังแอบฟังอย่างตั้งใจ

"เฮ้ ข้าได้ยินมาว่าตำหนักขุนพลดาบได้ส่งคำเชิญไปยังหัวหน้าทั้งสามของกลุ่มสัตว์คลั่งเพื่อให้มาพบกันเทียนเซียนจูในวันพรุ่งนี้ ข้ากลัวว่าจุดประสงค์ของการประชุมคือการต่อสู้และดูว่าใครจะแข็งแกร่งกว่า"

"หนึ่งในนั้นเคยเป็นผู้นำกองกำลังเมืองปาชุยเป็นเวลาหลายปี ในขณะที่อีกหนึ่งคือกลุ่มสัตว์ป่าคลั่ง พวกเขานำโดยพี่น้องตระกูลซูทั้งสามที่เพิ่งปรากฏตัวเมื่อไม่นานมานี้ นี่จะเป็นการต่อสู้ที่น่าสนใจ"

"ข้ากลัวว่าตำหนักขุนพลดาบจะตกอยู่ในอันตรายในครั้งนี้ แม้ว่ากลุ่มสัตว์ป่าคลั่งเพิ่งจะปรากฏตัวมาไม่นาน แต่ก็รู้กันดีว่าพี่น้องตระกูลซูทั้งสามเป็นผู้เชี่ยวชาญที่โด่งดังในแคว้นเทียนหยาน โดยเฉพาะพี่ชายคนโตซูหลงเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในรายชื่อทำเนียบมังกรปฐพี! ในตำหนักขุนพลดาบนั้นไม่มีใครที่จะสามารถสู้กับเขาได้"

"ถูกต้องแล้ว ตำหนักขุนพลดาบก็ตระหนักถึงแรงกดดันได้ ดังนั้นพวกเขาจึงขอให้เจียงเมิ่งเอ๋อร์กลับมาอย่างเร่งด่วน นางนั้นเป็นศิษย์หลักของนิกายเทียนหยวนและพลังของนางก็อยู่ในระดับที่น่าประทับใจ"

"ทุกสิ่งจะถูกตัดสินในวันพรุ่งนี้"

ชายทั้งสามคุยกันโดยไม่สนใจคนรอบข้าง

หลังจากได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด เจียงวู่เฉิงก็ยิ้มเล็กน้อย

"พี่น้องทั้งสามแห่งตระกูลซู?ซูหลง?"เจียงวู่เฉิงยิ้ม

เขารู้ว่าซูหลงนั้นอยู่ในอันดับที่91ของรายชื่อมังกรปฐพี ซึ่งอันดับของเขาสูงกว่าซูหลีเพียงเล็กน้อย

ถ้าเป็นเมื่อสองปีที่แล้ว ความแข็งแกร่งของซูหลงนั้นเพียงพอที่จะเรียกความสนใจของเจียงวู่เฉิงได้เล็กน้อย แต่ตอนนี้ เจียงวู่เฉิงไม่สนใจในตัวเขาแม้แต่น้อย

วันรุ่งขึ้น ภายในพื้นที่สวรรค์อมตะ

ข่าวที่ว่าตำหนักขุนพลดาบจะพบกับกลุ่มสัตว์ป่าคลั่งที่สวรรค์อมตะในวันนี้ได้แพร่กระจายออกไปทั่วเมืองปาชุย ดังนั้นภายในพื้นที่สวรรค์อมตะจึงเต็มไปด้วยความคึกคักแตกต่างจากวันอื่นๆที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ทุกคนรู้ว่าอาจจะมีการสู้รบอย่างดุเดือดภายในสถานที่แห่งนี้ โดยทั่วนักรบที่มีการบ่มเพาะทั่วไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วม

แต่แน่นอนทุกสิ่งย่อมต้องมีข้อยกเว้น มีชายที่สวมชุดคลุมสีดำและสวมหมวกฟางสะพายดาบยาวไว้ข้างหลัง เขาดื่มอยู่คนเดียวอยู่ในมุมหนึ่งของชั้นสองภายในสวรรค์อมตะตั้งแต่เช้าตรู่ เสี่ยวเอ้อได้มาชักชวนให้เขาออกไป แต่เขาไม่ได้กล่าวอะไรและยังคงนั่งอยู่ที่แห่งนั้น

ในตอนเที่ยงจะได้ยินเสียงฝีเท้าจากบันไดตามมาด้วยคนกลุ่มมาก

คนเหล่านั้นคือคนจากตำหนักขุนพลดาบและเจียงวู่เฉิงก็รู้จักบางคนในหมู่พวกเขา ผู้นำของคือเจียนซินหง ผู้ที่เป็นประมุขตำหนักขุนพลดาบ

การบ่มเพาะของเจียงซินหงนั้นแผร่รัศมีอาณาแก่นทองคำขั้นสูงสุด เห็นได้ชัดว่าเขานั้นเป็นคนที่แข็งแกร่ง

และถัดจากเจียนซินหงมีอีกสามคนที่อยู่ในดินแดนอาณาแก่นทองคำลึกซึ้ง

นั่นคือเจียงเมิ่งเอ๋อร์และศิษย์หลักอีกสองคนของนิกายดาบเทียนหยวน

"น่าจะอีกสักพักกว่าพี่น้องตระกูลซูจะมาถึง ดังนั้นเรานั่งกันก่อนเถอะ"เจียนซินหงกล่าว จากนั้นเขา,เจียงเมิ่งเอ๋อร์และศิษย์หลักอีกสองคนของนิกายดาบเทียนหยวนก็นั่งลง นักรบคนอื่นของตำหนักขุนพลดาบอยู่ถัดไปจากพวกเขา

"เมิ่งเอ๋อร์การประชุมในวันนี้ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าทั้งสามคน"เจียงซินหงกล่าวขณะที่ขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล

"ตำหนักขุนพลดาบของพวกเราไม่เคยคิดที่จะให้พวกเขาออกไปจากเมืองปาชุย พวกเรายินดีที่จะมอบสัมปทานและให้พวกเขาเป็นผู้นำในเมืองปาชุย เราสามารถที่จะมอบผมประโยชน์อื่นๆได้ ตราบใดที่พวกเขาหยุดโจมตีเรา"

เจียนซินหงพูดด้วยความสิ้นหวัง

ก่อนหน้านี้ตำหนักขุนพลดาบนั้นเป็นเจ้าเหนือหัวแห่งเมืองปาชุย แต่ตั้งแต่มีกลุ่มสัตว์ป่าคลั่งปรากฏขึ้นมา พวกเขาได้รับความอับอายจากกลุ่มสัตว์ป่าคลั่งในทุกด้าน ไม่มีแม้แต่พลังที่จะต่อสู้

พวกเขาไม่มีทางเลือกเนื่องจากความแข็งแกร่งนั้นคือทุกสิ่ง

ผู้นำทั้งสามของกลุ่มสัตว์ป่าคลั่งที่เป็นสามพี่น้องตระกูลซูต่างมีพละกำลังที่ยอดเยี่ยม และพี่ใหญ่ของพวกเขา ซูหลงยังอยู่ในทำเนียบมังกรปฐพี คนอย่างเขาไม่ใช่คนในตำหนักขุนพลดาบจะสามารถสู้ด้วยได้

"ประมุข ท่านไม่ต้องกังวล ตราบใดที่เราทั้งสามยังอยู่ที่นี่ ซูหลงจะไม่กล้าทำอะไรมากเกินไป อย่างไรก็ตามเบื้องหลังของเราคือนิกายดาบเทียนหยวน พวกเขาควรจะกังวลเกี่ยวกับชื่อเสียงของนิกายดาบเทียนหยวน ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่ามันจะต้องสู้กันจริงๆ พวกเราทั้งสองและเมิ่งเอ๋อสามารถเอาชนะซูหลงได้"ศิษย์ที่มีผมสีม่วงกล่าวพร้อมกับหัวเราะ

"ผู้เชี่ยวชาญในทำเนียบมังกรปฐพีนั้นทรงพลังอย่างมาก แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็มีจำกัด นอกจากนี้ซูหลงยังอยู่เพียงอันดับที่91เท่านั้นและความแข็งแกร่งของเขาคงแข็งแกร่งกว่านักรบทั่วไปในขั้นอาณาแก่นทองคำสูงสุดเพียงเล็กน้อย เจ้าและข้าก็อยู่ในอาณาแก่นทองคำสูงสุดทั้งคู่ และเมิ่งเอ๋อก็มีความแข็งแกร่งเท่ากับอาณาแก่นทองคำขั้นสูงสุด พวกเราสามารถที่จะจัดการกับซูหลงได้อย่างง่ายดาย"ศิษย์อีกคนของนิกายดาบเทียนหยวนกล่าว

ศิษย์สองคนของนิกายดาบเทียนหยวนนั้นมีชื่อว่าเมิ่งหยูและซือหยู ทั้งคู่อยู่ในขั้นอาณาแก่นทองขั้นสูงสุด และพวกเขาก็ค่อนข้างจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง

"อย่ามั่นใจเกินไป ผู้เชี่ยวชาญในรายชื่อทำเนียบมังกรปฐพีนั้นไม่ง่ายอย่างนั้น"เจียนซินหงส่ายหัว เขาต้องเผชิญหน้ากับซูหลงเป็นการส่วนตัวและเขาก็ต้องหนีทันทีหลังจากผ่านไปสามกระบวนท่า

เขารู้อย่างชัดเจนว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างผู้เชี่ยวชาญในรายชื่อทำเนียบมังกรปฐพีและนักรบทั่วไปในอาณาแก่นทองคำขั้นสูงสุด

ผู้เชี่ยวชาญทุกคนในรายชื่อทำเนียบมังกรปฐพีสามารถเอาชนะกลุ่มนักรบในขั้นอาณาแก่นทองคำขั้นสูงสุดได้เพียงลำพัง นี่คือความจริง

"โชคไม่ดีจริงๆ พี่ใหญ่หลิงเฟิงออกไปท่องเที่ยว ไม่อย่างนั้นถ้าเขาอยู่ที่นี่ ซูหลงคงไม่กล้าที่จะกำแหงอย่างนี้"เจียงเมิ่งเอ๋อร์พูดเสียงต่ำ

หลิงเฟิงเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเยาว์ของนิกายดาบเทียนหยวน เขาเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดที่เจียงวู่เฉิงเคยพบมา

เขาอายุเพียง23ปี แต่เขาติดอันดับ41ในรายชื่อทำเนียบมังกรปฐพี เขาเป็นคนเดียวที่อยู่ในรายชื่อทำเนียบมังกรปฐพีของนิกายดาบเทียนหยสน หลิงเฟิงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนางและพวกเขาก็มีความรู้สึกพิเศษบางอย่างให้แก่กัน

"เมิ่งเอ๋อร์ พี่น้องตระกูลซูไม่มีคุณสมบัติที่จะสู้กับพี่ใหญ่หลิงเฟิง นอกจากนี้เราสามคนก็สามารถเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย"เมิ่งหยูและซือหยูกล่าวอย่างไม่จริงจัง

"เมิ่งเอ๋อ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้พ่ายแพ้ให้แก่คนหนึ่งในตำหนักขุนพลดาบเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนนี้เขาอยู่ไหน?ตอนนี้ตำหนักขุนพลดาบกำลังตกอยู่ในอันตราย ทำไมเขาถึงไม่อยู่ที่นี่?"เมิ่งหยูกล่าวถาม

"เจียงวู่เฉิง?"เจียงเมิ่งเอ๋อร์คิดพร้อมกับสีหน้าเย็นชาเล็กน้อย

คำพูดของเจียงวู่เฉิงได้ทิ้งรอยแผลไว้ในใจของนาง และถึงแม้จะผ่านไปสามปีมันก็ยังคงเป็นรอยแผลอยู่

นางจะไม่มีวันลืมว่าสามปีที่ผ่านมาคนไร้ค่าที่นางดูถูกได้ก้าวหน้าแซงนางในเวลาเพียงสองเดือน ทำให้นางต้องพลาดในขั้นสุดท้ายของแผนการ

ในช่วงเวลาสามปี นางพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อฝึกฝนและพัฒนาความแข็งแกร่งของนางขณะที่อยู่ในนิกายดาบเทียนหยวน นางใช้ความพยายามมากกว่าคนปกติ เหตุผลที่สำคัญที่สุดของนางคือนางต้องการจะสู้กับเจียงวู่เฉิงอีกครั้ง นางต้องการลบอัปยศอดสูที่นางประสบเมื่อสามปีที่แล้วและปลดตัวเองออกจากฝันร้ายที่เจียงวู่เฉิงสร้างไว้

นางคิดว่านางจะได้พบกับเจียงวู่เฉิงและต่อสู้กับเขาอีกครั้งเมื่อนางกลับมาที่ตำหนักขุนพลดาบในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามนางไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะเมื่อนางกลับมา นางก็ได้ยินว่าเจียงวู่เฉิงออกจากตำหนักขุนพลดาบตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้วและไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน

...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด