หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.22 - ไล่ล่า(ฟรี)
หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.22 - ไล่ล่า
ช่วงเช้า
กู่ฉิงซานแต่งตัวในชุดทำงาน ก่อนจะออกไปกินข้าวที่โรงอาหารของพนักงาน จากนั้นก็มุ่งตรงไปยังห้องวิจัยของตนอย่างรวดเร็ว
เขาใช้เวลาประมาณห้านาทีในการกรอกแบบฟอร์ม ก่อนจะจมลงสู่ห้วงความคิด
ภายในหนึ่งปี ตัวฉันจะสามารถฝึกยุทธไปได้ถึงขอบเขตใดกันนะ?
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเพียงลำพัง มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคต
หรือว่าฉันจะต้องได้เห็นวันสิ้นโลกอีกครั้ง?
วินาทีนั้นเอง น้ำเสียงและใบหน้าเปื้อนยิ้มของซูเซี่ยเอ๋อก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเองเสียงอิเล็กทรอนิกส์ก็ดังขึ้น
“สวัสดีหมายเลข41157 ผู้อำนวยการซูยื่นคำร้องมาว่าให้คุณไปรอในล็อบบี้ของบริษัท”
กู่ฉิงซานตกใจ ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไป
นักวิจัยที่อยู่ในสถานะกำลังวิจัย จะไม่ถูกรบกวนใดๆ เว้นเสียแต่ว่าจะถูกเรียกตัวโดยผู้บริหารระดับสูงภายในบริษัท
แต่นี่มันไม่สมเหตุสมผล เมื่อวานเทพธิดากงเจิ้งกล่าวออกมาเองว่าเรื่องส่วนบุคคลจะถูกเก็บเป็นความลับ และจะไม่เผยแพร่แก่ผู้ใด
แล้วทำไมตระกูลซูถึงต้องการพบเขา?
กู่ฉิงซานเข้าไปในลิฟต์และตรงไปยังล็อบบี้
เบื้องหน้าเขา ปรากฏชายสองคนสวมเครื่องแบบสีดำเดินสวนมา
“คุณคือกู่ฉิงซาน?” หนึ่งในนั้นเอ่ยถาม
“เป็นฉันเอง”
“มากับฉัน มาดามต้องการจะเชิญคุณไปทานมื้อค่ำ”
คนที่พวกเขาเรียกว่ามาดาม ก็คือสุภาพสตรีแห่งตระกูลซู และเป็นแม่ของซูเซี่ยเอ๋อ
กู่ฉิงซานตอบสั้นๆ “ตกลง”
ทั้งสองนำกู่ฉิงซานออกจากบริษัทวิจัยหุ่นรบกังเตี๋ย ก่อนจะขึ้นไปยังรถเหินเวหา มุ่งตรงไปยังคฤหาสน์ตระกูลซู
รถเหินเวหาใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็ลงจอดบริเวณริมทะเลสาบ
กู่ฉิงซานเดินลงจากรถ รอบตัวเขาไกลออกไปจนสุดสายตาเป็นทะเลสาบที่กว้างใหญ่และมีวิวภูเขาอยู่เบื้องหลัง ช่างเป็นการผสมผสานกันที่ลงตัว
เกาะแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางทะเลสาบ นั่นคือที่ๆตระกูลซูอาศัยอยู่
“กรุณาขึ้นเรือ แล้วพายไปยังเกาะ” หลังกล่าวแนะนำเสร็จ ทั้งสองก็จากไปทันที
กู่ฉิงซานกล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินไปริมทะเลสาบ
เขาไม่ได้คัดค้านใดๆ เนื่องเพราะกฏของที่นี่แม้กระทั่งเขาก็ยังรู้ว่าจะไม่อนุญาตให้วัตถุใดๆที่บินได้ รวมไปถึงรถเหินเวหาลอยข้ามทะเลสาบไปยังเกาะ
ด้านหนึ่งก็ในเรื่องของความปลอดภัย และในทางกลับกันมันก็เป็นกฏเช่นกัน
เรือลำเล็กๆจอดรออยู่ที่ท่า
บนเรือมีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่
“นายคือกู่ฉิงซาน” ชายหนุ่มกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
“เป็นฉัน แล้วฝ่ายที่ถามล่ะเป็นใคร?” กู่ฉิงซานเอ่ย
“นามสกุลของฉันคือไป่ --- ไป่หงหยู จากมณฑลไป่ซา(ทรายขาว)” ใบหน้าของชายหนุ่มเผยให้เห็นถึงความภาคภูมิเล็กน้อย
“มณฑลไป่ซา ดูเหมือนว่าจ้าวมณฑลก็จะเป็นคนสกุลไป่”
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ที่นี่คนนี้ ได้รับโอกาสที่จะแล่่นเรือไปยังตระกูลซู มีแนวโน้มเป็นไปได้สูงว่าเขาจะเป็นคนจากรัฐบาลกลาง หนึงในเก้าตระกูลใหญ่ -- ตระกูลไป่
“ยินดีที่ได้รู้จัก” กู่ฉิงซานกล่าวและกำลังจะก้าวขึ้นเรือ
แต่ไป่หงหยูกลับขวางทางเขาไว้ “นายยังไปไม่ได้”
กู่ฉิงซานหยุดฝีเท้า ก่อนจะมองไปยังอีกฝ่าย
ไป่หงหยูเชิดหน้าขึ้นและกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “นี่คืองานเลี้ยงของตระกูลซู นายที่เป็นเพียงชนชั้นระดับ3ไม่สมควรที่จะเข้าร่วม มิฉะนั้นมันจะทำให้ชนชั้นสูงคนอื่นๆรู้สึกอึดอัด”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างใจเย็น “แต่มาดามซูเป็นคนเชิญฉันให้มาที่นี่”
ใบหน้าของไป่หงหยูเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย เขากล่าวออกมาอย่างขบขัน “ถอยกลับไป ฉันจะบอกมาดามซูเองว่านายป่วยเลยขอตัวกลับไปก่อน”
กู่ฉิงซาน “ก็แล้วถ้าฉันไม่ถอยล่ะ?”
ไป่หงหยู “ฉันเป็นคนของตระกูลไป่แห่งมณฑลไป่ซา หัวหน้าตระกูลไป่คือพ่อของฉัน ขอแค่ฉันเอ่ยปาก … นายควรจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับนาย หากไม่คิดจะฟังคำฉัน”
กู่ฉิงซาน “ยังไงฉันก็ยังยืนยันว่านายต้องเปิดทางให้ฉัน”
ไป่หงหยูมองเขาราวกับได้ตัดสินใจแล้ว ว่าคนตรงหน้าเขาที่แท้ก็แค่คนโง่
เขาส่ายหัวและกล่าว “ที่นี่อยู่ในอาณาเขตของตระกูลซู และฉันไม่ต้องการที่จะทำพฤติกรรมหยาบคาย แต่ฉันสามารถรับประกันได้เลยว่าอีกไม่นานนายจะเสียใจไปตลอดชีวิต”
กู่ฉิงซานยิ้มเยาะ “แต่ฉันจะทำให้นายเสียใจไปตลอดชีวิต … ตอนนี้เลยไม่ต้องรอ!”
ณ เกาะกลางทะเลสาบ
ภายในสวนตระกูลซู
หญิงวัยกลางคนกำลังนั่งอยู่ในศาลา ขณะที่สมาธิของเธอจดจ่ออยู่กับการชงชาโดยสมบูรณ์
“รายงาน : ไป่หงหยูกับกู่ฉิงซานได้มาถึงริมทะเลสาบแล้ว แต่ดูเหมือนจะเกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อย”
“ปัญหาที่ว่าคืออะไร?” หญิงวัยกลางคนถามโดยไม่หันกลับมามอง
“ทั้งสองดูเหมือนจะเกิดความขัดแย้งกัน และสุดท้ายกลับมีเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่บนเรือ และกำลังตรงมาทางนี้”
บนใบหน้าของหญิงวัยกลางคนปรากฏรอยยิ้ม เธอเอ่ยกับตัวเองว่า “ไป่หงหยูกำลังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต การที่เขาได้เรียนรู้วิธีการสยบศัตรูได้โดยไม่ต้องสู้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี นี่เป็นหนึ่งในคุณสมบัติของชนชั้นสูง”
“เอ่อ … มาดาม เกรงว่าจะไม่ใช่แบบนั้น คนที่อยู่บนเรือคือกู่ฉิงซาน”
หญิงวัยกลางคนถามด้วยความประหลาดใจ “แล้วไป่หงหยูเล่า?”
“เขาถูกเปลื้องผ้าโดยกู่ฉิงซาน และถูกเตะลงไปในทะเลสาบ”
คนรายงานกล่าวเสียงเบาราวกระซิบ “ผู้ติดตามของตระกูลไป่กำลังรออยู่บนเกาะ มีเพียงแค่ไป่หงหยูคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ที่ท่าเรือ ตามธรรมเนียมแล้วก็เหมือนกับว่าเขาถูกตัดมือตัดเท้า ดังนั้นเขาเลยถูกกู่ฉิงซานจัดการลงได้”
“มันไม่มีเหตุผล” หญิงวัยกลางคนหลับตาลงและกล่าวอย่างสงบ “ให้กู่ฉิงซานมาหาฉัน และไปนำตัวไป่หงหยูกลับมาใส่เสื้อผ้า จากนั้นก็พาเขาไปส่งที่งานเลี้ยงอาหารค่ำ ส่วนฉันจะเป็นคนไปอธิบายเรื่องนี้เองในภายหลัง”
“รับทราบ”
หญิงวัยกลางคนไม่มีกะจิตกะใจจะชงชาต่อ เธอหัวเราะหึ และเอ่ยพึมพำ “เป็นแค่กบ แต่คิดจะก้าวขึ้นมาบนสวรรค์อย่างนั้นหรือ?”
เธอนั่งอย่างสงบ เฝ้ารอให้เจ้าเด็กน่ารังเกียจที่กำลังจะมาถึง
เมื่อกู่ฉิงซานเดินเข้ามา เขาก็สามารถจดจำอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว
มาดามซูดูคล้ายกับซูเซี่ยเอ๋อมากจริงๆ นอกจากนี้เรื่องของเธอมักจะปรากฏในข่าวอยู่เสมอ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากจะจดจำอีกฝ่าย
“สวัสดีครับมาดามซู” กู่ฉิงซานโค้งพอเป็นพิธี
มาดามซูเหลือบมองเขาเพียงหางตาและกล่าว “เก็บคำพูดของเธอกลับไป และลองตั้งใจฟัง”
กู่ฉิงซานงง ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงมากมายดังมาจากที่ไกลๆ
ที่นี่คือบริเวณหลังสวน ไม่ไกลออกไปในบริเวณด้านหน้าเป็นห้องจัดเลี้ยงและสนามล่าสัตว์
สายลมได้นำเสียงจากฟากฝั่งนั้นลอยมายังที่นี่ ทำให้ผู้คนสามารถได้ยินมันอย่างชัดเจน
ท่ามกลางหลายเสียงที่ปนกันจนฟังดูสับสนวุ่นวาย มีการพูดคุยกันถึงสถานการณ์ของโลก บางคนกำลังเอ่ยถึงเงื่อนไขเกี่ยวกับความร่วมมือ ส่วนเสียงของผู้หญิง พวกเธอกำลังพูดคุยกันว่ากระเป๋าเสื้อผ้าแบบไหนที่ดูมีแฟชั่นและทันสมัยมากที่สุด หรือวันหยุดจะพากันไปเที่ยวที่ไหนดี
มาดามซูรอให้กู่ฉิงซานรับฟังเสียงของคนอื่นๆอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าว “เธอได้ยินอะไรบ้าง”
กู่ฉิงซาน “ข้อมูลทางการทหารและเรื่องการค้าภายใน”
มาดามซู “ถูกต้อง นั่นคือเสียงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงพูดคุยกัน มันเกี่ยวกับการจัดอันดับกองทัพ เกี่ยวกับข้อตกลงการร่วมมือด้านการค้า รุ่นเยาว์ของตระกูลซูและตระกูลไป่ก็กำลังจะเตรียมลงทุนร่วมกันเป็นเงินกว่าหลายร้อยล้านเพื่อสร้างบริษัทใหม่”
“สิ่งที่พวกเขากำลังจะทำ ไม่เพียงแต่เป็นการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของรัฐบาลกลาง แต่ยังสามารถเปลี่ยนชีวิตคนธรรมดาได้หลายร้อยล้านคน”
“สำหรับผู้หยิง สิ่งของทุกชิ้นที่พวกเธอสวมใส่ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องประดับ ล้วนเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่ต่อให้เธอทำงานหาเงินอย่างหนักเป็นเวลาหลายปีก็ไม่อาจหาซื้อได้”
มาดามซูจ้องไปยังกู่ฉิงซาน “เธอมันเป็นแค่คนต่ำต้อย ยากจน และอ่อนแอ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าซูเซี่ยเอ๋อวิงวอนร้องขอ คิดหรือว่าตัวเองจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วมแผนกวิจัยและพัฒนาหุ่นรบกังเตี๋ยของตระกูลซูได้?”
กู่ฉิงซานเงียบเป็นเวลานาน ก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจัง “มาดามซู เทคโนโลยีของผม ได้เข้าสู่กระบวนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของแผนกแล้ว และพบว่ามันมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม”
“เธอยังไม่เข้าใจ?” มาดามซูส่ายหัว
หล่อนเปิดอุปกรณ์สื่อสารและกล่าวสั่ง “ไล่กู่ฉิงซานออกจากแผนกวิจัยหุ่นรบกังเตี๋ย มีผลทันที”
สิ้นคำกล่าวของมาดามซู อุปกรณ์สื่อสารของกู่ฉิงซานก็ส่งเสียงดังขึ้น
ปลายสายกล่าวเพียงสั้นๆไม่กี่คำ
“นับจากนี้ไป คุณถูกไล่ออก”