ตอนที่แล้วมารดาปีศาจ ตอนที่ 14 คุณเป็นของฉัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปมารดาปีศาจ ตอนที่ 16 การออกสำรวจครั้งแรก

มารดาปีศาจ ตอนที่ 15 ชายหนุ่มดีงามสัตย์ซื่อ


ตอนที่ 15 ชายหนุ่มดีงามสัตย์ซื่อ

 

กลับมาถึงที่พัก จ้าวฉิงไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าหลี่จิงอยู่ในอาการตื่นตระหนกโดยสมบูรณ์ เขาใส่ยาสลบให้จ้าวฉิงในปริมาณที่เรียกได้ว่ามากมายมหาศาล ระดับเดียวกับที่ใช้ล้มวัวทั้งตัวลงได้! ทว่าไม่เพียงแต่หญิงสาวจะไม่ล้มลงไปในบ้านของเขา เธอกลับยังสามารถก้าวเดินอย่างรวดเร็วจนสลัดเขาหลุดได้ตอนที่เขากำลังไล่ตามเธอไป นี่มันยาสลบอะไรที่ไหนกัน หลอกลวงกันชัดๆ!

 

ครุ่นคิดอย่างเป็นกังวลว่าอาจมีใครมายุ่มย่ามหยิบชิ้นเนื้อของเขาออกไป หลี่จิงรู้สึกกระวนกระวายมาก เขาไม่รู้เลยว่าจ้าวฉิงนั้นไม่สามารถย่อยและดูดซึมอาหารได้ ไม่ต้องกล่าวถึงยาสลบที่ใส่ลงไปในอาหารเหล่านั้นเลย

 

จ้าวฉิงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็กลับมาถึงบ้าน คลอเคลียซุกซบอยู่กับลูกชายของเธอ จนเขารู้สึกสบายอกสบายใจแล้วก็เข้านอนไปด้วยกัน ยามเช้าในวันต่อมา จ้าวฉิงที่สะลึมสะลือก็ช่วยสอนเสี่ยวเปาจื่อแปรงฟัน เมื่อเปิดประตูออกไป เธอก็เห็นชายผู้เงียบขรึมเคร่งเครียดย่อกายนั่งชันเข่าอยู่ข้างหน้า ประตูยังมีน้ำค้างยามเช้าเกาะอยู่ด้วยซ้ำ

 

เขาคงรีบมาตั้งแต่เช้าตรู่ แล้วก็รอคอยอยู่ข้างนอกเช่นนั้นโดยไม่อยากรบกวนจ้าวฉิง

 

“เข้ามาสิ” จ้าวฉิงสะกิดขาของเขาเบาๆ ชายหนุ่มผู้เงียบขรึมสัตย์ซื่อก้าวผ่านเข้าประตูมา ยืนนิ่งงันอยู่ด้านใน เขาไม่รู้ว่าควรทำอะไร จ้าวฉิงลากเขาไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง “กินด้วยกันสิ ยังไงฉันกับลูกก็กินไม่หมดอยู่แล้ว”

 

เหยียนฮ่านชิงรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ จ้าวฉิงอุตส่าห์สัญญาว่าจะมอบยาให้เขา นั่นก็ถือว่าเขาเอาเปรียบเธอมากพออยู่แล้ว แล้วเขาจะกล้าไปกินอาหารของเธออีกได้ยังไงกัน

 

ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวฉิงก็เป็นคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงดูบุตรเพียงลำพัง ถึงแม้ว่าเธอจะมีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ แต่การหาอาหารมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย ตัวเขาเองเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่เจ็ดฉื่อ(ประมาณสองเมตร)คนหนึ่ง ทั้งยังมีมือมีเท้าทำงานทำการได้ แล้วเขาจะไร้จิตสำนึกขนาดไปแย่งชิงอาหารของเธอมาได้อย่างไร

 

อย่างไรก็ตาม จ้าวฉิงผลักเขาไปที่โต๊ะ อีกทั้งจัดวางจานให้เรียบร้อยแล้ว เธอวางขนมปังหน้าไข่ดาวชิ้นใหญ่ลงไป ที่มุมโต๊ะอีกฝั่งหนึ่ง เสี่ยวเปาจื่อก็กำลังขยับตัว พยายามปีนป่ายขึ้นไปบนเก้าอี้ด้วยขาอวบๆ ที่สั้นป้อมของเขา

 

จ้าวฉิงอุ้มซาลาเปาน้อยของเธอขึ้นมา แล้วผลักจานไปตรงหน้าเหยียนฮ่านชิง “กินสิ”

 

เหยียนฮ่านชิงยังต้องการจะปฏิเสธต่อไปอีก แต่จ้าวฉิงเอ่ยขัดขึ้นมา “ฉันจะออกไปกับทีมสำรวจ ถ้าตอนนั้นฉันจะพาคุณไปด้วย แล้วคุณกินอยู่อย่างอดๆ อยากๆ มาตลอด ถึงตอนนั้นคุณจะมีแรงมีกำลังตามฉันออกไปได้หรือ”

 

เหยียนฮ่านชิงจดจำเรื่องนี้ใส่ใจทันที จากนั้นเขาก็ยอมหยิบขนมปังไข่ดาวขึ้นมา แล้วเริ่มกัดแทะมันทีละน้อย หลังภัยพิบัติวันสิ้นโลก อาหารยิ่งกลายเป็นสิ่งล้ำค่ามากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับคนธรรมดา อาหารที่พวกเขากินในแต่ละวันนั้นคือน้ำข้าวต้มกับขนมปังกรอบที่แห้งแข็งกระด้าง ขนมปังนุ่มๆ กับไข่สีทองเต็มฟองเช่นนี้ถือได้ว่าหายากอย่างยิ่ง เป็นสิ่งล้ำค่าอย่างแท้จริง

 

อันที่จริงเหยียนฮ่านชิงไม่เต็มใจจะกินอาหารในมือเขาเท่าไหร่นัก เพราะชายหนุ่มต้องการจะนำมันกลับไปให้แม่ของเขา จ้าวฉิงย่อมตระหนักดีว่าชายหนุ่มคิดอย่างไร “ยังมีอยู่ในกระทะอีกนะ เดี๋ยวคุณก็เอากลับไปให้แม่คุณด้วยสิ”

 

เหยียนฮ่านชิงพยายามปกปิดความอับอายของเขาอย่างสุดความสามารถ “ผมจะตอบแทนบุญคุณครั้งนี้แน่นอน”

 

ถ้าเธอบอกให้เขาเอากลับไปรับประทานเอง เขาย่อมไม่มีทางยอมรับ ทว่าในบ้านของเขายังมีมารดาผู้แก่ชราและบาดเจ็บหนักอยู่ด้วย

 

“อืม” จ้าวฉิงย่อมไม่ได้เสแสร้งกระทำสิ่งเหล่านี้เพราะอยากดูเป็นคนใจบุญแต่อย่างใด เธอรู้ดีว่าเรื่องพวกนี้ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตของเหยียนฮ่านชิงดีขึ้น แต่มันจะทำร้ายศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของเขาอย่างมากถ้าหากเธอไม่ยอมรับการตอบแทนบุญคุณของเขา

 

เพราะเติบโตและอาศัยอยู่ในกองทัพมานาน เหยียนฮ่านชิงจึงไม่ได้ทำเสียงดังแม้แต่น้อยขณะที่รับประทานอาหาร ทั้งยังทานได้รวดเร็วมาก ในที่สุดเหยียนฮ่านชิงก็อิ่มแปล้ ไม่อาจทานได้อีกแม้แต่คำเดียว เงยหน้าขึ้นมามองดูเสี่ยวเปาจื่อที่กำลังพยายามใช้มีดตัดขนมปังไข่ดาวออกมาจนเลอะเทอะไปหมด

 

เสี่ยวเปาจื่อและจ้าวฉิงแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย สำหรับจ้าวฉิงเอง ถ้าหากเธอทานอาหารธรรมดาไปแม้แต่นิดเดียว เธอก็จำเป็นต้องคายมันออกมาทั้งหมด ทว่ากับเจ้าซาลาเปาน้อย ถ้าหากเขาได้ดูดซับเศษผลึกไปแล้ว หลังจากนั้นเขาก็สามารถทานอาหารที่ให้พลังงานสูงบางชนิดเข้าไปได้บ้าง

 

ดังนั้นจ้าวฉิงจึงมักจะพยายามทำอะไรให้เสี่ยวเปาจื่อกินเสริมเข้าไปบ้าง ถึงอย่างไรในจิตใต้สำนึกของจ้าวฉิง เธอก็ยังหวังว่าเสี่ยวเปาจื่อจะเติบโตขึ้นมาเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป

 

“ฉันมียาที่น่าจะใช้ได้ประมาณสองสัปดาห์อยู่ที่นี่แล้ว คุณเอาไปก่อนได้เลย” หญิงสาวหยิบถุงยาที่เตรียมไว้ขึ้นมา แล้วส่งมอบให้กับเหยียนฮ่านชิง “หลังจากนี้สองวัน ฉันวางแผนว่าจะออกไปสำรวจข้างนอก คุณจะว่างรึเปล่า”

 

“ผมมีเพื่อนที่ไว้ใจให้ดูแลแม่แทนได้” ชายหนุ่มผงกศีรษะ “ผมไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

 

“ถ้างั้นก็ดีแล้ว” จ้าวฉิงลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปที่กระทะ จากนั้นก็บรรจุขนมปังไข่ดาวในนั้นลงไปในถุง เธอยังเพิ่มขนมปังไส้กรอกไปให้ด้วย จากนั้นจึงส่งไปให้เหยียนฮ่านชิง “อย่าลืมล่ะ วันสุดท้ายจะเป็นวันมะรืนนี้”

 

เหยียนฮ่านชิงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม เมื่อเห็นว่าเขากระตือรือร้นที่จะนำยากลับไปให้แม่ จ้าวฉิงก็ไม่ได้รั้งตัวเขาไว้ “รีบไปเถอะ ฉันก็อยากไปดูคุณป้าสักหน่อย”

 

เหยียนฮ่านชิงกลับตระหนักดี จ้าวฉิงกังวลว่าอาจมีคนอื่นที่เห็นยาในมือเขา แล้วจะพยายามมาขโมยมันไป เธอจึงตัดสินใจช่วยคุ้มกันให้เขาเป็นพิเศษ หัวใจของชายหนุ่มพลันอุ่นวาบ เขาอดคิดไปถึงคำพูดที่จ้าวฉิงกล่าวออกมาในคืนนั้นไม่ได้

 

เธอบอกว่าเขาเป็นของเธอ....

 

ไม่อาจใช้ถ้อยคำใดมาบรรยายได้ว่าเขาติดค้างเธอมากขนาดไหน ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องใช้ทั้งชีวิตในการตอบแทนหนี้บุญคุณเหล่านี้ นึกย้อนไปถึง ‘วิธีการอื่นๆ’ ที่อาจใช้เพื่อทดแทนหนี้บุญคุณครั้งนี้ เหยียนฮ่านชิงผู้ดีงามซื่อตรงก็ตระหนักดี เขาไม่จำเป็นต้องแตะใบหน้าตัวเองด้วยซ้ำ รู้ได้ว่ายามนี้มันต้องร้อนลวกแทบลุกไหม้อย่างแน่นอน

 

จ้าวฉิงอุ้มเสี่ยวเปาจื่อแล้วเดินออกไปกับเหยียนฮ่านชิง คนหนึ่งเดินอยู่ข้างหน้า คนหนึ่งเดินอยู่ข้างหลัง สาวเท้ามุ่งตรงไปยังย่านที่พักที่ชายหนุ่มอาศัยอยู่ เขาแอบชำเลืองมองจ้าวฉิง อดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่า: จ้าวฉิงนั้นช่างงดงามอย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่ดูเก่งกาจมาก ทำไมเธอถึงมาถูกตาต้องใจเขาได้?

 

นี่จะต้องเป็นเขาที่ละเมอเพ้อพกไปเองแน่ๆ! ต่อให้เธอจะมีลูกแล้ว แต่ผู้ชายที่อยากอยู่เคียงข้างจ้าวฉิงก็จะต้องมีอยู่นับไม่ถ้วน พวกเขาย่อมแห่กันเข้ามาหาเธอระลอกแล้วระลอกเล่า จะถึงคราวของเขาได้อย่างไรกัน

 

ยิ่งเหยียนฮ่านชิงครุ่นคิดเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเชื่อมั่นว่าตัวเองต้องหูฝาด ได้ยินผิดพลาดไปเป็นแน่!

 

ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มเริ่มเข้ารับราชการทหารตอนอายุสิบแปด จนถึงเวลาที่เขาปลดประจำการเพราะอาการบาดเจ็บตอนที่อายุได้ยี่สิบเจ็ด เขาก็ยังไม่เคยเดทกับผู้หญิงแม้แต่ครั้งเดียว

 

ถึงอย่างไรตอนที่อยู่ในกองทัพนั้น ผู้หญิงถือว่าหาได้ยากอย่างมาก โดยเฉพาะแผนกของเขาในกองทัพ เนื่องจากถูกควบคุมเข้มงวดเป็นพิเศษ นอกเหนือจากแพทย์ทหาร ที่เหลือล้วนเป็นบุรุษทั้งหมด

 

ดังนั้นแล้ว สำหรับหญิงสาวที่ทั้งนุ่มนวลและอ่อนโยนอย่างจ้าวฉิง จึงเป็นสิ่งที่เหยียนฮ่านชิงเพิ่งได้ประสบพบเจอเป็นครั้งแรก ครุ่นคิดวกวนเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ใจกลางฝ่ามือของเขากลับชุ่มไปด้วยเหงื่อโดยไม่รู้ตัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด