มารดาปีศาจ ตอนที่ 13 ชายหนุ่มผู้เงียบขรึม
ตอนที่ 13 ชายหนุ่มผู้เงียบขรึม
จ้าวฉิงเดินตามชายผู้นั้นมาจากทางด้านหลัง สำรวจตรวจตราเขาอย่างละเอียด ตรงช่วงเอวของเขามีรอยแผลเป็นยาวประมาณ 20 ซม. พื้นที่บริเวณร่องกระดูกบนแผ่นหลังนั้นก็ยังมีรอยแผลเป็นอื่นๆ อีก มองปราดเดียวก็เห็นได้ว่าเป็นรอยแผลเก่า มีรอยหนึ่งพาดผ่านกระดูกสันหลังเป็นแนวขวาง ยังมีอีกหนึ่งแผลที่ต้นคอซึ่งเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก ดูเหมือนจะเกิดจากรอยกระสุนทะลุผ่านเข้าไปในต้นคอโดยตรง
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลมากมายจริงๆ ถ้าบาดแผลเหล่านี้ไปอยู่บนร่างกายคนธรรมดาทั่วไป พวกเขาอาจจะกลายเป็นอัมพาตครึ่งซีกหรือแม้แต่สิ้นชีวิตไปแล้ว ทว่าชายหนุ่มคนนี้กลับยังอยู่ในสภาพดีและมีชีวิตอยู่ได้
ดิ้นรนในสถานการณ์ระหว่างความเป็นความตายมาก็หลายปี ต่อให้จ้าวฉิงไม่อยากจะยอมรับ แต่รอยแผลเป็นบนร่างกายของเธอก็ยังมีอยู่เยอะกว่าผู้ชายส่วนใหญ่ ทว่าคนๆ นี้กลับมีรอยแผลมากยิ่งกว่า
นี่จึงเป็นเหตุผลที่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเธอขึ้นมา ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน ทันทีที่ชายคนนั้นวางโซฟาลงกับพื้น จ้าวฉิงก็แตะไหล่ของเขาเบาๆ หลังจากนั้นเพียงเสียววินาที จ้าวฉิงก็สังเกตเห็นกล้ามเนื้อของชายหนุ่มเกร็งเขม็งขึ้นมาทันใด และเขาก็สะบัดไหล่ไปข้างหลังอย่างแรง
แรงจากการสะบัดไหล่ครั้งนี้อาจทำให้กระดูกแตกได้เลยถ้าโดนเข้าจังๆ ยิ่งไปกว่านั้น ทิศทางของการจู่โจมยังพุ่งตรงเข้ามาที่ซี่โครงของจ้าวฉิง ถ้าหากกระดูกส่วนนั้นแตกหัก มันก็จะทิ่มแทงเข้าไปในปอดได้
การตอบสนองของจ้าวฉิงก็รวดเร็วฉับไวยิ่ง เธอยึดไหล่ของชายคนนั้น ไถลไปตามท่อนแขนของเขา หญิงสาวออกแรงกดเบาๆ ลงบนหัวไหล่อีกฝ่าย เพราะจากความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเธอ ด้วยพลังเหนือธรรมชาติของจ้าวฉิง มันจึงเป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่งที่จะหยุดการเคลื่อนไหวของเขา ทว่าเธอก็ยังรู้สึกหนึบชาที่มือเล็กน้อย
ทันทีที่ตระหนักได้ว่าตัวเขากำลังทำอะไรอยู่ ชายหนุ่มก็ขดกายลงอย่างชำนาญและยกมือป้องศีรษะไว้ ไม่ราบลื่นพลิ้วไหวทว่าดูทรงพลังอย่างยิ่ง ช่วงเอวเกร็งแน่นคล้ายเขากำลังรอรับแรงกระแทกจากอะไรบางอย่าง
จากมุมที่จ้าวฉิงกำลังมองดูอยู่ จะเห็นได้ว่ากางเกงขายาวของเขาเกาะอย่างหมิ่นเหม่อยู่ที่ขอบเอว ดูเย้ายวนเปี่ยมเสน่ห์และเซ็กซี่อย่างยิ่ง
แม้แต่รอยแผลเป็น ก็คล้ายจะดูเย้ายวนล่อลวงให้จับตามองยิ่งขึ้น
หากนี่ไม่ใช่ยุคสมัยวันสิ้นโลก ชายหนุ่มผู้นี้จะต้องเป็นบุรุษในฝันของหญิงสาวหลายคนแน่นอน
น่าเสียดาย ที่ยามนี้เป็นยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ ต่อให้ชายหนุ่มจะหล่อเหลาแข็งแรง แต่ในสายตาของหญิงสาวส่วนใหญ่ พวกเขาก็ไม่อาจเทียบได้กับผู้มีพลังพิเศษ
ชายหนุ่มผู้เงียบขรึมนั้นยังคงยกมือกุมศีรษะไว้ รอคอยทั้งหมัดและเท้าที่จะประเคนลงมาบนร่างกาย ทว่าสิ่งที่มาถึงกลับกลายเป็นมือที่ดูขาวซีดอยู่บ้างข้างหนึ่ง ถือขนมปังกรอบมาวางลงในฝ่ามือเขา และเอ่ย “คุณช่วยวางอ่างอาบน้ำไว้ข้างในให้หน่อยสิ”
ชายหนุ่มเหลือบมองจ้าวฉิงอย่างเงียบงัน พยักหน้าและยกอ่างขึ้นมา ก้าวเข้าไปวางลงด้านใน อันที่จริงสิ่งของเช่นอ่างอาบน้ำในยุคสมัยวันสิ้นโลกเช่นนี้ มันไม่อาจใช้ประโยชน์อะไรได้มากนัก ถึงอย่างไร แหล่งน้ำส่วนใหญ่ก็ปนเปื้อนโดยซอมบี้ไปแล้ว หากดื่มมันเข้าไปย่อมต้องประสบหายนะอย่างแน่นอน ไม่ต้องเอ่ยถึงการนำมาอาบเลย
หลังจากจัดวางอ่างให้เข้าที่แล้ว ชายหนุ่มก็ยืนรออยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ เขาปรายตามองไปที่จ้าวฉิงเป็นเชิงถามว่าเธอต้องการความช่วยเหลืออย่างอื่นอีกหรือไม่
“คุณช่วยยกโซฟาให้หันหน้าไปทางนั้นได้รึเปล่า” จ้าวฉิงเอ่ยขออย่างนุ่มนวล ยามที่ชายหนุ่มก้มลงขยับโซฟา จ้าวฉิงก็วางฝ่ามือเธอลงบนแผ่นหลังช่วงล่างของเขาอย่างแผ่วเบา
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะเกร็งกล้ามเนื้อขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าคราวนี้เขาไม่ได้โจมตีอีก เขากลับพยายามยับยั้งตัวเองไว้อย่างสุดกำลัง
รู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อใต้ฝ่ามือของเธอนั้นเขม็งเครียดอย่างแรงด้วยการเกร็งกำลังจากทั้งร่าง จ้าวฉิงจึงดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว แต่เธอสังเกตเห็นได้โดยไม่ตั้งใจว่าทั่วทั้งใบหูของชายคนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
ตอนแรกจ้าวฉิงคิดว่าเขาคงแค่เหนื่อยจากการออกแรงยกของ ทว่ายามนี้เธอจึงเพิ่งสังเกตได้ว่า ถึงแม้สีหน้าของเขาจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย ทว่าในดวงตาของเขากลับปรากฏความเขินอายออกมาระลอกหนึ่ง
เธอไม่เคยเห็นชายหนุ่มเต็มตัวที่ขวยเขินได้ง่ายดายถึงขนาดนี้มาก่อน เขาเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ ทว่ากลับมีพฤติกรรมสุภาพหวงตัวอย่างยิ่ง
“เรื่องครั้งนี้ ฉันต้องขอบคุณจริงๆ” จ้าวฉิงแย้มยิ้ม “ถ้าในวันข้างหน้า ฉันต้องการความช่วยเหลืออีก ฉันจะไปหาคุณแน่นอน” จากนั้น จ้าวฉิงก็เห็นใบหูของชายผู้นี้กลายเป็นสีแดงฉานอีกครั้ง
แม้จะยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับทุกเรื่องราวได้มากนัก แต่จ้าวฉิงก็ส่งเขาออกไปแล้วปิดประตู ถึงเธอจะอยากรู้อยากเห็นว่าอดีตของชายหนุ่มเงียบขรึมร่างสูงตัวโตคนนี้เคยทำอะไรมาบ้าง แต่ยามนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเธอเอง
เรื่องราวของคนอื่น อย่ากังวลสนใจให้มากเกินไปจะดีกว่า ความอยากรู้ไม่เพียงแต่ฆ่าแมวตายได้ ยังฆ่าคนตายได้ด้วย
หลังจากใส่น้ำลงในอ่างแล้ว จ้าวฉิงก็ลอกคราบเจ้าซาลาเปาน้อยของเธอจนเปลือยเปล่า แล้ววางเขาลงไปในอ่าง แขนขาของเขาขาวเนียนเรียบลื่น ราวกับแป้งโดว์ที่นวดจนได้ที่ เนื้อนุ่มนิ่มนั้นก็ชวนให้อยากจับไว้ไม่ปล่อย
เสี่ยวเปาจื่อไม่ได้เกลียดการอาบน้ำ เข้าไปในอ่างแล้วเขาก็เป่าฟองสบู่บางส่วนเล่น และปล่อยให้จ้าวฉิงอาบน้ำทำความสะอาดให้อย่างวางใจ
แผ่นหลังของซาลาเปาน้อยยิ่งเรียบลื่นนุ่มละมุน ผิวของเด็กน้อยย่อมใสกระจ่างเรียบเนียนอยู่เสมอ สัมผัสเขาก็เหมือนถือเอาพุดดิ้งที่ค่อนข้างเย็นเล็กน้อยเอาไว้ในมือ
หลังจากถูกจ้าวฉิงล้างตัวจนเกลี้ยง เสี่ยวเปาจื่อก็เปลี่ยนไปใส่ชุดหมีที่น่ารักอย่างยิ่ง แล้วถูกวางเอาไว้บนเตียง เจ้าซาลาเปาน้อยสวมใส่ชุดเด็กทารกที่เปิดช่องกลางลำตัวไว้[1] และเริ่มคลานวนไปรอบๆ เตียง
เมื่อได้เวลาอาหารมื้อเย็น ขณะที่จ้าวฉิงกำลังจะหยิบเศษผลึกออกมาเติมเต็มกระเพาะของเธอ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อเปิดประตูออก หญิงสาวก็เห็นเพื่อนบ้านคนเดิม หลี่จิง ยืนยิ้มอยู่อย่างสง่างาม เขากล่าวอย่างนุ่มนวล “ผมคาดเดาเอาเองว่า เพราะคุณเพิ่งมาที่ฐาน คุณคงวุ่นวายกับการจัดของและน่าจะยังไม่ได้เตรียมมื้อเย็น ผมก็เลยมาหาคุณ เผื่อว่าคุณอยากจะไปที่พักของผมและทานอะไรสักหน่อย ตอนนี้ผมถึงได้แน่ใจว่าคุณยังไม่ได้ทำอาหารเย็นจริงๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงยังไงก็มีกันอยู่แค่สองคน แค่ฉันกับลูก ได้กินอะไรด้วยกันนิดหน่อยเราก็มีความสุขดีแล้วล่ะ” ถึงยังไงจ้าวฉิงก็ไม่มีความรู้สึกหิวหรือกระหายอยู่แล้ว ต่อให้เธอรู้สึกขึ้นมา เศษผลึกสองชิ้นก็เพียงพอจะแก้ไขปัญหาทั้งปวงได้
อย่างไรก็ดี ความจริงก็คือว่าเธอไม่ได้กินอาหารของมนุษย์ปกติมาเป็นเวลานานมากแล้ว
ดังนั้น หลังจากหลี่จิงพยายามคะยั้นคะยอเชิญชวน เธอจึงได้รับปากในที่สุด จ้าวฉิงรู้สึกได้ว่าหลี่จิงผู้นี้น่าจะคิดวางแผนร้ายอะไรบางอย่างต่อเธอแน่ๆ แต่จ้าวฉิงก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เธอเป็นบุคคลประเภทที่มีดีมากพอที่จะไม่ต้องเกรงกลัวคนระดับนี้
เมื่อมาถึงบ้านของหลี่จิง เธอก็เห็นว่าหลี่จิงได้ทำอาหารไว้ค่อนข้างหลากหลาย มีจานเนื้อสามจาน จานผักสามจาน มีทั้งเนื้อปลาและเนื้อสัตว์ ถึงแม้ว่าชิ้นเนื้อนั้นจะถูกตุ๋นมาแล้ว และเนื้อปลาก็ไม่สดใหม่ แต่นี่คือยุคหลังภัยพิบัติ ปลาและเนื้อก็ถือได้ว่าเป็นวัตถุดิบที่หรูหรามากแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงพืชผักสดสีเขียวชอุ่มปลอดสารพิษหรือน่องไก่กรอบอะไรพวกนั้นเลย
หลี่จิงยิ้มให้เธออย่างสุภาพ “ตอนแรกผมทำออกมาหลายจานเกินไป ยังดีที่คุณยอมมาที่นี่ ไม่อย่างนั้นถ้าต้องเก็บมันไว้กินในมื้ออื่น รสชาติก็คงไม่เหมือนตอนเพิ่งปรุงเสร็จใหม่ๆ”
“ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะทำอาหารออกมาเป็นมื้อที่ดูหรูหราฟุ่มเฟือยขนาดนี้ นี่ฉันก็เริ่มรู้สึกเกรงใจขึ้นมาบ้างแล้วนะคะ” จ้าวฉิงแย้มยิ้มตอบ ทรุดกายลงนั่งตรงกันข้ามกับหลี่จิง หลี่จิงรีบรินน้ำแก้วหนึ่งให้หญิงสาวกลั้วคอก่อนทานอาหาร
“อย่างที่ผมพูดไป พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกัน ต่อไปในอนาคตก็จะต้องมีเรื่องให้เราช่วยเหลือกันอีกหลายครั้งแน่นอน ดังนั้นคุณอย่าพูดเหมือนเป็นคนอื่นคนไกลกันเลยนะครับ” หลี่จิงแสดงออกอย่างสุภาพบุรุษ เปล่งประกายสว่างไสว แต่หากมองดูในดวงตาเขาให้ดีๆ แล้ว จะเห็นแสงแปลกประหลาดที่สว่างวาบออกมาวูบหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าเขาเพียงแต่เสแสร้งแกล้งทำเป็นวางท่าไปอย่างนั้นเอง
“มาเถอะครับ ลองชิมฝีมือผมดู” หลี่จิงหยิบตะเกียบขึ้นมาและคีบเนื้อชิ้นหนึ่งวางลงในชามของจ้าวฉิง เห็นเขากุลีกุจอเช่นนี้ หญิงสาวก็ไม่ได้โต้แย้ง เธอคีบเนื้อชิ้นนั้นขึ้นมาแล้ววางใส่เข้าไปในปาก
มันเป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด ทันใดที่อาหารเข้าไปในปาก ไม่เพียงแต่มันจะไม่มีกลิ่นรสหอมกรุ่นน่าทานแต่อย่างใด มันยังกระตุ้นให้เธอรู้สึกอยากอาเจียนออกมาอย่างรุนแรง
------------
[1] ชุดสำหรับเด็กทารกก่อนช่วงวัยที่จะหัดขับถ่ายได้เอง รูปชุด: https://ae01.alicdn.com/kf/HTB1TSmvJVXXXXXHXVXXq6xXFXXXA/Infant-cute-monkey-Romper-Jumpsuit-Bodysuit-open-seat-pants-baby-girls-boys-kids-outfit-pyjama-bebe.jpg_640x640.jpg
--------------