ตอนที่แล้วบทที่ 209 - ฉันก็ด้วย (1) [30-09-2019]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 211 - ฉันก็ด้วย (3) [04-10-2019]

บทที่ 210 - ฉันก็ด้วย (2) [02-10-2019]


บทที่ 210 - ฉันก็ด้วย (2)”

[ก๊าซซซซซ!]

"ฮ่าห์"

เสือดาวยักษ์ได้พุ่งเข้ามาในสายตาของยูอิลฮาน เขาได้ดึงหอกมังกรแปดหางออกมาจากถุงมือและแทงเข้าใส่หัวของเสือดาวยักษ์ จากนั้นเพลิงสีขาวก็ลุกไหม้ขึ้นที่หัวของมันเผาสมองของมันทิ้งจนมันหยุดลงชั่วคราว

ยังไงก็ตามแค่นี้ก็ยังไม่ทำให้เสือดาวยักษ์ตายลง เพื่อที่จะฆ่าสิ่งมีชีวิตคลาส 5 ที่ปรากฏขึ้นมาบนโลกแล้ว เขาจำเป็นต้องทำลายสมอง หัวใจ ตัดคอและฉีกแขนขาของมันออกเป็นชิ้นๆให้หมด

และที่ยิ่งเพิ่มความยากขึ้นไปอีกก็คือยูอิลฮานในตอนนี้ไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตคลาส 5 แค่ตัวเดียวแล้ว

[ซ่าาาาาาา!]

[อิลฮาน ตั๊กแตนอยู่ข้างหลังนาย!] (เลียร่า)

"เจ้านี่มันน่ารำคาญชะมัด"

[ฉันจะจัดการที่เหลือให้เอง!] (มิสทิค)

[ก๊าซซซซ! ขอเวลาเดี๋ยว!] (โอโรจิ)

คำเตือนของเลียร่า คำยืนยันของมิสทิค และคำพูดของโอโรจิได้เกิดขึ้นพร้อมๆกันในหัวของเขา ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้เข้าในในคำพูดของทั้งสามคนในทีเดียวและเริ่มดำเนินการต่ออย่างรวดเร็วก่อนที่จะขยับตัวต่อ

"ฮ่าห์"

อย่างแรกยูอิลฮานได้ดึงหอกออกมาจากหัวของเสือดาวและฟันลงไปเป็นแนวแทยงสามครั้งทำให้คอของเสือดาวขาดลงเนื่องจากมานาที่ปกติจะทำการป้องกันร่างกายของเสือดาวได้ขาดห้วงลงไปชั่วคราวจากการที่สมองของมันถูกละลาย

ยังไงก็ตามสิ่งที่ยูอิลฮานฟันลงไปไม่ได้มีแค่คอของเสือดาวเท่านั้น ตั๊กแตนที่คิดจะมาฆ่าเขาในตอนที่เขากำลังเผชิญหน้ากับเสือดาวอยู่ก็ถูกฟันเช่นเดียวกัน! ด้วยขีดสุดของการเคลื่อนไหวร่างกายรวมเข้ากับสกิลหอกไร้วิถีทำให้เขาทำสำเร็จ แน่นอนว่าพลังแห่งแส้และพลังแห่งดาบที่เขาดึงมาจากหอกสะบั้นจักรวาลก็ยังมีส่วนช่วยด้วยเช่นกัน

[ซ่าาาาาาาา!]

[แตกสองล่ะ!] (มิสทิค)

"เงียบน่า!"

ในวินาทีที่ยูอิลฮานได้ปลดอาวุธมอนสเตอร์คลาส 5 ทั้งสองตัวลงได้ ป้อมปราการลอยฟ้าที่ได้จัดการมอนสเตอร์บนท้องฟ้าทั้งหมดแล้วก็ได้ยิงลำแสงเข้าใส่หัวใจของทั้งเสือดาวและตั๊กแตนตากด้านหลัง นี่คือคอมโบที่น่าอัศจรรย์ที่มันจะเป็นไปไม่ได้เลยหากมียูอิลฮานอยู่เพียงลำพัง

[คุณได้รับค่าประสบการณ์]

[คุณได้รับค่าประสบการณ์]

[ฮ่าห์]

ปัญหาเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้ก็คือมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์ที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาหลังจากที่ซ่อนตัวมาตลอดเวลา วินาทีที่มันแสดงตัวออกมาก็คือหลังจากที่ยูอิลฮานเพิ่งจะฆ่ามอนสเตอร์คลาส 5 ทั้งสองตัวไป

[ฉันกำลังรอเวลานี้แหละ!]

[ข้าก็กำลังรอเวลานี้อยู่เหมือนกัน!] (โอโรจิ)

ยังไงก็ตามหลังจากที่มันเข้ามาโจมตีด้านหลังของยูอิลฮานก็ได้มีไพท์บังเกอร์โผล่ขึ้นมาจากหลังของยูอิลฮานกระแทกเข้าใส่ลำตัวของมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์

[อั๊ก!?]

[ยิง!]

จากสัญญาณของโอโรจิทำให้เพลิงนิรันดร์ได้เหนี่ยวไกลออกไปทันที ผงดินปืนเวทย์ที่ได้รับแรงกระแทกและขยายพลังออกไปเป็นร้อยเท่า ในเวลาเดียวกันตัวเครื่องปล่องยิงที่ทำมาจากระเบิดก็ปล่อยแรงกระแทกนั้นออกไปจนทำให้เกิดรูใหญ่ขึ้นที่ลำตัวของมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์ นี่คือการรวมมือกกันที่มาจากโอโรจิกับเพลิงนิรันดร์

[กรอด! นาย... รู้ตัวด้วย!?]

ไพท์บังเกอร์นี้ยูอิลฮานได้ทุ่มเททั้งแรงกายและใจ แถมยังได้ถูกเสริมพลังขึ้นจากผลของเกราะร่างมังกรเพลิงอีกด้วยทำให้ไพท์บังเกอร์ได้กลายเป็นอาวุธที่สมบูรณ์แบบที่จะปล่อยไว้ให้กับโอโรจิและเพลิงนิรันรด์เนื่องจากว่ามันสามารถจะปล่อยพลังสูงสุดออกมาได้อย่างรวดเร็วแค่การลั่นไกเท่านั้น ในตอนนี้การโจมตีของไพท์บังเกอร์ถึงขนาดเจาะทะลวงร่างของศัตรูคลาส 5 และผลึกการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ชั่วคราวด้วย!

ที่น่าตกใจก็คือมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์นี้มีการฟื้นฟูของกระดูกกับเนื้อที่น่าตกใจมาก แต่ไม่ว่ายังไงต่อให้มันจะเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงมันก็ยังคงต้องใช้เวลาครู่หนึ่งอยู่ดี

และเวลาครู่หนึ่งนั้นสำหรับยูอิลฮานแล้วมันยาวนานมาก

"การมาพูดเรื่องการซ่อนตัวต่อหน้าฉันงั้นหรอ?"

ยูอิลฮานได้ใช้ปีกของเขาสร้างคลื่นกระแทกหมุนตัวกลับไปทันที บนปลายหอกมังกรแปดหางในมือของเขาตอนนี้กำลังมีเพลิงชั่วร้ายที่กึ่งโปร่งแสงอย่างน่าประหลาดอยู่

[อึก...!]

"ฮ่าห์!"

ยูอิลฮานได้แทงหอกออกไปในทันทีที่มอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์พยายามจะขยับตัว ลำแสงจากป้อมปราการลอยฟ้าและกระสุนบาลิสต้าจากโอโรจิได้ใช้เกราะร่างมังกรมังกรเพลิงนรกก็ยังยิงออกมาในเวลาเดียวกัน

มอนสเตอร์ตัวนี้ไม่มีทางที่จะทนต่อการปะทุพลังของทั้งสามคนได้แน่นอน! มันได้หายไปทันทีโดยที่ไม่อาจจะทิ้งคำพูดอะไรไว้ได้ด้วยซ้ำไป การต่อสู้ในครั้งนี้กินเวลาไปเพียงแค่ 17 นาทีเท่านั้นเอง

[คุณได้รับค่าประสบการณ์]

"ฟู่ว"

ศพของคลาส 5 ที่ถูกแยกออกเป็นสองส่วนก็ยังหล่นลงมาบนพื้นพร้อมๆกับยูอิลฮานที่ดึงหอกกลับมาปักลงไปบนพื้น เมื่อยูอิลฮานได้หันหน้ากลับมาหลังจากเก็บศพเสร็จแล้ว มานาที่สับสนวุ่นวายรอบๆตัวก็ได้สงบลงและความเงียบก็ได้มาปกคลุมสนามรบ

[ก๊าาา...]

[กรรร!]

[ล้มเหลว ล้มเหลวแล้ว]

[หนีไม่ได้ หนีไม่ได้]

ยังคงมีมอนสเตอร์คลาส 4 นับสิบและมอนสเตอร์คลาส 3 นับพันยังคงเหลืออยู่ในสภาพรบ แต่หลังจากที่ยูอิลฮานได้จัดการสิ่งมีชีวิตคลาส 5 ไปพวกมันก็ได้หมดหวังไร้ซึ่งความคิดแม้แต่จะหนีไป นี่คือช่วงเวลาสุดท้ายของพวกมันแล้ว

"มิสทิค จบมันซะ"

[รับทราบค่ะ]

มิสทิคดูจะชอบธีมการทหารแบบปัจจุบันทำให้เธอตอบกลับมาอย่างรวดเร็วแบบนี้ หลังจากนั้นป้อมปราการลอยฟ้าที่ได้ฟื้นพลังงานมาพอแล้วได้จัดการปูพรมกวาดล้างมอนสเตรอ์ทั้งหมดที่เหลืออยู่ในทันที

ยูอิลฮานได้เดินเก็บศพกับหินพลังเวทย์จากมอนสเตอร์อย่างสบายใจ

[สถานการณ์คลี่คลายแล้ว!]

มิสทิคได้ประกาศออกมาหลังจากที่เธอได้แผ่มานาออกไปรอบๆมานาป้อมปราการลอยฟ้าเพื่อยืนยันว่าไม่มีมอนสเตอร์อยู่ใกล้อีกแล้ว อย่างน้อยที่สุดในเร็วๆนี้ก็จะไม่มีมอนสเตอร์คลาส 5 เกิดขึ้นมาในพื้นที่นี้อีกแล้ว

"อ่า เหนื่อยแหะ"

หลังจากได้ยินคำรายงานของเธอ ในที่สุดยูอิลฮานก็คลายความตึงเครียดบนบ่าของเขาลง แม้ว่าเขาจะดูเหมือนเหนือกว่าศัตรูในการต่อสู้ แต่ว่าหากจะบอกว่าเขาไม่กังวลกับการสู้กับมอนสเตอร์คลาส 5 เลยก็คงจะเป็นการโกหกจนเกินไป

[อิลฮาน นายไม่เป็นอะไรนะ?]

"อืม ฉันไม่เป็นไร ไม่มีปัญหาหรอกน่า"

เลียร่าได้เข้าไปแตะทั่วตัวของยูอิลฮานด้วยความเป็นห่ง แต่ยูอิลฮานก็ได้พูดออกไปเพื่อให้เลียร่าถอยออกไป แม้จะเป็นเวลาสั้นๆแต่นี่คือการต่อสู้ที่รุนแรงจนทำให้ร่างกายของเขาต้องรับภาระหนักและพัฒนาก้าวหน้าขึ้น

จริงๆร่างกายของเขาในตอนนี้ก็ได้ทำงานจนถึงขีดสุดแล้ว ตัวเขาในตอนนี้ไม่ถูกนับว่าเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว พลังเหนือมนุษย์และการฟื้นฟูเหนือมนุษย์ที่อยู่ในระดับเชี่ยวชาญของเขาต่างก็สนับสนุนซึ่งกันและกันจนทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ยกตัวอย่างเช่นหากกระดูกสันหลังเขาถูกตัดก็จะถูกต่อใหม่ได้ และหากสมองของเขาถูกเจาะก็จะใช้เวลาไม่นานนักในการฟื้นฟูกับมา

แต่ไม่ว่ายังไงหลังจากที่เขาทำแบบนั้นก็จะทำให้เขาได้รับภาระอยู่ดี เขาต้องสูดหายใจผ่อนคลายกล้ามเนื้อออกมาอย่างช้าๆ เลียร่าที่เห็นแบบนี้ก็ได้เข้ามากอดเขาจากด้านหลังทำให้เขาสบายขึ้น

"ฟู่วว... สู้กับสามตัวในที่เดี๋ยวมันทำให้ล้าจิตใจจริงๆ"

[ทั้งๆที่ไม่กี่เดือนก่อนโลกนี้เกือบจะบิดเบี้ยวเพราะการสร้างสักตัวหนึ่งแท้ๆ] (มิสทิค)

หนึ่งตัวสู้ไม่ได้ จากนั้นก็มีตัวที่สองโผล่ออกมา แล้วก็ในตอนนี้ก็มีตัวที่สามแล้ว เลียร่าได้ถอนหายใจตอบกลับมาหลังจากได้ยินเสียงบ่นของยูอิลฮานกับมิสทิค

[นั่นมันก็เพราะพลังงานของโลกกำลังเพิ่มขึ้น ฉันมั่นใจเลยว่ามหาภัยพิบัติขันที่ 4 อยู่อีกไม่ไกลแล้ว]

และเมื่อมหาภัยพิบัติขั้นที่ 4 เกิดขึ้นมา โลกใบนี้ก็จะเกิดใหม่ขึ้นมาเป็นโลกระดับสูงอย่างแน่นอน และโลกที่ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตชั้นสูงขึ้นมาเองได้แบบนี้ จะกลายเป็นโลกที่น่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก...

ในตอนนี้เขาก็ลำบากกับการจัดการโลกใบนี้อยู่แล้ว หากว่ามีพวกน่ารำคาญขี้แพ้จากกองทัพสวรรค์ กองทัพจรัสแสง และกองทัพปีศาจแห่งการทำลาย เขาก็มีแต่จะได้เจอกับอนาคตที่เลวร้ายแน่

"โอ้ จริงด้วยแล้วพวกจากสวนอาทิตย์อัสดงล่ะ? นับตั้งแต่เหตุการที่ดาเรย์ฉันก็ไม่เคยเห็นพวกนั้นเลย"

[ฉันคิดว่าพวกนั้นคงจะให้ความสำคัญกับดาเรย์มากกว่าโลกใบนี้ล่ะมั้ง บางทีพวกนั้นอาจจะช่วยนายต่อสู้กับกองทัพปีศาจแห่งการทำลาย]

"แต่เอิลต้าดูท่าจะเกลียดพวกนั้นเข้ากระดูกดำเลยไม่ใช่หรอ?"

[นั่นก็เพราะพวกนั้นเป็นพวกแรกที่ติดต่อเข้ามาหาเธอไงล่ะ แล้วก็เอิลต้ากำลังจะถูกพวกนั้นหลอก]

"อ่อ เรื่องเป็นแบบนี้สินะ"

[หัวหน้าของพวกนั้นต้องการผู้หญิง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาถูกใจเอิลต้า]

ยูอิลฮานก็เห็นด้วยเช่นกัน เอิลต้าสวยมากจริงๆ ยังไงก็ตามในเวลาเดียวกันตัวเอิลต้าก็ดูเหมือนจะอยู่ห่างไกลกับความรักอย่างมาก เธออาจจะอยากแข็งแกร่งขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง และนี่ก็เป็นธรรมดาที่เธอจะเกลียดในข้อเสนอจากสวนอาทิตย์อัสดง

ไม่ใช่แค่สวนอาทิตย์อัสดงเท่านั้นที่ชอบผู้หญิง กองทัพปีศาจแห่งการทำลายรวมไปถึงกองทัพจรัสสแสงก็ยังเคลื่อนไหวในโลกมากมายนับไม่ถ้วนเพื่อจะเอาตัวนายูนาไปเช่นกัน บางทีพวกนั้นก็อาจจะยังไม่ยอมแพ้ด้วยซ้ำไป การที่ฝ่ายของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงต่างก็มาวางแผนชิงผู้หญิงคนหนึ่งนี่มัน... มันไม่ต่างไปจากพวกเศษเดนเลย

"บางทีเหตุผลที่กองทัพสวรรค์มีผู้หญิงเยอะมากก็ยังเป็นเพราะ..."

[ไม่ได้เยอะเลยนะ! มันก็แค่ว่าในหมู่คนที่มาเจอนายเป็นผู้หญิงซะส่วนมากมากว่า!]

เลียร่าได้ขัดคำพูดของยูอิลฮานไม่ให้เขาได้ตั้งข้อสงสัยใดๆเลย หากว่ายูอิลฮานสงสัยในตัวเธอ เธอต้องร้องไห้ออกมาแน่ๆ

"แต่ฉันไม่ได้พูดอะไรถึงเธอเลยนะ"

[เจ้าโง่]

"ไม่ยุติธรรมเลยแหะ..."

หลังจากที่เขาตัดสินว่ากล้ามเนื้อทั้งหมดของเขาคลายตัวไปแล้ว ในที่สุดยูอิลฮานก็เริ่มจัดการเก็บกวาดสนามรบ

เขาไม่มีความจำเปนในการเก็บมอนสเตอร์คลาส 3 เลยทำให้เขาได้ทำลายศพทั้งหมดนั้นเพื่อส่งพลังงานกลับสู่โลก เพราะแบบนี้ทำให้โลกได้พัฒนามากยิ่งขึ้น

พวกมอนสเตอร์ส่วนใหญ่จะถูกมิสทิคจะการเสมอเว้นก็แต่พวกคลาส 5 ที่โผล่ออกมาทำให้เขาจะต้องเติมอาวุธและอาร์ติแฟคให้กับป้อมปราการด้วยวัตถุดิบที่มี เวลาสามปีที่ได้ผ่านไปแบบนี้ทำใหมีอุปกรณ์จำนวนมหาศาลกองอยู่เต็มทั้งในช่องเก็บของของยูอิลฮาน ในส่วนต่างๆของป้อมปราการลอยฟ้า และในเกราะร่างมังกรเพลิงนรก

"ตอนนี้ก็ถึงตาคลาส 5 แล้ว"

หินพลังเวทย์ ขอหินพลังเวทย์เถอะนะ ยูอิลฮานได้ภาวนาอย่างสิ้นหวังและเริ่มทำการชำแหละสิ่งมีชีวิตคลาส 5 ทั้งสามตัว

ในเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ยูอิลฮานก็ได้รับหินพลังเวทย์มาก้อนหนึงจากการที่พวกคลาส 5 ปรากฏขึ้นมาเป็นครั้งคราว แน่นอนว่าเขาก็ยังคงเก็บเอาไว้สำหรับการเลื่อนเป็นคลาส 4 เขาได้รอคอยพรของเทพธิดาแห่งเพลิงจนเหนื่อยแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้

"หืม?"

คลาส 5 ถึงสองตัวต่างก็ว่างเปล่า และในตอนที่เขากำลังชำแหละหัวของเสือดาวที่เป็นตัวสุดท้าย เขาก็ได้เจอกับก้อนหินโปร่งใสที่กำลังส่องประกายออกมาอย่างต่อเนื่อง

"หินพลังเวทย์คลาส 5..."

[จริงๆหรอ!?]

[ให้ฉัน! เอามาเสริมป้อมปราการ!]

[แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นการเสริมพลังเกราะร่างมังกรเพลิงนรกต่างหาก เธอไม่เห็นในตอนที่ข้าฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเมื่อตะกี้งั้นหรอ?]

[เมื่อไหร่ที่ฉันได้รับการเสริมพลังป้อมปราการลอยฟ้าก็ทำได้เหมือนกันนั่นแหละ!]

"เงียบกันให้หมดเลย ไม่ว่าใครก็ห้ามขยับทั้งนั้น"

ยูอิลฮานได้ทำให้ทุกๆคนเงียบก่อนที่เขาจะมองไปรอบๆและสร้างกำแพงขึ้นมาจากการติดตั้งบาลิสต้าและกับดักลงไป หลังจากได้ทำแบบนี้แล้วเขาก็ได้เพิ่มประสาทสัมผัสทั้งห้าจนถึงขีดสุดและล้วงมือลงไปในหัวของเสือดาวเพื่อดึงเอาหินพลังเวทย์ออกมา

[ว้าว]

เวลาในตอนนี้ที่พวกเขาอยู่ก็คือตอนเช้า หินพลังเวทย์ได้ถูกแสงอาทิตย์และสร้างสายรุ้งขึ้นมาจากด้านใน เมื่อได้เห็นแบบนี้ทุกๆคนก็ต้องอุทานออกมา

"ฟู่"

[สวยจัง...]

[ว้าว มันสวยมากจนน่าเสียดายเกินกว่าจะเอาไปใช้เลยนะ]

[มานาที่อยู่ภายในมันสำคัญกว่ารูปลักษณ์ไม่ใช่หรอกหรอ?]

ยูอิลฮานยังได้หยิบเอาหินพลังเวทย์ที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ออกมาเทียบอีกด้วย เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าทั้งสองก้อนนี้แตกต่างกัน ก้อนก่อนหน้านี้ก็ยังส่องแสงสีน้ำเงินอ่อนสวยงามออกมาเช่นกัน แต่ว่ามันเทียบกับก้อนที่เขาเพิ่งจะได้รับมาไม่ได้เลย บางทีเขาอาจจะเข้าใจผิดแต่เข้าก็รู้สึกเหมือนปริมาณมานาภายในก็ยังต่างกันด้วย

"เยี่ยม"

ด้วยความที่เขารู้สึกว่าเขาควรจะใช้หินพลังเวทย์โปร่งใสในการเลื่อนคลาส 4 ทำให้เขาได้เก็บมันกลับลงไปในช่องเก็บของ

"ใช้อันนี้แล้วกัน"

[ใช้? กับอะไรล่ะ?]

[เพิ่มพลังให้กับฉันใช่ไหม?]

[หรืออาจจะเป็นเกราะร่างมังกรเพลิง]

"ไม่ใช่ทั้งหมดนั่นแหละ"

ยูอิลฮานได้ปฏิเสธออกมาและหลับตาลง

"ฉันกำลังจะวิวัฒนาการสกิลภาษาของฉัน"

[เงื่อนไขการวิวัฒนาการสกิลภาษา]

[หินพลังเวทย์คลาส 3 3,924,498/1,000]

[หินพลังเวทย์คลาส 4 653,056/100]

[หินพลังเวทย์คลาส 5 2/1]

[บันทึกแห่งโลก 109/100]

[สกิลภาษาสามารถทำการวิวัฒนาการได้ จะดำเนินการหรือไม่?]

เขาต้องลำบากมากขนาดไหนกันกว่าที่จะมาวิวัฒนาการสกิลนี้ได้? ตอนแรกถึงแม้เขาจะมีหินพลังเวทย์คลาส 5 แล้วแต่เขาก็ต้องเก็บไว้ใช้เลื่อนคลาส 4 แต่ก็เกิดเหตุให้เขาต้องใช้หินพลังเวทย์นั้นเพื่อสร้างเกราะมาเอาตัว และหลังจากได้มาอีกก้อนเขาก็ยังต้องเก็บไว้สำหรับคลาส 4 อีก

แต่ในที่สุดแล้วเขาก็ได้เพิ่มมาอีกก้อน และในตอนนี้เขาก็วิวัฒนาการสกิลได้แล้ว

[เช็ดน้ำตาออกก่อนเถอะนะ]

"ฉะ ฉันไม่ได้กำลังร้องไห้ซะหน่อย!"

เมื่อคิดย้อนไปถึงความลำบากเขาก็รู้สึกคัดจมูกแล้ว ยูอิลฮานได้พยายามปรับตัวเองให้ใจเย็นลงและหยักหน้ารับกับคำถามของบันทึกนภา

"ใช่ ดำเนินการเลย"

ด้วยการตกลงนี้ทำให้มานาทั้งห้าสีส่องแสงออกมาปกคลุมตัวของเขา มานาที่ทรงพลังและสกิลของเขาที่มีการพัฒนามาถึงตอนนี้ รวมไปถึงบันทึกที่เขาได้เก็บสะสมมาตลอดตอนนี้ได้เริ่มกลายเป็นหนึ่งเดียว! ยูอิลฮานได้เริ่มปลดปล่อยสตินึกคิดไปเพราะความรู้สึกมหัศจรรย์ที่สกิลนี้ได้ให้กับเขา

[ตาย!] (?????)

"อั๊ก!?"

และในตอนนี้ก็คือช่องว่างที่ใครคนหนึ่งกำลังรอคอยมาตลอดเวลา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด