เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0078
ตอนที่ 78 : ฉกชิง
ฉินหยุนไม่เคยพบเห็นหยกวิญญาณมวลหนักมาก่อน ทว่าเขาก็เคยได้ยินมาบ้าง
นี่นับเป็นแร่ที่ล้ำค่ายิ่ง กล่าวได้ว่าตราบเท่าที่หยกวิญญาณมวลหนักขนาดราวปลายนิ้วเมื่อทำให้ร้อนอย่างต่อเนื่อง น้ำหนักของมันจะยิ่งเพิ่มขึ้น และอาจกระทั่งหนักได้ถึงหลายสิบกิโลกรัม
หากคุณภาพของไฟยิ่งดีขึ้นเพียงใด หยกวิญญาณมวลหนักก็จะยิ่งหนักและแข็งตัวได้มากขึ้นเท่านั้น!
ไม่ช้า หยางฉีเย่ว์เองก็ได้พบหยกวิญญาณมวลหนักอีกหนึ่ง เพราะเป็นของสำหรับใช้ขัดเกลา ดังนั้นนางจึงมอบให้แก่ฉินหยุน
หินอุกกาบาตก้อนใหญ่ถูกพวกเขาทำลายจนสิ้นซาก เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงได้รับหยกวิญญาณมวลหนักมาทิ้งสิ้นสามก้อน
“หินอีกก้อน!” ฉินหยุนหันมองหินยักษ์อีกก้อนและกล่าวด้วยรอยยิ้มเปี่ยมความคาดหวัง เขาเหวี่ยงค้อนหลอมออกไปเพื่อป่นมันในคราเดียว ถึงครานี้ แสงสีแดงสองจุดพลันระเบิดออกจากภายใน
ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์รู้สึกได้ถึงออร่าน่าสะพรึงไหลทะลักจนเป็นผลให้ผืนแผ่นดินสั่นเทิ้ม!
นี่เป็นคลื่นกำลังภายในทรงพลังอำนาจที่ไหลทะลักออก!
หยางฉีเย่ว์สีหน้าแปรเปลี่ยนขณะเร่งร้อนผลักฉินหยุน ส่งให้เขาร่างลอยลิ่วไปไกล
“เป็นปรมาจารย์เว่ย!” ฉินหยุนเริ่มเดือดดาล
ปรมาจารย์เว่ยและคนอื่นโจมตีพวกเขายามเมื่อมาถึงที่นี่ จากตรงนี้ยังสามารถเห็นแสงสีแดงสองจุดซึ่งปรากฏจากในก้อนหิน ชัดเจนว่ามันต้องเป็นวัตถุล้ำค่าอย่างยิ่งเป็นแน่
เมื่อหยางฉีเย่ว์ลุกขึ้นยืน นางพลันพุ่งตัวไปยังฝั่งของปรมาจารย์เว่ย
ฉินหยุนเร่งร้อนเข้าหาแร่สีแดงทั้งสอง
เว่ยเสวียนคุน เยี่ยนหยุน และหนุ่มสาวคนอื่นต่างเร่งพุ่งเข้ามา พวกเขากำลังปล่อยกำลังภายในกดดันฉินหยุน
ฉินหยุนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอย หากเขาโดนโจมตี ต่อให้ไม่ตาย อย่างน้อยก็ต้องพิการ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิลาวิญญาณว่างเปล่า! ทั้งยังชิ้นใหญ่ด้วย!” เว่ยเสวียนคุนหยิบเอาหินสี่เหลี่ยมซึ่งกำลังทอประกายแสงสีแดงออกมาขณะหัวเราะดังลั่น
“ทางนี้ก็มี!” ชายผู้ซึ่งเป็นองค์ชายสามของจักรวรรดิเทียนชี่ตอนนี้มียอดฝีมืออาวุโสทรงพลังติดสอยห้อยตาม
ท่ามกลางคนกลุ่มนั้น ที่แข็งแกร่งที่สุดคือแม่ทัพหยวนซึ่งอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด
ด้วยหยางฉีเย่ว์ไม่อยู่ที่นี่ ฉินหยุนไม่กล้าเคลื่อนไหวบุ่มบ่าม เขาทำได้เพียงกัดฟันและกำหมัดเอาไว้แน่นขณะมองศิลาวิญญาณว่างเปล่าถูกชิงเอาไป
ทางด้านเว่ยเสวียนคุนและเยี่ยนหยุน พวกเขาต่างตื่นเต้นยินดีกันยกใหญ่ที่สามารถฉกชิงวัตถุจากมือของฉินหยุนได้ ทั้งยังเป็นของล้ำค่ามหาศาลอย่างศิลาวิญญาณว่างเปล่า พวกเขายินดีกันไม่คิดปิดบังที่เห็นสีหน้าโกรธแค้นของฉินหยุน
“พี่คุน ฉินหยุนอยู่ลำพัง พวกเราควร...” เยี่ยนหยุนกล่าวเสียงเบา ใบหน้างดงามของนางตอนนี้เปี่ยมล้นด้วยความโฉดชั่ว
ฉินหยุนครอบครองสิ่งของที่ดีหลายสิ่งอยู่กับตัว รวมถึงพิมพ์เขียวของค้อนราชันยักษ์วิญญาณและอุปกรณ์มิติเก็บของ
สิ่งนี้ต้องตาหลายผู้คน พวกเขาพร้อมก่อการชั่วหากเห็นโอกาสให้ฉกชิงพวกมันมาได้
ฉินหยุนตอนนี้ได้เห็นใบหน้าของเว่ยเสวียนคุนและพรรคพวกที่เปี่ยมด้วยความโลภและโฉดชั่ว พวกมันกำลังกัดฟันแน่นคิดหาโอกาส...
ชั่วขณะนี้เอง ปรมาจารย์เว่ยเร่งร้อนตะโกนจากระยะไกล “พวกเจ้าทั้งหมด ถอยเร็ว!”
เว่ยเสวียนคุนและผู้อื่นพลันนึกถึงหยางฉีเย่ว์ที่ครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทราทรงพลังมหาศาล พลังอำนาจของนางเกินใครเทียบ!
ตอนที่พวกเขาฉกชิงศิลาวิญญาณว่างเปล่า หยางฉีเย่ว์เองก็เห็น หากพวกนั้นคิดโจมตีฉินหยุน ตราบเท่าที่นางยังมีชีวิต นางจะต้องแสวงการแก้แค้นไม่ว่าจะต้องเสียอะไรก็ตาม
เว่ยเสวียนคุนและพรรคพวกเร่งร้อนวิ่งหนีหาย พวกเขากระจายออกเป็นสองทางโดยแยกจากคณะขององค์ชายอันดับสามแห่งเทียนชี่
ฉินหยุนรอคอยให้พวกเขาออกห่างและค่อยมองทางหยางฉีเย่ว์ นางตอนนี้กำลังพัวพันกับปรมาจารย์เว่ย
ปรมาจารย์เว่ยคืออาจารย์จารึก ดังนั้นจึงมียันต์อยู่กับตัวจำนวนไม่น้อย การจัดการกับเขาย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
“เว่ยเสวียนคุน เจ้ารอก่อนเถอะ หนี้แค้นครั้งนี้ต้องชำระ!” ฉินหยุนพุ่งตัวออกพ้นจากหลุมอุกกาบาตขณะไล่ล่าทิศทางที่เว่ยเสวียนคุนและพรรคพวกใช้ถอยหลบหนี ตลอดทางเขาจะค้นหาร่องรอยของพวกเขาไม่ให้ขาดตอน
ศิลาวิญญาณว่างเปล่าคือวัตถุดิบจำเป็นต่อการหลอมอุปกรณ์วิญญาณมิติ พวกมันหาได้ยากยิ่ง ตราบเท่าที่ใส่แม้เพียงนิดและผสานรวมเข้ากับผังวิญญาณมิติ เมื่อนั้นก็จะสามารถหลอมอุปกรณ์วิญญาณมิติขึ้นมาได้
ทั้งทางด้านเว่ยเสวียนคุนและองค์ชายสาม ทั้งสองก้อนที่พวกเขาได้รับนับว่าขนาดใหญ่มหาศาลยิ่ง ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์พบมันเป็นกลุ่มแรก เพราะฉะนั้นก็สมควรต้องเป็นของพวกเขา!
ฉินหยุนลอบตามรอยเว่ยเสวียนคุนและพรรคพวกตลอดเส้นทาง ทั้งยังเหลือบันทึกลับเอาไว้ระหว่างทางด้วย
บันทึกลับเหล่านั้นเป็นการสื่อสารระหว่างเขาและหยางฉีเย่ว์เพื่อบอกกล่าว พวกเขาจะกระจายตัวกันไล่ล่าแต่ละกลุ่มที่กระจายตัวออก
ความสามารถในการสะกดรอยของเขาถือว่าดีเยี่ยมเพราะเรียนรู้จากติงเทียนฉวน จะเว้นก็แต่เว่ยเสวียนคุนและพรรคพวกไม่หลงเหลือร่องรอยใดไว้เลยยามถอยหนี
* * *
กลางค่ำคืน ฉินหยุนตอนนี้สะกดรอยจนถึงที่โล่ง เว่ยเสวียนคุนและพรรคพวกตอนนี้กำลังตั้งแคมป์กันตรงที่โล่ง พวกเขามีกันกว่าสิบคน
พื้นที่โล่งมีต้นไม้สูงหลายสิบเมตรรายล้อม ฉินหยุนจึงสามารถซ่อนตัวได้
เขาระมัดระวังและเฝ้าสังเกต ท่ามกลางกลุ่มคนมีเว่ยเสวียนคุน เยี่ยนหยุน แม่ทัพหยวน และหยวนหยานหยิงที่เป็นบุตรสาว ส่วนที่เหลือเป็นนักเรียนซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับเว่ยเสวียนคุน พวกเขาเหล่านี้ล้วนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า
ที่ฉินหยุนกังวลที่สุดคือแม่ทัพหยวน อีกฝ่ายครอบครองพลังขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด ทั้งยังเคยผ่านศึกสู้รบกว่าหลายร้อยแห่งและเผชิญกับความยากลำบากมามากมาย
เมื่อเขาฝึกฝนวิชาหยางสีดำจนถึงขั้นสมบูรณ์ เขาสามารถใช้พลังภายในและพลังจิตได้ เขาจะสามารถหายใจผ่านทางรูขุมขน ทั้งยังสามารถรักษาอุณหภูมิร่างกายเอาไว้ตลอดเวลาให้เทียบเท่าสภาพแวดล้อมได้
ไม่ต้องกล่าวถึงมนุษย์ กระทั่งสัตว์ปีศาจที่มีพลังจิตแข็งแกร่งยังยากสัมผัสถึงตัวตนของเขา
เขาหลบซ่อนในป่าบริเวณชายขอบเพื่อให้เห็นอย่างชัดเจนและอดทนรอคอยบนต้นไม้ใหญ่
อย่างกะทันหัน มีคนผู้หนึ่งเดินออกจากเต็นท์ เป็นเว่ยเสวียนคุน!
เยี่ยนหยุนก็ตามมาด้วยเช่นกัน
เว่ยเสวียนคุนเดินไปยังหน้าเต็นท์ของแม่ทัพหยวน หลังพูดคุยกันไม่กี่คำ แม่ทัพหยวนจึงเดินออกจากเต็นท์ ตามเว่ยเสวียนคุนและเยี่ยนหยุนเข้าสู่ป่าที่มืดมิดและเงียบงัน
พวกเขากำลังมุ่งหน้ามาทางฉินหยุน!
เว่ยเสวียนคุนและคณะเข้ามาภายในป่า เมื่อห่างจากฉินหยุนราวห้าสิบเมตรจึงค่อยหยุดฝีเท้า
ฉินหยุนรวบรวมสมาธิขณะตั้งใจฟังบทสนทนาของพวกเขา
ในป่ากลางดึกเช่นตอนนี้เงียบเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งว่าอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร เขาก็ยังได้ยินเสียงของเว่ยเสวียนคุนและผู้อื่น
“แม่ทัพหยวน หยวนหยานหยิงเป็นคู่หมั้นของฉินเทียนอี้ แต่ว่า ตั้งแต่ที่เขาบาดเจ็บเพราะฉินหยุน ข้าไม่เคยเห็นเขาโผล่หน้ามาที่สถาบันยุทธ์ฮัวหลิงเลย นี่ต้องเป็นเขาพิการไปแล้วแน่!” เว่ยเสวียนคุนเอ่ยออกมาเสียงเบา
“ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้สารเลวฉินหยุนนั่น!” แม่ทัพหยวนสบถคำหยามคาบด้วยโทสะ
พอฉินหยุนได้ยิน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเดือดดาล ย้อนกลับไปตอนนั้น มหาอุปราชได้ช่วยรักษาหยวนหยานหยิงจากโรคประหลาด แม่ทัพหยวนแทบขอบคุณอย่างไม่หวาดไม่ไหว ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายสบถคำหยาบต่อเขาที่ครั้งนั้นช่วยออกหน้าแทนเสียแล้ว
เว่ยเสวียนคุนหัวเราะชั่วร้าย “ตอนนี้พวกเรามีวิธีป้องกันนางไม่ให้แต่งกับฉินเทียนอี้แล้ว!”
แม่ทัพหยวนประหลาดใจ เขาหันมองเยี่ยนหยุนขณะกล่าวถาม “วิธีอันใดกัน?”
“ก็หมายความว่า ข้าต้องการหยวนหยานหยิงเป็นนางสนม!” คำพูดของเว่ยเสวียนคุนทำเอาฉินหยุนที่อยู่ไกลออกไปยังสะดุ้ง
เยี่ยนหยุนอยู่ข้างกาย แต่แล้วเขากลับยังกล้าพูดเสียงดังเพียงนี้ ชัดเจนว่าเยี่ยนหยุนสมควรรู้เห็นด้วยแล้ว นี่ต้องมีเรื่องอะไรผิดพลาดที่ตรงไหนสักแห่งแน่
พละกำลังของแม่ทัพหยวนค่อนข้างอ่อนด้อยหากเทียบเปรียบกับตระกูลชนชั้นสูงเหล่านั้น แม้หยวนหยานหยิงมีพรสวรรค์ไม่แย่ แต่นางก็ยังไม่ได้ดีทัดเทียมเยี่ยนหยุน ตระกูลหยวนยังไม่มีคุณสมบัติใดให้ดึงดูดเว่ยเสวียนคุนและเยี่ยนหยุนด้วยเช่นกัน
“เพราะอะไรกันละ?” แม่ทัพหยวนสับสน เขาหันมองเยี่ยนหยุนอย่างประหลาดใจและเอ่ยถาม
“นี่เป็นบิดาของข้าที่ต้องการ ด้วยการสนับสนุนของบิดาข้า จักรพรรดินีไม่มีทางพูดกล่าวอะไรแน่ ทั้งนี้ฉินเทียนอี้ก็พิการไปแล้วด้วย!”
เว่ยเสวียนคุนเริ่มลดเสียงเบาลงขณะกล่าวต่อ “เหตุผลหลักก็เพราะบิดาข้าเพิ่งได้รับวิชาการฝึกฝนปาฏิหาริย์มา มีเพียงแต่ชายหนุ่มจึงสามารถฝึกได้สำเร็จ วิธีการฝึกฝนคือการผสมผสานระหว่างหยินและหยาง มันจำเป็นต้องได้รับหญิงสาวที่มีพลังธาตุมาผสมผสานเข้าด้วยกัน! หยวนหยานหยิงนับว่ายังบริสุทธิ์ ทั้งยังฝึกฝนร่วมกับข้าไปได้พร้อมกันด้วย ไม่เพียงแต่ข้าเท่านั้น นางก็จะสามารถเร่งความเร็วการฝึกฝนของนางได้”
เยี่ยนหยุนผู้ซึ่งยืนเคียงข้างพลันหัวเราะเสียงเบา “หลังข้าและพี่คุนฝึกฝนร่วมกัน จึงทำให้ข้าเลื่อนพลังสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า!”