ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0076
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0078

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0077


ตอนที่ 77 : ศิลาวิญญาณลอยล่อง

เมื่อฉินหยุนได้เห็นว่าผู้อำนวยการจางบินจากไปรวดเร็วยิ่ง เขาลอบรู้สึกอิจฉาอีกฝ่ายที่สามารถบินได้

เขาเอ่ยถามต่อหยางฉีเย่ว์ “อาจารย์ขอรับ ราชันยุทธ์นี่แข็งแกร่งเพียงใด?”

“เหนือขอบเขตกายวรยุทธ์ก็คือขอบเขตวรยุทธ์เต๋า! เจ้าทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว และตอนนี้ผู้อำนวยการจางก็อยู่ระดับขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ข้าเองก็อยากที่จะเข้าสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าเช่นกัน! ข้าละสงสัยนักว่าเมื่อใดกันที่จะสามารถเลื่อนระดับได้!”

หยางฉีเย่ว์ปล่อยเสียงถอนหายใจบางเบาออกมา “และเหนือยิ่งกว่าขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ก็ยังมีขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ และขอบเขตราชันยุทธ์!”

เมื่อนางได้เห็นสีหน้าตื่นตะลึงของฉินหยุน ดวงตาของนางจึงเปี่ยมด้วยความปรารถนา นางยิ้มเล็กน้อยและกล่าวต่อ “เจ้าทราบหรือยังว่าราชันยุทธ์แข็งแกร่งเพียงใด? มันเป็นอะไรที่ใกล้ถึงความเป็นเซียน!”

ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึกและอุทานออก “ไปถึงขอบเขตระดับนั้นได้ ช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง!”

ตู้ม!

เสียงสั่นสะเทือนดังขึ้นเป็นการขัดคำฉินหยุน

สีหน้าของหยางฉีเย่ว์กลับกลายเป็นจริงจังขณะนางมองทิศทางต้นตอของเสียง และเร่งร้อนกล่าว “ไปกัน ไปดู!”

ฉินหยุนตามอยู่ด้านหลังหยางฉีเย่ว์ขณะจิตใจเปี่ยมล้นด้วยความคิด ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเทือกเขาเมฆมังกรแท้จริงกว้างใหญ่เพียงใด ทั้งยังเป็นโลกที่ทรงพลังอำนาจของบรรดายอดฝีมือ

หากคนผู้หนึ่งต้องการพลังอำนาจที่เพิ่มพูน พวกเขาเหล่านั้นจำเป็นต้องมุ่งหน้าสู่โลกที่วิชายุทธ์มีความก้าวล้ำยิ่งกว่า ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะต้องติดอยู่ที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ และต้องประสบพบเจอห้วงเวลายากลำบากในการเลื่อนระดับ!

ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ทำการสำรวจภูเขาหลายแห่งก่อนท้ายที่สุดค่อยมาถึงป่าที่อยู่ข้างภูเขาขนาดใหญ่มหึมา พวกเขาตอนนี้ไม่อาจสำรวจภูเขานั้นต่อไปได้

เป็นเพราะคลื่นความร้อนซึ่งแผ่ออกจากด้านหลังของภูเขามีความน่าสะพรึงยิ่ง!

“พวกเราใกล้ถึงสถานที่ซึ่งมันร่วงหล่นลงมาแล้ว เพราะงั้นตอนนี้พวกเราต้องเข้าไป!” หยางฉีเย่ว์ยังเป็นกังวลเรื่องฉินหยุน ดังนั้นนางจึงรั้งอยู่ด้านหลังพร้อมกับเขา

จนกระทั่งถึงตอนนี้ พวกเขาทำได้เพียงรอและคอยดูว่าคลื่นความร้อนจะลดน้อยลงหรือไม่!

เป็นเวลากว่าหนึ่งวันกว่าคลื่นความร้อนจะลดระดับลง

“มีคนกำลังมา หลบเร็ว!” หยางฉีเย่ว์ตระหนักถึงออร่าและเร่งร้อนดึงฉินหยุนกระโดดขึ้นเหนือยอดไม้ต้นใหญ่

ไม่นานจากนั้น กลุ่มคนพลันมาถึงที่ป่าเบื้องล่าง

คนกลุ่มนี้ประกอบด้วยปรมาจารย์เว่ย เว่ยเสวียนคุน เยี่ยนหยุน และคณะนักเรียนพร้อมอาจารย์จากสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง

ทั้งยังมีเหล่าผู้นำตระกูลใหญ่ผู้ซึ่งมีสัมพันธ์อันดีกับปรมาจารย์เว่ยติดตามมาด้วย บรรดาข้าราชบริพารเฒ่าของจักรวรรดิเทียนฉินก็ร่วมทางมาเช่นกัน

ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในเทือกเขาเมฆมังกร กล่าวได้ว่าแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นนั้นกว่าครึ่งของจักรวรรดิเทียนฉินสามารถรับรู้ได้

ผู้อื่นจากอีกสองจักรวรรดิต่างก็เร่งร้อนมาเช่นกัน

“สิ่งนั้นอยู่ในเขตแดนจักรวรรดิเทียนฉิน พอมาคิดว่าเทียนเชี่ยวและเทียนชี่จะเข้าร่วมวงคราวนี้ด้วยก็ช่างน่าสนุกแล้ว” แม่ทัพหยวนแค่นเสียงกล่าว “แล้วนี่เจ้าคิดเดินทางพร้อมกับเราอีกหรือ?!”

“ตำหนักดวงดาวราชันยุทธ์ร่วงหล่นจากฟ้า หากข้าสามารถไป ข้าย่อมต้องได้รับมรดกของราชันยุทธ์บ้าง บางทีอาจได้รับเป็นวิชายุทธ์ล้ำค่าจำนวนมหาศาล”

บรรดาผู้นำของตระกูลแห่งจักรวรรดิเทียนฉินล้วนไม่ยินดี พวกเขาเองก็รอคอยให้คลื่นความร้อนที่แผ่ออกจากด้านในภูเขาลดระดับลง

หลังรอคอยอยู่หลายชั่วโมง แรงระเบิดรุนแรงพลันดังผ่านอากาศ มันสั่นสะเทือนต้นไม้ทั้งหมดในป่าเป็นผลให้ใบไม้สั่นไหวและร่วงหล่น!

เสียงนี้น่าสะพรึงยิ่ง ราวกับมีภูเขาถล่มหรือไม่ก็พื้นดินแยกตัวออก

“เมื่อครู่มีอะไรบางอย่างร่วงหล่นลงมา แบ่งกำลังกันและออกค้นหา!” ปรมาจารย์เว่ยตะโกนขึ้น

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพลบค่ำแล้ว ท้องฟ้าเริ่มมืดหม่นลง

จากด้านบนต้นไม้ ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ได้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีลำแสงสีน้ำเงินถูกยิงออกมาราวอุกกาบาต

ทุกคนต่างกระจายตัวออกไล่ล่าอุกกาบาตสีน้ำเงินที่ร่วงหล่น!

ท่ามกลางกลุ่มคน มีเพียงพระยาเยี่ยนที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ไล่ตามอุกกาบาตสีน้ำเงิน แต่กลับอดทนและรอคอย เขาคิดอยากเร่งรีบปีนป่ายขึ้นภูเขาเพื่อไปเห็นตำหนักดวงดาวราชันยุทธ์ในตำนานกับตาตัวเอง!

หยางฉีเย่ว์คว้าข้อมือฉินหยุนไว้ก่อนใช้เคล็ดวิชาตัวเบาอันเลิศล้ำของนาง ก้าวเดินเหยียบย่างบนใบไม้ขณะไล่ตามหนึ่งในอุกกาบาตสีน้ำเงินไป!

ฉินหยุนลอบตระหนก นี่คือวิชาตัวเบาของขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ถึงขั้นสามารถพาผู้อื่นอย่างเขาไปด้วยได้ทั้งยังเพียงสัมผัสกับใบไม้อย่างบางเบา นี่ไม่ต่างอะไรกับบินบนอากาศได้แล้ว

หยางฉีเย่ว์จ้องมองลูกไฟสีน้ำเงิน ทั้งร่างของนางตอนนี้ยิ่งมายิ่งคล้ายกลุ่มควันส่องแสงขณะก้าวข้ามผ่านใบไม้ทั้งหลายพุ่งตัวออกไป

“อาจารย์ขอรับ ไอ้ที่ร่วงมานั่นคือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ข้าเองก็ไม่ทราบ การระเบิดเมื่อครู่สมควรเกิดขึ้นเพราะดวงดาวระเบิด ดวงดาวนั้นขนาดไม่ใช่เล็ก มันต้องมีอะไรอย่างแร่หลุดออกมาแน่ นั่นจะช่วยให้การขัดเกลาของเจ้าคืบหน้าได้อย่างมหาศาล” หยางฉีเย่ว์คาดเดาให้ฟัง

อึดใจถัดมา อุกกาบาตสีน้ำเงินที่พวกเขาไล่ตาม ในที่สุดก็ร่วงหล่นกับพื้น

หยางฉีเย่ว์พลันเพิ่มความเร็วของนางขณะพาฉินหยุนมุ่งหน้าไปด้วย นางปลดปล่อยชั้นพลังภายในเพื่อคุ้มกันตัวนางและเขาจากคลื่นความร้อนที่อุกกาบาตแผ่ออกมา

หลังจากอุกกาบาตสีน้ำเงินร่วงหล่น ต้นไม้รอบบริเวณกว่าร้อยเมตรล้วนถูกทำลายสิ้น พวกมันโดนเผาไหม้เพราะลูกไฟสีน้ำเงินขนาดใหญ่ยักษ์

หยางฉีเย่ว์พาเขาเข้าหาเปลวเพลิงสีน้ำเงินขณะมุ่งตรงสู่ศูนย์กลาง ที่ซึ่งมีแสงสีทองม่วงปรากฏอยู่

“นั่นคืออะไรกัน?” น้ำเสียงฉินหยุนตื่นเต้นยินดี อะไรบางอย่างที่หลงเหลือจากการเผาไหม้รุนแรงนี้จะต้องเหนือล้ำเกินกว่าใครคาดคิดได้แน่

หยางฉีเย่ว์เร่งฝีเท้าเข้าไปขณะมองผลึกแก้วสีทองม่วงขนาดเท่ากำปั้นจำนวนสองก้อนผลึก ใบหน้างดงามของนางพลันเปี่ยมด้วยความปิติยินดี

น้ำเสียงของนางก็ตื่นเต้นยินดีขณะร้องอุทาน “สิ่งนี้คือศิลาวิญญาณลอยล่อง! ข้าไม่นึกเลยว่าสิ่งของเช่นนี้จะมีอยู่จริง ข้าคิดว่ามันเป็นสิ่งที่มีเพียงแต่ในตำนานเสียอีก!”

ขณะกล่าว นางเดินเข้าไปและหยิบเอาศิลาวิญญาณลอยล่องทั้งสองก้อนและส่งมอบหนึ่งก้อนให้ฉินหยุน

ฉินหยุนรับมันไว้ขณะมองพิจารณาและเอ่ยถาม “อาจารย์ขอรับ ศิลาวิญญาณลอยล่องทำอะไรได้?”

หยางฉีเย่ว์ตอนนี้ใบหน้าเปี่ยมด้วยความตื่นเต้นยินดี นางไม่กล่าวอันใดขณะคว้าเอวของเขาหิ้วกายกระโดดขึ้นฟ้า มุ่งหน้าสู่บริเวณที่อุกกาบาตอีกลูกร่วงหล่นลงมา

หยางฉีเย่ว์ตื่นเต้นไม่ใช่น้อย ฉินหยุนรู้สึกได้ว่าร่างของนางคล้ายสั่นเพราะความตื่นเต้นยินดี

“ศิลาวิญญาณลอยล่องทองม่วงสามารถช่วยให้วิญญาณยุทธ์ระดับแพลทินัมวิวัฒนาการเป็นวิญญาณยุทธ์ระดับทองม่วง! วิญญาณยุทธ์ของข้าเพียงระดับแพลทินัม ด้วยศิลาวิญญาณลอยล่องทองม่วงจะทำให้ข้าสามารถวิวัฒนาการวิญญาณยุทธ์สู่ระดับทองม่วง!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มยินดีกล่าวอธิบาย

“วิเศษนัก! ขอแสดงความยินดีที่อาจารย์ได้รับสิ่งที่เพิ่มพูนระดับพลังของวิญญาณยุทธ์ท่านได้!” เมื่อฉินหยุนได้ยิน เขาก็อดไม่ได้ที่จะแตกตื่น

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ยินว่าวิญญาณยุทธ์สามารถวิวัฒนาการได้

ในสายตาของผู้คนทั้งหลาย วิญญาณยุทธ์ระดับทองม่วงคือระดับสูงสุด ขณะที่วิญญาณยุทธ์สั่นไหวสีดำของเขานั้นสูงล้ำยิ่งกว่า!

วิญญาณยุทธ์จันทราของหยางฉีเย่ว์ เป็นวิญญาณยุทธ์ที่สวรรค์ประทานให้ ต่อให้เพียงแค่ระดับแพลทินัม มันก็ยังทรงพลังอำนาจเหนือล้ำ ตอนนี้นางถึงกับได้รับศิลาวิญญาณลอยล่องทองม่วง มันจะทำให้วิญญาณยุทธ์ของนางเลื่อนระดับสู่ทองม่วง นี่หมายความถึงพละกำลังของนางจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!

เป็นเพราะนางตื่นเต้นยินดี ความเร็วของนางจึงยิ่งมายิ่งเพิ่มมากขึ้น

ไม่นานจากนั้น หยางฉีเย่ว์ก็พาฉินหยุนมาถึงอีกแห่งที่อุกกาบาตสีน้ำเงินร่วงหล่นลงมา

ทว่าที่แห่งนี้กลับไม่มีอะไร พวกเขาต่างผิดหวัง

ถัดจากนั้นพวกเขาจึงมุ่งหน้าไปยังอุกกาบาตอีกหลายสิบแห่ง ทว่าทั้งหมดล้วนว่างเปล่า ทั้งหมดที่พวกเขาพบก็เพียงแต่หลุมอัคคีเพลิงขนาดใหญ่

“ดูเหมือนที่ได้รับศิลาวิญญาณลอยล่องจะเป็นโอกาสยากได้รับยิ่งนัก!” หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจเสียงเบาขณะพาฉินหยุนมุ่งหน้าสู่อุกกาบาตใกล้เคียง

ไม่ช้า พวกเขาก็มาถึงจุดตกอีกแห่ง

เปลวเพลิงมอดดับไปแล้ว ตรงกลางของหลุมอุกกาบาต มีอะไรบางอย่างปรากฏอยู่ เป็นก้อนหินยักษ์สองก้อน

ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์พลันยินดีขณะเร่งพุ่งกายเข้าสู่ตรงกลางของหลุมอุกกาบาต

“นี่ก็แค่หินธรรมดา แต่เหมือนจะมีอะไรอยู่ข้างใน!” ฉินหยุนเพียงสัมผัสก้อนหินเล็กน้อยก็ทราบว่าภายในมีบางสิ่งบางอย่างอยู่

เขานำเอาค้อนออกมาพร้อมหวดฟาดครั้งหนึ่งที่หินสีดำก้อนใหญ่ตรงหน้า

หินสีดำนี้สูงกว่าสองเมตรและกว้างกว่าสามเมตร

ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์เริ่มใช้ค้อนทุบไม่ยั้ง มันแตกกระจายออกเป็นหลายสิบชิ้นส่วน จากนั้นพวกเขาจึงค่อยทุบพวกมันเข้าไปทีละน้อยทีละน้อยเพื่อค้นหาว่าอะไรอยู่ภายใน

“นี่อะไรเนี่ย?” ฉินหยุนได้รับก้อนสี่เหลี่ยมคล้ายหยกสีขาวขนาดประมาณก้อนอิฐ

เมื่อมือของเขาสัมผัส เขาจึงพบว่ามันเบายิ่ง น้ำหนักนี้เพียงไม่กี่กรัม นับว่าประหลาดจนเกินไปแล้ว

“นี่คือหยกวิญญาณมวลหนัก!” หยางฉีเย่ว์มีประสบการณ์และภูมิความรู้มากกว่า ดังนั้นนางจึงตระหนักได้ทันทีถึงตัวตนของหินก้อนนี้พร้อมร้องอุทาน

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด